“แล้วท่านพี่จะทำอย่างไรขอรับ”
อิลยาสไม่คิดว่าตัวเองจะต้องตกที่นั่งเดียวกับพี่ชายของเขาเลยตอนนี้
“พี่ชอบนาง...ถูกใจนางตั้งแต่พี่เจอครั้งแรกแล้ว...”
คาริสอดรำพึงนึกถึงวันที่เธอนั้นเดินอยู่บนเวที ความงดงามเย้ายวนของ เธอมีเสน่ห์ตรึงใจเขาเหลือเกิน ‘คาริสจะทำอย่างไร...ที่จะได้ครอบครองเธอทั้งร่างกายและจิตใจ’
“นางเองก็ไม่ได้สนใจท่านพี่นี่ขอรับ...ตอนนี้เพื่อนของนางมาแล้ว...นางทั้งสองคงจะกลับไปพร้อมกับเพื่อนของนางนะขอรับ...แต่จะมีเพื่อนของนางอีกคน ที่จะอยู่กับท่านพี่ฮาซีฟ นางผู้นั้นช่างแปลกนะขอรับ ทำไมนางไม่คิดที่จะกลับไปประเทศของนาง”
“เห็นว่าท่านพี่ฮาซีฟจะแต่งงานกับนาง...ท่านพี่คงคิดที่จะจริงจังกับนางแล้ว...”
“และเรื่องของท่านพี่จะทำอย่างไรต่อไปขอรับ...”
“%#@!&*$##@” คาริสกระซิบข้างหูน้องชาย
“จริงหรือขอรับ!!!”
“อืม...ถ้าเจ้าไม่ทำคืนนี้...พรุ่งนี้เจ้าอาจจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป...อิลยาสน้องพี่”
คาริสนึกถึงแผนการบางอย่างที่เขาบอกน้องชายเขา ‘เธอจะหนีไปจากเขาได้อย่างไรกัน...เมื่อเขายังไม่อนุญาต!!’
“เอ่อ...ท่านพี่แน่ใจนะขอรับ ว่ามันจะได้ผล”
“เจ้าลองทำดูสิ...ถ้าไม่ลองเจ้าจะรู้ได้อย่างไรกัน”
“แล้วนางจะไม่...เอ่อ...โกรธหรือขอรับ”
อิลยาสยังคงลังเลกับแผนการของพี่ชาย
“เจ้าทำกับนางวันนั้น...นางไม่โกรธเจ้างั้นสิ...”
“โกรธสิขอรับ...”
“แต่เจ้าก็ได้นางมาครอบครองนี่...ครั้งนี้เจ้าก็คิดเอาเองแล้วกัน ว่าเจ้าควรจะทำอย่างไร...”
“...”
[ห้องคาริส...เวลา 22.00น.]
แกร๊ก!! เสียงประตูบานใหญ่ถูกเปิด
“...” รินลดาผุดขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ทันที เมื่อเธอรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังเดินเข้ามายังห้องนอนใหญ่
“คุณ!! เข้ามาทำไมคะ?”
รินลดาตกใจ เมื่อร่างสูงกำลังเดินเข้ามาใกล้เธอจนเห็นใบหน้าคมชัดเจน ‘เจ้มีญ่าบอกว่าเขายกห้องนี้ให้เธอแล้วนี่...แล้วทำไมเขาถึงยัง...’
“ทำไมเจ้าถึงไม่นอนบนเตียง? มานอนตรงนี้ทำไมกัน?”
คาริสมองหญิงสาวที่กำลังตื่นตะลึงดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อเห็นเขา
“เอ่อ...ฉัน...แค่จะ...นอนคืนเดียวเท่านั้นค่ะ...”
“เจ้ายังคิดอีกหรือ ว่าเจ้าจะได้ไปจากที่นี่...”
“คุณหมายความว่ายังไงคะ?”
“ก็หมายความว่า ข้ายังไม่ให้เจ้ากลับยังไงเล่า...เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่กับข้า เป็นเมียเป็นแม่ของลูกข้า...ชัดเจนหรือไม่”
“ไม่นะคะ!! คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ฉันต้องกลับประเทศของฉัน...แม่รอฉันอยู่นะคะ แม่ต้องเป็นห่วงฉันแน่ๆ เลยค่ะ ได้โปรดเถอะนะคะคุณคาริส”
“อืม...ข้ารู้แล้ว...และเจ้าก็บอกข้าตั้งหลายครั้งแล้ว ว่าแม่ของเจ้าจะเป็นห่วงเจ้า ถ้าเจ้าไม่กลับ...”
“คุณก็เข้าใจแล้วนี่คะ ทำไมฉันถึงจะกลับไม่ได้อีก...”
“...” คาริสมองดวงหน้าอันงดงามของหญิงสาว ก่อนที่จะก้าวเข้าไปทรุดลงนั่งบนโซฟาข้างๆ เธอ โดยที่เธอนั้นกำลังจะเขยิบหนีเขา มือหนาคว้าแขนของเธอเอาไว้
“ใจเย็นเถิด...ข้าต้องการคุยกับเจ้า”
“คุยเรื่องอะไรอีกคะ เราคุยกันไปหมดแล้ว และฉันก็ยังยืนยันคำเดิมค่ะ ว่าฉันจะกลับ!”
รินลดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“เจ้ากับพรรคพวกของเจ้า จะยังกลับตอนนี้ไม่ได้แน่นอน อีกหลายวัน...รอจนกว่าข้าจะสะสางงานทางนี้ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน”
“...” รินลดารู้สึกมึนงงกับคำพูดของเขา
“ข้าจะกลับไปกับเจ้าด้วย...ข้าวฟ่าง”
“ห๊า! อะไรนะคะ!!! คุณจะไปกับฉัน!”
“อืม...ข้าจะไปพร้อมกับเจ้า ไปพบแม่ของเจ้าที่ประเทศไทย...จะไปดูว่าประเทศไทยเป็นเช่นไรบ้าง ว่าข้าจะไปอยู่ประเทศของเจ้าได้หรือไม่”
“เอ่อ...แล้ว...คุณ...แล้ว...” รินลดาติดอ่างไปชั่วขณะ
“เจ้าควรจะรู้ตัวเองได้แล้วนะ...ว่าที่ข้าทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำไมข้าต้องคอยตามตื้อเจ้าอยู่แบบนี้ ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้าทำไปเพราะความรับผิดชอบล่ะก็...เจ้าคิดผิดนะ...ถ้าข้าจะไม่รับผิดชอบเจ้า ก็ไม่มีใครที่จะมาบังคับข้าได้เลย แต่นี่เจ้าลองคิดทบทวนดูสิ ว่าทำไมข้าถึงต้องทำแบบนี้อยู่อีก...”
“เอ่อ...ฉันรู้ค่ะ...ว่าคุณทำแบบนี้ทำไม...เพราะอะไร...”
รินลดารู้คำตอบทั้งหมดแล้ว ‘เพราะเขาชอบเธอ อยากแต่งงานกับเธอ’ แต่จะให้รินลดาตกปากรับคำกับเขาเลย รินลดาคงทำไม่ได้อย่างแน่นอน เธอมีแม่ที่ต้องกลับไปดูแล ป่านนี้แม่คงเป็นห่วงเธอมาก
“เจ้ารู้อยู่แล้ว...ทำไมเจ้าถึงยังดื้อดึงที่จะรีบกลับอยู่อีก ทำไมเจ้าไม่ใจเย็นรอให้ข้าเคลียร์เหตุการณ์ทุกอย่างให้จบไปก่อน ตอนนี้ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าชอบข้าตอบนะ...ข้ารู้อยู่แล้วว่ามันยังเร็วเกินไป...แต่ที่ข้าขอเจ้าก็คือ...ขอให้เจ้าลองพยายามศึกษาตัวข้าไปก่อน...มันไม่ได้เสียหายอะไรนี่”
สายตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยเพื่อหาคำตอบในแววตาคู่นั้น คาริสบอกตัวเองไม่ได้เลยว่าทำไมเขาถึงพึงพอใจเธอได้มากขนาดนี้ มีสตรีมากมายที่ต้องการตัวเขา แต่เธอคนนี้กลับไม่ต้องการเขาเลยแม้แต่น้อย...ความคิดของคาริสก็คงจะเหมือนกันกับอิลยาสน้องชายของเขา ยิ่งหนี ไม่สน ไม่แคร์ เขาก็ยิ่งสนใจ...
“คุณหมายความว่า...คุณคิดที่จะจริงจังกับฉันจริงๆ หรือคะ...”
“ข้าบอกว่าจะแต่งงานกับเจ้า นั่นมันคือคำตอบที่ชัดเจนแล้ว...เจ้าเองควรจะเรียนรู้วัฒนธรรมของที่นี่นะ ถ้าสตรีนางใดที่เข้ามาเป็นสนมคือหญิงที่มีไว้คอยบำเรอความต้องการของบุรุษเพศเท่านั้น...แต่ถ้าใครก็ตามที่ถูกเลือกให้แต่งงานด้วย เธอผู้นั้นก็คือคนที่เขาคิดที่จะมีไว้เคียงข้างกายตลอดไป”
“แต่ฉันไม่สามารถที่จะอยู่ที่นี่ได้ค่ะ ฉันห่วงแม่ค่ะ ”
“ข้าก็กำลังจะไปกับเจ้า...ขอแค่เจ้าใจเย็น รอให้ข้าเคลียร์เรื่องทุกอย่างให้เสร็จเสียก่อน และเราจะไปด้วยกัน”
“...” ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่ใบหน้าคม รินลดากำลังคิดอย่างหนัก เขาพร้อมจะแต่งงานกับเธอ และให้เธอเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป นั่นหมายถึง...เธอก็ต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา รินลดาพร้อมหรือยัง...เธอไม่เคยเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้มาก่อนเลย
ริมฝีปากบางถูกประกบ ลิ้นหนาชอนไซเข้าไปในโพรงปากเกี่ยวกวัดลิ้นเล็ก ดวงตากลมโตเบิกตากว้างมองเขาอย่างตื่นตะลึง“อืมมม์”เสียงครางแหบพร่าพึมพำอย่างพอใจกับรสสัมผัสที่ได้รับ ปากร้อนบดขยี้ปากบางอย่างดุเดือด อิลยาสไม่สนท่าทีขัดขืนของคนตัวเล็กแต่อย่างใด บางทีวิธีนี้อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้แก้ปัญหาผู้หญิงที่ดื้อดึงอย่างเธอได้เนิ่นนานหลายนาทีกว่าชีคหนุ่มจะผละออกจากเรียวปากเล็ก ปากร้อนพรมจูบซับไปที่ซอกคอขาวผ่อง ไม่สนใจกับอาการดิ้นรนของหญิงสาวแต่อย่างใด มือหนาที่ลูบไล้อยู่บนสีข้างเลื่อนมาเกาะกุมเต้าอวบอิ่มล้นมือ ใบหน้าคมกล่ำแดงไปด้วยอารมณ์ปรารถนา มือใหญ่บีบเคล้นอกอวบอย่างรุนแรง ไม่สนสิ่งใดนอกจากอารมณ์ของความปวดหนึบที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกำยำ“ปล่อยนะ กรี๊ดดดดดด!”ธาริกาผงกศีรษะขึ้นจู่โจมด้วยฟันคมซี่เล็กฝังลงบนไหล่กว้างของเขา แต่ก็ไม่ทำให้เขาสะทกสะท้านแต่อย่างใด เสียงกรีดร้องของเธอดังลั่น แต่ทว่าเขากลับไม่ใส่ใจ มีแต่เพลิงปรารถนาที่ลุกโชนขึ้นมายากจะดับลงปลายลิ้นเขาโลมเลียไปที่ปลายถัน ดูด เม้ม ดุนดันปลายลิ้นรัวละเลงอยู่บนยอดอก ความอัดแน่นอันปวดร้าวทั่วร่างแกร่ง เตรียมพร้อมระเบิด เมื่อมือข้างที
[อีกด้านหนึ่ง(ในเวลาเดียวกัน)] “ห้องนี้คุณยกให้ฉันแล้วนี่คะ”ธาริกามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่กลางห้องใหญ่ “ข้าเข้ามาเพื่อที่จะคุยกับเจ้าเท่านั้น”เอาเข้าจริงๆ เวลาเจอหน้าเธอแล้ว อิลยาสกลับพูดไม่ออก อุตส่าห์วางแผนกับพี่ชายของเขา และเขาจะต้องทำแบบเดียวกับที่พี่ชายเขาบอก “ฉันไม่มีเรื่องอะไรที่จะคุยกับคุณแล้วค่ะ”ธาริกาไม่เข้าใจในตัวของชายหนุ่มเลย ว่าทำไมเขาถึงยังไม่จบเรื่องนี้ซะที เขาน่าจะดีใจด้วยซ้ำที่เธอไม่เอาความ และไม่วุ่นวายกับเขาอีก “เจ้านั่งลงเถิด ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”อิลยาสมองร่างบางที่กำลังยืนในท่าเตรียมพร้อมวิ่งอยู่ข้างโซฟาใหญ่ นี่เขาจะเริ่มต้นเจรจากับเธออย่างไรดี “โอเค...ถ้าคุณทำฉันอีกล่ะก็ รอบนี้คุณอาจจะสิ้นชีพแน่นอน...คอยดู”ร่างบางขู่ฟ่อพร้อมกับทิ้งร่างบางลงบนโซฟานุ่ม “แผลเก่าข้ายังไม่หาย ข้าคงไม่คิดที่จะสร้างแผลใหม่หรอกนะ”อิลยาสอดครวญนึกถึงบาดแผลที่เกิดจากฝีมือของเธอ ทั้งกัดและโดนทึ้งทุบจนเป็นรอยไปตามร่างกายและศีรษะบวมปูด “อืม...รู้ไว้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่กล้าทำอีก มีอะไรว่ามาเลยค่ะ ฉันจะนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่
ชีคหนุ่มเอ่ยคำหวานเว้าวอนหญิงสาว มือเขาปลดชุดยาวบางเบานั้นออกจากร่างอวบอิ่มอย่างเบามือ ไร้การต้านทานจากหญิงสาว ใบหน้าหวานแดงกล่ำ หลบสายตาคมกริบอย่างเอียงอาย “ค่ะ...” เสียงตอบรับปนหายใจหอบแรงระรัว กายสาวเบียดเข้ากับร่างกำยำ แสดงให้ชายหนุ่มรับรู้ว่าเธอยินยอมพร้อมใจ ยอมศิโรราบแก่เขาแล้ว รินลดาไม่อาจปฏิเสธสิ่งนี้ได้อีกต่อไป เพราะความปรารถนาที่ก่อขึ้นในกายสาวขดม้วนวนอยู่ตรงช่องท้องของเธอ ผีเสื้อนับล้านตัวบินร่อนไปมา กระแสความอบอุ่นไหลวนอยู่ในใจ... “โอวว์...” เสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้น ดวงตาคมเข้มคู่นั้นเจิดจ้าเต็มไปด้วยประกายแห่งความรักใคร่ อารมณ์ของชีคหนุ่มกระเพื่อมไหวเพราะคนตรงหน้า ร่างเล็กสมส่วนปรากฎแก่สายตาของชายหนุ่ม ผิวของเธอช่างเนียนละเอียดดุจแพรไหม สองเต้าอวบอิ่มขาวโพลนที่มีเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อพุ่งชูชันรอรับความร้อนจากริมฝีปากชายหนุ่ม ชีคหนุ่มไม่รอช้าใช้ปากร้อนดูดงับเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อ นั้นไว้ในปากอย่างหิวกระหาย ลิ้นใหญ่ดุนดันดูดเม้ม สลับไปมา มืออีกข้างหนึ่งเคล้นคลึงอกอวบอิ่มอย่างหนักหน่วง “อ๊ะ!!!” เสียงครางเบาๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากบาง มื
“ข้าไม่อยากบังคับเจ้าหรอกนะ เพียงแต่ข้าอยากขอให้เจ้าใจเย็นรับฟังข้าก่อน...ข้ารู้ว่ามันเร็วเกินที่เจ้าจะตั้งตัวได้ทัน แต่ข้าก็อยากจะบอกให้เจ้ารู้ไว้...ว่าข้าพร้อมที่จะไปกับเจ้าเพื่อไปหาแม่ของเจ้า...ขอเจ้าแต่งงาน...” “...” รินลดานิ่ง เธอจนมุมกับเรื่องทุกอย่างที่เขาเอ่ยมา สิ่งที่เธอสูญเสียไปมันไม่สามารถที่จะเรียกคืนกลับมาได้อีกแล้ว เธอจะเชื่อใจเขาได้หรือเปล่า เขาจะรักและดูแลเธอไปตลอดชีวิตอย่างที่เขาบอกกับเธอมั้ย...รินลดาจะตัดสินใจอย่างไรดี “เจ้าเงียบ...สำหรับข้ามันคือคำตอบ เอาเป็นว่าเจ้าจะอยู่กับข้าที่นี่ก่อน แล้วเราค่อยกลับประเทศของเจ้าไปด้วยกัน”คาริสยืนขึ้นเต็มความสูง พร้อมกับเดินไปยังห้องอาบน้ำทันที โดยไม่รอคำตอบจากหญิงสาว ปล่อยเวลาให้เธอทบทวนสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง คาริสพูดไปหมดทุกอย่าง เขาพยายามใจเย็น และไม่อยากที่จะบังคับเธอเลย แต่ถ้าเธอเองยังคงดื้อดึงต่อ คาริสก็คงจะต้องใช้วิธีอื่นต่อไป “...” รินลดามองร่างสูงเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ สิ่งที่เขาพูดมานั้นมีเหตุและผลทุกอย่าง รินลดาจะลองเสี่ยงกับเรื่องนี้ดูไหม? ถ้าเขาคิดที่จะจริงจังอย่างที่เขาพูดจริงๆ รินลดาก็พ
“แล้วท่านพี่จะทำอย่างไรขอรับ”อิลยาสไม่คิดว่าตัวเองจะต้องตกที่นั่งเดียวกับพี่ชายของเขาเลยตอนนี้ “พี่ชอบนาง...ถูกใจนางตั้งแต่พี่เจอครั้งแรกแล้ว...”คาริสอดรำพึงนึกถึงวันที่เธอนั้นเดินอยู่บนเวที ความงดงามเย้ายวนของ เธอมีเสน่ห์ตรึงใจเขาเหลือเกิน ‘คาริสจะทำอย่างไร...ที่จะได้ครอบครองเธอทั้งร่างกายและจิตใจ’ “นางเองก็ไม่ได้สนใจท่านพี่นี่ขอรับ...ตอนนี้เพื่อนของนางมาแล้ว...นางทั้งสองคงจะกลับไปพร้อมกับเพื่อนของนางนะขอรับ...แต่จะมีเพื่อนของนางอีกคน ที่จะอยู่กับท่านพี่ฮาซีฟ นางผู้นั้นช่างแปลกนะขอรับ ทำไมนางไม่คิดที่จะกลับไปประเทศของนาง” “เห็นว่าท่านพี่ฮาซีฟจะแต่งงานกับนาง...ท่านพี่คงคิดที่จะจริงจังกับนางแล้ว...” “และเรื่องของท่านพี่จะทำอย่างไรต่อไปขอรับ...” “%#@!&*$##@” คาริสกระซิบข้างหูน้องชาย “จริงหรือขอรับ!!!” “อืม...ถ้าเจ้าไม่ทำคืนนี้...พรุ่งนี้เจ้าอาจจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป...อิลยาสน้องพี่”คาริสนึกถึงแผนการบางอย่างที่เขาบอกน้องชายเขา ‘เธอจะหนีไปจากเขาได้อย่างไรกัน...เมื่อเขายังไม่อนุญาต!!’ “เอ่อ...ท่านพี่แน่ใจนะขอร
“ปรางยังดวงดีอยู่ค่ะเจ้ อีกอย่างปรางรักเมืองไทยค่ะ” “ข้าวกับนับดาวเราคุยกันแล้วค่ะ ว่าพวกเราจะกลับพร้อมกับเจ้เลยค่ะ”รินลดายังคงยืนยันคำเดิม และไม่สนใจว่าเขาจะคิดเช่นไรกับเรื่องนี้ “อืม...ไหนๆ ก็พูดมาแล้ว เจ้ก็อยากจะคุยกับข้าวและ นับดาวสักหน่อย ถึงเรื่องของหล่อนสองคน” “เจ้เปิดพอดี ปรางก็อยากจะคุยกับน้องอยู่เหมือนกันค่ะ” “อย่าบอกนะว่าพี่ปรางจะไม่ให้นับดาวกับข้าวกลับด้วย” “ใจเย็นๆ ก่อนนะนับดาว ข้าวฟ่าง ฟังเจ้ให้ดีๆ และคิดตามด้วยเหตุและผลนะ...เจ้แนะนำให้หนูสองคนลองพิจารณาตัวเองให้รอบคอบนะ และอยากให้หนูให้โอกาสคุณคาริสและคุณอิลยาส เจ้ว่าเขาสองคนเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัวเลยนะ ที่รับผิดชอบเราสองคน” “แต่ข้าวไม่ต้องการค่ะเจ้ ข้าวอยากกลับบ้าน ที่นี่ไม่ใช่บ้านของข้าว...อาหารการกิน วัฒนธรรม ภาษาไม่เหมือนกับที่บ้านของเรานะคะเจ้” “ใช่ค่ะเจ้...นับดาวก็เหมือนกัน ไหนจะพ่อกับแม่ที่ห่วงพวกเราอีกนะคะ สิ่งที่เราสองคนเสียไป เราถือว่ามันคืออุบัติเหตุค่ะ ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรแล้ว พอเรากลับไปพวกเขาก็ลืม และเราก็จะลืมเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ”