3
การต้อนรับ
“ป้าแก้วไม่ต้องห่วง เดี๋ยวคืนนี้ผมดูแลเธอเอง”
เมื่อความมืดเริ่มปกคลุมเกาะ ป้าแก้วก็เอาข้าวต้มขึ้นมาให้คนเจ็บ แต่ราชันบอกว่าเขาจะเป็นคนดูแลเธอเอง
“แน่ใจนะคะนายหัว ไม่ต้องให้ป้านอนข้างบนด้วยแน่นะ”
ป้าแก้วถามเพื่อความแน่ใจ เพราะเขายังไม่เคยเห็น ชายหนุ่มตรงหน้าที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดจะเคยดูแลใครเลย เคยแต่เป็นฝ่ายถูกเขาดูแลเสียมากกว่า
“เชื่อใจผมสิครับ ลูกชายคนนี้โตแล้วนะ รับรองจะดูแลอย่างดี” นายหัวของเกาะกอดเอวแม่คนที่สองของเขาอย่างเอาใจ
ปะการังนอนดูทั้งสองคนแสดงความรักต่อกัน เธอยิ่งรู้สึกอ่อนแอ เธอคิดถึงแม่ คิดถึงป้านภา คิดถึงพ่อ เธอจะต้องกลับไปหาทุกคนให้ได้ แต่เธอต้องหาทางแก้แค้นให้ได้เสียก่อน
“มากินข้าวกัน ค่อยๆลุกนะ เดี๋ยวผมช่วย”
นายหัวผู้เอาแต่ใจของเกาะ วันนี้ต้องเป็นพยาบาลจำเป็นดูแลคนเจ็บ รอยฟกช้ำบนหน้าที่ได้รูปของหญิงสาว ยิ่งทำให้ราชันเห็นแล้วรู้สึกสงสาร ใครกันนะที่ทำกับผู้หญิงตัวเล็กได้ถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มอยากให้ความทรงจำของปะการังกลับมา เขาอยากช่วยเธอแก้แค้นไอ้พวกที่ชอบรังแกผู้หญิง
ชายหนุ่มป้อนข้าวคนตัวเล็ก แบบทุลักทุเล เพราะไม่เคยดูแลใครมาก่อน เมื่อกินข้าวเสร็จ ราชันค่อยๆ พยุงปะการังให้เข้าไปนอนในห้องที่ป้าแก้วจัดไว้ให้
“พร้าวเอ็งว่าเกิดอะไรขึ้นกับปะการังวะ”
เจ้านายหันมาปรึกษาลูกน้อง ที่กำลังทำหน้างง เพราะไม่รู้ว่าใครคือปะการัง
“เออ..ข้าลืมบอกเองไป ปะการังเป็นชื่อใหม่ที่ข้าตั้งให้แม่สาวน้อยที่เราเจอกลางทะเล”
พร้าวค่อยเข้าใจหน่อย ว่านายหัวของเขากำลังพูดถึงใครอยู่ จึงได้ทำท่าคิดและตอบตามที่คาดเดา
“ผมว่าเธอน่าจะเป็นลูกผู้ดีอยู่ ดูจากผิวพรรณและเสื้อผ้าที่ใส่”
นายหัวพยักหน้า เพราะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของลูกน้องคนสนิท
“และเอ็งคิดว่า ใครที่คิดจะทำร้ายผู้หญิงตัวแค่นั้น โยนลงทะเลแบบนี้คือหวังให้ตายเลยนะ”
“นายหัว ผมเดาไม่ถูกหรอก แต่ที่แน่ๆมันต้องไม่ใช่คนดี ต่อให้ปะการังเป็นคนไม่ดี ก็ไม่ใช่ว่าจะเอากันมาฆ่ามาแกงแบบนี้ได้ บ้านเมืองมีกฎหมาย” คนตอบทำเสียงจริงจัง
“ตั้งแต่รู้จักกันมา เพิ่งรู้ว่าเอ็งก็มีหัวคิดเหมือนกันะนี่”
นายหัวทำท่าอมยิ้มชื่นชม ในคำพูดและความคิดของลูกน้องคนสนิท
“ในเมื่อเราไม่รู้ว่าคนที่อยากเอาชีวิตเธอเป็นใคร เราก็ควรจะปิดเรื่องของเธอให้เงียบที่สุด”
“แต่เกาะเราก็เล็กแค่นี้ เอ็งจะให้ข้าเอาแม่สาวน้อยคนนี้ไปซ่อนที่ไหน”
ถึงแม้จะเห็นด้วยกับคำพูดของพร้าว แต่ราชันก็คิดไม่ออกว่าจะปิดยังไง
“เราก็บอกทุกคนว่า ปะการังเป็นญาติห่างๆของนายหัว เธอเป็นโลกความจำเสื่อม จึงถูกส่งให้มาอยู่ที่นี่เพื่อรักษาตัว” พร้าวแสดงความคิดเห็นเพื่อหาทางออก
“เออ..ดีเหมือนกัน ดูแล้วเอ็งจะดูละครมาก ถึงได้วางแผนได้เป็นเรื่องเป็นราวได้แบบนี้”
“นี่นายหัวกำลังชมใช่ไหมครับ ฟังดูแปลกๆ”
พร้าวเป็นชายหนุ่มเพียงคนเดียวของเกาะ ที่ได้เรียนจบถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย นอกนั้นส่วนมากก็จบแค่เพียงมัธยมศึกษาตอนต้นเท่านั้น เขาจึงดูมีความรู้มากกว่าลูกน้องคนอื่นๆ
คำคืนนี้ปะการังหลับใหล เพราะความอ่อนเพลียตั้งแต่หัวค่ำ ราชันแอบเปิดห้องเข้าไปดูเธออยู่บ่อยๆ เพราะกลัวเธอจะเป็นอะไรขึ้นมา
ราชันกลับมานั่งคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ เขาพยายามคิดว่า ระหว่างที่หัดขับเรือ เขาเจอกับเรือลำอื่นบ้างไหม แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก จึงได้แต่ปล่อยให้เวลาช่วยให้หญิงสาวค่อยๆได้ความจำกลับคืน วันนั้นมาถึงทุกคนก็คงได้รู้เรื่องจริงทั้งหมด
เช้านี้ปะการังสามารถลุกเดินได้แล้ว หลังจากนอนมายาวนานทั้งคืน
“ดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
ราชันทักทายเมื่อเปิดประตูห้องนอนมาแล้วเจอหญิงสาวกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงมองออกไปยังท้องทะเล
“ค่อยมีแรงขึ้นมาบ้างค่ะ” หญิงสาวหันหน้ามาตอบคนถาม ด้วยสีหน้าที่สดใสกว่าเมื่อวาน
“ฟังนะปะการรัง พวกเราไม่รู้ว่าใครกันที่ต้องการฆ่าเธอ แต่ถ้ามันรู้ว่าเธอรอดมันคงต้องตามมาที่นี่ ผมจึงต้องให้คุณช่วยแสดงละครหน่อย นับจากวันนี้ไป คุณคือปะการัง น้องสาวห่างๆของผม คุณป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม จึงมาพักรักษาตัวที่นี่”
นายหัวบอกแผนการทั้งหมดที่เขาวางไว้กับลูกน้องคนสนิท เพื่อปกป้องทั้งเธอและเกาะ
“ได้ค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ” สายตาของคนพูดมันขอบคุณออกมากหัวใจ
“ถ้ายิ่งนานไป ไม่มีข่าวการพบศพคุณไม่นานพวกนั้นก็จะเริ่มตามหาคุณอีกครั้ง และแถวนี้มีเพียงไม่กี่เกาะ รับรองมันต้องมาแสดงตัวให้เราได้รู้จักแน่ๆ”
ปะการังใจหนึ่งก็อยากบอกว่าเธอรู้ ว่าใครคือคนที่จะเอาชีวิตเธอ แต่อีกใจก็ยังรู้สึกว่าในเวลานี้ไม่สามารถไว้ใจใครได้ เธอจึงแสดงซ้อนการแสดงอีกที เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตามที่ราชันต้องการ
“อุ๊ย!”
สองมือของคนตัวใหญ่ โผเข้ามารับตัวหญิงสาวได้ทัน เมื่ออยู่ดี หญิงสาวก็รู้สึกวูบมองไม่เห็นอะไรเลย
ใบหน้าของคนทั้งสองที่อยู่ใกล้กันในตอนนี้ ทำให้ราชัน มีโอกาสได้มองหญิงสาวอย่างใกล้ชิด ใบหน้าของเธอมีความสวยซ่อนอยู่ภายใต้ผมที่ขาดสั้นไม่เป็นทรง อีกทั้งผิวพรรณละเอียดเหมือนคนที่ไม่เคยต้องโดนแดดโดนฝนเลย
“วางฉันลงได้แล้วค่ะ เริ่มดีขึ้นแล้ว”
ปะการังค่อยๆ พยายาลงจากแขนทั้งสองข้างของชายหนุ่มที่กำลังอุ้มเธออยู่ เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังถูกจ้องมอง
“ขอบคุณนะคะ ฉันคงยังไม่หายดี ไม่น่าออกไปเดินให้ต้องเป็นภาระให้คุณต้องอุ้มมาส่งที่ห้องแบบนี้เลย”
คนพูดไม่กล้ามองหน้าคนอุ้ม เพราะรู้สึกเขินอาย ที่เธอสังเกตเห็นชายหนุ่มเอาแต่จ้องหน้าเธอตลอด
“ถ้าอย่างนั้นนอนเถอะ เดี๋ยวป้าแก้วคงเอาข้าวไว้ให้ ช่วงเย็นฉันจะพาเธอไปให้ชาวบ้านที่นี่รู้จัก จะได้ไม่ต้องนินทา คาดเดากันไปต่างๆนานา”
พูดจบราชันก็ปิดประตูห้อง วันนี้เขาตั้งใจจะออกไปหัดขับเรืออีกสักรอบ เพราะดูแล้วฝนน่าจะตก ชายหนุ่มอยากฝึกปะสบการณ์ การขับเรือผ่านพายุฝน
18อบอุ่นพร้อมหน้า “พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปฝากท้องนะ” ภาคินเดินประคองพาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา เข้าไปในบ้านที่เข้าตั้งใจไว้เพื่อเป็นบ้านของครอบครัวที่น่ารักของเขา “วันนี้ยิหวาไม่ต้องแอบเหมือนทุกๆครั้งที่มาที่นี่” คำพูดของหญิงสาว ทำให้ภาคิน สำนึกได้ว่าที่ผ่านมา เขาไม่เป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่เขารัก ทำเหมือนเธอเป็นสิ่งไร้ค่า พอถึงเวลาที่เสียไป เขาถึงเพิ่งรู้ว่าเธอมีค่าแค่ไหน “ฉันขอโทษนะ ที่ทำให้เธอรู้สึกไม่มีค่า เรามาเริ่มต้นจุดเทียนกันใหม่ แต่เทียนเล่มนี้ จะมีทั้งความรักและความอบอุ่น เป็นกำบังคอยป้องกันทุกอย่าง ที่จะมาทำให้เทียนแห่งรักนี้ดับลง ฉันสัญญาจะรักและดูแลเธอกับลูกไปตลอดชีวิต” หญิงสาวเชื่อทุกคำที่ภาคินพูด เพราะทุกอย่างที่เขาทำในเวลานี้ มันเป็นบทพิสูจน์แล้ว “ขอบคุณนะคะ ที่ทำทุกอย่างเพื่อยิหวากับลูก” บ้านหลังนี้ ที่ภาคินเคยคิดว่ามันใหญ่เกินไป เพราะมีถึงสี่ห้องนอน แต่ตอนนี้ มันจะเหลือว่างแค่เพียงสองห้อง เพราะอีกห้องต้องเตรียมไว้ สำหรับลูกของเขาที่กำลังจะเกิดมา ศศิวัฒน์กลับไป
17เผชิญหน้ากับทุกปัญหา “ภาคินลูกไปไหนมาทั้งวัน คุณพ่อก็อีกคนยังไม่กลับมาเลย” ฐานิตาลุกออกจาโซฟา เดินมาหาลูกชายที่หน้าประตูบ้าน “ผมไปรับภรรยาผมกลับบ้านครับ” ภาคินยิ้มมุมปาก “ภรรยา ลูกหมายความว่าอะไร” ฐานิตายืนมองหน้าลูกชาย เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ภาคินพูด แต่มันต้องเป็นเรื่องที่เธอจะต้องไม่ชอบใจแน่ๆ “สวัสดีค่ะคุณท่าน” ยิหวาเดินตามหลังภาคินเข้ามา “หมายความว่ายังไง ที่ภาคินบอกว่าพาภรรยามา” ฐานิตายืนถลึงตาด้วยความไม่พอใจ“นี่ค่ะ ทะเบียนสมรสเราเพิ่งไปจดกันมา เมื่อช่วงบ่ายนี่เอง”ยิหวายื่นกระดาษในมือของเธอ ให้มารดาของภาคินดู เพื่อให้เธอได้เห็นชื่อชัดๆว่าใครสมรสกับใคร“ไม่จริ๊ง ไม่จริง ภาคินลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม”ฐานิตาเดินตามทั้งคู่เข้ามาในบ้าน โดยครั้งนี้ยิหวา ไม่ได้นั่งข้างล่างเหมือนแต่ก่อน เธอนั่งบนโซฟาข้างๆสามีของเธอ“ลูกจะต้องแต่งงานกับหนูลิตาเท่านั้น ” ฐานิตากระแทกเสียง“ก็ได้นะคะ ถ้าคุณลิตาจะยอมเป็นเมียน้อย” ยิหวาต่อปากต่อคำ“ยิหวา ฉันหลงคิดว่าเธอมันเป็นเด็กดี ที่แท้ก็ไม่ต่างอะไรกับแม่ของเธอ”ฐานิตาลืมตัว
16ตามหัวใจคืน “ยิหวา เธอหลบหน้าฉันทำไม” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อจำได้ว่าเสียงที่กำลังเรียกชื้อเธอนั้นคือใคร “คุณภาคิน คุณมาที่นี่ได้ยังไง”หญิงสาวพยายามดึงมือที่จับแขนเธอไว้แน่น แต่มันไม่ขยับเลย“เปิดประตูแล้วเข้าไปคุยกันในห้อง อยากมายืนเถียงกันให้อายคนอื่นเหรอ”ภาคินเคล้นเสียงหนักแน่น แต่เบาเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน“คุณจะตามฉันมาทำไม”ยิหวาตวาดเสียงแหลมใส่หน้าชายหนุ่มทันที เมื่อประตูถูกปิดลง“ก็เพราะเธอหนีออกมาแบบนี้ไง”ภาคินคว้าแขนเล็กไว้และดึงร่างบางอย่างแรง จนหญิงสาวแทบจะเซล้ม“ฉันไม่ได้หนีคุณ แล้วทำไมต้องหนี การที่ฉันจะไปอยู่ที่ไหนทำอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลย เราก็เป็นแค่อดีตเจ้านายกับลูกสาวคนรับใช้แค่นั้น”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดอะไรต่อ ชายหนุ่มก็ปิดปากของเธอด้วยปากของเขา สองมือหนาประคองใบหน้ารูปไข่ไว้ในมืออย่างทะนุถนอม“พอ หยุดเถอะ ฉันรักเธอ ยิหวา ได้ยินไหมฉันรักเธอ” ชายหนุ่มดึงหญิงสาวมากอดไว้ แล้วพูดอยู่ซ้ำๆแบบนั้น“คุณรักฉันไม่ได้ค่ะ คนที่คุณควรรักคือคุณลิตา เขาคือคนที่คุณกำลังจะแต่งงานด้วย”หญิงสาวกัดฟันพูดด้วยความแค้น เธอพูดทุกถ้อยคำช้าๆแ
15พบกันครั้งแรก “เราว่าแกไม่ต้องตามหาลูกสาวแล้วแหละ” คณินพูดเมื่อสายตาของเขาหันไปเห็นผู้หยิงสองคนที่เขาคุ้นเคยในร้านอาหารข้างๆ“ดาริน”ศศิวัฒน์มองตามสายตาของเพื่อนที่มองไปยัง ร้านอาหารอีกร้านที่อยู่ข้างกัน มีเพียงแค่ทางเดินเล็กๆในห้างกั้นอยู่“นานแล้ว แกยังจำได้อยู่อีกเหรอ” คณินแปลกใจที่เพื่อนของเขายังจำคนรักเก่าได้อยู่ ทั้งที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันยี่สิบกว่าปี“ฉันไม่ได้ยังจำได้ แต่ฉันไม่เคยลืมต่างหาก” ศศิวัฒน์พูดจากหัวใจเราเข้าไปคุยกับทั้งคู่ตอนนี้คงไม่ดี เดี๋ยวเราว่ารอให้ ดารินกับยิหวาต้องแยกกันกลับบ้าน เรารอคุยกับยิหวาคนเดียวจะดีกว่าคณินเสนอความคิดเห็น และศศิวัฒน์ก็เห็นด้วย เพราะเขาไม่แน่ใจว่าดารินจะยังอยากเจอหน้าเขาอยู่ไหมในที่สุดสองคนแม่ลูกก็แยกกัน ดารินลงไปชั้นล่างเพื่อขึ้นรถกลับ ส่วนยิหวาเดินแยกไปทางร้านขายเครื่องเขียน“ยิหวา” คณินเรียกหลังจากเดินตามหญิงสาวไป“ยิหวา นี่ศศิวัฒน์เพื่อนของฉัน” คณินแนะนำเพียงเท่านี้ก่อน“สวัสดีค่ะคุณศศิวัฒน์” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมนี่เป็นครั้งแรก ที่ศศิวัฒน์ได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกสาวของเขา แบบตัวเป็นๆ และเธอก็มีหน้าตาที่เหมือน
14ความลับ “แกยังจำดารินได้ไหม” คณินเริ่มเข้าเรื่อง “จำได้สิ ผู้หญิงที่ฉันรักทั้งคนนะ แล้วแกถามถึงทำไม แกเจอดารินเหรอ” ศศิวัฒน์ทำท่ากระตือรือร้นอยากรู้ “อืม...เจอทุกวันเลย เจอมาหลายปีแล้วด้วย” คนตอบไม่พูดตรงๆ “หมายความว่าอะไรวะ คณินแกจะมายียวนเพื่ออะไร มีอะไรเกี่ยวกับดาริน แกพูดมาให้หมดเลย” ศศิวัฒน์รักและจริงใจกับดาริน เขาต้องการจะให้เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องกับเขา แต่ทุกอย่างก็พังลง เมื่อมารดาของเขาประกาศผ่านสื่อ ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับหญิงสาวชั้นสูง ตั้งแต่นั้นมาศศิวัฒน์ก็ไม่เจอดารินอีกเลย “ดารินเขาอยู่ที่บ้านฉัน ตั้งแต่ที่แม่แกประกาศว่าแกจะแต่งงานนั่นแหละ” คณินเริ่มเล่า “เฮ้ย! แล้วทำไมแกไม่บอกฉัน แกรู้ไหมคณินว่าฉันตามหาดารินจนแทบบ้า” ศศิวัฒน์ขึ้นเสียง “ดารินเขาขอฉันไว้ เขาบอกถ้าฉันบอกแก เขาก็จะพาลูกในท้องหนีไปที่อื่น ฉันสงสารเด็ก” “ลูกในท้อง” ศศิวัฒน์พูดทวนคำพูดของเพื่อน เพราะเขาไม่เคยรู้เลย ว่าดารินท้อง “ใช่ ดารินเขาท้อง” คณินเน้นย้ำ เพราะหวังว่าเพื่อนจะพอเข้าใจ ว่าเรื่องราว
13ตามหา หนึ่งเดือนแล้ว ที่ภาคินไม่ได้เจอไม่ได้คุยไม่ได้ข่าวอะไรของหญิงสาวที่เขาสุดแสนจะคิดถึง ชายหนุ่มคิดถึงครั้งที่เขาไปเรียนอยู่อเมริกา เขาก็เคยทำกับเธอแบบนี้ เธอคงทั้งเจ็บทั้งเสียใจ ไม่ต่างกับเขา “คุณรู้ไหม ภาคินไม่ไปทำงานหลายวันแล้ว ผมถามหนูลิตา เธอก็บอกว่า ภาคินดื่มหนักเกือบทุกคืน” คณินทำงานที่เดียวกับลุกชายและลลิตา เขาถึงมีโอกาสได้สังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกชาย “คุณคิดว่ายังไงคะ” ฐานิตาไม่เข้าใจ ว่าสามีต้องการจะบอกอะไร “ผมว่าการที่ยิหวาออกไปอยู่ข้างนอกแบบนี้ มันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ ลูกชายเราเป็นแบบนี้ คุณคิดว่า คนอย่างหนูลิตาเขาจะอยากฝากชีวิตไว้ด้วยเหรอ” ฐานิตาเห็นด้วยกับคำพูดของสามี แต่เธอก็ไม่สามารถจะยอมรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างลูกชายเธอกับคนงานในบ้านได้ “ไม่ใช่ว่าฉันไม่สงสารลูกนะ แต่คุณจะให้ฉันยอมรับลูกคนรับใช้มาเป็นสะใภ้ ฉันทำใจไม่ได้หรอก” “คุณรังเกียจยิหวา เพียงเพราะมันเป็นลูกสาวคนใช้ใช่ไหม และถ้าสมมุติว่าวันนึง ลูกสาวคนใช้กลายเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของข้าราชการระดับสูงในบ้านเมืองเร