LOGIN“ปรางค์มีเพื่อนอีกคนที่เค้าฝึกงานที่นี่ พาเพื่อนของปรางค์ไปด้วยได้หรือเปล่าคะ”
“ได้สิจ้ะ ทำไมจะไม่ได้ ว่าแต่เพื่อนของปรางค์ฝึกงานที่บริษัทไหนล่ะ”
“บริษัทประกันชีวิตค่ะ” โสภาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะยิ้มให้และลงมือทำงานต่อไป
ก่อนเวลาอาหารรับประทานอาหารกลางวันห้านาที เสียงโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะของโสภาดังขึ้น
“ค่ะท่านประธาน” เธอกรอกสายผ่านเครื่องโทรศัพท์ การสนทนาเกิดขึ้นไม่นานนักก็ยุติลง หลังจากที่โสภาวางโทรศัทพ์ลงที่แป้นเธอก็หันมามองปรางค์รวีที่นั่งทำงานอยู่อย่างขะมักเขม้น ความสงสารสงสารและเห็นใจปรางค์รวีท่วมท้นจิตใจ ภาวนาให้ผู้หญิงบอบบางคนนี้รอดพ้นจากเจ้านายหนุ่ม ที่เปรียบเสมือนเสือคอยตะปบเหยื่อสาวๆ สวยๆ ตลอดเวลา ถ้าเธอไม่แต่งงานมีสามีและมีลูก เธอคงหนีไม่พ้นเป็นดอกไม้ประดับแจกันของเขาแน่นอน และอีกข้อถือว่าเป็นความดีที่เจ้านายหนุ่มมี คือจะไม่ยุ่งกับพนักงานสาวในบริษัท แม้ว่าหลายคนจะทอดสะพานรอไว้ให้เขาเดินข้ามาก็ตาม แต่งานนี้เห็นทีวิตโตริโอจะแหกกฎเหล็กเสียแล้ว
“ปรางค์ท่านประธานให้เข้าไปพบ” ปรางค์รวีเงยหน้ามองผู้พูด หัวใจของเธอเต้นเร็ว มือที่จับปากกาอยู่เริ่มสั่น เขาจะเรียกเธอไปพบทำไม เธอไม่อยากเข้าไปเลย เธอกลัว.กลัวอย่างบอกไม่ถูก
“พี่ภาพอจะทราบหรือเปล่าคะ ว่าให้ท่านเรียกให้ปรางค์เข้าไปทำอะไร” เธอถามเสียงสั่น ในใจหวาดหวั่นยิ่งนัก
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ท่านเรียกปรางค์ก็เข้าไปเถอะ” โสภาไม่พูดในสิ่งที่ตัวเองพอจะเดาออก ปรางค์รวีลังเลชั่วครู่ ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้องทำงานของประธานบริษัท เคาะประตูหน้าห้องสามสี่ครั้ง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
“ทำไมมาช้าจัง” เขาถามด้วยย้ำเสียงหงุดหงิด
“ปรางค์ทำงานค้างอยู่ค่ะ” เธอตอบเสียงเบา
“เวลาฉันเรียก ไม่ว่าเธอจะมีงานล้นมือหรือว่าท่วมหัวขนาดไหน เธอก็ต้องเข้ามาหาฉันตั้งแต่ที่ฉันเรียก ฉันไม่ชอบคอยใครนาน”
น้ำเสียงของเขาเพิ่มระดับความดังมากยิ่งขึ้น วาจาเอาแต่ใจเผด็จการที่เธอได้ยิน ทำให้ปรางค์รวียืนตัวสั่น ประสานมือทั้งสองข้างเข้าหากันแน่น
“ขะขอโทษค่ะ”
“ฉันหวังว่าครั้งหน้าเธอคงไม่เข้ามาช้าอีกนะ ฉันหิวข้าวแล้วจะไปกินข้าว ที่เรียกเธอเข้ามา รู้ไหมว่าเรียกมาทำไม” เขาถามด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ ซึ่งเธอไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะมัวแต่มองที่พื้นนิ่ง
“ไม่ทราบค่ะ”
“นี่แม่คุณ หน้าฉันไปอยู่ที่พื้นหรือไง ถึงได้แต่ก้มหน้าอยู่ได้”
วิตโตริโอถามด้วยความรำคาญ เขาพูดอยู่กับเธอแท้ๆ ไม่มองหน้าเขาเลยสักนิด เอาแต่ยืนก้มหน้าอย่างเดียว ปรางค์รวีเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ หลบเลี่ยงที่จะมองหน้าเขา เธอกลัวจนหัวใจดวงนี้แทบจะเต้นออกมาข้างนอก
“เดินเข้ามาใกล้ๆ หน่อยได้ไหม ฉันขี้เกียจตะโกนพูดกับเธอ เจ็บคอไปหมดแล้ว” เขาแกล้งพูดไปอย่างนั้นไม่ได้เจ็บคอตามที่เอ่ยออกไป
ปรางค์รวีก้าวเท้าอันหนักอึ้งเดินมาหาเขาตามคำสั่ง จนกระทั่งมาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงานของเขา
“ดีมาก เอาล่ะที่เรียกเธอเข้ามาเพราะว่าจะบอกหน้าที่ใหม่ของเธอ ทุกเที่ยงเธอจะต้องไปกินข้าวกับฉัน เข้าใจหรือเปล่า” ปรางค์รวีหน้าถอดสีเมื่อได้ยินหน้าที่ใหม่ที่เขายัดเยียดให้ หน้าที่แบบนี้มีด้วยหรือ เวลาพักกลางวันเป็นเวลาส่วนตัวของพนักงาน ที่มีสิทธิ์จะไปไหนหรือทำอะไรก็ได้ แต่ต้องกลับมาที่ทำงานในระยะเวลาที่กำหนด
“ทำไมล่ะคะ” เธอถามอย่างใสซื่อไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขา
“พูดมากจริง ให้ทำอะไรก็ทำเถอะ ไป.ฉันหิวแล้ว เธอไม่ไปก็ได้นะแต่ฉันจะกินเธอแทนข้าว”
เขาพูดจบก็เดินมาหาปรางค์รวีที่ยืนตัวแข็ง ตกใจกับคำขู่ที่ทำให้โสตประสาทแทบจะหยุดทำงาน ก่อนจะฉวยมือนุ่มไว้ในมือของตนแล้วจับจูงเดินออกจากห้อง
ปรางค์รวีได้ยินคำประกาศก้องของเขาแล้วมีหรือจะกล้าขัด เดินตามแรงลากจูงอย่างไม่เกี่ยงงอน ใครจะกล้าขัดเล่าเมื่อคำพูดของเขาชี้ชัดว่าเอาจริงไม่ได้พูดเล่นแม้แต่นิดเดียว
สายตาของพนักงานมองร่างสูงหนาของวิตโตริโอ เดินกุมมือน้อยของนักศึกษาสาวฝึกงาน โดยยมีลูกน้องของเขาเดินตามมาด้วย พอร่างของทั้งหมดเดินผ่านไป เสียงติฉินนินทาก็ดังขึ้น
“ฉันว่านะ น้องใหม่คนนี้ต้องกลายเป็นดอกไม้ของคุณเสือแน่เลย ดูสิมาวันเดียวเจ้านายจับมือไม่ปล่อย” พนักงานสาวคนหนึ่งพูดไล่หลัง
“ใช่ ฉันก็ว่าอย่าว่าอย่างนั้น แต่คุณเสือไม่เคยยุ่งกับพนักงานในบริษัทไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นกิ๊กของคุณเสือแต่ละคน ไม่ดารา นักร้องหรือไม่ก็นางแบบทั้งนั้นสวยๆ ทั้งนั้น” อีกคนวิจารณ์เสริม
“นั่นนะสิ ฉันเห็นแล้วอิจฉาแทน ใครได้เป็นกิ๊กกับคุณเสือถือว่าโชคดีสุดๆ” อีกคนพูดเสริมอย่างเพ้อฝัน เพราะคนที่พูดก็อยากจะเป็นหนึ่งในดอกไม้ของวิตโตริโอเช่นกัน หากแต่เขาไม่เคยยุ่งกับพนักงานในบริษัท เนื่องจากอาจทำให้ภาพจน์ของเขาที่มีต่อพนักงานเสียไป
“ฉันว่าน่าจะโชคร้ายมากกว่า คุณเสือไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงเกินสามวันเลยสักราย ฉันเป็นประชาสัมพันธ์ของที่นี่มาแปดปี คุณเสือควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่ละคนไม่เกินสามวันพอวันที่สี่เปลี่ยนคนใหม่เสียแล้ว”
“นี่พวกเธอไม่ไปกินข้าวเที่ยงกันเหรอ มัวแต่มายืนนินทาเจ้านายอยู่ได้ อยากตกงานหรือไง” เสียงของโสภาพูดแทรกดังมากลางวง ทำให้พนักงานสาวทั้งสามหันมามองเป็นตาเดียว และรีบสลายตัวทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่พูดคือใคร
โสภาได้ยินคำติฉินนินทาของสามสาวแล้ว รู้สึกไม่สบายใจและอดหวั่นใจไม่ได้ รวมทั้งรู้สึกเสียดายที่ปรางค์รวี หญิงสาวผู้น่ารักจะตกเป็นดอกไม้ของเจ้านายหนุ่ม เธอคงไม่สามารถช่วยอะไรได้ นอกจากปล่อยให้เป็นตามลิขิตของเบื้องบนเป็นผู้กำหนด
Chapter 70“เกี๊ยะ คุณพ่อคุณแม่ของพี่วิโต คุณลุงลิปโป้ และก็คุณฟรานโก้ เป็นเพื่อนของพี่วิโต” กมลเนตรแนะนำตัวบุคคลที่เดินทางมาพร้อมกับตัวเอง โดยที่เธอไม่รู้ว่า ภัทรารู้จักทุกคนที่กมลเนตรแนะนำตัว แต่เธอก็ทำนิ่งเฉย ทำราวกับว่าเพิ่งรู้จักกัน“เชิญด้านในค่ะ” ภัทราเชื้อเชิญบุคคลทั้งหมดเข้าไปภายในศาลา หลังจากที่ทำความเคารพตามมารยาทเสร็จ“ปรางค์” กมลเนตรเรียกชื่อของเพื่อนรัก ปรางค์รวีเงยหน้ามองผู้พูด เมื่อเห็นว่าเป็นกมลเนตรเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานาน หญิงสาวโผกอดร่างของกมลเนตรแน่น ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น น้ำตาแห่งความเสียใจที่มารดาจากไป ความรู้สึกผิดที่หลงรักผู้ชายคนเดียวกับเพื่อน และอีกมากมายที่อัดแน่นอยู่ในสมองน้อยๆ ของหญิงสาวหัวใจช้ำ“ปรางค์เป็นไงบ้าง”“แม่ แม่ไม่อยู่แล้ว แม่จากปรางค์ไปแล้ว ต่อไปนี้ปรางค์จะอยู่ยังไง” ความอ้างว้างเกาะกินหัวใจของปรางค์รวี เธอไม่รู้ว่าจะยืนจุดไหนบนโลกใบนี้ ความสูญเสียที่ได้รับ มันมากพอที่จะทำลายความเข้มแข็งที่พยายามก่อสร้างมันขึ้นมาได้ทั้งหมดในคราวเดียว“ปรางค์ยังมีตา มีเกี๊ยะนะ” กมลเนตรปลอบเพื่อน“ปรางค์ยังมีผมด้วย ผมจะอยู่ข้างๆ ปรางค์นะ” ศาสตราพูดเสริ
Chapter 69“เกี๊ยะอยู่ที่นี่ดีกว่าค่ะ เกี๊ยะจะได้ดูแลปรางค์ด้วย บอกตรงๆ ว่าเป็นห่วง ไม่อยากละสายตาเลยค่ะ”“งั้นผมอยู่ด้วยดีกว่า มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน ผมนอนที่ห้องข้างนอกเอง”“ตามใจคุณศาสตราเถอะคะ ตอนนี้เกี๊ยะคิดอะไรไม่ออกจริงๆ”ภัทราเหนื่อยทั้งกายและจิตใจ ทุกข์ใจเป็นอย่างมากที่เห็นเพื่อนเป็นเช่นนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้มากกว่าปลอบโยนในขณะที่เธอเดินลงมานั่งอยู่ในห้องรับแขกเสียงโทรศัพท์มือถือของภัทราดังขึ้นหลายครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะกดรับสาย เสียงเนือยๆ คล้ายกับอ่อนล้าของภัทรา ทำให้บุคคลที่โทรศัพท์มาหาจับความผิดปกติได้“หวัดดีตา” ภัทราทักปลายสาย“ทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่าเกี๊ยะ” กมลเนตรคิดถึงเพื่อนสาวคนสนิททั้งสองคนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอโทรศัพท์ไปหาปรางค์รวีหลายสิบครั้ง หากแต่ไม่ประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง เธอจึงตัดสินใจโทรศัพท์มาหาภัทราแทน“ตา แม่ของปรางค์เสียแล้วนะ เสียเมื่อวานนี้เอง ปรางค์ดูแย่มากเลย แย่จนเกี๊ยะใจไม่ดีเลย...ฮือ” ภัทราพูดทั้งน้ำตา กมลเนตรอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นสัจธรรมของชีวิตก็ตาม แล้วรู้ดีว่าปรางค์
Chapter 68ภัทราเดินมาที่หน้าประตูรั้วบ้าน และเดินไปเดินมาอย่างกังวลใจ สดศรีออกไปตลาดที่หน้าปากซอยร่วมสองชั่วโมงแล้ว ยังไม่กลับมา เธอคิดไปในทางที่ดีว่า สดศรีอาจจะแวะคุยกับคนรู้จัก แต่ก็ไม่น่าจะนานเป็นชั่วโมง เพราะซื้อของสดมาด้วย หากไม่รีบนำกลับมาแช่ตู้เย็น เนื้อสัตว์อาจจะมีกลิ่นก็เป็นได้ ที่สำคัญที่สุด สดศรีไปซื้อของในตลาดที่อยู่หน้าปากซอยไม่เคยเกินหนึ่งชั่วโมง รีบไปรีบกลับด้วยซ้ำไป“ออกไปตามดีกว่า” ภัทราพูดกับตัวเอง คิดว่าอยู่อย่างนี้ความไม่สบายใจคงไม่หาย เธอจึงก้าวเท้าเดินไปยังหน้าปากซอยบ้านที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อไปตามหาสดศรีอีกประมาณยี่สิบเมตรก่อนจะถึงหน้าปากซอย ภัทรามองเห็นคนกลุ่มหนึ่งมุงดูบางอย่าง โดยมีรถของมูลนิธิชื่อดังจอดอยู่ใกล้ๆ ทำให้ภัทราเกิดความอยากรู้อยากเห็น เดินแทรกไทยมุงเข้าดู ดวงตาคมหวานมองดูหน่วยอาสาสมัครกำลังช่วยชีวิตประสบอุบัติเหตุ ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย เพราะร่างสูงใหญ่ของหน่วยอาสาอีกคนบังจนมิด“ใครเป็นอะไรเหรอคะคุณลุง” ภัทราเอ่ยถามชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างเธอ“คนโดนรถเชี่ยวน่ะ โดนไม่แรงหรอกนะ แต่ว่าหัวของแกไปกระแทกกับขอบปูนทางเดิน ก็เลยน็อกไม่ได้สติ ไม่
Chapter 67“ขอโทษนะคะคุณเสก เผอิญว่าฉันเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่ ไม่มีน้อง คุณจึงไม่ใช่พี่ชายของฉัน ไม่ต้องมาเรียกแทนตัวเองว่าพี่เลย ฟังแล้วจะอ้วก”“อะไรจะอ้วกแล้ว ยังไม่ทันทำอะไรเลยแค่จูบไม่กี่นาทีเอง ท้องแล้วเหรอ” รังสรรค์ทำเสียงทะเล้นใส่“นี่อย่ามาทำปากดีนะ ถ้าจะโทรมากวนฉัน ฉันจะวางสายแล้วนะ” เขาพูดเรื่องจูบแรกของเธอในวันนั้น ยิ่งทำให้ใบหน้างามแดงซ่าน ตั้งท่าจะวางสายเพื่อเป็นการตัดบท แก้ขวยเขิน“ผมคิดถึงคุณนะ” คราวนี้น้ำเสียงจริงจัง คนที่ได้ฟังถึงกับยิ้มไม่หุบ ตัวแทบลอย ทำท่ากรี๊ดแต่ไม่มีเสียง“...”“คุณคิดถึงผมหรือเปล่า” เขาถามเมื่อปลายสายเงียบไป“โทรมาแค่นี้เนี่ยนะ เปลืองเงินแย่” เธอเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามเขา จะตอบไปได้ยังไงว่าคิดถึง อายแย่เลย“ไม่เปลืองหรอก โทรมาหาคนที่เรารักเปลืองแค่ไหนผมก็ยอม” เขายังคงหยอดคำหวานต่อไป“ใครคนรักของคุณ พูดให้ดีๆ นะ”“ก็ใครล่ะที่ผมคุยอยู่ด้วย ก็คนนั้นแหละ ว่าแต่คุณอยู่ที่ไหนเนี่ย” ถ้าใครมาเห็นเธอตอนนี้ คงต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าบ้า เพราะเธอกระโดดโลดเต้น ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว“กำลังจะเดินไปบ้านปรางค์” เธอตอบ“แล้วคุณปรางค์เป็นยังไงบ้าง” รังสรร
Chapter 66วันรุ่งขึ้นปรางค์รวีเดินทางไปทำงานตามปกติ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินออกไปจากรั้วบ้าน รถเบนซ์ป้ายแดงก็แล่นมาจอดเทียบข้างรั้วบ้าน ปรางค์รวีมองรถคันดังกล่าวด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ก้าวเท้าเดินไปทางริมฟุตบาทเพื่อเดินไปยังหน้าปากซอยบ้าน ทว่าเธอเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องระงับเท้ายืนตัวตรง เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของโรเจอร์ก้าวลงมายืนข้างตัวรถ“สวัสดีครับคุณพลิสซิลล่า” ปรางค์รวีมองผู้พูดอย่างตกใจ เธอไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ คำถามหลายคำถามมีมากมาย โรเจอร์รู้จักบ้านของเธอได้อย่างไร ในเมื่อเพิ่งรู้จักกันเมื่อวานนี้ แล้วเธอก็ไม่ได้บอกที่อยู่ให้เขารับรู้ด้วย และอีกคำถามหนึ่งคือ เขามาที่นี่เพื่อจุดประสงค์ใด“สวัสดีค่ะคุณโรเจอร์” เธอตอบรับเพื่อไม่ให้เสียมารยาท“สำหรับคนสวยของผมครับ” โรเจอร์ไม่ได้มามือเปล่า เขาหอบดอกไม้ช่องามช่อใหญ่มาด้วย ก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ให้ปรางค์รวีตามที่ตั้งใจไว้ เธอเอื้อมมือมารับอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้“ผมขอไปส่งคุณพลิสซิลล่าที่ทำงานนะครับ” โรเจอร์บอกจุดประสงค์ที่เขาเดินทางมาที่นี่“อย่าลำบากเลยค่ะ พอดีพลิสซิลล่าต้องไปทำธุระให้แม่ก่อนไปทำงานค่ะ”
Chapter 65วิตโตริโอมีอาการไม่ต่างกัน แว่นสีชาเข้มอันใหญ่ปกปิดดวงตาเหม่อลอย หัวใจของเขายังคงอยู่เมืองไทยอยู่กับปรางค์รวี ครั้งหนึ่งเขาเคยพูดคำว่ารัก แต่มันเป็นเพียงคำลวง ตอนนี้คำว่ารักที่เขามอบให้เธอนั้น เป็นความรักมาจากความรู้สึกที่แท้จริง ความรู้สึกที่นอนสงบนิ่งอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ความรักของเขามาพร้อมกับคำว่าสายเกินไปอเล็สซานโดรหวังเพียงว่าสิ่งที่ทิพย์ธาราทำนั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุด ทิพย์ธาราบอกตนว่า เวลาเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น สำหรับเขานั้นคิดตรงกันข้าม ยิ่งเวลาผ่านไป หัวใจเจ็บช้ำของวิตโตริโอและปรางค์รวี ยิ่งถูกหนอนแห่งความรักกัดเซาะให้ยิ่งลึกลงเข้าไปอีก ไม่อาจสลัดหลุดได้ ดวงตาของลูกชายบ่งบอกได้ว่า ดวงตาคู่นี้จะไม่มองหญิงใดอีก นอกจากปรางค์รวีโรเจอร์มองหญิงสาวที่เหมือนรักแรกพบของเขาไม่วางตา เป็นเพราะพรหมลิขิตหรือความบังเอิญไม่อาจทราบได้ วันนี้เขามีนัดคุยธุรกิจกับศาสตรา เจ้าของโกดังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเรือเดินสินค้าภายในประเทศและนอกประเทศกว่ายี่สิบลำ โรเจอร์มีบริษัทเดินเรือหลายบริษัทอยู่ในใจ แต่เขาเลือกบริษัทของศาสตราในการขนสินค้าทางเรือข้ามประเทศ และโกดังสิน







