“อืม...ถ้าลูกคิดมาดีแล้ว งั้นแม่ก็ตกลงจ่ะลูก ส่วนเรื่องของพ่อเลี้ยงลูก แม่ไม่ได้สนใจนานแล้ว แม่อยากหนีไปตั้งหลายครั้ง แต่ไม่มีเงิน ไม่มีที่อยู่ ไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหนได้ ถ้าสิ่งที่ลูกกับนับดาวคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว แม่ก็ตามใจลูกนะ”
“ข้าวอยากจัดการเรื่องนี้ก่อนไปได้ไหมคะแม่...อย่างน้อยที่ข้าวไปทำงานเกือบยี่สิบวันนี้ข้าวจะได้สบายใจ ไม่ห่วงว่าแม่จะโดนทำร้ายอีกค่ะ และอีกอย่างถ้ากลับมาข้าวก็ไม่อยากมาเหยียบที่ตรงนี้อีกค่ะแม่...ข้าวอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ค่ะ”
รินลดามีความฝันมากมายที่เธอจะทำ สมัยนี้ทำงานหาเงินไม่ยากเลยถ้ารินลดาขยัน ไลฟ์สดขายของขายขนมเธอก็ทำได้ รินลดาวางแผนให้ตัวเองและแม่ไว้หมดแล้ว เธอไม่อยากให้ชีวิตของแม่ต้องลำบากอีกต่อไป
“ได้จ่ะลูก...งั้นแม่ต้องเริ่มจากการลาออกจากงานก่อนนะ”
“ค่ะแม่...”
[บ้านเช่าขนาดกลาง]
“ที่ลูกพูดมาทั้งหมดนี่มันคือเรื่องจริงใช่มั้ยนับดาว”
อดุลย์มองหน้าลูกสาว สิ่งที่เขาได้ยินนั้นมันเหมือนกับการถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งสองใบเลยนะ
“ใช่ค่ะพ่อ...เรื่องที่นับดาวบอกพ่อกับแม่คือเรื่องจริง และเกิดขึ้นจริง อีกไม่กี่วันทางเจ้มีญ่าเขาก็จะโอนค่าตอบแทนให้นับดาวกับข้าวฟ่างแล้วค่ะพ่อ และพ่อไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะพวกเราไปกันเป็นสิบคนเลยนะคะพ่อ”
“พ่อว่ามันก็แปลกอยู่นะลูก”
“ถ้าได้เงินมาแล้วฉันว่าไม่แปลกนะพี่ และอีกอย่างลูกบอกว่าทางทีมงานของเจ้อะไรนั่นก็ไปด้วย”
“จริงอย่างที่แม่พูดค่ะพ่อ...มันไกลด้วย และอีกอย่างเราต้องใช้เวลาไปกลับหลายวัน และทำงานอยู่ที่นั่นอีก นับดาวว่ามันก็สมน้ำสมเนื้อแล้วนะคะ”
“งั้น...เรื่องที่เราวางแผนกันไว้ ว่าจะย้ายไปที่เมืองกาญก็น่าจะทำได้แล้วสิ...ดีเหมือนกันทางเพื่อนพ่อก็ติดต่อมานะ ว่าให้พ่อไปช่วยงานที่โน่นพอดี”
“ค่ะพ่อ...แต่พ่อก็ต้องช่วยน้าวรีด้วยนะคะ เราจะไปอยู่ใกล้ๆ กันค่ะ น้าวรีน่าสงสารโดนน้าฐากูรทำร้ายทุกวัน”
“ได้สิลูก...วรีก็รู้จักพ่อกับแม่อยู่แล้ว เราไม่ใช่คนอื่นไกล เพียงแต่เรื่องภายในครอบครัว การทะเลาะของผัวเมียเขา พ่อเข้าไปยุ่งไม่ได้ ก็เลยได้แต่ส่งกำลังใจกันไป”
“งั้นนับดาวก็จะได้สบายใจนะคะ ที่พ่อกับแม่จะได้สบายเสียที นับดาวกับข้าวฟ่างกลับมาก็จะทำตามความฝันของเราสองคนค่ะพ่อ...เราจะไม่ลำบากอีกแล้วค่ะ”
“ลูกและข้าวฟ่างเป็นเด็กดีมากเลยนะ แม่คิดว่าลูกสองคนจะทำตามความฝันของตัวเองได้แน่นอนจ้าลูก”
“ค่ะแม่”
[คฤหาสน์หลังใหญ่...เมืองไบยาร์ ประเทศซาเลวีเนียร์]
ลมร้อนพัดหอบจากทะเลทรายสีทองเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังงาม แสงแดดจากดวงอาทิตย์สาดส่องกระทบพื้นทรายเป็นแสงสีระยับ ความร้อนแรงของแสงแห่งดวงอาทิตย์ที่ตกกระทบ ยังไม่เร่าร้อนเท่ากับบุคคลที่อยู่ภายในคฤหาสน์หลังงามนี้ เสียงอื้ออึงดังเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ สาวใช้ข้าทาสบริวารต่างออกมาเมียงมองด้วยความสนใจและตื่นตระหนก การปะทะคารมของพ่อลูกที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ได้เกิดขึ้นแล้วในวันนี้ ซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง เมื่อผู้เป็นพ่อนั้นโกรธสุดขีด! ที่บุตรชายตัวแสบนั้นละเมิดในสิ่งที่ตนเองได้ห้ามเอาไว้
“ท่านพี่คะ...ท่านพี่ใจเย็นๆ ก่อนนะเจ้าคะ...ฮาซีฟช่วยน้องพูดกับท่านพ่อหน่อยลูก”
ท่านผู้หญิงซาเรียร้อนใจอย่างที่สุด ถึงเรื่องของบุตรชายคนกลางที่เธอกังวลมาตลอด วันนี้ผู้เป็นสามีของเธอรับรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว และกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่บุตรชายนั้นแยกตัวออกไปทำธุรกิจ โดยไม่ได้บอกผู้เป็นบิดา
“ลูกคิดว่าตอนนี้มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนะขอรับท่านพ่อ คาริสทำจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะเปิดตัวธุรกิจในไม่ช้า ลูกว่าท่านพ่อรับฟังและให้อภัยน้องเถอะขอรับ”
ฮาซีฟรับสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างทันที เขารู้เรื่องของน้องชายตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว แต่ฮาซีฟเองก็ไม่ได้ท้วงติงเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะเขารู้จักนิสัยของน้องชายคนกลางดี คาริสมีความคิดที่แปลกกว่าใครทั้งหมดในบรรดาที่น้องทั้งสามคน อีกทั้งฮาซีฟก็ไม่คิดว่าท่านพ่อของเขาจะโกรธถึงเพียงนี้ มันแค่เรื่องการทำธุรกิจเท่านั้นเอง
“เจ้ายังเข้าข้างน้องเจ้าอีกหรือ...ฮาซีฟ น้องเจ้าเห็นพ่อเป็นอย่างไรกัน ถึงได้คิดหลอกพ่อเพื่อพยายามแยกตัวออกจากครอบครัว ธุรกิจนับหมื่นล้าน ลูกกับอิลยาสจะทำไหวหรืออย่างไร? ทำไมคาริสน้องลูกถึงไม่คิดบ้าง จะสร้างมาทำไมอีก แค่กิจการภายในครอบครัวก็แทบจะไม่ไหวแล้ว...”
สุลต่านฮาซานหันไปจ้องลูกชายคนกลางเขม็ง! ฮาซานไม่คิดเลยว่าเจ้าลูกชายเขาจะกล้าทำในสิ่งที่ฮาซานเคยห้ามมาตลอด
“ท่านพ่อใจเย็นๆ ก่อนนะขอรับ ยังไงท่านพี่คาริสก็ทำไปแล้วเรียบร้อย และอีกอย่างก็จะเริ่มเปิดกิจการแล้ว ถ้าจะให้ไปทุบทิ้งระเบิดทิ้งก็ไม่ได้เสียแล้ว ท่านพ่อให้ท่านพี่คาริสทำเถิดนะขอรับ”
‘อิลยาส’ ถูกเรียกตัวด่วนเพราะสิ่งนี้ เขาก็รู้เห็นในสิ่งที่พี่ชายเขาทำ แต่คาริสก็คือคาริส ไม่มีใครห้ามปรามพี่ชายเขาได้เลย อิลยาสก็เลยต้องปล่อย และเขาคิดว่าสักวันเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นแน่นอน
“ลูกขอโทษขอรับท่านพ่อ...ลูกรู้ว่าไม่สมควร แต่การที่จะให้ลูกเลิกทำ ก็เห็นจะไม่ได้แล้วนะขอรับ จริงอยู่ที่ลูกปิดบังท่านพ่อ และไม่เคยช่วยธุรกิจครอบครัว แต่สิ่งที่ลูกทำมันคือความชอบของลูกนะขอรับ ลูกอยากทำอะไรด้วยตัวของลูกเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดขอรับ”
คาริสภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองนั้นสร้างขึ้นมา ธุรกิจโรงแรมกับแลนด์มาร์คนั้น เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของคาริสเอง และคาริสก็คิดว่าท่านพ่อของเขาน่าจะภูมิใจด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าท่านพ่อจะโกรธเรื่องที่เขาทำเลยสักนิด
“สิ่งที่เจ้าทำพ่อห้ามเจ้ามาตลอดคาริส พ่อต้องการให้พวกเจ้าทำงานด้วยกัน และช่วยเหลือกัน แต่เจ้ามาแตกแยกออกไปเสียเองแบบนี้จะไม่ให้พ่อโกรธเจ้าได้อย่างไรกัน!”
“ลูกขอโทษท่านพ่อขอรับ เรื่องนี้ลูกผิดจริง ถ้าจะทำให้ท่านพ่อหายโกรธลูก ต่อไปนี้ลูกจะทำตามที่ท่านพ่อสั่งขอรับ”
“เจ้าพูดเองนะคาริส ว่าเจ้าจะตามใจพ่อ”
สุลต่านฮาซานผุดบางอย่างขึ้นมาในหัว การหาทายาทสืบสกุลลูกหลาน คือสิ่งหนึ่งที่ฮาซานต้องการให้บุตรชายของเขาทำ เพราะธุรกิจนับหมื่นล้านแสนล้านของฮาซานนั้น ใช้กี่สิบชาติถึงจะหมด ถ้าไม่หาทายาทเพื่อสืบสกุลนี้
กดหัวใจ คอมเมนท์ = หนึ่งกำลังใจนะคะ ฝากกดติดตาม เพิ่มเข้าชั้น และรับแจ้งเตือนตอนใหม่ เรื่องใหม่ค่ะ
ริมฝีปากบางถูกประกบ ลิ้นหนาชอนไซเข้าไปในโพรงปากเกี่ยวกวัดลิ้นเล็ก ดวงตากลมโตเบิกตากว้างมองเขาอย่างตื่นตะลึง“อืมมม์”เสียงครางแหบพร่าพึมพำอย่างพอใจกับรสสัมผัสที่ได้รับ ปากร้อนบดขยี้ปากบางอย่างดุเดือด อิลยาสไม่สนท่าทีขัดขืนของคนตัวเล็กแต่อย่างใด บางทีวิธีนี้อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้แก้ปัญหาผู้หญิงที่ดื้อดึงอย่างเธอได้เนิ่นนานหลายนาทีกว่าชีคหนุ่มจะผละออกจากเรียวปากเล็ก ปากร้อนพรมจูบซับไปที่ซอกคอขาวผ่อง ไม่สนใจกับอาการดิ้นรนของหญิงสาวแต่อย่างใด มือหนาที่ลูบไล้อยู่บนสีข้างเลื่อนมาเกาะกุมเต้าอวบอิ่มล้นมือ ใบหน้าคมกล่ำแดงไปด้วยอารมณ์ปรารถนา มือใหญ่บีบเคล้นอกอวบอย่างรุนแรง ไม่สนสิ่งใดนอกจากอารมณ์ของความปวดหนึบที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกำยำ“ปล่อยนะ กรี๊ดดดดดด!”ธาริกาผงกศีรษะขึ้นจู่โจมด้วยฟันคมซี่เล็กฝังลงบนไหล่กว้างของเขา แต่ก็ไม่ทำให้เขาสะทกสะท้านแต่อย่างใด เสียงกรีดร้องของเธอดังลั่น แต่ทว่าเขากลับไม่ใส่ใจ มีแต่เพลิงปรารถนาที่ลุกโชนขึ้นมายากจะดับลงปลายลิ้นเขาโลมเลียไปที่ปลายถัน ดูด เม้ม ดุนดันปลายลิ้นรัวละเลงอยู่บนยอดอก ความอัดแน่นอันปวดร้าวทั่วร่างแกร่ง เตรียมพร้อมระเบิด เมื่อมือข้างที
[อีกด้านหนึ่ง(ในเวลาเดียวกัน)] “ห้องนี้คุณยกให้ฉันแล้วนี่คะ”ธาริกามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่กลางห้องใหญ่ “ข้าเข้ามาเพื่อที่จะคุยกับเจ้าเท่านั้น”เอาเข้าจริงๆ เวลาเจอหน้าเธอแล้ว อิลยาสกลับพูดไม่ออก อุตส่าห์วางแผนกับพี่ชายของเขา และเขาจะต้องทำแบบเดียวกับที่พี่ชายเขาบอก “ฉันไม่มีเรื่องอะไรที่จะคุยกับคุณแล้วค่ะ”ธาริกาไม่เข้าใจในตัวของชายหนุ่มเลย ว่าทำไมเขาถึงยังไม่จบเรื่องนี้ซะที เขาน่าจะดีใจด้วยซ้ำที่เธอไม่เอาความ และไม่วุ่นวายกับเขาอีก “เจ้านั่งลงเถิด ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”อิลยาสมองร่างบางที่กำลังยืนในท่าเตรียมพร้อมวิ่งอยู่ข้างโซฟาใหญ่ นี่เขาจะเริ่มต้นเจรจากับเธออย่างไรดี “โอเค...ถ้าคุณทำฉันอีกล่ะก็ รอบนี้คุณอาจจะสิ้นชีพแน่นอน...คอยดู”ร่างบางขู่ฟ่อพร้อมกับทิ้งร่างบางลงบนโซฟานุ่ม “แผลเก่าข้ายังไม่หาย ข้าคงไม่คิดที่จะสร้างแผลใหม่หรอกนะ”อิลยาสอดครวญนึกถึงบาดแผลที่เกิดจากฝีมือของเธอ ทั้งกัดและโดนทึ้งทุบจนเป็นรอยไปตามร่างกายและศีรษะบวมปูด “อืม...รู้ไว้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่กล้าทำอีก มีอะไรว่ามาเลยค่ะ ฉันจะนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่
ชีคหนุ่มเอ่ยคำหวานเว้าวอนหญิงสาว มือเขาปลดชุดยาวบางเบานั้นออกจากร่างอวบอิ่มอย่างเบามือ ไร้การต้านทานจากหญิงสาว ใบหน้าหวานแดงกล่ำ หลบสายตาคมกริบอย่างเอียงอาย “ค่ะ...” เสียงตอบรับปนหายใจหอบแรงระรัว กายสาวเบียดเข้ากับร่างกำยำ แสดงให้ชายหนุ่มรับรู้ว่าเธอยินยอมพร้อมใจ ยอมศิโรราบแก่เขาแล้ว รินลดาไม่อาจปฏิเสธสิ่งนี้ได้อีกต่อไป เพราะความปรารถนาที่ก่อขึ้นในกายสาวขดม้วนวนอยู่ตรงช่องท้องของเธอ ผีเสื้อนับล้านตัวบินร่อนไปมา กระแสความอบอุ่นไหลวนอยู่ในใจ... “โอวว์...” เสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้น ดวงตาคมเข้มคู่นั้นเจิดจ้าเต็มไปด้วยประกายแห่งความรักใคร่ อารมณ์ของชีคหนุ่มกระเพื่อมไหวเพราะคนตรงหน้า ร่างเล็กสมส่วนปรากฎแก่สายตาของชายหนุ่ม ผิวของเธอช่างเนียนละเอียดดุจแพรไหม สองเต้าอวบอิ่มขาวโพลนที่มีเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อพุ่งชูชันรอรับความร้อนจากริมฝีปากชายหนุ่ม ชีคหนุ่มไม่รอช้าใช้ปากร้อนดูดงับเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อ นั้นไว้ในปากอย่างหิวกระหาย ลิ้นใหญ่ดุนดันดูดเม้ม สลับไปมา มืออีกข้างหนึ่งเคล้นคลึงอกอวบอิ่มอย่างหนักหน่วง “อ๊ะ!!!” เสียงครางเบาๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากบาง มื
“ข้าไม่อยากบังคับเจ้าหรอกนะ เพียงแต่ข้าอยากขอให้เจ้าใจเย็นรับฟังข้าก่อน...ข้ารู้ว่ามันเร็วเกินที่เจ้าจะตั้งตัวได้ทัน แต่ข้าก็อยากจะบอกให้เจ้ารู้ไว้...ว่าข้าพร้อมที่จะไปกับเจ้าเพื่อไปหาแม่ของเจ้า...ขอเจ้าแต่งงาน...” “...” รินลดานิ่ง เธอจนมุมกับเรื่องทุกอย่างที่เขาเอ่ยมา สิ่งที่เธอสูญเสียไปมันไม่สามารถที่จะเรียกคืนกลับมาได้อีกแล้ว เธอจะเชื่อใจเขาได้หรือเปล่า เขาจะรักและดูแลเธอไปตลอดชีวิตอย่างที่เขาบอกกับเธอมั้ย...รินลดาจะตัดสินใจอย่างไรดี “เจ้าเงียบ...สำหรับข้ามันคือคำตอบ เอาเป็นว่าเจ้าจะอยู่กับข้าที่นี่ก่อน แล้วเราค่อยกลับประเทศของเจ้าไปด้วยกัน”คาริสยืนขึ้นเต็มความสูง พร้อมกับเดินไปยังห้องอาบน้ำทันที โดยไม่รอคำตอบจากหญิงสาว ปล่อยเวลาให้เธอทบทวนสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง คาริสพูดไปหมดทุกอย่าง เขาพยายามใจเย็น และไม่อยากที่จะบังคับเธอเลย แต่ถ้าเธอเองยังคงดื้อดึงต่อ คาริสก็คงจะต้องใช้วิธีอื่นต่อไป “...” รินลดามองร่างสูงเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ สิ่งที่เขาพูดมานั้นมีเหตุและผลทุกอย่าง รินลดาจะลองเสี่ยงกับเรื่องนี้ดูไหม? ถ้าเขาคิดที่จะจริงจังอย่างที่เขาพูดจริงๆ รินลดาก็พ
“แล้วท่านพี่จะทำอย่างไรขอรับ”อิลยาสไม่คิดว่าตัวเองจะต้องตกที่นั่งเดียวกับพี่ชายของเขาเลยตอนนี้ “พี่ชอบนาง...ถูกใจนางตั้งแต่พี่เจอครั้งแรกแล้ว...”คาริสอดรำพึงนึกถึงวันที่เธอนั้นเดินอยู่บนเวที ความงดงามเย้ายวนของ เธอมีเสน่ห์ตรึงใจเขาเหลือเกิน ‘คาริสจะทำอย่างไร...ที่จะได้ครอบครองเธอทั้งร่างกายและจิตใจ’ “นางเองก็ไม่ได้สนใจท่านพี่นี่ขอรับ...ตอนนี้เพื่อนของนางมาแล้ว...นางทั้งสองคงจะกลับไปพร้อมกับเพื่อนของนางนะขอรับ...แต่จะมีเพื่อนของนางอีกคน ที่จะอยู่กับท่านพี่ฮาซีฟ นางผู้นั้นช่างแปลกนะขอรับ ทำไมนางไม่คิดที่จะกลับไปประเทศของนาง” “เห็นว่าท่านพี่ฮาซีฟจะแต่งงานกับนาง...ท่านพี่คงคิดที่จะจริงจังกับนางแล้ว...” “และเรื่องของท่านพี่จะทำอย่างไรต่อไปขอรับ...” “%#@!&*$##@” คาริสกระซิบข้างหูน้องชาย “จริงหรือขอรับ!!!” “อืม...ถ้าเจ้าไม่ทำคืนนี้...พรุ่งนี้เจ้าอาจจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป...อิลยาสน้องพี่”คาริสนึกถึงแผนการบางอย่างที่เขาบอกน้องชายเขา ‘เธอจะหนีไปจากเขาได้อย่างไรกัน...เมื่อเขายังไม่อนุญาต!!’ “เอ่อ...ท่านพี่แน่ใจนะขอร
“ปรางยังดวงดีอยู่ค่ะเจ้ อีกอย่างปรางรักเมืองไทยค่ะ” “ข้าวกับนับดาวเราคุยกันแล้วค่ะ ว่าพวกเราจะกลับพร้อมกับเจ้เลยค่ะ”รินลดายังคงยืนยันคำเดิม และไม่สนใจว่าเขาจะคิดเช่นไรกับเรื่องนี้ “อืม...ไหนๆ ก็พูดมาแล้ว เจ้ก็อยากจะคุยกับข้าวและ นับดาวสักหน่อย ถึงเรื่องของหล่อนสองคน” “เจ้เปิดพอดี ปรางก็อยากจะคุยกับน้องอยู่เหมือนกันค่ะ” “อย่าบอกนะว่าพี่ปรางจะไม่ให้นับดาวกับข้าวกลับด้วย” “ใจเย็นๆ ก่อนนะนับดาว ข้าวฟ่าง ฟังเจ้ให้ดีๆ และคิดตามด้วยเหตุและผลนะ...เจ้แนะนำให้หนูสองคนลองพิจารณาตัวเองให้รอบคอบนะ และอยากให้หนูให้โอกาสคุณคาริสและคุณอิลยาส เจ้ว่าเขาสองคนเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัวเลยนะ ที่รับผิดชอบเราสองคน” “แต่ข้าวไม่ต้องการค่ะเจ้ ข้าวอยากกลับบ้าน ที่นี่ไม่ใช่บ้านของข้าว...อาหารการกิน วัฒนธรรม ภาษาไม่เหมือนกับที่บ้านของเรานะคะเจ้” “ใช่ค่ะเจ้...นับดาวก็เหมือนกัน ไหนจะพ่อกับแม่ที่ห่วงพวกเราอีกนะคะ สิ่งที่เราสองคนเสียไป เราถือว่ามันคืออุบัติเหตุค่ะ ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรแล้ว พอเรากลับไปพวกเขาก็ลืม และเราก็จะลืมเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ”