Mag-log inสองสัปดาห์มานี้ปรางค์รวีคลายความอึดอัดลงมาก เมื่อเขาไม่เคยล่วงเกินเธอเกินกว่าการจับมือถือแขน วิตโตริโอให้เกียรติอย่างที่หญิงสาวคาดไม่ถึง ทำให้เธอกล้าพูดคุยหยอกล้อกับเขามากขึ้น หากแต่ปรางค์รวียังคงระวังตัวกลัวจะเผลอไผลไปกับสัมผัสรัญจวนเช่นครั้งนั้น ทว่าเธอลืมระวังหัวใจไม่ให้หลวมตัวรักเขา
และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หัวใจของเธอก็กำลังจะพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์อันเหลือล้นของเขา ที่มาพร้อมกับความเอาใจสารพัด พูดจาอ่อนหวานระคนนุ่มหู พาไปทานอาหารกลางวัน ไปรับไปส่งทุกเช้าและเย็น เขาทำหน้าที่มากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง ความรู้สึกดีเริ่มก่อเกิดในจิตใจ ดอกรักค่อยๆ เบ่งบานในหัวใจที่ไม่เคยสัมผัสคำว่าความรัก แต่ถึงกระนั้นปรางค์รวีก็ยังไม่เปิดใจรับเขาเต็มที่ เพราะคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่ปักใจรักหญิงสาวธรรมดาเช่นเธอ เพราะในสังคมของเขามีสตรีที่เทียบเทียมกับเขามากเหลือเกิน
“ปรางค์ วันนี้เพื่อนฉันเปิดผับใหม่เป็นวันแรก ฉันกะว่าจะไปเปิดงานให้เสียหน่อย ปรางค์ไปกับฉันนะ” เขาเอ่ยชวน ปรางค์รวีมีท่าทางลังเล เพราะเธอไม่เคยเที่ยวยามราตรีมาก่อน อีกข้อหนึ่งมารดาของปรางค์รวีป่วยกระเซาะกระแซะมาหลายวันแล้ว หากเธอไปก็จะไม่มีคนดูแลมารดา
“ปรางค์คงไปกับคุณเสือไม่ได้หรอกค่ะ พอดีแม่ปรางค์ไม่ค่อยสบาย”
เธอให้เหตุผลแล้วหวังว่าชายหนุ่มจะเข้าใจ สีหน้าของวิตโตริโอหมองลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ทำให้คนที่มองเห็นอดรู้สึกผิดไม่ได้ แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
“แย่จังที่ปรางค์ไม่ไป ฉันอุตส่าห์บอกเพื่อนๆ ไว้ว่าจะพาแฟนไปแนะนำให้รู้จัก งานนี้ฉันต้องโดนเพื่อนต่อว่าแน่เลย แต่ไม่เป็นไรหรอกฉันทนได้ ก็แม่ปรางค์ไม่สบายนี่ ต้องสำคัญกว่าฉันอยู่แล้ว”
วิตโตริโอแสร้งพูดเสียงเศร้า หวังให้ปรางค์รวีหลงกล คนที่ได้รับฟังหัวใจพองโตเมื่อได้ยินเขาบอกว่าจะพาเธอไปในฐานะของคนรัก เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยพูดตรงๆ เช่นนี้ พูดบ่อยครั้งว่าเธอคือคนสำคัญคนหนึ่ง แต่ไม่พูดเต็มปากเต็มคำว่าเป็นคนรัก และด้วยถ้อยคำที่เธอรอคอยนี่เอง ทำให้ความตั้งใจของตนเปลี่ยนไป
“คุณเสือจะพาปรางค์ไปในฐานะแฟนจริงๆ หรือคะ” เธอเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ เขายิ้มเมื่อเห็นเหยื่อหลงกลเข้าแล้ว
“จริงสิตลอดสองอาทิตย์ ฉันไม่เคยล่วงเกินปรางค์เลย นอกจากจับมือ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นป่านนี้เสร็จฉันไปนานแล้ว แต่ปรางค์เป็นผู้หญิงที่พิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่น ฉันถึงไม่ทำกับปรางค์เหมือนผู้หญิงพวกนั้นไง ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือ ฉันรักปรางค์ ได้ยินไหมว่าฉันรักปรางค์”
ปรางค์รวีอายม้วนกับคำพูดพกลมของวิตโตริโอ
“ถ้าปรางค์ไปผับของเพื่อนคุณเสือ จะกลับดึกหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอก ฉันกะว่าจะอยู่ถึงแค่เที่ยงคืนเท่านั้น ก็จะกลับ”
ปรางค์รวีทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบรับคำชวนของเขา โดยไม่รู้ว่าเธอกำลังตกเป็นเหยื่อของเสือร้ายตนนี้
“ก็ได้ค่ะ ปรางค์ไปกับคุณเสือก็ได้ เดี๋ยวปรางค์จะไปบอกให้เกี๊ยะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ของปรางค์ค่ะ”
“ฉันดีใจที่สุดเลยที่ปรางค์ไปกับฉัน คราวนี้เพื่อนของฉันจะได้เห็นแฟนของฉันเสียทีว่าสวยมากแค่ไหน” หญิงสาวเขินอายกับคำพูดของเขายิ่งนัก รู้สึกตื้นตันใจ เอิบอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก ความรักที่ไกลเกินมือเอื้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้ารอให้เธอไขว่คว้ามาครอบครอง
เสือร้ายซ่อนรอยยิ้มไว้เมื่อเห็นทีท่าเคลิ้มฝันของหญิงสาว อย่างเขานะหรือจะคว้าผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเหมาะสมกับตนมาเป็นคนรัก ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน อย่างมากปรางค์รวีก็เป็นได้แค่เพียงอาหารจานหนึ่งที่กินแก้ขัด รอให้เขาเจออาหารเลิศรสเสียก่อน เขาจะสลัดเธอทิ้งอย่างไม่ใยดี
วิตโตริโอและปรางค์รวีมาถึงผับชื่อดังย่านสุขุมวิท ในเวลาเกือบสามทุ่ม เนื่องจากเขาต้องเดินทางไปทานอาหารกับลูกค้าตามที่นัดหมายไว้แล้วจึงมาที่ผับแห่งนี้ ทั้งสองเดินเข้ามาภายในผับตรงไปยังโต๊ะที่เพื่อนของวิตโตริโอสามคนนั่งรออยู่ก่อนหน้า
“ว่าไงวะไอ้เสือไม่เจอตั้งนานหายเงียบไปเลยนะ”
ธีรยุทธ์เจ้าของผับทักทายเพื่อนสนิทอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะปรายตาไปมองหญิงสาวที่นั่งเคียงข้างเพื่อนสนิท
“พอดีงานยุ่งนิดหน่อย”
“ว่าแต่ใครวะที่นายพามาด้วย” คำถามนี้ธีรยุทธ์เอ่ยถามข้างๆ หูของวิตโตริโอ เพื่อไม่ให้หญิงสาวที่อยู่ข้างกายเพื่อนรักได้ยิน
“ก็รู้อยู่ยังจะมาถามอีก” วิตโตริโอตอบพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก ธีรยุทธ์ยิ้มกับคำตอบของเพื่อน มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าผู้หญิงหน้าตาใสซื่อคนนี้เป็นอาหารหวานของวิตโตริโอเหมือนกับหญิงสาวที่ผ่านมา
หลังจากที่มากันครบองค์ประชุม การสังสรรค์ระหว่างเพื่อนสนิทก็เกิดขึ้นทันที วิตโตริโอกับผองเพื่อนนั่งดื่มนั่งสนทนากันอย่างออกรส ราวกับว่าไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน และบางครั้งการพูดคุยบางช่วงพวกเขาก็สนทนากันเป็นภาษาอิตาเลี่ยน ราวกับว่าไม่ต้องการให้ปรางค์รวีรับรู้เรื่องที่คุยกัน
สตรีหนึ่งเดียวในโต๊ะได้แต่นั่งมองเพื่อนสนิทของวิตโตริโอไปมาทีละคน โดยที่เธอไม่ได้พูดอะไรกับใครเลยสักคำ ไม่มีการแนะนำตัวว่าเธอเป็นคนรักอย่างที่เขาบอก นอกจากดื่มน้ำส้มที่เขาสั่งให้เธอดื่ม ฟังเสียงเพลงที่บรรเลงเคล้าคลอเท่านั้น บางครั้งเพื่อนของเขาหันมามองเธอด้วยสายตาแปลกๆ ดูเหมือนเยาะเย้ย ถากถางดูแคลน หยาบโลน
Chapter 70“เกี๊ยะ คุณพ่อคุณแม่ของพี่วิโต คุณลุงลิปโป้ และก็คุณฟรานโก้ เป็นเพื่อนของพี่วิโต” กมลเนตรแนะนำตัวบุคคลที่เดินทางมาพร้อมกับตัวเอง โดยที่เธอไม่รู้ว่า ภัทรารู้จักทุกคนที่กมลเนตรแนะนำตัว แต่เธอก็ทำนิ่งเฉย ทำราวกับว่าเพิ่งรู้จักกัน“เชิญด้านในค่ะ” ภัทราเชื้อเชิญบุคคลทั้งหมดเข้าไปภายในศาลา หลังจากที่ทำความเคารพตามมารยาทเสร็จ“ปรางค์” กมลเนตรเรียกชื่อของเพื่อนรัก ปรางค์รวีเงยหน้ามองผู้พูด เมื่อเห็นว่าเป็นกมลเนตรเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานาน หญิงสาวโผกอดร่างของกมลเนตรแน่น ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น น้ำตาแห่งความเสียใจที่มารดาจากไป ความรู้สึกผิดที่หลงรักผู้ชายคนเดียวกับเพื่อน และอีกมากมายที่อัดแน่นอยู่ในสมองน้อยๆ ของหญิงสาวหัวใจช้ำ“ปรางค์เป็นไงบ้าง”“แม่ แม่ไม่อยู่แล้ว แม่จากปรางค์ไปแล้ว ต่อไปนี้ปรางค์จะอยู่ยังไง” ความอ้างว้างเกาะกินหัวใจของปรางค์รวี เธอไม่รู้ว่าจะยืนจุดไหนบนโลกใบนี้ ความสูญเสียที่ได้รับ มันมากพอที่จะทำลายความเข้มแข็งที่พยายามก่อสร้างมันขึ้นมาได้ทั้งหมดในคราวเดียว“ปรางค์ยังมีตา มีเกี๊ยะนะ” กมลเนตรปลอบเพื่อน“ปรางค์ยังมีผมด้วย ผมจะอยู่ข้างๆ ปรางค์นะ” ศาสตราพูดเสริ
Chapter 69“เกี๊ยะอยู่ที่นี่ดีกว่าค่ะ เกี๊ยะจะได้ดูแลปรางค์ด้วย บอกตรงๆ ว่าเป็นห่วง ไม่อยากละสายตาเลยค่ะ”“งั้นผมอยู่ด้วยดีกว่า มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน ผมนอนที่ห้องข้างนอกเอง”“ตามใจคุณศาสตราเถอะคะ ตอนนี้เกี๊ยะคิดอะไรไม่ออกจริงๆ”ภัทราเหนื่อยทั้งกายและจิตใจ ทุกข์ใจเป็นอย่างมากที่เห็นเพื่อนเป็นเช่นนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้มากกว่าปลอบโยนในขณะที่เธอเดินลงมานั่งอยู่ในห้องรับแขกเสียงโทรศัพท์มือถือของภัทราดังขึ้นหลายครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะกดรับสาย เสียงเนือยๆ คล้ายกับอ่อนล้าของภัทรา ทำให้บุคคลที่โทรศัพท์มาหาจับความผิดปกติได้“หวัดดีตา” ภัทราทักปลายสาย“ทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่าเกี๊ยะ” กมลเนตรคิดถึงเพื่อนสาวคนสนิททั้งสองคนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอโทรศัพท์ไปหาปรางค์รวีหลายสิบครั้ง หากแต่ไม่ประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง เธอจึงตัดสินใจโทรศัพท์มาหาภัทราแทน“ตา แม่ของปรางค์เสียแล้วนะ เสียเมื่อวานนี้เอง ปรางค์ดูแย่มากเลย แย่จนเกี๊ยะใจไม่ดีเลย...ฮือ” ภัทราพูดทั้งน้ำตา กมลเนตรอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นสัจธรรมของชีวิตก็ตาม แล้วรู้ดีว่าปรางค์
Chapter 68ภัทราเดินมาที่หน้าประตูรั้วบ้าน และเดินไปเดินมาอย่างกังวลใจ สดศรีออกไปตลาดที่หน้าปากซอยร่วมสองชั่วโมงแล้ว ยังไม่กลับมา เธอคิดไปในทางที่ดีว่า สดศรีอาจจะแวะคุยกับคนรู้จัก แต่ก็ไม่น่าจะนานเป็นชั่วโมง เพราะซื้อของสดมาด้วย หากไม่รีบนำกลับมาแช่ตู้เย็น เนื้อสัตว์อาจจะมีกลิ่นก็เป็นได้ ที่สำคัญที่สุด สดศรีไปซื้อของในตลาดที่อยู่หน้าปากซอยไม่เคยเกินหนึ่งชั่วโมง รีบไปรีบกลับด้วยซ้ำไป“ออกไปตามดีกว่า” ภัทราพูดกับตัวเอง คิดว่าอยู่อย่างนี้ความไม่สบายใจคงไม่หาย เธอจึงก้าวเท้าเดินไปยังหน้าปากซอยบ้านที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อไปตามหาสดศรีอีกประมาณยี่สิบเมตรก่อนจะถึงหน้าปากซอย ภัทรามองเห็นคนกลุ่มหนึ่งมุงดูบางอย่าง โดยมีรถของมูลนิธิชื่อดังจอดอยู่ใกล้ๆ ทำให้ภัทราเกิดความอยากรู้อยากเห็น เดินแทรกไทยมุงเข้าดู ดวงตาคมหวานมองดูหน่วยอาสาสมัครกำลังช่วยชีวิตประสบอุบัติเหตุ ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย เพราะร่างสูงใหญ่ของหน่วยอาสาอีกคนบังจนมิด“ใครเป็นอะไรเหรอคะคุณลุง” ภัทราเอ่ยถามชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างเธอ“คนโดนรถเชี่ยวน่ะ โดนไม่แรงหรอกนะ แต่ว่าหัวของแกไปกระแทกกับขอบปูนทางเดิน ก็เลยน็อกไม่ได้สติ ไม่
Chapter 67“ขอโทษนะคะคุณเสก เผอิญว่าฉันเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่ ไม่มีน้อง คุณจึงไม่ใช่พี่ชายของฉัน ไม่ต้องมาเรียกแทนตัวเองว่าพี่เลย ฟังแล้วจะอ้วก”“อะไรจะอ้วกแล้ว ยังไม่ทันทำอะไรเลยแค่จูบไม่กี่นาทีเอง ท้องแล้วเหรอ” รังสรรค์ทำเสียงทะเล้นใส่“นี่อย่ามาทำปากดีนะ ถ้าจะโทรมากวนฉัน ฉันจะวางสายแล้วนะ” เขาพูดเรื่องจูบแรกของเธอในวันนั้น ยิ่งทำให้ใบหน้างามแดงซ่าน ตั้งท่าจะวางสายเพื่อเป็นการตัดบท แก้ขวยเขิน“ผมคิดถึงคุณนะ” คราวนี้น้ำเสียงจริงจัง คนที่ได้ฟังถึงกับยิ้มไม่หุบ ตัวแทบลอย ทำท่ากรี๊ดแต่ไม่มีเสียง“...”“คุณคิดถึงผมหรือเปล่า” เขาถามเมื่อปลายสายเงียบไป“โทรมาแค่นี้เนี่ยนะ เปลืองเงินแย่” เธอเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามเขา จะตอบไปได้ยังไงว่าคิดถึง อายแย่เลย“ไม่เปลืองหรอก โทรมาหาคนที่เรารักเปลืองแค่ไหนผมก็ยอม” เขายังคงหยอดคำหวานต่อไป“ใครคนรักของคุณ พูดให้ดีๆ นะ”“ก็ใครล่ะที่ผมคุยอยู่ด้วย ก็คนนั้นแหละ ว่าแต่คุณอยู่ที่ไหนเนี่ย” ถ้าใครมาเห็นเธอตอนนี้ คงต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าบ้า เพราะเธอกระโดดโลดเต้น ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว“กำลังจะเดินไปบ้านปรางค์” เธอตอบ“แล้วคุณปรางค์เป็นยังไงบ้าง” รังสรร
Chapter 66วันรุ่งขึ้นปรางค์รวีเดินทางไปทำงานตามปกติ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินออกไปจากรั้วบ้าน รถเบนซ์ป้ายแดงก็แล่นมาจอดเทียบข้างรั้วบ้าน ปรางค์รวีมองรถคันดังกล่าวด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ก้าวเท้าเดินไปทางริมฟุตบาทเพื่อเดินไปยังหน้าปากซอยบ้าน ทว่าเธอเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องระงับเท้ายืนตัวตรง เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของโรเจอร์ก้าวลงมายืนข้างตัวรถ“สวัสดีครับคุณพลิสซิลล่า” ปรางค์รวีมองผู้พูดอย่างตกใจ เธอไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ คำถามหลายคำถามมีมากมาย โรเจอร์รู้จักบ้านของเธอได้อย่างไร ในเมื่อเพิ่งรู้จักกันเมื่อวานนี้ แล้วเธอก็ไม่ได้บอกที่อยู่ให้เขารับรู้ด้วย และอีกคำถามหนึ่งคือ เขามาที่นี่เพื่อจุดประสงค์ใด“สวัสดีค่ะคุณโรเจอร์” เธอตอบรับเพื่อไม่ให้เสียมารยาท“สำหรับคนสวยของผมครับ” โรเจอร์ไม่ได้มามือเปล่า เขาหอบดอกไม้ช่องามช่อใหญ่มาด้วย ก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ให้ปรางค์รวีตามที่ตั้งใจไว้ เธอเอื้อมมือมารับอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้“ผมขอไปส่งคุณพลิสซิลล่าที่ทำงานนะครับ” โรเจอร์บอกจุดประสงค์ที่เขาเดินทางมาที่นี่“อย่าลำบากเลยค่ะ พอดีพลิสซิลล่าต้องไปทำธุระให้แม่ก่อนไปทำงานค่ะ”
Chapter 65วิตโตริโอมีอาการไม่ต่างกัน แว่นสีชาเข้มอันใหญ่ปกปิดดวงตาเหม่อลอย หัวใจของเขายังคงอยู่เมืองไทยอยู่กับปรางค์รวี ครั้งหนึ่งเขาเคยพูดคำว่ารัก แต่มันเป็นเพียงคำลวง ตอนนี้คำว่ารักที่เขามอบให้เธอนั้น เป็นความรักมาจากความรู้สึกที่แท้จริง ความรู้สึกที่นอนสงบนิ่งอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ความรักของเขามาพร้อมกับคำว่าสายเกินไปอเล็สซานโดรหวังเพียงว่าสิ่งที่ทิพย์ธาราทำนั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุด ทิพย์ธาราบอกตนว่า เวลาเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น สำหรับเขานั้นคิดตรงกันข้าม ยิ่งเวลาผ่านไป หัวใจเจ็บช้ำของวิตโตริโอและปรางค์รวี ยิ่งถูกหนอนแห่งความรักกัดเซาะให้ยิ่งลึกลงเข้าไปอีก ไม่อาจสลัดหลุดได้ ดวงตาของลูกชายบ่งบอกได้ว่า ดวงตาคู่นี้จะไม่มองหญิงใดอีก นอกจากปรางค์รวีโรเจอร์มองหญิงสาวที่เหมือนรักแรกพบของเขาไม่วางตา เป็นเพราะพรหมลิขิตหรือความบังเอิญไม่อาจทราบได้ วันนี้เขามีนัดคุยธุรกิจกับศาสตรา เจ้าของโกดังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเรือเดินสินค้าภายในประเทศและนอกประเทศกว่ายี่สิบลำ โรเจอร์มีบริษัทเดินเรือหลายบริษัทอยู่ในใจ แต่เขาเลือกบริษัทของศาสตราในการขนสินค้าทางเรือข้ามประเทศ และโกดังสิน







