หลี่อวิ้นกุยเรียกหัวหน้าของเหล่าองครักษ์กลุ่มที่สองเข้ามาสั่งการเพิ่ม
“อาต้า ที่จริงข้าวางแผนเอาไว้ว่า จะให้พวกเจ้าลงมือสังหารเจ้าสารเลวหลี่อวิ้นหยางกับพวกของมันด้วยยาพิษกลืนกินกายา เพราะยาพิษตัวนี้มีฤทธิ์กร่อนทำลายเนื้อเยื่อและกระดูก ไม่มียาถอนพิษ ผู้ที่ได้รับพิษจะรู้สึกค่อย ๆ ตายภายในระยะเวลาเจ็ดวัน
แต่ข้าคิดว่า...ระยะเวลาเจ็ดวันของการเฝ้ารอความตาย เจ้าสารเลวนั่นกับพวกของมันอาจจะสั่งการ หรือลงมือทำเรื่องชั่วช้าอะไรขึ้นมาอีกก็ได้ ยามนี้ข้าจึงสั่งให้ผู้ปรุงยาอี้ปรับสูตรย่นระยะเวลาการกร่อนทำลายเนื้อเยื่อและกระดูกให้เหลือเพียงสองชั่วยาม หรืออาจจะเร็วกว่านั้น
ดังนั้นก่อนที่ยาพิษกลืนกินกายาจะปรับสูตรสำเร็จ ข้าคงต้องรบกวนพวกเจ้าทั้งกลุ่มให้ช่วยออกแรงกันเสียหน่อย แล้วถ้ายาพิษพร้อมใช้งานเมื่อไร ข้าจะส่งคนนำมันไปมอบให้กับพวกเจ้าทันที
อาต้า ฟั
“ดื่มน้ำสักหน่อยเถิด” เมิ่งเจียวซินมองบุรุษข้างกายที่ค่อย ๆ ป้อนน้ำให้นางอย่างอ่อนโยน ยามนี้อาหารในสำรับของพวกนางหมดแล้ว พอจัดเก็บสำรับเสร็จ หลี่อวิ้นกุยก็ขยับขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง จากนั้นก็ดึงตัวนางเข้าไปนอนซบที่แผงอกกว้าง “ซินซิน ก่อนหน้านี้เจ้าสารเลวหลี่อวิ้นหยางในสายของข้า คือ บุรุษที่ค่อนข้างจะเก็บตัว ไม่ค่อยข้องเกี่ยวกับผู้ใด ยามที่ได้พบเจอหรือได้พูดคุยก็มักจะทำตัวสุภาพ อ่อนโยน และค่อนไปทางดูอ่อนแอเลยด้วยซ้ำ แล้วไม่เพียงแค่ข้าที่คิดเช่นนั้น ทุกคนในวังก็คิดเช่นเดียวกันกับข้า จนมันถูกเรียกขานลับหลังว่า โอรสผู้ไร้ตัวตนในวังราชาปีศาจ แต่ตอนที่ข้าพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนของเจ้า มีอยู่วันหนึ่งอดีตบ่าวสตรีเนรคุณนางนั้นได้พาสตรีปีศาจมาให้เจ้าช่วยรักษา วันนั้นข้า...” หลี่อวิ้นกุยรับรู้ได้ถึงการเกรงตัวเล็กน้อยของสตรีในอ้อมแ
เมิ่งเจียวซินเห็นสีหน้าที่เริ่มเป็นกังวลของหลี่อวิ้นกุย “ไม่กลัว เพียงแต่ข้า...ข้าแค่อดเป็นห่วงเจ้า และคนอื่น ๆ ไม่ได้เท่านั้น” กล่าวจบ เมิ่งเจียวซินก็เห็นฝูกงกงยกสำรับของนางกับหลี่อวิ้นกุยเข้ามา จากนั้นบุรุษตรงหน้าก็เริ่มป้อนข้าวนางสลับกับรับสำรับของเจ้าตัวไปด้วย แล้วในระหว่างที่เคี้ยวอาหาร เมิ่งเจียวซินก็นึกไปถึงเนื้อหาในนิยาย...ตอนที่องค์ชายรองหลี่อวิ้นหยางก่อกบฏ ตัวละครหลี่อวิ้นกุยพลังมารในกายตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว และเจ้าตัวก็ยังมีวิชาดูดกลืนวิญญาณที่ร้ายกาจมาก ตัวละครหลี่อวิ้นกุยลงมือกับองค์ชายรองได้แบบโหดเหี้ยม และยังกำจัดเหล่าพรรคพวกขององค์ชายรองได้แบบราบคาบหมดจดภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ แต่ทว่า...หลี่อวิ้นกุยที่นั่งอยู่ตรงหน้าเมิ่งเจียวซินในยามนี้ ตรามารยังไม่ปรากฏ พลังมารในกายน่าจะ...ตื่นเพียงเจ็ดในสิบส่วนกระมัง เพราะอีกฝ่ายยังไม่ได้เข้าพิธีอาบแสงจันทร์
หลี่อวิ้นกุยเรียกหัวหน้าของเหล่าองครักษ์กลุ่มที่สองเข้ามาสั่งการเพิ่ม “อาต้า ที่จริงข้าวางแผนเอาไว้ว่า จะให้พวกเจ้าลงมือสังหารเจ้าสารเลวหลี่อวิ้นหยางกับพวกของมันด้วยยาพิษกลืนกินกายา เพราะยาพิษตัวนี้มีฤทธิ์กร่อนทำลายเนื้อเยื่อและกระดูก ไม่มียาถอนพิษ ผู้ที่ได้รับพิษจะรู้สึกค่อย ๆ ตายภายในระยะเวลาเจ็ดวัน แต่ข้าคิดว่า...ระยะเวลาเจ็ดวันของการเฝ้ารอความตาย เจ้าสารเลวนั่นกับพวกของมันอาจจะสั่งการ หรือลงมือทำเรื่องชั่วช้าอะไรขึ้นมาอีกก็ได้ ยามนี้ข้าจึงสั่งให้ผู้ปรุงยาอี้ปรับสูตรย่นระยะเวลาการกร่อนทำลายเนื้อเยื่อและกระดูกให้เหลือเพียงสองชั่วยาม หรืออาจจะเร็วกว่านั้น ดังนั้นก่อนที่ยาพิษกลืนกินกายาจะปรับสูตรสำเร็จ ข้าคงต้องรบกวนพวกเจ้าทั้งกลุ่มให้ช่วยออกแรงกันเสียหน่อย แล้วถ้ายาพิษพร้อมใช้งานเมื่อไร ข้าจะส่งคนนำมันไปมอบให้กับพวกเจ้าทันที อาต้า ฟั
หลี่อวิ้นกุยจับมือทั้งสองของเมิ่งเจียวซินมากุมเอาไว้ จากนั้นเขาก็เริ่มเล่าตั้งแต่เรื่องที่ตนคิดจะมอบบทลงโทษให้กับหลี่อวิ้นหยางกับพวกของมัน เพียงแต่ไม่ได้เล่าว่า บทลงโทษนั้นมีอย่างไรบ้าง จากนั้นเขาก็ข้ามไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ายทหารส่วนกลาง ระหว่างนั้นฝูกงกงก็ยกถ้วยยาเดินเข้ามาหา เขาหันไปรับยามาป้อนให้สตรีตรงหน้า โดยบังคับให้เมิ่งเจียวซินต้องกินยาให้หมดก่อน เขาถึงจะยอมเล่าต่อ พอยาหมดถ้วย หลี่อวิ้นกุยจึงกลั้นใจเล่าว่า...มีผู้ใดจากไปในการต่อสู้ครั้งนี้บ้าง ซึ่งยามนี้ร่างของผู้ที่จากลาได้ถูกส่งกลับไปหาคนในครอบครัวแล้ว หลี่อวิ้นกุยยื่นมือไปซับน้ำตาให้สตรีตรงหน้า น้ำตาของนางค่อย ๆ รินไหลออกจากดวงตาคู่งาม ตั้งแต่เขาเอ่ยรายนามของผู้ที่จากไป ยิ่งเขาซับเท่าใด...น้ำตาของนางก็ยิ่งรินไหล เสียงสะอื้นไห้เบา ๆ ของเมิ่งเจียวซิน มันบีบคั้นจนใจของเขาเจ็บร้าวไปทั้งดวง
หลี่อวิ้นกุยออกมานั่งพูดคุยกับท่านหมอซางเรื่องอาการบาดเจ็บของจิ่นตั้งในห้องโถง อีกฝ่ายแจ้งว่า บาดแผลตามร่างกายไม่สาหัสมาก ใช้เวลารักษา และฟื้นฟูสักสองอาทิตย์ จิ่นตั้งก็น่าจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม เขากล่าวขอบคุณบุรุษตรงหน้าจากใจจริง เพราะคืนนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่หลี่อวิ้นกุยส่งคนไปเชิญตัวอีกฝ่ายมา หลี่อวิ้นกุยนั่งพุดคุยกับท่านหมอซางเรื่องยาของจิ่นตั้งต่ออีกสักพัก ก่อนจะให้ขันทีในตำหนักเดินตามออกไปส่งอีกฝ่าย หลี่อวิ้นกุยตั้งใจจะแวะเข้าไปดูจิ่นตั้งในห้องพักก่อน แล้วค่อยกลับไปสะสางงานต่อ แต่ทว่ายังไม่ทันจะได้ลุกจากเก้าอี้ เขาก็เห็นจิ่นโซวเดินเข้ามาในห้องโถง หลี่อวิ้นกุยมองจิ่นโซวก้มทำความเคารพ ตอนนี้อารมณ์ของเขายังไม่คงที่ บุรุษตรงหน้ากับผู้เป็นบิดา คือ สองคนที่เขาไม่อยากพูดคุยด้วยมากที่สุดในยามนี้ แต่ก็เอาเถิด..
ยังไม่ทันที่หลี่อวิ้นกุยจะได้เอ่ยถาม หรือเรียกเหล่าขันทีให้ไปตามท่านหมอซาง จิ่นตั้งก็เริ่มรายงานว่า...แม่ทัพผู้ดูแลค่ายส่วนกลางกับเหล่าทหารหกในสิบส่วนแปรพักตร์ แล้วยังช่วยเปิดทางให้คนชุดดำกลุ่มใหญ่เข้าไปชิงตัวหลี่อวิ้นหยาง หลี่อวิ้นเหมย รวมไปถึงคนที่พวกเขาเพิ่งจับกุมมาได้ทั้งหมดหลบหนีออกจากคุก ตอนที่จิ่นตั้งกับองครักษ์อีกสองคนไปถึง...ก็เห็นจิ่นสือ ซีไถ องครักษ์สตรีทั้งสอง องค์รักษ์เงาทั้งสี่ของเมิ่งเจียวซิน เหล่าองครักษ์และเหล่าทหารที่พักรักษาตัวอยู่ในค่ายจับอาวุธช่วยรองแม่ทัพกับเหล่าทหารในค่ายส่วนที่เหลือต่อสู้กับคนพวกนั้น เมื่อเห็นเช่นนั้นจิ่นตั้งจึงคิดจะส่งองครักษ์ที่ติดตามไปด้วยหนึ่งในสองกลับมาแจ้งข่าว และตามคนมาช่วย แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับตัว คนชุดดำก็พุ่งเข้ามาโอบล้อมโจมตีพวกเขาทั้งสามคนอย่างหนัก คนชุดดำกลุ่มนั้นมีทั้งวรยุทธ และพล