บทที่4.บรรณาการหวานระอุ
กว่าใบบัวจะคลำทางขึ้นมาจนถึงห้องนอนของฟาบริซได้ เธอใช้เวลาไปเกือบ30 นาที และหยุดทำใจอยู่หน้าประตูห้องอีก10 นาที กว่าจะยอมเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ภายในห้องนอนเงียบกริบ...เหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ด้านใน มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเบาๆ กับอุณหภูมิที่เย็นเฉียบจนใบบัวต้องยกมือขึ้นกอดอก เธอควานหาปุ่มเปิดไฟฟ้า เพื่อให้แสงสว่าง เธอกลัวจนขาสั่น หวาดหวั่นจนเหงื่อกาฬแตกซ่าน
“มาแล้วรึ?” เสียงแหบต่ำดังมาจากมุมมืดในห้องนอน
ใบบัวสะดุ้ง! เธอเหลียวซ้ายแลขวา มองหาต้นกำเนิดเสียง ผู้ชายที่เธอต้องมาทำหน้าที่นางบำเรอขัดดอกให้กับเขา เพื่อทดแทนบุญคุณของแจ่มจันทร์
ฟาบริซ ดีคอร์เนอร์
“ค่ะ” เธอรับคำแล้วจึงรีบก้มหน้าลง อายจนหน้าชาแม้จะมองไม่เห็นดวงตาของชายผู้นั้นเลยก็ตาม
“ถอดสิ! ฉันอยากเห็นว่าสิ่งที่คุณนายนั่นส่งมาให้ มันจะคุ้มกับที่ฉันต้องเสียเวลารอหรือเปล่า?” เสียงทรงอำนาจร้องสั่ง ใบบัวตัวสั่น ไหวยะเยือกไปทั้งลำตัว เธอเข่าอ่อนแทบจะทรุดลงไปกองที่พื้น เขาไม่ให้เวลาเธอตั้งตัวเลยหรือ คำสั่งเหมือนเธอไม่มีหัวจิตหัวใจ
“เอ่อ...”
“ถอดสิ...ถ้าไม่ถอดก็กลับออกไป! ฉันไม่ชอบคนขัดขืน...หรือว่าอยากลีลาท่ามาก! เพื่อโก่งราคา” ชายหนุ่มยังไม่ลดราวาศอก เขาพูดเสียงกร้าว แววตาเริ่มวาววับ ผู้หญิงตัวเล็กบางหน้าตาไร้เดียงสา แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกหล่อนจะอ่อนด้อยประสบการณ์ ส่วนมากเจนจบกันแทบทั้งนั้น เขาไม่หลงกลลูกไม้ตื้นๆ นี่หรอก หน้าใสซื่อ แต่ลีลาอาจจะเหลือร้ายก็ได้
ใบบัวรีบสะกดกลั้นน้ำตาที่จวนเจียนจะไหลหยดลง เธอสูดลมหายใจลึกๆ แม้จะหวาดกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น ก็ต้องฝืนเอาไว้ มือเรียวเล็กสั่นระริก ยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อชุดอยู่บ้านผ้าโปร่งบางช้าๆ ดวงตาเธอเหม่อลอย และพยายามสะกดใจให้นิ่งที่สุด ใบบัวตัวชา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่หุนยนต์ เมื่อยกมือสั่นๆ ขึ้นปลดกระดุมเสื้อ...
ชุดอยู่บ้านแสนสบายทำจากผ้าฝ้ายถูกปลดและทิ้งตัวลงไปกรอมอยู่ที่ปลายเท้า ใบบัวยกมือขึ้นกอดอก และไขว่ปลายขาเพื่อปิดบังของสงวน เธอรู้สึกถึงกระแสความร้อนที่ไหลเวียนอยู่ในห้องนี้ บุคคลคนเดียวที่ทำให้เกิดขึ้นได้คือผู้ชายนัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบทองคนนั่น ฟาบริซ!
ชายหนุ่มแทบลืมหายใจ เขายกมือขึ้นดันปลายคาง...มองความงดงามเย้ายวนตรงหน้าด้วยดวงตาที่หรี่ลง เลือดในกายวิ่งพล่าน ลมปราณแทบแตกซ่านเพราะความร้อนที่อัดแน่น ผิวกายของใบบัวเหมือนเคลือบไว้ด้วยผงทอง มันเหลืองอะร่ามสะท้อนแสงสลัวๆ เปล่งปลั่งและยวนตา ลาดไหล่กลมกลึงรับกับเต้าทรวงอวบอัดที่เขาเห็นแค่เพียงชั่วครู่ ก่อนจะถูกฝ่ามือน้อยๆ ยกปิดบังไว้...ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนช้าๆ เขาก้าวออกมาจากมุมมืด เดินย่างสามขุมเข้าไปหาใบบัว เหมือนเงาปีศาจที่เคลื่อนที่เข้าแทนที่แสงสว่าง และปกคลุมจนทั่วทั้งห้องจนมืดสนิท...
“เธอสวย... คุ้มค่ากับเวลาที่ฉันต้องเสียไป...นั่นไง...ที่ของเธอ”
ปลายนิ้วเรียวของฟาบริซชี้ไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่กลางห้อง สถานที่ที่จะกระชากความภาคภูมิใจของเธอและกดให้เธอต่ำต้อยลงด้วยความอดสู
น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลอาบแก้ม มันร่วงรินหยดลงบนพื้นพรม แต่คงไม่ได้ทำให้ผู้ชายใจหยาบคนหนึ่งรู้สึกผิด! เมื่อเธอเป็นแค่เครื่องบรรณาการที่ส่งมาเพื่อแก้ขัด
ทุกย่างก้าวของใบบัวเหมือนเธอเหยียบลงบนปลายหนามแหลมๆ ทั้งเจ็บปวดและอับอาย แต่เธอไม่มีทางเลือก นอกจากก้มหน้าทน...
“อย่าทำสนิมสร้อยเพื่อเรียกค่าตัวเพิ่ม...เธอไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้นหรอกนะ” เสียงของฟาบริซดังอยู่ทางด้านหลัง ใช่สิ! เธอมันแค่ก้อนกรวด แค่เศษดินติดรองเท้า ไม่ได้มีค่ามากพอให้คนอื่นยกย่องเชิดชู หญิงสาวคิดในใจแต่ไม่ได้ปริปากพูดออกมา
ใบบัวเหมือนนกปีกหัก...เธอคืบคลานขึ้นไปบนเตียงช้าๆ...พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนแบบอ่อนแรง... หมดสิ้นความภูมิใจ ไม่เหลือแม้กระทั้งศักดิ์ศรีความเป็นคน...ในเมื่อกำลังจะกลายเป็นเครื่องเล่นของผู้ชายใจหยาบคนหนึ่ง
ฟาบริซเดินมาหยุดข้างเตียงนอน เขาทอดสายตามองความกลมกลึงตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ผู้หญิงตัวเล็กๆ สุดโทรมที่แจ่มจันทร์เอามาโยนให้ เพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนระหว่างที่คุณนายนั่นวิ่งเต้นหาเงินมาจ่ายหนี้ที่ค้างไว้ หล่อนคุยนักคุยหนาว่าเด็กกะโปโลคนนี้ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ...ชายหนุ่มรับไว้อย่างเสียไม่ได้ เมื่อเขามีนางบำเรอเกลื่อนเมือง อะไรบางอย่างบอกให้เขารับไว้ นัยน์ตาของเธอเหมือนลูกกวางป่า ทั้งอ่อนโยนและตื่นกลัว มันอาจจะทำให้เขารู้สึกคึกคักประหนึ่งย้อนกลับไปในวัยหนุ่มละอ่อนอีกครั้ง และในเวลานี้ฟาบริซ...พึ่งแน่ใจ...เขามองไม่ผิดไปจริงๆ
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่ง และทันได้เห็นหญิงสาวสุดสวยสะดุ้งเฮือก! เธอทำเหมือนกับว่ากำลังบีบเนื้อตัวให้ลีบเล็ก และอยากจะมุดลงไปในผิวเนื้อของที่นอนหนาเพื่อซ่อนตัว
มุมปากหยักกระด้างกระตุกยิ้ม...
ปลายนิ้วยื่นออกไปแตะสัมผัสผิวกายเนียนเรียบตรงหน้า
“ยะ อย่า...” สุดที่จะฝืน สุดที่จะกลั้น ใบบัวพลิกตัวหนี เธอกระทดหนีไปจนสุดที่ปลายเตียง ส่งเสียงสั่นๆ วอนขอฟาบริซด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมเด็กน้อย...หากเธอไม่เต็มใจ...ก็เชิญเดินออกไปจากห้องนี้ได้เลย...ฉันไม่เคยบังคับใคร” ชายหนุ่มพูดเสียงแหบห้าว เขาไม่จำเป็นต้องบีบใครให้จนมุม ทุกคนที่เดินเข้ามาในห้องนี้ ล้วนแล้วแต่เต็มใจ ไม่เคยมีใครมีอาการดั่งเช่นเจ้าหล่อนสักคน แววตาตื่นตระหนกเช่นนี้ เขาไม่เคยเห็น ฟาบริซไม่เคยฆ่าแกงใคร เขาเป็นฝ่ายมอบความสุขให้พวกหล่อนต่างหาก
หญิงสาวเม้มเรียวปากจนเป็นเส้นตรง น้ำตาร้อนๆ เหือดแห้ง...เธอมาเพราะเต็มใจ แม้จะต้องยืนอยู่บนความอดสู ก็ต้องฝืนทน คำพูดของแจ่มจันทร์สาดใส่เธอ ข้าวแดงแกงร้อนที่เธอกินเข้าไป มาจากความเมตตาของหล่อนกับผู้เป็นลุง และหากแจ่มจันทร์ไม่ยื่นมือเข้าช่วย เวลานี้เธออาจจะจบชีวิตไปแล้วก็ได้ เพราะความอดอยาก...เพราะฉะนั้นเลือดทุกหยด เนื้อตัวของเธอทุกก้อน เป็นเพราะความเมตตาของแจ่มจันทร์ ทดแทนบุญคุณแค่นี้...มันไม่ได้ทำให้เธอตายหรอก...ใช่ไหม
ใบบัวจึงหลุบเปลือกตาลง และเมื่อถูกดึงเข้าไปหาวงแขนร้อนระอุอีกครั้ง เธอจึงทำได้แค่ดิ้นรนขัดขืนนิดๆ ได้แต่จำยอมแม้จิตใจจะหดหู่เต็มทน
“หึๆ” ฟาบริซหัวเราะให้กับชัยชนะของตัวเอง เขากระตุกบราเซียร์สีเนื้อจนหลุดกระเด็น ตามด้วยซับในตัวจ้อยที่เกาะสะโพกผายตึงไว้...มันเก่าและเปื่อยยุ่ยจนเขาแทบจะโยนทิ้ง
เป็นอีกครั้งที่ฟาบริซเกือบลืมการหายใจ เขาตะลึงมองสิ่งสวยงามตรงหน้าตาค้าง...เจ้าหล่อนซ่อนความงามไว้ใต้รูปร่างผอมโซในครั้งแรกที่เจอกัน เวลานี้ฟาบริซยอมรับอย่างไม่กระดากปาก บรรดาคู่ควงเป็นร้อยที่เคยผ่านตา ไม่มีใครงดงามได้เท่าใบบัวแม่สาวนัยน์ตาโศกคนนี้สักคนเดียว เธอคือประติมากรรมที่พระเจ้าคัดสรรมาอย่างดี อกอวบอิ่มขนาดพอเหมาะมือ ปลายยอดสุกปลั่งสีระเรื่อ เอวคอดกิ่ว รับกับสะโพกผายตึง ปลีน่องเรียวละเอียดดั่งต้นเทียน หล่อนคือความสมบูรณ์ที่เขาต้องยอมรับ
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงแนบข้าง เขาไล้ปลายนิ้วไปตามโค้งสะโพก และหญิงสาวถึงกับตัวสั่นระริก...มันยิ่งกระตุ้นให้เขาฮึกเหิม...ประหนึ่งกำลังเป็นอัศวินที่กำลังน้อมตัวรับโล่พระราชทานจากองค์ราชา...กระหายที่จะลิ้มรสแห่งความสำเร็จ และกลิ่นหอมหวานของอำนาจ
ฟาบริชลดตัวลงแนบชิดกับเรือนกายอวบอุ่น ปลายยอดสีสุกปลั่งถูกอุ้งปากร้อนชื้นอ้างับ ฟาบริซดูดซึมความหวานฉ่ำนุ่มหยุ่นเต่งตึงของเต่งเต้าอวบ ฝ่ามือร้อนๆ เคลื่อนที่เข้าครอบครองความอวบอิ่มข้างที่เหลือ เขาเคล้นคลึงด้วยความพึงพอใจ นวดเฟ้นเหมือนกำลังนวดคลึงแป้งทำขนมที่แน่นหนึบติดฝ่ามือแต่นุ่มเนียนละมุนมากกว่า
ความรู้สึกหวามไหวไหลปร่า แผ่กระจายทั่วทุกตารางนิ้วของผิวกาย ใบบัวเกือบหลุดเสียงครางแปลกๆ มันน่าอายที่เธอรู้สึกคล้อยตาม ทั้งๆ ที่หวาดกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น ความรู้สึกสยิวซาบซ่าน ชำแรกแทรกเข้ามาในหัวใจยามที่ถูกโลมลูบตามเนื้อตามตัว ร่างกายของเธอแทบจะลุกเป็นไฟ เมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ๆ ลูบไล้สัมผัส ให้ตายเถอะ!! ใบบัวไม่เคยคิดว่าการแตะต้องกันระหว่างชายหญิง จะทำให้เธอรู้สึกบอกไม่ถูกเช่นนี้ เธอหลับตาปี๋! เกร็งจนตัวแข็ง กระแสไฟอ่อนๆ จากปลายนิ้วของเขาวิ่งพล่านไปทั่วทั้งตัวเธอ มันจุดประกายบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้จัก และมันกำลังทำให้เธอกระหาย...และอยากรู้ในสิ่งต่อไปที่กำลังจะมาเยือน!!
ชายหนุ่มสัมผัสความเต็มตึงด้วยความพึงใจ ยิ่งลูบไล้ยิ่งสัมผัส ทุกสิ่งอย่างล้วนถูกใจ จึงเดินหน้าเต็มกำลัง...
เสียงคราวผะแผ่ว ดังรอดออกมาจากกลีบปากที่เม้มแน่น ตั้งแต่ความซ่านเสียวซ่านสาดใส่จนคนใจแข็งก็ยังลืมตนฟาบริซ กระตุกยิ้มมุมปาก เขาโน้มตัวลงพรมจุมพิตหนักๆ ใต้ฐานอกอวบอัด ปลายจมูกโด่งๆ ลากไล้ไปมา และลากละลงต่ำๆ รวมทั้งสูดกลิ่นความหอมหวาน เร่งปลุกกระแสเลือดในกายของหญิงสาวให้เดือดพล่านเพิ่มขึ้น ผิวของใบบัวผ่องนวลลออ ไร้ไฝฝ้าและตำหนิ ผิวขาวนวลอร่ามออกสีเหลืองอ่อนๆ ผิดกับคนในถิ่นเดียวกันของเธอ เท่าที่เคยสัมผัสและเคยพบเจอพวกหล่อนจะผิวหยาบกร้าน ไม่ก็ขาวเผือดเพราะสารเคมี ผิวหยาบกร้านเหมือนลูบมือลงบนกระดาษทราย แต่ใบบัวผู้หญิงนัยน์ตาโศกเป็นนิจ ผู้ชั้นต่ำก้นครัว ผิวของเธอกลับเนียนมือ เหมือนผ้าไหมชั้นเลิศที่ถูกช่างผู้มีฝีมือทักทอจนละเอียดลออหมดจด ชวนมองและนุ่มเนียน
ชายหนุ่มชื่นชมในใจ ยิ่งเคลื่อนฝ่ามือลงไปเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งตื่นตะลึง! แผ่นท้องแบนราบเรียบ แอ่งสะดือบุ๋มชวนให้หลงใหล เอวคอดกิ่วแทบจะขาดจากกัน หากสัมผัสแรงๆ สะโพกผายกว้างและงามงอน จนแม้แต่คนเชี่ยวชาญเกมรัก ยังสะดุดลมหายใจตัวเอง เมื่อได้เห็นความงามยั่วเย้าสายตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นแค่เครื่องบรรณาการ หล่อนนอนตัวแข็ง จากที่เขาคิดว่าเป็นแค่มารยาของหล่อน หล่อนพยายามสร้างภาพให้เขาหลงเชื่อว่าเธออ่อนเดียงสาและไร้คราบคาว เขาอยากจะหัวเราะให้ดังก้อง เมื่อกำลังจะได้เป็นคนแรกที่ลิ้มรสน้ำค้างกลางหาวที่ฉ่ำหวานและสดสะอาด
ปลายนิ้วแข็งแรงเกลี่ยไล้เหนือกลุ่มไหมสีดำสนิท จนคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก! เธอรีบไขว่เรียวขาตัวเองให้แน่นขึ้น หลับตาปี๋และหอบหายใจจนตัวโยน เมื่อฝ่ามือร้อนๆ นั่นวนเวียนอยู่ใกล้จุดอันตราย...
“ยะ...อย่าค่ะ”
“มันเป็นไปตามข้อตกลงนะเด็กน้อย...อย่าพยายามห้าม...เพราะฉันไม่อยากขาดทุน” ชายหนุ่มตอบเสียงแหบพร่า ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบทองขุ่นมัว มันอบอวลด้วยไฟปรารถนาที่ลุกโพลง
ใบบัวตัวกระตุก...เธอผวาเยือก เมื่ออุ้งมือร้อนระอุจ่อมจมลงไปในกึ่งกลางร่างกายของเธอ ดวงตาคมดุหรี่ปรือ ลมหายใจร้อนผ่าวๆ พุ่งพรวดๆ ชายหนุ่มกระชากชุดคลุมหลังอาบน้ำบนร่างกายตัวเอง โยนทิ้งไว้ข้างเตียงนอน ตามด้วยการทอดกายลงนอนเคียงข้าง พรมจุมพิตผิวกายอ่อนบางอย่างดุดัน เป็นครั้งแรกที่ฟาบริซดุเถื่อน เขาทำอะไรแบบที่ตัวเองไม่เคยคิด! ชายหนุ่มคิดจะค่อยละเลียดชิมรสเด็กสาว จนกว่าเธอจะร้องขอให้เขาปลดปล่อย แต่ครั้งนี้...ชายหนุ่มไม่สามารถฝืนความต้องการของตัวเองได้ ร่างกายของเขาเครียดเขม็งเพียงแค่ ลูบๆ คลำๆ เด็กสาว อารมณ์ในร่างกายก็กระโจนขึ้นสูง เกือบปรอดแตก รีบโน้มตัวลงไปใกล้ๆ เบียดส่ายลำตัวร้อนผ่าว บดเบียดกับผิวนุ่มชุ่มชื่นเพราะเม็ดเหงื่อไหลรินชโลมจนเปียกปอนไปทั้งลำตัว
ใบบัวอ้าปากพะงาบๆ ตะครุบงับอากาศจากภายนอก เมื่อไม่สามารถสูดลมหายใจเข้าปอดได้ทัน... ทรวงอกอวบอัดไหวสะเทือน ร่างกายของเธอล่องลอยเหมือนปุยนุ่น...ลอยละล่องคว้างอยู่กลางอากาศ มันหวิวไหวสลับกับวูบวาบเป็นความตื่นตา ปนเปไปกับความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จักและพบเจอ เธอไม่เห็นรู้สึกเช่นนี้เลย ตอนที่ถูกพัฒนะแตะต้อง ฝ่ามือของเขาน่าขยะแขยง เธอรังเกียจเสียจนแทบน้ำตาไหล
“ปะ ปล่อยค่ะ” จู่ๆ ใบบัวก็ตัวเกร็ง เธอเปิดเปลือกตาขึ้นมอง และรีบกระทดตัวหนี
“ไม่ทันแล้วล่ะคนสวย” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงแข็ง เขาพลิกตัวคร่อมร่างเปล่าเปลือย พร้อมทั้งเสียดสีร่างกายร้อนผ่าวกับผิวหนังชื้นเหงื่อของหญิงสาว อุ้งมือแข็งเกร็งขยุ้มเนินทรวงอวบอัด เขาบีบบี้...และกอบกุม หันเหความตกใจของใบบัว ฟาบริซกระแทกริมฝีปากปิดปากอิ่ม...เขาบดจูบแรงๆ และพยายามดึงดันความแข็งขึงเข้าไปใกล้ๆ ความชุ่มชื่น
ใบบัวหลงเคลิ้มไปกับความวาบหวาม มารู้สึกตัวอีกที... ก็ตอนที่รู้สึกเหมือนถูกฉีกกระชากร่างกายเป็นชิ้นๆ มันเจ็บร้าวแปลบปราบตลอดตั้งแต่หน้าขาเพรียว จนถึงกึ่งกลางร่างกาย!! เจ็บจนต้องเผยอปากครางเสียงแหบแห้ง...
“เจ็บ...ค่ะ ฉันเจ็บ” เสียงสั่นพร่า กับมือเล็กๆ ที่พยายามผลักดันลำตัวของเขา เธอเกร็งตัวและพยายามจะหุบหน้าขาให้เบียดชิดกันมากขึ้น เพื่อไม่ให้สิ่งแปลกปลอมขยับเข้ามาได้ลึกมากกว่าเดิม
“ชูว์...” ฟาบริซเองก็กำลังแย่ เขารู้สึกเหมือนถูกรัดแน่นจนแทบหายใจ หายคอไม่ออก แม้แต่การขยับตัวยังทำได้อย่างยากลำบาก เสียงกระซิบปลอบจึงแหบปร่า และหยุดชะงักการเดินหน้า เพื่อให้คนใต้ร่างได้ปรับตัว จนกว่าเธอจะชินกับสิ่งแปลกปลอมที่มีขนาดใหญ่โตอลังการ
เม็ดเหงื่อผุดซึมเต็มหน้าผากกว้าง...กว่าจะพ้นวิกฤตของความเจ็บเจียนตายเช่นนี้ได้ ตัวเขาคงระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
แต่ผลตอบรับหลังที่ร่างกายของใบบัวคุ้นชิน ฟาบริซแทบขาดใจตายเพราะรสพิศวาสที่เขาได้รับตอบกลับมา ชายหนุ่มเกือบกระอักความสุข เพราะความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าใส่ ทั้งอิ่มเอิบ ซาบซ่าน และปริ่มเปรม
“อา...” เสียงกรีดร้องยาวเหยียดของคนตัวเล็กใต้ร่าง แสดงให้เขารู้ว่าเธอกระโจนไปถึงจุดหมายปลายทางสำเร็จด้วยดี เรือนกายอวบอุ่นกระตุกสั่น และเมื่อนั้นก็ควรถึงเวลาที่เขาต้องปลดปล่อยเสียที ชายหนุ่มกัดฟันแน่น เขาโถมเข้าใส่ใบบัวสุดแรงกำลัง ทุกหยาดหยดของเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย เสือกเสยแก่นกายลงไปเน้นๆ และกระโจนตามหญิงสาวไปติดๆ...พร้อมกับการระเบิดพร่างพรายแบบสุดโต่ง...
“อ๊าคคค...”
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรงๆ หอบกระชั้นไปทั้งลำตัว แผงหน้าอกแน่นตึงยุบวาบ เมื่อเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาดกับการโรมรันกับหญิงสาวใสซื่อที่ร้อนแรงยิ่งกว่าไฟบัลลัยกัลป์!
ฟาบริซทิ้งตัวนอนหงาย เขากระตุกผ้าคลุมเตียง ตลบขึ้นไปคลุมหญิงสาวที่รีบขดตัวเหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง เธอตัวสั่นและสะอึกสะอื้น...จนชายหนุ่มรำคาญสุดจิต เขาไม่ใช่ผู้ร้ายบ้ากามที่กระทำชำเราหล่อน จะเสียใจอะไรหนักหนา ก็แค่เสียตัว...ตอนที่คลุกเคล้ากันก็เห็นดีดดิ้นไม่หยุด พอเสร็จสรรพสมใจหมาย จะร้องแล่ แห่กระเซิงเพื่ออะไร? เขากระเด้งตัวผุดลุกขึ้นยืน...คว้าชุดคลุมขึ้นมาสวมบนร่างกายลวกๆ พร้อมทั้งกรรโชกเสียงเข้ม
“ฉันไม่ใช่ผู้ชายบ้ากามที่ข่มขืนเธอนะ... หยุดร้องไห้ได้แล้ว น่ารำคาญฉิบ!”
ชายหนุ่มโวยวายจนพอใจ จึงกระแทกเท้าเดินปึงปังจากไป เขาทรุดนั่งที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์รินน้ำสีอำพันลงในแก้วคริสตัลแล้วจึงยกขึ้นกระดกใส่ปากอักๆ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนร้องไห้หลังจากอิ่มเอมรสสวาทกับเขา พึ่งจะมีใบบัวเป็นคนแรก ยัยเด็กนั่นทำให้เขาเสียเซลฟ์!
หญิงสาวสะอื้นไห้ เธอกัดกระพุ้งแก้มและกลั้นเสียงร้องกระซิกๆ จนตัวสั่น แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังรู้
คนใจร้ายนั่นด่ากราดเธอ แล้วก็เดินหนีไป ทิ้งให้เธอเจ็บแทบตายอยู่เพียงลำพัง หญิงสาวหวาดกลัวตัวเอง เธอลืมตัวและเดินตามการนำของอีกฝ่าย หลงลืมความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น สนองตอบแบบไม่หวั่นเกรง และแบบไร้ยางอาย เสียงครางแผ่วหวิวยังดังติดหู เธอไม่อยากจะคิดว่านั่นคือเสียงของ ‘ตัวเอง’
ใบบัวนอนน้ำตาริน เพลียจนหลับไปแบบไม่รู้ตัว เธอไม่รู้ว่าหลังจมอยู่ในนิทราแสนสุขปนคราบน้ำตานั่น เงาร่างตะคุ่มๆ ย้อนกลับมา เขาเมามายพอสมควร แต่ก็ยังฝืนใจเดินโซเซกลับมา ทอดกายนอนเคียงข้างเธอ บ่นพึมพำเป็นหมีกินผึ้ง...แต่กลับกอดกระชับใบบัวแน่นขึ้นกว่าเดิม...
บทที่21.ตอนพิเศษ...ของใบบัวเป็นความสำเร็จที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับใบบัว...เกือบสี่ปีที่เธอภาคเพียร โดยมีฟาบริชเป็นคนคอยให้กำลังใจ เธอต้องเรียนหนักกว่าคนอื่นๆ เมื่อเธอต้องเริ่มต้นที่ภาษา แต่ไม่เคยทำให้คนสู้ชีวิตอย่างใบบัวท้อถอย...การเรียนเป็นความใฝ่ฝันสูงสุดของเธอ มันอยู่ในความคิดของใบบัวตลอดเวลา แม้จะมองดูริบหรี่เหลือแสน... ไม่มีอะไรสายไปหากเราขยันและอดทน...และหลังความเพียรพยายาม นั่นคือการประสบความสำเร็จ!! ฟาบริชยืนยิ้ม ในอ้อมแขนของเขามีเด็กชายอายุสามปีกว่าๆ เด็กชายฟาฮาน สายใยระหว่างเขากับใบบัว แม่บรรณการแสนสวย เด็กสาวนัยน์ตาเศร้าสลดเมื่อแรกเห็น...วันนี้หล่อนกลายเป็นภรรยาของเขา เป็นผู้หญิงที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามานั่งอยู่ในหัวใจ ไม่เคยมีเสียงต่อว่า มีแต่ความอดทนและจำยอม เขาแพ้หล่อน...แพ้ความดีของหล่อนอย่างหมดรูป ไม่เคยคิดฝันว่าตัวเองจะมี ‘ครอบครัว’ ไม่เคยคิดฝัน ว่าตัวเองจะพบเจอกับคำว่า...ความรัก...
ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม เคลื่อนฝ่ามือขยับเคล้นคลึงเนินอกอวบอัด บีบบี้ขยี้ขยำด้วยความเมามัน ลากไล้ปลายนิ้วชี้กรีดตามผิวกายเรียบลื่น ตามผิวเนียนชื้นเหงื่อ ดูดซึมความหอมหวานของทรวงงาม ในขณะที่ร่างกายก็เสียดสีไม่หยุด...เสียงลมหายใจหอบโยนดังกึกก้อง เดเนียลไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เขาร้อนเป็นไฟ ปานน้ำเดือดคลั่กๆ บนเตา เขาอยากมอบรสรักหวานหอม ให้พิทีเซียได้รู้จัก อยากแนบสนิทกับเธอทุกสัดส่วน จนตัวเองยังรู้สึกตระหนก“แค่เธอคนเดียวเท่านั้นพิชชี่” ชายหนุ่มกระซิบเสียงแหบปร่า หญิงสาวอ้าปากพะงาบๆ เธอไม่ได้ตอบ เพราะกำลังหัวหมุนกับความรัญจวน จนเผลอครางกระเส่าเสียงแห้งๆ ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเสียดเสียว ที่แผ่ซ่านไปตามผิวกาย เธอหรี่ตามองเดเนียล แววตาของพิทีเซียฉ่ำพราวเต็มไปด้วยไอปรารถนา“อย่าทำแบบนี้” แม้จะรู้ว่าไม่มีทางหยุดยั้งเขาได้ แต่พิทีเซียก็ยังพยายามเดเนียลตอบเสียงปร่า “อย่าห้ามฉันเลย...เธอก็รู้นี่ว่าเราควรเป็นแบบนี้ในสักวันหนึ่ง ไม่ใช่วันนี้... ก็ต้องเป็นพรุ่งนี้”อารมณ์หนุ่มกำล
“ปากเสีย!” หญิงสาวแก้เก้อให้ตัวเอง เธอบ่นว่าเขาเบาๆ แล้วจึงรีบลุกขึ้นเพื่อเดินหนี “อ้าว! ยังไม่ตอบ จะรีบไปไหนอีกล่ะ” เดเนียลยิ้มเต็มหน้า เขาตะโกนตามหลัง แล้วจึงเดินตาม “ถามบ้าๆ นี่เวลาเท่าไรแล้ว? ฉันก็ต้องไปทำงานสิ” พิทีเซียตอบ เธอไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ เธอกลัวตัวเองจะเพลี่ยงพล้ำ “เหรอออ...นึกว่ากลัว” ชายหนุ่มหยอด เขาสนุกทุกนาที นึกดีใจที่เจ้านายจับโยนมาหาหญิงสาว ที่สำคัญมันคงถึงเวลาของตัวเองแล้วสินะ... ถึงเวลามีความสุขอย่างแท้จริง กับคนที่ถูกใจ “ทำไมฉันต้องกลัวนายด้วยเหอะ!” มีเสียงเถียงกลับ มุมปากอิ่มเต็มมีรอยยิ้มนิดๆ...เธอมีคู่ปรับฝีมือทัดเทียมกัน จนทำให้มี
บทที่20.บรรณาการแสนหวานพิทิเซียชี้มือไปที่โทรศัพท์ประจำห้อง...มีรายการอาหารพร้อมกับร้านเจ้าประจำที่เธอฝากท้องด้วย เธอไม่มีเวลาจะมาทำกับข้าวกับปลา ไม่มีความเป็นกุลสัตรี เป็นผู้หญิงแกร่งที่ทำงานเป็นหลัก ไม่นิยมอยู่หน้าเตาไฟเดเนียลก็ยังอมลิ้นเหมือนเดิม เขาไม่ได้ตอบ และหญิงสาวก็รีบชิ่งหนี เมื่อมันอันตรายกับตัวเอง เกินกว่าที่จะอยู่ใกล้ๆ หากเขาบ้าเลือดขึ้นมาอีก เธออาจจะเสียมากกว่าจูบ!!หญิงสาวใช้เวลาส่วนตัวในห้องที่ล็อกประตูแน่นหนา เธออาบน้ำและใส่เสื้อผ้าให้รัดกุมกว่าเก่า ไม่เปิดโอกาสให้เดเนียลได้มีโอกาสมองฟรีๆ เหมือนเมื่อเช้าเด็ดขาด...กางเกงวอร์ม เสื้อแขนยาว...แทนชุดนอนสุดหวิว ที่นิยมใส่ก่อนนอน วันนี้พิทีเซียงด เพราะมันไม่ปลอดภัยหากมีเดเนียลอยู่ในห้องหับลับตาคนด้วยเมื่อเปิดประตูห้องนอนออกมา เธอได้กลิ่นหอมๆ ของอาหารมื้อเย็น และกลิ่นนั้นเหมือนกำลังกวักมือเรียกหญิงสาวสูดกลิ่น ไล่ดมตามกลิ่นมา จมูกพะเยิบพะยาบ...จนกระทั่งถึงส่วนครัว...ที่หยากไย่น่าจะเกาะ เพราะเธอไม่เคยเฉียดเข้าใกล้ นอกจากเข้ามาหาน้ำเย็นๆ ดื่มแก้กระหายพิทีเ
บทที่19.พรหมลิขิตเปิดตาฉับ! ดวงตาสบกันจังๆ เขามองต่ำลงมาที่หว่างอกของพิทีเซีย เป็นความสะเพร่าของตัวเองที่โน้มตัวลงใกล้ขนาดนี้ จนเดเนียลมองเพลินไปสิ กับหน้าอกหน้าใจของตัวเองที่แทบจะใส่พานถวายผิวแก้มของพิทีเซียขึ้นสีจัด เธอมองเห็นสายตาวาววับของเดเนียลนั้นจับจ้องอยู่ที่ใด...เธอยืดตัวขึ้น หมุนตัวเดินหนี โดยไม่พูดอะไรอีกเลยปัง!เสียงประตูห้องถูกกระแทกแรงๆ มันปิดงับลงและปิดกันสายตาร้อนแรงของเดเนียลเช่นกัน...“โอ้ย! อยากจะบ้า...ฉันจะต้องทนอยู่ร่วมห้องกับผู้ชายอันตรายแบบนั้นเหรอ?”พิทีเซียกระแทกเสียงพูด มือเธอทุบพวงมาลัยรถยนต์ แทนการกระแทกหน้าเดเนียล ผู้ชายอันตรายที่หล่อล่ำ พอๆ กับกัปตันอเมริกา พระเอกขวัญใจของมวลมหาประชาชนจากทั่วโลก...เดเนียลแพ้คริส อีแวนส์แค่ความดัง นอกนั้นนะเหรอ...พอสูสีกันเชียวแหละ และเธอแพ้ทางเขา เธอควรทำยังไงดี...ควรจะตั้งรับยังไง? ที่จะทำให้ตัวเองปลอดภัยจากภัยคุกคาม ที่มาในรูปร่างของผู้ชายสุดหล่อ...ใบหน้าของพิทีเซียยังคงบึ้งตึง แม้จะถึงเวลาทำงาน...เธอนั่งเหม่อ เมื่อในหัวต
บทที่18.พิเศษ...เดเนียลบอดี้การ์ดหัวใจตายด้าน...“ว้าย! อย่าเข้ามานะ ฉันไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเลย...ห้ามนายขยับเข้ามา...อย่างเด็ดขาด!!”เดเนียลกรอกตาขึ้นๆ ลงๆ เขาหรือจะสนเสียงร้องห้าม เมื่อหน้าที่ครั้งนี้ของเขาคือการดูแลอารักขา พิทีเซียอย่างใกล้ชิด ในฐานะบอดี้การ์ดส่วนตัวของหล่อน บอดี้การ์ดที่ถูกอัปเปหิมา...เมื่อฟาบริชเจ้านายไม่ต้องการส่วนเกินชายหนุ่มเดินอาดๆ ไปหาหล่อนอย่างหน้าทน แก้วหูของเขาก็แทบจะแตก!! เพราะเสียงร้องกรี๊ดๆ ของน้องสาวเจ้านาย พิทีเซีย ดีคอร์เนอร์ ไม้เบื่อไม้เมาของเขา ยัยผู้หญิงเรื่องมากสุดพยศ“กรี๊ดดดดดด!!”เจ้าหล่อนกรี๊ดเสียงดังคับห้อง ดวงตาคมเฉี่ยวมองเขาตาลุกโพลง เมื่อเห็นดังนั้น... เดเนียลจึงตัดสินใจกระโจนเข้าใส่...พอถึงตัวหล่อนได้...ก็รีบเอามืออุดปากหล่อนเสียเลย…“เงียบ!” เสียงเหี้ยมและแสนจะดุดัน จากผู้ชายหน้าตาคุ้นๆแต่คิดหรือว่าพิทีเซียจะสิ้นฤทธิ์ง่ายๆ เขี้ยวคมๆ ของหล่อนก็งับลงมาบนฝ่ามือของเขาอย่างไร้ความปราณี ฟันคมๆ นั่นขย้ำลงมา