“ข้าวคิดยังไงกับเรื่องนี้บ้าง นับดาวเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องงานที่เจ้เขาบอกเลยนะ ถ้าเกิดนับดาวทำไม่ได้ล่ะ เจ้เขาจะเดือดร้อนมั้ย”
“เจ้เขาบอกมีคนสอนนะ นับดาวไม่ต้องห่วง ข้าวว่าเงินที่เราได้มันก็เยอะนะ เยอะจนแทบไม่น่าเชื่อเลยด้วยซ้ำ ว่าจะมีใครบ้ามาจ้างพวกเราแบบนี้”
รินลดาครุ่นคิดอย่างสับสนกับเรื่องนี้ จริงอยู่ที่เขาจะจ่ายค่าจ้างก่อนเดินทางไปทำงาน แต่เธอก็แปลกใจอยู่ดี ทำไมถึงต้องมาจ้างดารานางแบบที่ประเทศไทย ทั้งที่ประเทศอื่นก็มี
“ข้าว...การไปทำงานครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของนับดาวนะ เพราะถ้ากลับมาแล้วนับดาวก็จะไม่ทำงานในวงการนี้ต่อนะ...ข้าวคิดว่าไง?”
“ใช่...ข้าวเองก็จะเลิกอาชีพนี้เหมือนกัน และเราหุ้นกันเปิดร้านกาแฟ ร้านขนมตามที่เราฝันไว้กันเถอะนะนับดาว ข้าวไม่สามารถที่จะอยู่วงการมายาแบบนี้ได้ต่อหรอก คนอื่นอาจจะคิดว่าเงินนี้มันน้อย แต่สำหรับข้าว...ข้าวคิดว่ามันเยอะมาก ข้าวสามารถตั้งตัวได้เลย เพราะข้าวไม่ได้ใช้ของแบรนด์เนมพวกนั้น เลยไม่มีปัญหาเรื่องการใช้เงินเลย...”
“ข้าวพูดถูก...งั้นเราตัดสินใจทำงานนี้กันเถอะนะ เก็บเงินไว้ทำตามความฝันของเราสองคนกันดีกว่า”
“ไปเถอะ...เรากลับบ้านกัน ข้าวจะไปคุยกับแม่เรื่องนี้”
“นับดาวก็จะคุยพ่อกับแม่เหมือนกัน”
“โอเค...”
[บ้านเช่าหลังเล็ก]
“ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะลูก...”
วรีรัตน์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นบุตรสาวเข้าบ้านในเวลาบ่ายคล้อยแบบนี้ ปกติลูกสาวของเธอจะกลับเย็นทุกวัน วันนี้ดูผิดปกติ
“ทำงานเสร็จเร็วค่ะแม่...เอ่อ...แล้ว...”
รินลดามองหาฐากูรพ่อเลี้ยงของเธอ
“มันไม่อยู่หรอกลูก...นู่น...ไปบ่อนตั้งแต่เมื่อวานแล้วยังไม่กลับ...แม่อยากให้มันออกไปแบบนี้ทุกวันจริงเชียว”
วรีรัตน์ทุกข์ใจเรื่องสามีของเธอมาตลอด เธอไม่คิดว่าการตัดสินใจมีสามีคนใหม่ครั้งนี้ จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของเธอ สามีคนแรกเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ สี่ปีต่อมาเธอตัดสินใจที่จะเริ่มต้นคู่ชีวิตใหม่ โดยที่ลูกสาวของเธอในตอนนั้นอายุ 12 ปี วรีรัตน์ลังเลใจเป็นอย่างมากที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่เพราะเงินเดือนแม่บ้านโรงงานของเธอนั้น ไม่พอกับค่าใช้จ่ายต่างๆ เธอเลยตัดสินใจเลือกฐากูรเข้ามา เพื่อช่วยกันทำมาหากิน ช่วงสองปีแรกฐากูรยังคงดีกับเธอและลูก แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มติดการพนัน ขายบ้านของเธอที่สามีเก่าทิ้งไว้ให้ สุดท้ายเธอไม่เหลืออะไรเลย จึงต้องมาเช่าบ้านอยู่แบบนี้
“แม่คะ...ข้าวมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่ค่ะ”
“มีเรื่องอะไรลูก...” วรีรัตน์สงสารผู้เป็นลูกเหลือเกิน ยิ่งโตเป็นสาวเธอก็ยิ่งต้องระวัง นอกจากฐากูรจะติดการพนันแล้ว ฐากูรยังคอยจ้องที่จะล่วงเกินลูกสาวของเธออีก จนบางครั้งในวันที่เธอต้องไปทำงาน เธอจะบอกให้ลูกไปนอนกับนับดาว เพื่อป้องกันจากเรื่องนี้
“ข้าวได้งานมาชิ้นหนึ่งค่ะแม่ เป็นงานเดินแบบพรีเซ็นเตอร์ของบริษัทต่างชาติค่ะ...เขาให้ค่าตอบแทนเยอะมากค่ะแม่ พวกพี่ในบริษัทไปกันหลายคน รวมข้าวกับนับดาวด้วยนะคะแม่”
“นับดาวเข้าไปได้ยังไงลูก นี่ตกลงนับดาวไปแคสงานแล้วเหรอ...อุ้ย! ดีจังแม่ว่านับดาวสวยและหุ่นดี ยังคิดอยากให้ลูกชวนนับดาวไปทำงานด้วย...อืม...แล้วประเทศไหนล่ะลูก ไปกี่วัน”
วรีรัตน์สนับสนุนให้ลูกทำงานด้านนี้มาตลอด เพราะเธอคิดว่าลูกสาวของเธอจะทำงานนี้ได้ดีแน่นอน ความสวยของลูกสาวของเธอนั้นไม่เป็นสองรองใคร
“ประเทศซาเลวีเนียร์ค่ะแม่”
“ห๊า! ประเทศอะไรนะ ทำไมแม่ไม่เคยได้ยินเลยลูก”
“ประเทศทางแถบตะวันออกกลางค่ะแม่ เป็นประเทศที่มีทะเลทราย มีอูฐ โอเอซีส และมีผลไม้ที่เป็นอินทผาลัมค่ะแม่”
รินลดาค้นข้อมูลมาพอสมควรเกี่ยวกับประเทศนี้ และเมืองไบยาร์เป็นเมืองที่สวยงามและน่าอยู่มากๆ รินลดาจะเก็บภาพถ่ายมาเยอะๆ ครั้งหนึ่งเธอได้ไปเยือนเมืองที่น่าอยู่แบบนั้น
“มันน่าจะไกลมากเลยนะลูก...แล้วยังไง ไปเมื่อไหร่”
“อีกสักประมาณเกือบยี่สิบวันค่ะแม่ รอทำวีซ่ากันก่อน ส่วนค่าตอบแทนเขาจ่ายเลยนะคะแม่ จ่ายทั้งหมดด้วยค่ะ ข้าวอยากจะคุยกับแม่ค่ะ ถ้าข้าวไปทำงานครั้งนี้ ข้าวกะว่าจะทำงานครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เป็นงานสุดท้ายที่ข้าวจะทำแล้วค่ะ”
“อุ้ย! ข้าว! ทำไมข้าวพูดเป็นลางแบบนี้ล่ะ แม่ตกใจหมดเลยรู้มั้ย ทำไมต้องครั้งสุดท้าย ห้ามพูดแบบนี้อีกนะลูก”
วรีรัตน์ยกมือทาบอก เธอมีลูกสาวเพียงคนเดียว สิ่งสุดท้ายในชีวิตของเธอก็คือลูก
“เปล่าค่ะแม่...ที่ข้าวพูดแบบนี้ก็เพราะค่าจ้างของการทำงานครั้งนี้มันเยอะมากนะคะ ข้าวได้ค่าตัวสูงถึงสิบล้านเลยค่ะแม่ นับดาวก็ได้เหมือนกันกับข้าวค่ะ”
“ห๊า! ลูกพูดว่าสิบล้านเหรอ! ทำไมมันเยอะขนาดนั้นล่ะลูก ใครเขาจ้างลูกขนาดนั้นกัน แม่ว่ามีคนมาหลอกเราหรือเปล่าข้าว”
“เจ้มีญ่าก็ไปค่ะแม่ ทีมนางแบบอีกสามคน ช่างแต่งหน้า (Make-up artist) รวมข้าวกับนับดาวก็น่าจะประมาณสิบคนค่ะแม่ ข้าวคิดว่าเงินที่เขาจ้างมันเยอะ ข้าวเลยบอกแม่ว่า ข้าวกับนับดาวจะทำงานแค่ครั้งเดียว ครั้งสุดท้ายไงล่ะคะ”
“อ่อ...โล่งอกไปที”
“แม่คะ...ข้าวจะเอาเงินค่าจ้างให้แม่ทั้งหมด แม่เอาไปซื้อบ้าน เราย้ายไปอยู่ที่กาญจนบุรีกันเถอะนะคะ ตอนนี้พ่อแม่ของนับดาวเขากำลังจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเหมือนกัน ข้าวอยากให้แม่ไปที่นั่น แม่เลิกกับน้าฐากูรเถอะนะคะ และหนีไปโดยที่ไม่ให้น้าเขารู้ค่ะแม่”
“ลูกกับนับดาวคุยกันแล้วเหรอ”
“ใช่ค่ะแม่...ข้าวกับนับดาวตกลงกันไว้ว่า หลังจากที่เรากลับมาจากทำงาน เราสองคนจะไม่กลับมาทำงานวงการบันเทิงอีกแล้วค่ะ เราจะเปิดร้านกาแฟร้านขนมร่วมกันค่ะ”
“แล้วพ่อแม่นับดาวล่ะลูก”
“ลุงอดุลย์กับป้ากันยาเขามีแผนเรื่องนี้นานแล้วค่ะแม่ เขาซื้อที่ไว้ที่โน่นแล้วค่ะ ถ้านับดาวได้เงินนี้ก็แค่สร้างบ้านอย่างเดียว ส่วนเราสองคนแม่ลูกก็ซื้อบ้านใกล้ๆ กับบ้านนับดาวค่ะแม่”
“ลูกคิดดีแล้วใช่มั้ยข้าว...”
“ค่ะแม่...ข้าวอยากหนีไปจากตรงนี้ อยากไปใช้ชีวิตที่สงบสุขค่ะ...เงินก้อนนี้มันเยอะมาก แม่อาจจะลงทุนทำขนมขายก็ได้นะคะแม่”
กดหัวใจ คอมเมนท์ = หนึ่งกำลังใจนะคะ ฝากกดติดตาม เพิ่มเข้าชั้น และรับแจ้งเตือนตอนใหม่ เรื่องใหม่ค่ะ
[เมืองไบยาร์...ประเทศซาเลวีเนียร์] “ข้าจะส่งคนไปรับครอบครัวของเจ้าในวันพรุ่งนี้...เจ้าได้นัดหมายครอบครัวของเจ้าไว้หรือไม่โมนา”ฮาซีฟมองร่างอวบอิ่มที่กำลังเลือกเครื่องประดับเพชรนิลจินดา กับเหล่าบรรดาสาวใช้ที่ล้อมหน้าล้อมหลัง “ค่ะ...โมนาได้โทรไปบอกเรียบร้อยแล้วค่ะ...ที่รักคะ...โมนา อยากจะขออะไรคุณหน่อยได้ไหมคะ” “อืม...ได้สิ” “ถ้าโมนาต้องอยู่ที่นี่กับคุณตลอดไป โมนาอยากจะขอให้พ่อแม่ของโมนามาอยู่ด้วยกับโมนาที่นี่ได้มั้ยคะ” “ได้สิ...ข้าคิดว่าก็ดีเหมือนกัน เจ้าจะได้ไม่กังวลเป็นห่วงพ่อกับแม่ของเจ้า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ได้เป็นปัญหากับข้าเลย บ้านออกกว้างขวางใหญ่โต มีห้องเป็นร้อยๆ ห้อง มีบ่าวรับใช้มากมาย และอีกอย่างท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าก็พึงใจเจ้าอยู่ไม่น้อย ที่รู้ว่าเจ้าอาจจะตั้งครรภ์ลูกของข้าในไม่ช้า”ฮาซีฟมองหญิงสาวอันเป็นที่รัก ถึงแม้เธออาจไม่ใช่คนที่เขาเลือกตั้งแต่แรก แต่เมื่อเขาได้สัมผัสทุกอย่างจากเธอแล้ว เธอเหมาะสมกับเขาอย่างที่สุด ทั้งบทรักร้อนแรงทุกค่ำคืน เธอคนนี้สนองให้เขาโดยไม่ขาดตกบกพร่อง โดยไม่ต้องพึ่งสตรีสาวงามคนอื่นเลย เธอร้อน
ความกระสันเข้าครอบงำร่างงาม เมื่อริมฝีปากหนาไล้ลงมาจนถึงเนินอกสวย มือของเขาปลดชุดนอนนุ่มลื่นของเธอออกพร้อมกับปลายลิ้นสากกำลังลากไล้ตามมา มืออีกข้างหนึ่งดึงชุดของเธอพ้นออกจากร่างของเธออย่างรวดเร็ว ร่างอวบอิ่มปรากฎแก่สายตาของชีคหนุ่ม เขาจับจ้องไปที่อกอวบใหญ่ที่มีลูกเชอรี่สีแดงสดปรากฏอยู่ตรงกลาง“เจ้าสวยเหลือเกิน...ข้าอยากกินเจ้าทุกวันเลยรู้ไหม”สายตาคมเข้มจับจ้องไปที่เรือนร่างขาวโพลนที่สะท้อนแสงไฟบนหัวเตียงสาดส่องร่างงามอรชร ราวกับต้องมนต์สะกด “อุ้ย! คุณปิดไฟสิคะ...ฉันอายนะ”ธาริกายกมือขึ้นมาปิดอกอวบของเธอ แต่ทว่าก็ยังไม่ทันกับมือหนาที่มาคว้ามือของเธอออก สายตาคมจ้องอย่างไม่กระพริบราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน “ข้าอยากเห็นเจ้าทั้งตัว เจ้าไม่ต้องอาย ข้าคือสามีของเจ้า ข้าจะแต่งงานกับเจ้า เจ้าจงเชื่อใจข้าเถิด...”พูดจบปากร้อนของชายหนุ่มก็ฉกลงมาที่ปลายถันสีชมพูสด ลิ้นสากลากไล้วนเม็ดทับทิมระเรื่อที่แข็งชัน ดุนดัน ดูดเม้มเข้าไปในปากอย่างหิวกระหาย “อาร์...” ร่างบางเอ่ยครางอย่างรัญจวนในสัมผัส เสียงเต้นของหัวใจของเธอถี่รัว มือบางคว้าร่างหนาเอาไว้ “อื้ม...” ปลายลิ้
[อีกด้านหนึ่ง...]บรรยากาศยามเย็นบนโต๊ะรับประทานอาหารมื้อค่ำ... “ทาน-ได้มั้ย-พ่อหนุ่ม”เสียงของหญิงสาววัยกลางคนกำลังสนทนาด้วยภาษามือกับลูกเขยชาวต่างชาติ ที่กำลังรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่กำลังจ้องมอง เพื่อคอยลุ้นผล “ขะ-ขอรับ” อิลยาสส่งสัญญาณเพื่อบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาเข้าใจประโยคคำถามนั้น “แม่คะ...แม่ลืมลูกสาวคนนี้ไปแล้วเหรอคะ”ธาริกาอดไม่ได้ที่จะแซะ ตอนนี้ทั้งบ้านกำลังเห่อลูกเขยกันยกใหญ่จนลืมเธอคนนี้จนหมดสิ้น “พี่นับดาวพูดเหมือนตัวเองอิจฉาเลยครับ”ภัคพลน้องชายคนรองเอ่ยแซวพี่สาว “อะไรเต้...พี่ไม่ได้อิจฉาซะหน่อย ก็แค่เตือนคนบางคนก็เท่านั้น ได้ลูกเขยลืมลูกสาวตัวเองซะงั้น” “พ่อว่าที่น้องพูดก็ถูกนะนับดาว ลูกทำไมต้องคอยต่อว่าเขานัก พ่อก็เห็นว่าเขาไม่เคยโต้แย้งอะไรลูกเลยสักครั้ง ลูกต้องปรับตัวนะนับดาว เราเป็นเมียเค้า ก็ต้องคอยเอาใจสามี” “พ่อก็อีกคน...สรุปไม่มีใครอยู่ข้างนับดาวเลยสิคะเนี่ย” “เมย์ไงคะพี่นับดาว จะอยู่ข้างพี่เองค่ะ”เมวิกาน้องสาววัยสิบหกปีเอ่ยขึ้นอย่างเอาใจ “พ
“อ๊ะ!” ร่างบางสะท้านตกใจกับสัมผัสนั้น ปากหนาทำงานอย่างหนัก ความเสียวซ่านก่อวนทั่วร่างบาง มือเล็กขยุ้มกลุ่มผมเอาไว้แน่น เมื่อความซาบซ่านเล่นงานร่างงามราวกับผีเสื้อนับล้านบินวนตรงช่องท้องของเธอ รินลดารู้สึกราวกับว่าร่างของเธอกำลังล่องลอยไปในอากาศ “ข้ารักเจ้า เจ้าต้องเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว อื้ม...”เสียงทุ้มแหบพร่าครางกระเส่า บทรักเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ มือหนาแยกเรียวขาสวยออกจากกัน แก่นกายใหญ่ผงาดตั้งชันปวดหนึบ ร่างกำยำแทรกเข้าหาร่างบาง กดดุ้นใหญ่ไล้ไปมากับร่องกุหลาบสวยที่มีน้ำหวานเคลือบชื้นแฉะเต็มร่องรู “อ๊ะ! คุณ! อ๊าร์!!”ความเสียวซ่านเล่นงานร่างบางอย่างหนักจนทำให้ร่างของเธอเบียดเด้งโหนกนูนเข้าหาแท่งร้อนอย่างอัตโนมัติ ใบหน้าสวยแดงกล่ำเพราะความก๋ากั่นของตัวเอง รินลดาต้องการเขา เธออยากให้เขาเข้าไปอยู่ในร่างกายเธอ “โอวว์ เจ้า! ช่างร้อนแรงนัก!! อ่าร์!!!” เสียงครางของชายหนุ่มมาพร้อมกับแท่งใหญ่โตกดดันเข้ากับช่องทางรักของเธอ เอวหนาเด้งเข้า เพื่อดันดุ้นใหญ่ให้ลึกจนสุดลำ! ความคับแน่นโอบรัดแท่งร้อนจนร่างกำยำสั่นเทา! “อาร์...อื้อ...”ความเสียวซ
“แต่งงานกันหรือ? แล้วเขาจะอยู่บ้านของเราได้มั้ยนับดาว เขาทำงานอะไร?”อดุลย์มองว่าที่ลูกเขยอย่างพินิจพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า “เขามีธุรกิจอยู่ที่ประเทศเขาค่ะพ่อ” “ธุรกิจอะไรช่วยขยายความให้พ่อฟังหน่อย” “น่าจะเยอะค่ะพ่อ นับดาวพูดตรงๆ นะคะ เขารวยระดับมหาเศรษฐีพันล้านหมื่นล้านเลยค่ะพ่อ บ้านของเขาก็เป็นปราสาทคฤหาสน์มีคนรับใช้เป็นร้อยค่ะ นับดาวก็อธิบายไม่ถูกค่ะ แต่ประมาณนี้แหละค่ะ” “แล้วเขาจะมาอยู่บ้านหลังเล็กๆ ของเราได้เหรอนับดาว ครอบครัวเราพ่อแม่ และน้องอีกสามคน พ่อว่าเขาจะอึดอัดเอานะ” “นับดาวก็ไม่ทราบค่ะพ่อ ถ้าเขาอยากอยู่กับนับดาวจริงๆ เขาก็คงจะซื้อบ้านอยู่ที่นี่ค่ะ เขาจะซื้อคฤหาสน์ยังได้เลย พ่อไม่ต้องห่วงเขาหรอก นับดาวบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องมา เขาก็ไม่เชื่อยังดื้อดึงที่จะมาอีก”ธาริกาหันไปทำตาเขียวใส่ชีคหนุ่ม ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เรื่องวุ่นวายเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน และเธอก็คงไม่ต้องยุ่งยากมาอธิบายพ่อกับแม่เธออีก “ลูกจะพูดแบบนั้นได้ยังไง...นับดาว แม่ว่าเขาต้องชอบลูกมากเลยแหละ ถึงได้ตามมาขนาดนี้ คนนี้เป็นน้องชายคนเล็ก และคนกลางก็เป
“ฉันจะบอกแม่ฉันยังไงดีคะ?”รินลดาหันไปถามเขา เธอรู้สึกเก้อเขินเป็นอย่างมากที่จะต้องบอกความเป็นจริงกับแม่ของเธอ “ก็บอกว่าข้าเป็นสามีของเจ้า กำลังจะแต่งงานกับเจ้าสิ” “แล้วแม่ฉันจะไม่ตกใจเหรอคะ” “ข้าว...ลูกพูดอะไรกัน จะบอกแม่ได้หรือยังว่าพ่อหนุ่มนี่เป็นใคร และไหนจะคนที่ยืนคุมข้างนอกนั่นอีก บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ” “เอ่อ...แม่ฟังข้าวให้จบก่อนนะคะ...คือว่าคุณคนนี้ชื่อ คาริสค่ะแม่...เขา...เอ่อ...เขาเป็นแฟนของข้าวค่ะแม่ และเขาจะมาสู่ขอข้าวกับแม่ เราจะแต่งงานกันค่ะ” “อะไรนะ! แฟนของข้าว! และจะแต่งงานกัน! ข้าวไปเจอเขายังไง และทำไมแม่ไม่เคยรู้เลย...โอย...นี่แม่งงไปหมดแล้วข้าว”วรีรัตน์ยกมือทาบอกราวกับจะเป็นลมหมดสติลงตรงนั้น “คือ...คุณคาริสเป็นเจ้าของงานที่จ้างข้าวกับนับดาวไปทำงานค่ะแม่...และ...เอ่อ...เขาชอบข้าว ก็เลยตามข้าวมา และจะมาขอข้าวแต่งงานค่ะแม่”รินลดาจำเป็นต้องกุเรื่องของเขากับเธอ ถ้าแม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ที่เธอโดนลักพาตัวไปล่ะก็ คงต้องเป็นเรื่องใหญ่อีกแน่นอน “ข้าวไปทำงานยังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ ไปชอบกันตอนไหนลูก...มันเร็