บทที่1.สาวน้อยผู้อาภัพ
บ้านสีขาวขนาดสองชั้น ปลูกติดริมถนนใหญ่ ประตูรั้วเป็นต้นไม้พุ่มหนา ด้านในเป็นกำแพงอิฐสีเข้มมีไว้ป้องกันโจรอีกชั้น เนื้อที่รอบบ้านมีอาณาเขตมากพอที่จะปลูกไม้ดอก และไม้ประดับได้ แต่ส่วนมากที่มองเห็นแออัดด้วยดอกไม้กอเล็กๆ เป็นส่วนใหญ่ บ้านหลังนี้เป็นบ้านของพันเอกประพจน์ กับภรรยาคู่ทุกข์ นางแจ่มจันทร์ สุขแสวง ตัวภรรยาเปิดร้านขนมอบอยู่ในตลาด และลูกชายคนเล็กกำลังเป็นนักเรียนอยู่ในโรงเรียนนายร้อย ส่วนลูกสาวสุดสวย ชื่อพิศตรากำลังเป็นนักศึกษาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย คนสุดท้ายที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังนี้ด้วย...คือเด็กสาววัยละอ่อน หน้าตาจิ้มลิ้ม ใบบัว สุขแสวง เด็กสาวที่เป็นกาฝาก ในสายตาของทุกคน...
และไม่มีชีวิตใคร...น่าเวทนาได้เท่ากับใบบัว สุขแสวง เด็กสาวที่เกิดมาอาภัพตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเติบใหญ่ บิดา มารดาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ เธอเลยต้องมาอยู่ใต้การดูแลของลุง แต่...ก็ไม่ต่างอะไรกับคนใช้หรอก เมื่อตั้งแต่ลืมตา จนถึงนอนหลับในห้องเล็ก ที่ถูกสร้างขึ้นลวกๆ ต้องทำงานแลกข้าว แลกการได้ออกไปเรียนหนังสือนอกบ้าน เพราะเธอเป็นแค่กาฝากที่เพิ่มภาระให้กับเจ้าของบ้าน ลุงประพจน์เป็นพี่ชายของบิดาเธอ เป็นนายทหาร...มียศนายพันและกำลังจะเลื่อนขั้นเป็นนายพลในอีกไม่กี่ปี แจ่มจันทร์ภรรยาของท่าน เป็นแม่บ้าน แต่ก็มีกิจการร้านขนมเป็นของตัวเอง ใบบัวกลับจากโรงเรียน...ก็ต้องรีบกระวีกระวาด...สายตัวแทบขาดในแต่ละวัน เริ่มจากการทำความสะอาดบ้าน และรีบออกไปเป็นลูกมือทำขนมในร้าน ผิดกับบุตรสาว และบุตรชายของลุงกับป้า เขาใช้ชีวิตเหมือนลูกคุณหนูทั่วไป ไม่หยิบ ไม่แตะงานบ้านอะไรเลย แม้แต่แค่การรินน้ำดื่ม เธอจึงเป็นลูกไล่ให้พิศตรา แต่ใบบัวก็จำต้องทน เมื่อเธอไม่มีที่ไป
“บัว บัว...อีบัว! เอาน้ำเย็นๆ มาให้ฉันกินหน่อยสิย่ะ” เสียงตวาดที่ค่อยๆ ทวีความดังขึ้น เสียงแหลมปรี๊ดของ พิศตรา หรือคุณผิง ลูกสาวคนโตของลุงกับป้า เธอแผดเสียงก้องตะโกนเรียกใบบัว จนหญิงสาวต้องรีบละมือจากงานที่ตัวเองกำลังทำ “คุณผิงคงพึ่งกลับมาจากวิทยาลัยฯ” ใบบัวพูดกับตัวเองเสียงอ่อนๆ รีบกระวีกระวาดจัดเตรียมสิ่งที่เธอต้องการไปให้
“เบาๆ ก็ได้พี่ผิง...ยังไงบัวก็เป็นน้องเรานะ เรียกจิกหัวแบบนั้นน่ะ คนนอกได้ยินเขาจะว่าได้ว่าพี่ไม่มีคุณสมบัติผู้ดี” พัฒนะ บุตรชายคนเล็กของแจ่มจันทร์แย้งเสียงขุ่น เขากำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนเตรียมทหารมีความเมตตาให้กับใบบัวในระดับหนึ่ง
“หุบปากไปเลยนะตาพัฒ!...อีบัวนะ! ถ้าไม่กดมันไว้ มันลำพองตายเลยล่ะ โธ่เอ๋ย! หลานคุณพ่อ มีแต่ตัวมาแท้ๆ คุณแม่รับเลี้ยงไว้ก็บุญหัวแล้วล่ะย่ะ”
“ผมไม่เห็นบัวเขาจะเป็นแบบนั้นเลย พี่นั่นแหละ...ทำเหมือนบัวเป็นแค่คนใช้”
“มีแต่ตัวมาแบบนั้นน่ะ ทำงานแลกข้าวแลกน้ำให้เราแทนสิ” หญิงสาวยังไม่วายแย้ง “แกเองก็เถอะ... เห็นมองมันตาเป็นมัน หากคิดจะเอามันมาทำเมีย คุณแม่แหกอกแกแน่ตาพัฒ”
“บ้า! ใครจะไปคิดอะไรอกุศลพรรณนั้น ผมไม่ได้ตาต่ำขนาดนั้นหรอกน่าพี่ผิง...ข้างนอกนั่นมีแต่คนสวยๆ ให้เกลื่อนไปหมด ทำไมต้องมองเด็กกะโปโลอย่างบัวด้วยล่ะ”
“ดีแล้วล่ะ...แต่ถ้าแกจะแอบกินมัน...ก็ได้นะย่ะ แต่อย่าให้คุณแม่กับคุณพ่อรู้”
พิศตราพูดลอยๆ ใบบัวสะสวยไม่ใช่เล่น ผิวของหล่อนขาวนวลเป็นยองใย ผิวสีขาวเหลือง เหมือนมารดาที่เป็นคนเหนือแต่กลับละเอียดเนียนไม่ตกกระจนน่าเกลียด พิศตราแอบอิจฉาในใจลึกๆ ขนาดมันอยู่แต่ก้นครัว... กินแค่กับข้าวเหลือๆ มันยังผุดผาดบาดตาชวนมองได้ เธอเลยจัดงานหนักๆ ให้ทำ แถมเหยียดหยันด้วยคำพูดแดกดันทุกวัน ไม่รู้สึกกดดันหรือน้อยเนื้อต่ำใจก็ให้มันรู้ไปสิ และสิ่งที่เธอทำสำฤทธิ์ผล ใบบัวกลายเป็นเด็กเก็บตัว ไม่เผยอหน้าสู้เธอให้ระคายตา
“น้ำค่ะคุณผิง” หญิงสาววางแก้วน้ำเย็นเฉียบไว้ตรงด้านหน้าหญิงสาวโสภา แล้วค่อยๆ ถอยหลังไปยืนสงบอยู่ด้านหลัง
“อ้อยสร้อยอะไรอยู่ย่ะ ทำไมเพิ่งมา!” พิศตราตวาดแว๊ด! เธอรีบยกแก้วน้ำเย็นเฉียบขึ้นจิบ
“เปล่าค่ะ...บัวกำลังช่วยพี่อุ่นเตรียมมื้อเย็นอยู่ เสร็จนี่ก็จะรีบออกไปช่วยคุณป้าที่ร้านอีก” สาวน้อยอธิบายเสียงเรียบ
“ชิ! ตามสบายเธอย่ะ...อย่าลืมล่ะ...ชุดฉันน่ะ...รีดให้ด้วย” พิศตราโยนภาระทุกอย่างของตัวเอง ให้ใบบัวรับผิดชอบ เธอโฉบฉายไปวันๆ กรีดกรายทำตัวเป็นคุณหนู และใบบัวก็ต้องจำทน เมื่อไม่อยากให้คุณลุงร้อนหูเพราะคำพูดกระทบกระเทียบของภรรยา
“ค่ะ” เธอเตรียมจะเดินหนี เมื่อเสร็จธุระ ใบบัวรู้สึกว่าพัฒนะมองเธอแปลกๆ เธอเลยพยายามอยู่ห่างๆ เขา
“เดี๋ยวสิบัว...จะรีบไปไหน อยู่คุยกันก่อนสิ”
มือแข็งแรงเอื้อมมายุดแขนเอาไว้ เธอขืนตัวและค่อยๆ ปลดมือของชายหนุ่มออกไปแบบไม่ให้น่าเกลียด
“บัวมีงานต้องทำค่ะ...คุณพัฒมีอะไรจะใช้บัวไหมคะ?”
“เปล่า...แค่อยากถาม สบายดีไหม? เหนื่อยหรือเปล่า เห็นทำงานไม่หยุดเลย” พัฒนะก้มมองปลายนิ้วตัวเอง ผิวของใบบัวอุ่นซ่าน และมันทำให้เลือดหนุ่มระอุร้อน
“ชินแล้วค่ะ บัวสบายดี แค่นี้ใช่ไหมคะ บัวต้องรีบออกไปช่วยคุณป้าที่ร้านอีก”
ใบบัวรีบหาทางเลี่ยง เธอรู้สึกอึดอัดกับสายตาของชายหนุ่ม มันแวววาวแปลกๆ
พัฒนะมองตามใบบัวไปจนลับตา เขาหรี่ตาและคิดหาทางครอบครองใบบัวให้ได้ ผู้หญิงหัวอ่อนอย่างใบบัว หล่อนไม่มีที่ไป และคงไม่กล้าโวยวายหากพลาดท่า กลิ่นสาปสาวหอมกรุ่น... เธอสะอาดและเวอร์จิ้น เมื่อเขาและเธอเติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กัน หากใบบัวจะทดแทนคุณมารดาเขาด้วยพรหมจรรย์ มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี...
“บัว...พี่เตือนด้วยความหวังดีนะ อยู่ห่างๆ คุณพัฒไว้...มันอันตราย” อุ่นแม่บ้านสาวใหญ่วัย40กว่าๆ เธอสังเกตเห็นสายตาของลูกชายคนเล็กของบ้าน สายตาคู่นั้นวาววามแปลกๆ และมันไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กสาวใสซื่ออย่างใบบัว
“บัวรู้จ้ะพี่อุ่น...บัวระวังตัวอยู่ แต่...” เธอถอนใจเฮือกๆ ไม่รู้จะรอดได้สักกี่น้ำ เมื่อชายหนุ่มจ้องหาโอกาสกับเธอตลอด แถมที่พักก็ไม่ค่อยปลอดภัย
“เอ่อ...ไว้ผัวพี่กลับมาบ้าน จะให้เข้ามาซ่อมกลอนประตูให้บัวนะ มันร่องแร่งเต็มทนแล้วใช่ไหม?” เหมือนอุ่นมานั่งอยู่กลางใจหญิงสาว เธอเวทนาและเห็นใจ แต่ยื่นมือเข้าไปช่วยมากก็ไม่ได้ มันอาจจะสะเทือนถึงงานที่ตัวเองทำ เพราะยังต้องอาศัยบารมีของคุณนายแจ่มจันทร์เพื่อปากท้องตัวเองอยู่
“ขอบคุณค่ะพี่อุ่น” หญิงสาวเสก้มหน้า ความอึดอัดคับข้องใจแน่นอก ระบายให้ใครฟังก็ไม่ได้เมื่อเหมือนอยู่ตัวคนเดียว
“อืม...มีอะไรบอกพี่ล่ะ ช่วยได้ก็ต้องช่วยกันไป...” อุ่นพูดย้ำ เธอรู้ดีว่าใบบัวกดดันแค่ไหน แต่ทำได้ก็แค่ปลอบโยน
“ค่ะ” ใบบัวเงยหน้าขึ้น เธอยิ้มรับทั้งที่น้ำตาเอ่อคลอ
สองสาวทำงานของตัวเองเงียบๆ จนเสร็จหน้าที่ตัวเอง อุ่นล้างไม้ล้างมือเตรียมตัวกลับบ้านเมื่อหมดหน้าที่ แต่ใบบัวยังต้องรีบออกไปช่วยงานที่ร้านขนมของแจ่มจันทร์ หน้าที่ของเธอยังไม่สิ้นสุด เพื่อแลกกับการได้ไปเรียนในวันเสาร์ อาทิตย์ เธอต้องทำงานหนักเพิ่มอีกเท่าตัว โดยไม่ได้รับเงินเดือน มีแค่ที่กิน ที่นอนกับเศษเงินนิดหน่อยติดก้นกระเป๋าไปเรียน แต่เธอก็มานะทน จนเหลืออีกไม่เท่าไรเธอก็สามารถเรียนจบชั้นมัธยมปลาย...ในโรงเรียนเปิด ที่คนอยากเรียนแต่ไม่มีโอกาสใช้เป็นทางเลือก...
“ไงบัว นั่งเงียบเชียว?” เสียงร้องทักขณะที่เธอพึ่งทำงานเสร็จ
“พี่กันสวัสดีค่ะ บัวกำลังออกไปที่ร้านพอดีเลย... เดี๋ยวบัวขึ้นไปตามคุณผิงให้นะคะ เธอกลับมาแล้วค่ะ”
กัน ชยังกูร สส อนาคตไกล เขาเป็นหนุ่มไฟแรง พื้นฐานทางบ้านดี เลยเข้านอกออกในบ้านสุขแสวงได้เพราะประตูบ้านนี้เปิดตอนรับเขาตลอดเวลา ความใจดีของกันเผื่อแผ่มายังเธอด้วย เขาเป็นตัวตั้งตัวตีที่ทำให้เธอได้เรียนต่อ แม้คุณนายแจ่มจันทร์จะพยายามค้าน
“เดี๋ยวบัว!...ไม่ต้องหรอก พี่แค่แวะมาหาบัว อยากมาบอกข่าวดีน่ะ มหาลัยที่บัวคิดจะเรียนต่อ เปิดรับสมัครนักศึกษาพอดี บัวสนใจจะลงเรียนเลยไหมล่ะ?...แค่มีเวลาอ่านหนังสือแค่นั้นเอง...บัวทำได้พี่รู้” เรื่องอ่านหนังสือใบบัวไม่เกี่ยง เธอชอบอ่านหนังสือทุกประเภท และกระตือรือร้นที่จะเรียนต่อให้สูงๆ ติดที่ไม่มีเงินนี่สิ รายจ่ายแบบจำกัดจำเขี่ย อดออมหลายเดือนกว่าจะได้เงินครบ เธอกลัวเกิดเหตุฉุกเฉินจนไม่มีเงินลงเรียนในปีการศึกษาต่อไป
“บัว...เอ่อ...”
“พี่รู้...พี่เลยหาทางช่วย มีคนรวยหลายคนอยู่ในตำบลเดียวกันกับบัว พี่จะออกหน้าขอทุนให้บัวเอง...”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น เธอยิ้มสดใส จนกันตาพร่า จากแรกเริ่มเขามองเธอเป็นเฉกเช่นน้องสาว เวลานี้ความรู้สึกเขาเปลี่ยนไป แม้ใบบัวจะจนยากแค้น...แต่นิสัยของเธอน่าคบ เป็นคนมีความทะเยอทะยาน และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจกับทุกคน เป็นคนมองโลกในแง่ดี แม้จะถูกกดจนแทบจมดิน ในคราแรกๆ เขามาบ้านสุขแสวงเพราะติดพันพิศตรา แต่ยิ่งนานวันความรู้สึกของเขากับหล่อนยิ่งจืดจางลง พิศตราเป็นคนเห็นแก่ตัวและเจ้าเล่ห์ จนกันไม่คิดว่าถนนความรักจะไปกันได้รอด เมื่อเขาต้องทำงานรับใช้ชุมชน การมีหลังบ้านจิตใจคับแคบมันจึงไม่เหมาะสมสักเท่าไร
“ขอบคุณค่ะพี่กัน ขอบคุณๆ” ชายหนุ่มวางมือบนศีรษะของใบบัว เขาสงสารเธอและเริ่มเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอย่างอื่น มันแทรกปนรวมอยู่ในความรู้สึกของตัวเองอีกด้วย...
“ทำอะไรกัน!” เสียงตวาดแวดๆ กับร่างระหงของพิศตราโผล่เข้ามาในสายตาของกัน ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจช้าๆ เริ่มเบื่อหน่ายพฤติกรรมของหล่อนหนักขึ้นทุกวัน
หญิงสาวเดินนวยนาดลงมาจากบันได พร้อมกับจ้องมองมาที่ใบบัวกับกันตาเขม็ง เธอรู้สึกว่ากันเปลี่ยนไป...เขาไม่ค่อยมาหาเธอ พอโทร. หาก็อ้างตลอดว่างานยุ่ง แต่กลับมีเวลาแวะมาคุยกับอีเด็กก้นครัวที่บ้านเธอแทบทุกวัน!
“บัวขอตัวนะพี่กัน คุณผิง...ได้เวลาออกไปทำงานที่ร้านแล้วล่ะค่ะ” รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากตัวพิศตรา จนใบบัวต้องรีบฉากหลบ ไม่อย่างนั้นเธอเป็นต้องร้อนหู
“บัวๆ อย่าลืมนะ” กันยื้อไว้ เขาย้ำและต้องการคำตอบ
“ค่ะ บัวไม่ลืม...ขอบคุณนะคะ” เธอตอบเสียงแผ่วๆ รีบก้มหน้าหลบสายตากราดเกรี้ยวของพิศตราแทบไม่ทัน เธอรีบเดินตัวงอหนีไป จูงจักยานเก่าๆ และรีบปั่นหนีไปก่อนที่ไฟพิโรธของพิศตราจะลุกโพลง
“พี่กัน...คุยอะไรกับอี...บัวคะ!!” หญิงสาวรีบกลืนคำพูดจิกหัวใบบัวไว้ เมื่อกันตวัดสายตาขุ่นๆ หันมามองเธอ
ชิ! แตะไม่ได้เลยนะ ไม่รู้ติดใจอะไรหนักหนา...หญิงสาวคิดในใจฉุนๆ
“เปล่า... แค่แวะมาบอกบัว มหาลัยฯ ใกล้เปิด ให้บัวเขาไปสมัครเรียนก่อน เดี๋ยวจะเสียโอกาส”
“โอ้ย! ให้มันเรียนทำไมนักหนาคะ...เปลืองเงินเปลืองทอง...ทุกวันนี้ก็เปลืองข้าวเปลืองน้ำจะแย่ แค่กาฝาก ทำสะเออะ!” พิศตราตวาดแว๊ด! สนับสนุนกันเข้าไป ไม่รู้ใบบัวมีอะไรดีหนักหนา ทำไมมีแต่คนรุมรักหล่อน ไม่เว้นแม้แต่กันว่าที่แฟนของเธอ
“ผิง! ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฝัน หากเขาสามารถไปถึง บัวไม่ได้หัวขี้เลื่อยนะ ออกจะเรียนดีด้วย จบ กศน. ด้วยเกรดที่ผิงเห็นยังต้องอึ้ง...หากเรียนตามปกติ ผิงคงได้อายบัวนั่นแหละ” กันแย้ง ใบบัวมีสิทธิ์ที่จะฝัน ความจริงหากใบบัวได้เงินเดือนเหมือนคนงานคนอื่นของคุณนายแจ่มจันทร์ เธอจะไม่ขัดสนเลยเพราะเป็นคนอดออม แต่นี่เธอทำงานได้ก็แค่ที่ซุกหัวนอน กับอาหาร3 มื้อ ที่ก็ไม่ได้ดีเท่าไรด้วย!! เขาไม่อยากก้าวก่ายมากนัก เมื่อมันเป็นเรื่องภายในครอบครัว และใบบัวไม่เคยป่าวประกาศเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง
พิศตราตัวสั่น! กันไม่สมควรเอาอีเด็กก้นครัวนั่นมาเปรียบกับเธอ เธอคือบุตรสาวนายทหารใหญ่ ไม่ใช่เด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่อย่างใบบัว
“คนอย่างอี...บัวไม่มีทางดีกว่าผิงหรอกค่ะ มันคนละชั้นกัน”
หญิงสาวยังคงยิ่งผยองและยังคงอวดดี แม้สิ่งที่เธอพยายามจะอวดเบ่ง แทบมองหาความดีไม่เจอเลย กันส่ายศีรษะ... เขาควรคิดใหม่ใช่ไหม? เกี่ยวกับเรื่องของพิศตรากับตัวเอง เขาจึงเริ่มเว้นระยะ ทำตัวห่างเหินและค่อยๆ ทิ้งช่วงห่างแบบเนียนๆ หล่อนคงจะรู้ตัวได้เอง เมื่อหล่อนเย่อหยิ่งจะตายไป ไม่ช้าพิศตราคงหาคนมาแทนที่เขาได้เองนั่นแหละ
“พี่ขอตัวนะผิง...ยังมีงานค้างอยู่อีกเยอะ” เมื่อธุระจบ เขาก็เตรียมตัวชิ่ง
“อะไรกันคะ? เราไม่ได้คุยกันมาหลายวันแล้วนะคะพี่กัน...หมู่นี้พี่กันห่างเหินผิงไปมาก รู้ตัวบ้างหรือเปล่าคะ?...แล้วถ้าหากผิงมีคนใหม่...พี่กันจะมาว่าผิงปันใจไมได้นะคะ” เธอพยายามรั้งกันไว้ แต่ก็ไม่วายแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาเสียอีก
“พี่งานยุ่งน่ะ แต่...ผิงเห็นคนอื่นดีกว่า พี่ก็ตามใจผิงนะ” กันตอบแกนๆ หากมีคนตาบอดหลงเข้ามาหาพิศตราสิ เขาจะได้ตีปีกดีใจ จะได้เลิกราแบบบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น เมื่อเขาคงต้องแวะมาบ้านสุขแสวงอีกบ่อยๆ ในอนาคต แต่ไม่ได้มาเพื่อพิศตรา
“พี่กันพูดอย่างนี้ หมายความว่าไงคะ!!”
กันหน้าเคร่ง เขาอธิบายเสียงอ่อนๆ “พี่ก็แค่อยากให้ผิงเข้าใจ...หากพี่ดีไม่พอสำหรับผิง พี่ก็พร้อมจะหลีกทางให้ คนที่ดีกว่า และคู่ควรกับผิง”
“พี่มีงานรออยู่ ไว้ค่อยคุยกันนะ” ชายหนุ่มรีบตัดบท เขาเสียเวลาคุยกับพิศตรานานเกินไป เพราะหากหล่อนอาละวาด เขาคงไม่คิดที่จะทนกับความเอาแต่ใจของเธอ เมื่อก่อน...เขามองเห็นมันเป็นแค่มารยาที่น่ารักน่าใคร่ แต่พอนานวันเข้ามันก็ก่อเกิดเป็นความรำคาญ
“อ๋อ...ผิงเข้าใจแล้วคะ” หญิงสาวกัดฟันกรอดๆ การห่างเหินเป็นการบอกลาอ้อมๆ แต่เธอไม่มีวันที่จะให้เขารู้ว่าเธอเสียใจเด็ดขาด อยากจบ! ก็ดี เธอจะได้หาคนใหม่ที่ดีกว่า แล้วเธอจะควงมาเย้ยให้เขาเห็นว่าเธอไม่ได้ไร้ค่าจนไม่มีคนอื่นมองเห็น...
“พี่ขอตัวนะผิง”
กันรีบเดินหนี เพราะอีกไม่นานหรอกพิศตราคงอาละวาด ดีนะที่ใบบัวออกไปนอกบ้านแล้ว ไม่อย่างนั้นผู้หญิงน่าสงสารอย่างใบบัวคงถูกพิศตราลากเอามาเป็นกระโถน...
“กรี๊ดๆ”
กันส่ายศีรษะ เขาทันได้ยินเสียงกรีดร้องของพิศตราก่อนที่ประตูรถยนต์จะปิดงับลง ครอบครัวอบอุ่น มีพ่อ แม่ ครบ แต่ก็ไม่สามารถปลูกสร้างนิสัยดีๆ ให้กับบุตรหลานได้ หากคนในครอบครัวไม่ได้ดูแลซึ่งกันและกัน หลายครอบครัวที่พ่อ แม่รังแกบุตร เขาปลูกฝังค่าสำนึกผิดๆ ให้บุตรหลาน จนเติบโตขึ้นมาเป็นภาระสังคม เพราะคนจำพวกนี้มักจะแสดงความเห็นแก่ตัว ของตัวเองในทุกที่ และทุกโอกาส...
“เบาพี่ผิง พี่กันเขาเปิดแน่บไปแล้วเห็นไหม ไอ้เสียงกรี๊ดๆ นี่ผมขอได้ไหม? ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบหรอก”
พัฒนะโผล่หน้าออกมามอง เขาเอ่ยเตือนพี่สาวด้วยความหวังดี
“ไอ้พัฒ!! แกชอบอีเด็กนั่นใช่ไหม?” พิศตราตาลุกวาว เธอหรี่ตาลงเมื่อนึกอะไรๆ สนุกๆ ขึ้นมาได้ ให้น้องชายจัดการรวบหัวรวบหางอีกเด็กใบบัว...ดูสิจะยังมีใครสนใจมันอีกไหม ถ้าเหลือแค่กากเดนจากคนอื่น!
“พี่ผิงพูดอะไร? ไร้สาระน่า” ชายหนุ่มพุดปัดๆ เขารีบก้มหน้าหลบ
“ฉันเป็นพี่แก ทำไมฉันจะไม่รู้...เดี๋ยวฉันจะหาทางช่วยแกเอง...ให้แกฟัดอีบัวให้หนำใจ!”
ริมฝีปากสีสดแสยะยิ้ม เธออยากเห็นมันถูกกดจมดิน จนไม่มีหน้ามาเสนอให้เธอเห็น จนรู้สึกเจ็บใจเช่นนี้ เธอรู้ว่ากันเปลี่ยนไป เพราะ ใบบัว!
พัฒนะนิ่งเงียบ เขาไม่ปฏิเสธหรือตอบรับ ชายหนุ่มคิดในใจครึ้มๆ ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ยังไงใบบัวก็เป็นแค่เด็กในบ้าน แม้จะเป็นญาติทางคุณพ่อ แต่ก็ไม่เห็นท่านใส่ใจ หากเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ มารดาคงไม่ปล่อยให้เขาถูกทำโทษ และใบบัวเองก็สวยไม่ใช่เล่น เขาชอบแอบมองเวลาที่หญิงสาวเผลอตัว ใต้เสื้อยืดตัวหลวมๆ นั่น ใบบัวซ่อนทุกสิ่งที่ผู้ชายปรารถนาไว้ อาจจะสวยกว่าพี่สาวเขาด้วยซ้ำ เพียงแต่ใบบัวไม่เคยเปิดเผย
แต่เขารู้...
บทที่2.ความซวยกำลังคืบคลานมาหาคุณนายแจ่มจันทร์นั่งหน้ายับ เพราะว่างและความเหงาเป็นเหตุ เมื่อคุณประพจน์สามี อยู่ที่กรมทหารเป็นส่วนใหญ่เขาทำงานหนักเพื่ออะไร นางรู้แก่ใจดี และไม่เคยเห็นด้วยกับความคิดนั้นๆ เมื่อของที่เธอฉกฉวยมาจากใบบัว นางคิดเข้าข้างตัวเอง มันคือค่าข้าวค่าน้ำ ตอบแทนบุญคุณ แต่สามีนางไม่ได้คิดแบบนั้น ท่านคงละอายใจ...แต่ไม่ใช่ความคิดของนาง...เมื่อเวลาว่างมันเยอะบวกกับการเอ่ยปากชวนของกลุ่มเพื่อน นางจึงแอบสามี...ข้ามฝั่งไปลองเล่นการพนันในคาสิโนชื่อดังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน มีบรรดาคุณนายนายทหาร เมียข้าราชการว่างงานเป็นกลุ่มใหญ่ๆ แรกเริ่มก็สนุกสนาน มีเงินฟรีติดก้นกระเป๋าตอนขากลับ เป็นเงินที่ได้มาง่ายๆ และได้ความตื่นเต้นเร้าใจพ่วงมาด้วย จนทำให้นางหลงระเริง เผลอตัวไปอีกหลายๆ ครั้งจนกระทั่งเวลานี้...เธอเป็นหนี้หัวโต!!...จำนวนหนี้ก้อนใหญ่มากหากสามีนางรู้เข้า...เธอคงโดนเขาเฉ่งยับ! เมื่อประพจน์เกลียดที่สุดคือการพนัน...เขาเป็นนายทหารระดับบัญชาการ และเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องการปราบปรามแหล่งอบายมุข หากหลังบ้านเขาเป็นหนี้เป็นสินเพราะการเล่นการพนัน ประพจน์คงไม่ชอบใจ มันอาจจะเป็นชนวนเหตุให้เกิ
“เห้อ...คุณฟาบริซรู้เรื่องเงินค้างจ่ายของเธอแล้ว... ท่านอยากเจอเธอน่ะ” สมชายบอกแจ่มจันทร์ เขาช่วยจนสุดความสามารถ ต่อไปนี้แจ่มจันทร์คงต้องช่วยตัวเอง “อะไรนะพี่ชาย...ตายล่ะ! ฉันควรทำยังไงดีล่ะ” “เธออยู่ไหนแจ่มจันทร์ ทางที่ดีที่สุดคือมาพบท่าน แล้วตกลงกันให้ได้เร็วๆ ล่ะ ไม่อย่างนั้นนะ... เธออาจกลายเป็นอาหารปลาในลำน้ำโขง” สมชายเตือนเสียงเข้ม คนหลายคนกลายเป็นศพ แล้วก็ไม่สามารถจับมือใครดมได้ เมื่อมันคืออิทธิพลมืด...ที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง “พูดเป็นเล่นไปได้พี่ชาย!...ฉันไม่ใช่ตาสี ตาสานะ จะมาฆ่าแกงกันง่ายๆ ได้ยังไงล่ะ” เธอกล่าวตอบเสียงขุ่น เงินก็กำลังหาอยู่นี่ไง แต่มันสุดวิสัยจริงๆ เพราะมันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ “เธอกำลังเล่นอยู่กับใครแจ่มจันทร์? ที่นี่น่ะ คุณฟาบริซยิ่งใหญ่กว่าเทพเจ้าเขาไม่ใช่กระจอก... ผัวทหารช่วยเธอไม่ได้หรอก ต่อให้เธอเป็นคนมีอิทธิพลเสียเองท่านก็ไม่ได้คิดกลัว พี่เห็นตายกันง่ายๆ มาหลายคนแล้วล่ะ หาเงินมาคืนเขาให้เร็วที่สุดดีกว่า...อย่าให้ถึงกับต้องฆ่าแกงกันเลย พี่ช่วยอะไรเธอไม่ได้เรื่องนี้นะแจ่มจันทร์...ขอบอกก่อน มันคนล่ะ
บทที่3.การเผชิญหน้าครั้งแรกกับผู้ชายใจโหดไฟในร้านขนมยังไม่ปิด มีแสงรอดออกมาจากด้านในเล็กน้อย และแจ่มจันทร์รู้ดีว่าใครคนนั้นเป็นใคร นางสาวเท้าเดินให้เร็วขึ้น เมื่อมีเวลาแค่น้อยนิด... สำหรับเวลาส่วนตัวระหว่างนางกับใบบัว “คุณป้า!” ใบบัวอุทานเสียงหลง เธอกำลังยกขนมอบใหม่ออกมาจากหลังร้าน เตรียมจะจัดใส่ตู้โชว์ เพื่อใช้ขายวันพรุ่งนี้ “ยังไม่เสร็จอีกเหรอไงล่ะ?” เสียงของแจ่มจันทร์ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเคย ใบบัวช้อนสายตาขึ้นมองระหว่างที่หยิบชิ้นขนมวางลงในถาด “ค่ะ...อบรอบสุดท้ายแล้วล่ะค่ะ...” เธอพยักหน้ารับ ตอบเสียงแผ่วๆ เหนื่อยแทบขาดใจเพราะอ้อยกลับบ้านตามเวลา เมื่อเธอได้รับค่าแรงเท่านั้นสำหรับการว่าจ้าง เธอจึงต้องอยู่โยงทำคนเดียวจนกว่าจะเสร็จ ก็คงจะหลังเที่ยงคืนไปแล้ว “ฉันมีเรื่องจะค
พัฒนะแหงนมองบนตัวตึก ไฟในห้องนอนของบิดายังเปิดอยู่ ท่านอาจจะนอนไม่หลับ และหากท่านรู้เข้า เขาไม่แคล้วถูกลงโทษ เมื่อสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ชายหนุ่มเม้มปากแน่น...เขาถอยหลังกลับ แล้วรีบหลบหายไปในเงามืด วันหน้ายังมีโอกาส อีบัวมันไม่มีทางไป สักวันหนึ่งเขาจะมอบความเป็นผัวให้มันเอง ตอบแทนที่มันถีบน้องชายเขาจนเจ็บแทบกระอัก!! แจ่มจันทร์ขมวดคิ้ว นางเห็นทุกอย่างแจ่มชัด หวุดหวิดได้ใบบัวเป็นลูกสะใภ้เสียแล้วสิ...ดีนะที่เด็กนั่นหนีรอดไปได้... นางถอนลมหายใจด้วยความโล่งอก ไม่นึกเสียใจสักนิดที่จะเขี่ยใบบัวออกไปจากบ้าน ไม่ต้องคอยระแวงว่าบุตรชายจะย่องลงไปหามันอีก เพราะหลังจากมันสังเวยความสาวให้ฟาบริซ มันคงไม่ย้อนกลับมาที่บ้านนี้หรอก คงสำเริงสำราญใช้เงินที่ไอ้หนุ่มนั่นมอบให้ และบุตรชายของนางก็จะได้รอดพ้นจากมัน... นางรูดผ้าม่านปิด เดินไปทิ้งตัวนอนด้านข้างสามี ที่หลับลึกเสียจนไม่รู้เรื่องรู้ราว...เช้าวันใหม่... คุณประพจน์กางหนังสือพิมพ์เปิด
บทที่4.บรรณาการหวานระอุกว่าใบบัวจะคลำทางขึ้นมาจนถึงห้องนอนของฟาบริซได้ เธอใช้เวลาไปเกือบ30 นาที และหยุดทำใจอยู่หน้าประตูห้องอีก10 นาที กว่าจะยอมเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ภายในห้องนอนเงียบกริบ...เหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ด้านใน มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเบาๆ กับอุณหภูมิที่เย็นเฉียบจนใบบัวต้องยกมือขึ้นกอดอก เธอควานหาปุ่มเปิดไฟฟ้า เพื่อให้แสงสว่าง เธอกลัวจนขาสั่น หวาดหวั่นจนเหงื่อกาฬแตกซ่าน “มาแล้วรึ?” เสียงแหบต่ำดังมาจากมุมมืดในห้องนอน ใบบัวสะดุ้ง! เธอเหลียวซ้ายแลขวา มองหาต้นกำเนิดเสียง ผู้ชายที่เธอต้องมาทำหน้าที่นางบำเรอขัดดอกให้กับเขา เพื่อทดแทนบุญคุณของแจ่มจันทร์ ฟาบริซ ดีคอร์เนอร์ “ค่ะ” เธอรับคำแล้วจึงรีบก้มหน้าลง อายจนหน้าชาแม้จะมองไม่เห็นดวงตาของชายผู้นั้นเลยก็ตาม&nb
บทที่5.ใต้เงาปีศาจหญิงสาวขยับตัวช้าๆ เธอปวดร้าวไปทั้งตัว มือเรียวบางพยายามดันท่อนแขนหนักอึ้งที่พาดวางไว้บนสะโพกตึงออกไปอย่างทุลักทุเล“คนบ้า... ตัวหนักชะมัด” เธอบ่นอุบ หน้าแดงซ่านเมื่อตัวเองนอนหลับโดยปราศจากเสื้อผ้าคลุมกาย มีเพียงวงแขนกำยำเท่านั้นที่โอบประคอง ริ้วรอยบนร่างกายย้ำให้เธอรู้ว่านับจากนี้ไปเธอไม่ใช่ผู้หญิงสดสะอาดเหมือนเดิม ร่างกายนี้แปดเปื้อนด้วยคราบคาวของกามารมณ์ โดยชายผู้ยิ่งใหญ่เช่น ฟาบริซ! ดีคอร์เนอร์ ผ้าห่มผืนโตถูกลากลงจากเตียง เพื่อปกปิดความอุจาดตา...เธอรีบวิ่งฉิวเข้าห้องน้ำ ล้างเนื้อตัวลวกๆ สลัดคราบที่หมักหมมไว้ทั้งคืนทิ้ง...แล้วก็หนีไปซ่อนตัวในครัว...พื้นที่ที่เจ้าตัวคิดว่าตัวเองจะปลอดภัยที่สุด แต่ก็คงไม่สามารถหลีกหนีชายหนุ่มพ้น หากเป็นคำบัญชาจากเขา...แต่เวลานี้เธอต้องการที่พักใจ ขอเวลาเตรียมใจกับหน้าที่ใหม่ที่แสนน่าอายนี้ก่อน “อืม.
บทที่6.ผู้ชายอีกคนที่มาช้าไป“อีกนานไหมว่าเจ้านายของพวกคุณจะเสด็จลงมาจากห้องบรรทม!!” กัน ชยังกูร กระแทกเสียงฉุนเฉียว เขามีเรื่องต้องการพูดคุยกับฟาบริซ แต่ชายหนุ่มเสียเวลาไปเกือบครึ่งวัน ไอ้ฝรั่งขี้นกก็ยังไม่โผล่หัวลงมาจากห้องนอน ไม่รู้ว่ามันติดใจอะไรหนักหนากับห้องนอนตัวเอง ชายหนุ่มเวียนไปหามันที่คาสิโนฝั่งประเทศเพื่อนบ้านหลายครั้ง...หลังจากรู้ข่าวว่าฟาบริชมาเยือนประเทศไทยเพื่อตรวจงานเหมือนเดิม แต่ไอ้คนบ้างานเป็นบ้าเป็นหลังกลับไม่โผล่หัวไป กันจึงต้องบุกมาถึงถิ่น เหยียบรังราชสีห์เป็นครั้งแรก เดเนียลกรอกตา...เขาอยากจะบอกพ่อนักการเมืองใหญ่ตรงหน้าเสียนัก...อย่าว่าแต่กันเลย ทุกคนในที่นี้ไม่ได้พบหน้าฟาบริซเจ้านายมามากกว่า5 วัน เมื่อเจ้านายหนุ่มเบี้ยวทุกงาน...เขากินนอนอยู่แต่ในห้องกับนางบำเรอวัยละอ่อนที่พึ่งได้มาใหม่ เป็นครั้งแรกที่ฟาบริซทำตัวเช่นนี้ มันสร้างความแปลกใจและเหลือเชื่อให้กับทุกคน “ผมไม่ทรา
“ค่ะ ต่อไปบัวจะไม่ทำอีก” หญิงสาวกลืนน้ำตา เธอตอบกลับไปเสียงสั่นพร่า อะไรก็ตามที่ทำให้เขาไม่พอใจ เธอจะพยายามไม่ทำอีก เพื่อความสบายใจของทุกๆ คน โอกาสที่จะเจอกับกันคงไม่มี ต่อไปนี้เธอต้องพยายามเจียมตัว จนกว่าจะเป็นอิสระ เธอคงทำได้แค่รอ... “ดี...อย่าพยายามอ่อยใคร! เพราะมันทำให้ฉันหงุดหงิด” ฟาบริซกระแทกเสียงใส่ เขาร้อนรนไปทั้งเนื้อตัว ยามเห็นสายตาอ่อนโยนของผู้ชายคนอื่นทอดมองหญิงสาว เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ “ช่างเถอะ! เธอควรอยู่ในที่ของเธอ หากไม่ออกไปเดินเพ่นพ่านมันก็ไม่น่าจะมีปัญหา” ชายหนุ่มเดินวนไป วนมา เขาหาทางออกให้เธอ และมันคงทำให้เขากลับมาสงบได้เหมือนเดิม “ค่ะ” ใบบัวรับคำ เธอเองก็ไม่อยากวุ่นวาย เธออยากเป็นอิสระเร็วๆ และนับวันรอด้วยความเศร้านิดๆ “วันนี้ฉันจะออกไปทำงาน...เธอควรระวังตัวดีๆ ล่ะ
“เอาไปเถอะ...ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว เขารับคืนที่ไหนกันล่ะ เอาเป็นว่า...เธอช่วยปลอบใจฉัน ด้วยจูบหวานๆ สักทีก็แล้วกัน” “เอ่อ...” “น่า...นะ” ชายหนุ่มทำเสียงออดๆ เขาเถลตัวลงไปใกล้ๆ ใบบัว เพราะหากรอเธอเดินเข้ามาหาเอง คงได้รอจนเหนียงยาน... มือร้อนผ่าวเอื้อมจับหัวไหล่ของใบบัว หมุนตัวเธอมาเผชิญหน้า พร้อมกับโน้มตัวไปใกล้ๆ โดยที่ใบบัวไม่ทันได้เบี่ยงตัวหนีเขากดจุมพิตแผ่วๆ ที่มุมปาก ค่อยเคลื่อนปากที่ร้อนผ่าวๆ ขึ้นมาประกบกลีบปากอิ่มที่เผยอขึ้นเหมือนจะห้าม...จากจุมพิตอ่อนโยนเต็มไปด้วยความอบอุ่นและหวานเชื่อม แปรเปลี่ยนเป็นจุมพิตร้อนแรงตอนไหน? หญิงสาวเองก็ไม่รู้ตัว เธอทำได้แค่ยันมือไว้กับแผงอกแน่นตึงของเขา แหงนเงยใบหน้าขึ้นรับจุมพิตนั่นด้วยความเต็มใจ...หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อแผ่นหลังของเธอเอนแนบลงบนพื้นพรม โดยมีผู้ชายตัวใหญ่ๆ คร่อมทับ เขาเบี่ยงตัวนิดๆ เพื่อไม่ให้ทาบทับเธอไว้ทั
บทที่7.ลงทัณฑ์พิศวาสพิศตราละมือจากราวเสื้อผ้า เธอกำลังเลือกชุดเดรสสวยๆ สำหรับใช้ในงานวันเกิดเพื่อนคนหนึ่ง หางตาของเธอมองเห็นผู้ชายลักษณะภูมิฐาน...เดินผ่านไปแวบๆ เขาดูดีจนเธอสะดุดตา...จนต้องเดินตามมาเพื่อให้เห็นชัดๆ เต็มตา ผู้ชายใส่สูทเต็มยศ ไม่มีให้เห็นบ่อยนักที่จังหวัดเล็กๆ ติดฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อมีผู้ชายลักษณะแบบนั้น มันจึงแปลกตาสำหรับคนที่มองเห็น หญิงสาวอ้าปากค้าง เมื่อฟาบริซหมุนตัวกลับมา เหมือนเขามองหาอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เขาเดินผ่านหน้าพิศตราไปอย่างเฉียดฉิว เมื่อมองเห็นร้านค้าชื่อดังอยู่อีกด้านหนึ่งกับที่เขาเดิน เดเนียลถึงกับหอบแฮ่ก...เจ้านายเดินวนไป เวียนมาหลายสิบรอบ ทุกสิ่งที่หยิบฉวยมา แทบไม่มีของตัวเอง มีแต่ของผู้หญิง แล้วก็ของผู้หญิง กระเป๋า รองเท้า ชุดสวยๆ แม้กระทั้งชั้นในผู้หญิง แล้วที่เดินลิ่วๆ ไปนี่ เจ้านายเจออะไรอีกล่ะ 3 ชั่วโมงสำหรับการจับจ่าย มันนานเกินไปแล้ว เดเนียลไหล่ลู่ ถือของจนเมื่อยไปหมดทั้งอุ้งมือ
“ค่ะ ต่อไปบัวจะไม่ทำอีก” หญิงสาวกลืนน้ำตา เธอตอบกลับไปเสียงสั่นพร่า อะไรก็ตามที่ทำให้เขาไม่พอใจ เธอจะพยายามไม่ทำอีก เพื่อความสบายใจของทุกๆ คน โอกาสที่จะเจอกับกันคงไม่มี ต่อไปนี้เธอต้องพยายามเจียมตัว จนกว่าจะเป็นอิสระ เธอคงทำได้แค่รอ... “ดี...อย่าพยายามอ่อยใคร! เพราะมันทำให้ฉันหงุดหงิด” ฟาบริซกระแทกเสียงใส่ เขาร้อนรนไปทั้งเนื้อตัว ยามเห็นสายตาอ่อนโยนของผู้ชายคนอื่นทอดมองหญิงสาว เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ “ช่างเถอะ! เธอควรอยู่ในที่ของเธอ หากไม่ออกไปเดินเพ่นพ่านมันก็ไม่น่าจะมีปัญหา” ชายหนุ่มเดินวนไป วนมา เขาหาทางออกให้เธอ และมันคงทำให้เขากลับมาสงบได้เหมือนเดิม “ค่ะ” ใบบัวรับคำ เธอเองก็ไม่อยากวุ่นวาย เธออยากเป็นอิสระเร็วๆ และนับวันรอด้วยความเศร้านิดๆ “วันนี้ฉันจะออกไปทำงาน...เธอควรระวังตัวดีๆ ล่ะ
บทที่6.ผู้ชายอีกคนที่มาช้าไป“อีกนานไหมว่าเจ้านายของพวกคุณจะเสด็จลงมาจากห้องบรรทม!!” กัน ชยังกูร กระแทกเสียงฉุนเฉียว เขามีเรื่องต้องการพูดคุยกับฟาบริซ แต่ชายหนุ่มเสียเวลาไปเกือบครึ่งวัน ไอ้ฝรั่งขี้นกก็ยังไม่โผล่หัวลงมาจากห้องนอน ไม่รู้ว่ามันติดใจอะไรหนักหนากับห้องนอนตัวเอง ชายหนุ่มเวียนไปหามันที่คาสิโนฝั่งประเทศเพื่อนบ้านหลายครั้ง...หลังจากรู้ข่าวว่าฟาบริชมาเยือนประเทศไทยเพื่อตรวจงานเหมือนเดิม แต่ไอ้คนบ้างานเป็นบ้าเป็นหลังกลับไม่โผล่หัวไป กันจึงต้องบุกมาถึงถิ่น เหยียบรังราชสีห์เป็นครั้งแรก เดเนียลกรอกตา...เขาอยากจะบอกพ่อนักการเมืองใหญ่ตรงหน้าเสียนัก...อย่าว่าแต่กันเลย ทุกคนในที่นี้ไม่ได้พบหน้าฟาบริซเจ้านายมามากกว่า5 วัน เมื่อเจ้านายหนุ่มเบี้ยวทุกงาน...เขากินนอนอยู่แต่ในห้องกับนางบำเรอวัยละอ่อนที่พึ่งได้มาใหม่ เป็นครั้งแรกที่ฟาบริซทำตัวเช่นนี้ มันสร้างความแปลกใจและเหลือเชื่อให้กับทุกคน “ผมไม่ทรา
บทที่5.ใต้เงาปีศาจหญิงสาวขยับตัวช้าๆ เธอปวดร้าวไปทั้งตัว มือเรียวบางพยายามดันท่อนแขนหนักอึ้งที่พาดวางไว้บนสะโพกตึงออกไปอย่างทุลักทุเล“คนบ้า... ตัวหนักชะมัด” เธอบ่นอุบ หน้าแดงซ่านเมื่อตัวเองนอนหลับโดยปราศจากเสื้อผ้าคลุมกาย มีเพียงวงแขนกำยำเท่านั้นที่โอบประคอง ริ้วรอยบนร่างกายย้ำให้เธอรู้ว่านับจากนี้ไปเธอไม่ใช่ผู้หญิงสดสะอาดเหมือนเดิม ร่างกายนี้แปดเปื้อนด้วยคราบคาวของกามารมณ์ โดยชายผู้ยิ่งใหญ่เช่น ฟาบริซ! ดีคอร์เนอร์ ผ้าห่มผืนโตถูกลากลงจากเตียง เพื่อปกปิดความอุจาดตา...เธอรีบวิ่งฉิวเข้าห้องน้ำ ล้างเนื้อตัวลวกๆ สลัดคราบที่หมักหมมไว้ทั้งคืนทิ้ง...แล้วก็หนีไปซ่อนตัวในครัว...พื้นที่ที่เจ้าตัวคิดว่าตัวเองจะปลอดภัยที่สุด แต่ก็คงไม่สามารถหลีกหนีชายหนุ่มพ้น หากเป็นคำบัญชาจากเขา...แต่เวลานี้เธอต้องการที่พักใจ ขอเวลาเตรียมใจกับหน้าที่ใหม่ที่แสนน่าอายนี้ก่อน “อืม.
บทที่4.บรรณาการหวานระอุกว่าใบบัวจะคลำทางขึ้นมาจนถึงห้องนอนของฟาบริซได้ เธอใช้เวลาไปเกือบ30 นาที และหยุดทำใจอยู่หน้าประตูห้องอีก10 นาที กว่าจะยอมเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ภายในห้องนอนเงียบกริบ...เหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ด้านใน มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเบาๆ กับอุณหภูมิที่เย็นเฉียบจนใบบัวต้องยกมือขึ้นกอดอก เธอควานหาปุ่มเปิดไฟฟ้า เพื่อให้แสงสว่าง เธอกลัวจนขาสั่น หวาดหวั่นจนเหงื่อกาฬแตกซ่าน “มาแล้วรึ?” เสียงแหบต่ำดังมาจากมุมมืดในห้องนอน ใบบัวสะดุ้ง! เธอเหลียวซ้ายแลขวา มองหาต้นกำเนิดเสียง ผู้ชายที่เธอต้องมาทำหน้าที่นางบำเรอขัดดอกให้กับเขา เพื่อทดแทนบุญคุณของแจ่มจันทร์ ฟาบริซ ดีคอร์เนอร์ “ค่ะ” เธอรับคำแล้วจึงรีบก้มหน้าลง อายจนหน้าชาแม้จะมองไม่เห็นดวงตาของชายผู้นั้นเลยก็ตาม&nb
พัฒนะแหงนมองบนตัวตึก ไฟในห้องนอนของบิดายังเปิดอยู่ ท่านอาจจะนอนไม่หลับ และหากท่านรู้เข้า เขาไม่แคล้วถูกลงโทษ เมื่อสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ชายหนุ่มเม้มปากแน่น...เขาถอยหลังกลับ แล้วรีบหลบหายไปในเงามืด วันหน้ายังมีโอกาส อีบัวมันไม่มีทางไป สักวันหนึ่งเขาจะมอบความเป็นผัวให้มันเอง ตอบแทนที่มันถีบน้องชายเขาจนเจ็บแทบกระอัก!! แจ่มจันทร์ขมวดคิ้ว นางเห็นทุกอย่างแจ่มชัด หวุดหวิดได้ใบบัวเป็นลูกสะใภ้เสียแล้วสิ...ดีนะที่เด็กนั่นหนีรอดไปได้... นางถอนลมหายใจด้วยความโล่งอก ไม่นึกเสียใจสักนิดที่จะเขี่ยใบบัวออกไปจากบ้าน ไม่ต้องคอยระแวงว่าบุตรชายจะย่องลงไปหามันอีก เพราะหลังจากมันสังเวยความสาวให้ฟาบริซ มันคงไม่ย้อนกลับมาที่บ้านนี้หรอก คงสำเริงสำราญใช้เงินที่ไอ้หนุ่มนั่นมอบให้ และบุตรชายของนางก็จะได้รอดพ้นจากมัน... นางรูดผ้าม่านปิด เดินไปทิ้งตัวนอนด้านข้างสามี ที่หลับลึกเสียจนไม่รู้เรื่องรู้ราว...เช้าวันใหม่... คุณประพจน์กางหนังสือพิมพ์เปิด
บทที่3.การเผชิญหน้าครั้งแรกกับผู้ชายใจโหดไฟในร้านขนมยังไม่ปิด มีแสงรอดออกมาจากด้านในเล็กน้อย และแจ่มจันทร์รู้ดีว่าใครคนนั้นเป็นใคร นางสาวเท้าเดินให้เร็วขึ้น เมื่อมีเวลาแค่น้อยนิด... สำหรับเวลาส่วนตัวระหว่างนางกับใบบัว “คุณป้า!” ใบบัวอุทานเสียงหลง เธอกำลังยกขนมอบใหม่ออกมาจากหลังร้าน เตรียมจะจัดใส่ตู้โชว์ เพื่อใช้ขายวันพรุ่งนี้ “ยังไม่เสร็จอีกเหรอไงล่ะ?” เสียงของแจ่มจันทร์ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเคย ใบบัวช้อนสายตาขึ้นมองระหว่างที่หยิบชิ้นขนมวางลงในถาด “ค่ะ...อบรอบสุดท้ายแล้วล่ะค่ะ...” เธอพยักหน้ารับ ตอบเสียงแผ่วๆ เหนื่อยแทบขาดใจเพราะอ้อยกลับบ้านตามเวลา เมื่อเธอได้รับค่าแรงเท่านั้นสำหรับการว่าจ้าง เธอจึงต้องอยู่โยงทำคนเดียวจนกว่าจะเสร็จ ก็คงจะหลังเที่ยงคืนไปแล้ว “ฉันมีเรื่องจะค
“เห้อ...คุณฟาบริซรู้เรื่องเงินค้างจ่ายของเธอแล้ว... ท่านอยากเจอเธอน่ะ” สมชายบอกแจ่มจันทร์ เขาช่วยจนสุดความสามารถ ต่อไปนี้แจ่มจันทร์คงต้องช่วยตัวเอง “อะไรนะพี่ชาย...ตายล่ะ! ฉันควรทำยังไงดีล่ะ” “เธออยู่ไหนแจ่มจันทร์ ทางที่ดีที่สุดคือมาพบท่าน แล้วตกลงกันให้ได้เร็วๆ ล่ะ ไม่อย่างนั้นนะ... เธออาจกลายเป็นอาหารปลาในลำน้ำโขง” สมชายเตือนเสียงเข้ม คนหลายคนกลายเป็นศพ แล้วก็ไม่สามารถจับมือใครดมได้ เมื่อมันคืออิทธิพลมืด...ที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง “พูดเป็นเล่นไปได้พี่ชาย!...ฉันไม่ใช่ตาสี ตาสานะ จะมาฆ่าแกงกันง่ายๆ ได้ยังไงล่ะ” เธอกล่าวตอบเสียงขุ่น เงินก็กำลังหาอยู่นี่ไง แต่มันสุดวิสัยจริงๆ เพราะมันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ “เธอกำลังเล่นอยู่กับใครแจ่มจันทร์? ที่นี่น่ะ คุณฟาบริซยิ่งใหญ่กว่าเทพเจ้าเขาไม่ใช่กระจอก... ผัวทหารช่วยเธอไม่ได้หรอก ต่อให้เธอเป็นคนมีอิทธิพลเสียเองท่านก็ไม่ได้คิดกลัว พี่เห็นตายกันง่ายๆ มาหลายคนแล้วล่ะ หาเงินมาคืนเขาให้เร็วที่สุดดีกว่า...อย่าให้ถึงกับต้องฆ่าแกงกันเลย พี่ช่วยอะไรเธอไม่ได้เรื่องนี้นะแจ่มจันทร์...ขอบอกก่อน มันคนล่ะ