LOGIN“คุณเสือคะปรางค์ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ” ปรางค์รวีตัดสินใจพูด หญิงสาวรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากที่นั่งเป็นอาหารตาของเพื่อนของเขา โดยที่วิตโตริโอไม่มีทีท่าว่าจะปกป้องเลยแม้แต่นิดเดียว
“อืมไปสิ” เขาหันมาพูดกับเธอ ก่อนจะสนทนากับเพื่อนต่อไป
“วิโตรู้สึกว่านายจะกินอาหารจานนี้เกินกว่าจานอื่นๆ นะ”
บุรินทร์ผู้ชายที่มีนิสัยเจ้าชู้ เอ่ยถามวิตโตริโอทันทีที่ร่างของปรางค์รวีเดินออกไปจากโต๊ะ
“ใครว่ากินนาน ฉันยังไม่ได้กินต่างหาก” เขาตอบเพื่อนสนิท สีหน้าของบรรดาเพื่อนๆ ที่อยู่ร่วมโต๊ะ ไม่เชื่อคำพูดของเขา ไม่คาดคิดว่าเพลย์บอยแห่งยุคจะปล่อยให้อาหารหวานลอยนวลได้นานขนาดนี้
“เป็นไปได้ยังไงวะอย่างนายเนี่ยเหรอยังไม่ได้กินอาหารหวานจานนี้ ฉันนึกว่าเสร็จนายไปนานแล้วเสียอีก” ธีรยุทธ์พูดเสียงสูงอย่างไม่อยากเชื่อ เนื่องจากผู้หญิงที่อยู่ใกล้วิตโตริโอ ไม่เกินหนึ่งวันผู้หญิงคนนั้นต้องกรายมาเป็นอาหารหวานของหนุ่มลูกครึ่งคนนี้ทุกราย
“อาหารจานนี้ฉันอยากจะพิถีพิถันในการกินมากกว่าจานอื่นๆ ค่อยๆ กินทีละนิดๆ มันถึงจะอร่อยและเร้าใจ บุ่มบ่ามกินอย่างตะกละตะกลามมันจะไปอร่อยอะไร กินไม่กี่ครั้งก็เบื่อพวกนายว่าจริงไหม” น้ำเสียงและสีหน้าของผู้พูดเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ คืนนี้เป็นคืนที่เขาตั้งใจจะลิ้มลองอาหารหวานที่เก็บกักไว้มานานสองสัปดาห์ เขาไม่ชอบหักหาญน้ำใจผู้หญิงที่ไม่เต็มใจ มันไม่เร้าอารมณ์เท่ากับหญิงสาวที่สมยอม วิตโตริโอจึงใช้เสน่ห์ที่มีหว่านล้อมปรางค์รวีทีละนิด ให้เธอหลงมาติดกับและรัก จนไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่เขาร้องขอได้
“เหมือนเดิมได้หรือเปล่าคนนี้น่ะ นายเบื่อเมื่อไหร่ฉันขอเซ้งต่อนะ ฉันก็อยากจะเร้าใจเหมือนนาย”
บุรินทร์รู้สึกพอใจในตัวปรางค์รวี เธอสวยใสและดูซื่อไม่เหมือนกับผู้หญิงที่ผ่านๆ มาของตน ที่กร้านโลกจนบางครั้งบุรินทร์รู้สึกเอียน
วิตโตริโอหันขวับมามองผู้พูด สายตาของเขาจ้องมองเพื่อนเขม็ง คำพูดนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่บุรินทร์พูด ทุกครั้งที่เขาเบื่อคู่ควง หญิงสาวคนนั้นจะตกเป็นอาหารหวานของเพื่อนเขาคืนสองคืน ก่อนจะปล่อยทิ้งไปอย่างไม่เห็นคุณค่า แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน คำพูดของเพื่อนมันดูเสียดแทงหัวใจของเขายิ่งนัก รู้สึกไม่พอใจหากปรางค์รวีจะไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่น
“ถ้าเบื่อนะแต่ว่าคงเบื่อยากนายรอไหวหรือเปล่าล่ะ สักสิบปียี่สิบปี” เขาพูดเสียงเรียบ หากแววตานั้นไม่ได้เรียบดั่งคำพูดเลยแม้แต่นิดเดียว แววตาที่เพื่อนรักเห็นบอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ใครห้ามแตะ
“ไม่ให้ก็บอกมาสิไม่ต้องมาโยกโย้หรอก คนนี้มีหวงด้วยเว้ย”
บุรินทร์พูดติดตลกเพื่อให้บรรยากาศคลายความตึงเครียด การสนทนายุติลงเมื่อร่างของปรางค์รวีเดินมาถึงโต๊ะ
“คุณเสือคะกลับกันเถอะคะ นี่ก็เที่ยงคืนแล้ว”
“ฉันลืมไปเลยว่าบอกปรางค์ว่าจะกลับไม่เกินเที่ยงคืน เรากลับกันเลยนะ” วิตโตริโอพูดเสียงคล้ายตกใจ “ฉันกลับก่อนนะเพื่อนโอกาสหน้าเจอกันใหม่”
วิตโตริโอบอกลาเพื่อนๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะ ลำแขนหนาของเขาโอบเอวบางอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ ราวจะประกาศกลายๆ ให้ผองเพื่อนรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
“ปรางค์ฉันมีเรื่องจะเซอร์ไพร์ส” วิตโตริโอเอ่ยบอกปรางค์รวีหลังจากที่เดินออกมาจากผับ
“อะไรคะ” เธอถามด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวก็รู้แต่ปรางค์ต้องหลับตาก่อนนะ”
ไม่พูดเปล่าวิตโตริโอหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ที่อยู่ในกระเป๋า มาปิดทับดวงตาทั้งสองข้างของเธอ ผูกปลายผ้าไว้ด้านหลังศีรษะ ก่อนที่เขาจะกุมมือนุ่มไว้แน่น แล้วพาเธอเดินไปยังรถของตน
“ทำไมต้องปิดตาด้วยค่ะคุณเสือ”
“ก็บอกแล้วไงว่าเซอร์ไพร์ส” เขาตอบขณะที่ประคองเธอนั่งบนเบาะรถ “ผมจะพาปรางค์ไปที่ที่หนึ่งก่อนนะ แล้วถึงจะพากลับบ้าน”
“ไปไหนคะ ไปนานรึเปล่า ปรางค์เป็นห่วงแม่”
“ไม่นานหรอกครับ” วิตโตริโอพูดจบ เขาก็นำพารถยนต์ออกจากจุดที่จอด มุ่งตรงไปยังสถานที่หนึ่งที่จัดเตรียมไว้ให้เธอโดยเฉพาะ
ปรางค์รวีไม่อาจมองเห็นสายตาของเขาในตอนนี้ได้ หากเธอมองเห็นหญิงสาวจะรู้ว่าทุกสิ่งอย่างที่เขาทำลงไปทั้งหมด ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นเพียงการสร้างภาพฉากใหญ่ของเขาเท่านั้น
ราวหนึ่งชั่วโมงเศษต่อมา พาหนะของวิตโตริโอมาหยุดหน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง ก่อนที่เจ้าของรถจะก้าวลงมาเป็นคนแรก แล้วเดินอ้อมไปยังประตูอีกด้านหนึ่ง
“ค่อยๆ ก้าวลงมานะปรางค์” วิตโตริโอบอก ขณะที่มือใหญ่ประคองร่างเล็กลงมาจากรถยนต์
“ที่นี่ที่ไหนคะคุณเสือ” เธอถามด้วยความอยากรู้ ตลอดทางที่นั่งรถมา ปรางค์รวีถามเขาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ไม่ได้รับคำตอบ
“เดี๋ยวปรางค์ก็รู้เอง” วิตโตริโอจะตอบเช่นนี้ทุกครั้งที่เธอถาม ยิ่งทำให้ปรางค์รวีอยากรู้เต็มแก่ว่า สถานที่ที่เขาพามานั้นคือที่ใด
ลมทะเลเอื่อยๆ ที่ปะทะร่างของปรางค์รวี เสียงคลื่นมวนตัวกระทบเข้าหาฝั่ง ทำให้ปรางค์รวีรู้ว่าขณะนี้เธอกำลังยืนอยู่บนชายหาดที่ไหนสักแห่ง
“คุณเสือพาปรางค์มาทะเลทำไมคะ”
“ก็บอกแล้วไงว่า เซอร์ไพร์ส” วิตโตริโอตอบเสียงนุ่ม ประคองร่างสมส่วนมาหยุดยืนกลางชายหาด ก่อนจะถอดผ้าที่ปิดตาของเธอออก
และทันทีที่ดวงตาของปรางค์รวีได้รับอิสระ เปลือกตาก็ค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า จนสามารถมองเห็นตัวอักษรที่เรียงร้อยเป็นถ้อยคำอยู่บนกำแพงบ้านหลังใหญ่
ตัวอักษรที่ปรากฏตกแต่งด้วยกลีบดอกกุหลาบสีขาว ล้อมตัวอักษรด้วยแสงไฟดวงเล็กจิ๋วหลายร้อยดวงและหลากสีสัน กระพริบไหวตามจังหวะ ทำให้ตัวอักษรที่เธอมองเห็นโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ตามผืนทรายโรยด้วยกลีบดอกไม้นานาชนิดกระจายอยู่ไปทั่ว หญิงสาวน้ำตารื้นเมื่อเห็นตัวอักษรที่ประดับไว้อยู่ เป็นประโยคที่อยากได้ยินจากปากของคนที่เธอรัก “ผมรักคุณปรางค์รวี”
Chapter 70“เกี๊ยะ คุณพ่อคุณแม่ของพี่วิโต คุณลุงลิปโป้ และก็คุณฟรานโก้ เป็นเพื่อนของพี่วิโต” กมลเนตรแนะนำตัวบุคคลที่เดินทางมาพร้อมกับตัวเอง โดยที่เธอไม่รู้ว่า ภัทรารู้จักทุกคนที่กมลเนตรแนะนำตัว แต่เธอก็ทำนิ่งเฉย ทำราวกับว่าเพิ่งรู้จักกัน“เชิญด้านในค่ะ” ภัทราเชื้อเชิญบุคคลทั้งหมดเข้าไปภายในศาลา หลังจากที่ทำความเคารพตามมารยาทเสร็จ“ปรางค์” กมลเนตรเรียกชื่อของเพื่อนรัก ปรางค์รวีเงยหน้ามองผู้พูด เมื่อเห็นว่าเป็นกมลเนตรเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานาน หญิงสาวโผกอดร่างของกมลเนตรแน่น ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น น้ำตาแห่งความเสียใจที่มารดาจากไป ความรู้สึกผิดที่หลงรักผู้ชายคนเดียวกับเพื่อน และอีกมากมายที่อัดแน่นอยู่ในสมองน้อยๆ ของหญิงสาวหัวใจช้ำ“ปรางค์เป็นไงบ้าง”“แม่ แม่ไม่อยู่แล้ว แม่จากปรางค์ไปแล้ว ต่อไปนี้ปรางค์จะอยู่ยังไง” ความอ้างว้างเกาะกินหัวใจของปรางค์รวี เธอไม่รู้ว่าจะยืนจุดไหนบนโลกใบนี้ ความสูญเสียที่ได้รับ มันมากพอที่จะทำลายความเข้มแข็งที่พยายามก่อสร้างมันขึ้นมาได้ทั้งหมดในคราวเดียว“ปรางค์ยังมีตา มีเกี๊ยะนะ” กมลเนตรปลอบเพื่อน“ปรางค์ยังมีผมด้วย ผมจะอยู่ข้างๆ ปรางค์นะ” ศาสตราพูดเสริ
Chapter 69“เกี๊ยะอยู่ที่นี่ดีกว่าค่ะ เกี๊ยะจะได้ดูแลปรางค์ด้วย บอกตรงๆ ว่าเป็นห่วง ไม่อยากละสายตาเลยค่ะ”“งั้นผมอยู่ด้วยดีกว่า มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน ผมนอนที่ห้องข้างนอกเอง”“ตามใจคุณศาสตราเถอะคะ ตอนนี้เกี๊ยะคิดอะไรไม่ออกจริงๆ”ภัทราเหนื่อยทั้งกายและจิตใจ ทุกข์ใจเป็นอย่างมากที่เห็นเพื่อนเป็นเช่นนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้มากกว่าปลอบโยนในขณะที่เธอเดินลงมานั่งอยู่ในห้องรับแขกเสียงโทรศัพท์มือถือของภัทราดังขึ้นหลายครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะกดรับสาย เสียงเนือยๆ คล้ายกับอ่อนล้าของภัทรา ทำให้บุคคลที่โทรศัพท์มาหาจับความผิดปกติได้“หวัดดีตา” ภัทราทักปลายสาย“ทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่าเกี๊ยะ” กมลเนตรคิดถึงเพื่อนสาวคนสนิททั้งสองคนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอโทรศัพท์ไปหาปรางค์รวีหลายสิบครั้ง หากแต่ไม่ประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง เธอจึงตัดสินใจโทรศัพท์มาหาภัทราแทน“ตา แม่ของปรางค์เสียแล้วนะ เสียเมื่อวานนี้เอง ปรางค์ดูแย่มากเลย แย่จนเกี๊ยะใจไม่ดีเลย...ฮือ” ภัทราพูดทั้งน้ำตา กมลเนตรอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นสัจธรรมของชีวิตก็ตาม แล้วรู้ดีว่าปรางค์
Chapter 68ภัทราเดินมาที่หน้าประตูรั้วบ้าน และเดินไปเดินมาอย่างกังวลใจ สดศรีออกไปตลาดที่หน้าปากซอยร่วมสองชั่วโมงแล้ว ยังไม่กลับมา เธอคิดไปในทางที่ดีว่า สดศรีอาจจะแวะคุยกับคนรู้จัก แต่ก็ไม่น่าจะนานเป็นชั่วโมง เพราะซื้อของสดมาด้วย หากไม่รีบนำกลับมาแช่ตู้เย็น เนื้อสัตว์อาจจะมีกลิ่นก็เป็นได้ ที่สำคัญที่สุด สดศรีไปซื้อของในตลาดที่อยู่หน้าปากซอยไม่เคยเกินหนึ่งชั่วโมง รีบไปรีบกลับด้วยซ้ำไป“ออกไปตามดีกว่า” ภัทราพูดกับตัวเอง คิดว่าอยู่อย่างนี้ความไม่สบายใจคงไม่หาย เธอจึงก้าวเท้าเดินไปยังหน้าปากซอยบ้านที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อไปตามหาสดศรีอีกประมาณยี่สิบเมตรก่อนจะถึงหน้าปากซอย ภัทรามองเห็นคนกลุ่มหนึ่งมุงดูบางอย่าง โดยมีรถของมูลนิธิชื่อดังจอดอยู่ใกล้ๆ ทำให้ภัทราเกิดความอยากรู้อยากเห็น เดินแทรกไทยมุงเข้าดู ดวงตาคมหวานมองดูหน่วยอาสาสมัครกำลังช่วยชีวิตประสบอุบัติเหตุ ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย เพราะร่างสูงใหญ่ของหน่วยอาสาอีกคนบังจนมิด“ใครเป็นอะไรเหรอคะคุณลุง” ภัทราเอ่ยถามชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างเธอ“คนโดนรถเชี่ยวน่ะ โดนไม่แรงหรอกนะ แต่ว่าหัวของแกไปกระแทกกับขอบปูนทางเดิน ก็เลยน็อกไม่ได้สติ ไม่
Chapter 67“ขอโทษนะคะคุณเสก เผอิญว่าฉันเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่ ไม่มีน้อง คุณจึงไม่ใช่พี่ชายของฉัน ไม่ต้องมาเรียกแทนตัวเองว่าพี่เลย ฟังแล้วจะอ้วก”“อะไรจะอ้วกแล้ว ยังไม่ทันทำอะไรเลยแค่จูบไม่กี่นาทีเอง ท้องแล้วเหรอ” รังสรรค์ทำเสียงทะเล้นใส่“นี่อย่ามาทำปากดีนะ ถ้าจะโทรมากวนฉัน ฉันจะวางสายแล้วนะ” เขาพูดเรื่องจูบแรกของเธอในวันนั้น ยิ่งทำให้ใบหน้างามแดงซ่าน ตั้งท่าจะวางสายเพื่อเป็นการตัดบท แก้ขวยเขิน“ผมคิดถึงคุณนะ” คราวนี้น้ำเสียงจริงจัง คนที่ได้ฟังถึงกับยิ้มไม่หุบ ตัวแทบลอย ทำท่ากรี๊ดแต่ไม่มีเสียง“...”“คุณคิดถึงผมหรือเปล่า” เขาถามเมื่อปลายสายเงียบไป“โทรมาแค่นี้เนี่ยนะ เปลืองเงินแย่” เธอเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามเขา จะตอบไปได้ยังไงว่าคิดถึง อายแย่เลย“ไม่เปลืองหรอก โทรมาหาคนที่เรารักเปลืองแค่ไหนผมก็ยอม” เขายังคงหยอดคำหวานต่อไป“ใครคนรักของคุณ พูดให้ดีๆ นะ”“ก็ใครล่ะที่ผมคุยอยู่ด้วย ก็คนนั้นแหละ ว่าแต่คุณอยู่ที่ไหนเนี่ย” ถ้าใครมาเห็นเธอตอนนี้ คงต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าบ้า เพราะเธอกระโดดโลดเต้น ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว“กำลังจะเดินไปบ้านปรางค์” เธอตอบ“แล้วคุณปรางค์เป็นยังไงบ้าง” รังสรร
Chapter 66วันรุ่งขึ้นปรางค์รวีเดินทางไปทำงานตามปกติ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินออกไปจากรั้วบ้าน รถเบนซ์ป้ายแดงก็แล่นมาจอดเทียบข้างรั้วบ้าน ปรางค์รวีมองรถคันดังกล่าวด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ก้าวเท้าเดินไปทางริมฟุตบาทเพื่อเดินไปยังหน้าปากซอยบ้าน ทว่าเธอเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องระงับเท้ายืนตัวตรง เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของโรเจอร์ก้าวลงมายืนข้างตัวรถ“สวัสดีครับคุณพลิสซิลล่า” ปรางค์รวีมองผู้พูดอย่างตกใจ เธอไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ คำถามหลายคำถามมีมากมาย โรเจอร์รู้จักบ้านของเธอได้อย่างไร ในเมื่อเพิ่งรู้จักกันเมื่อวานนี้ แล้วเธอก็ไม่ได้บอกที่อยู่ให้เขารับรู้ด้วย และอีกคำถามหนึ่งคือ เขามาที่นี่เพื่อจุดประสงค์ใด“สวัสดีค่ะคุณโรเจอร์” เธอตอบรับเพื่อไม่ให้เสียมารยาท“สำหรับคนสวยของผมครับ” โรเจอร์ไม่ได้มามือเปล่า เขาหอบดอกไม้ช่องามช่อใหญ่มาด้วย ก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ให้ปรางค์รวีตามที่ตั้งใจไว้ เธอเอื้อมมือมารับอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้“ผมขอไปส่งคุณพลิสซิลล่าที่ทำงานนะครับ” โรเจอร์บอกจุดประสงค์ที่เขาเดินทางมาที่นี่“อย่าลำบากเลยค่ะ พอดีพลิสซิลล่าต้องไปทำธุระให้แม่ก่อนไปทำงานค่ะ”
Chapter 65วิตโตริโอมีอาการไม่ต่างกัน แว่นสีชาเข้มอันใหญ่ปกปิดดวงตาเหม่อลอย หัวใจของเขายังคงอยู่เมืองไทยอยู่กับปรางค์รวี ครั้งหนึ่งเขาเคยพูดคำว่ารัก แต่มันเป็นเพียงคำลวง ตอนนี้คำว่ารักที่เขามอบให้เธอนั้น เป็นความรักมาจากความรู้สึกที่แท้จริง ความรู้สึกที่นอนสงบนิ่งอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ความรักของเขามาพร้อมกับคำว่าสายเกินไปอเล็สซานโดรหวังเพียงว่าสิ่งที่ทิพย์ธาราทำนั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุด ทิพย์ธาราบอกตนว่า เวลาเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น สำหรับเขานั้นคิดตรงกันข้าม ยิ่งเวลาผ่านไป หัวใจเจ็บช้ำของวิตโตริโอและปรางค์รวี ยิ่งถูกหนอนแห่งความรักกัดเซาะให้ยิ่งลึกลงเข้าไปอีก ไม่อาจสลัดหลุดได้ ดวงตาของลูกชายบ่งบอกได้ว่า ดวงตาคู่นี้จะไม่มองหญิงใดอีก นอกจากปรางค์รวีโรเจอร์มองหญิงสาวที่เหมือนรักแรกพบของเขาไม่วางตา เป็นเพราะพรหมลิขิตหรือความบังเอิญไม่อาจทราบได้ วันนี้เขามีนัดคุยธุรกิจกับศาสตรา เจ้าของโกดังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเรือเดินสินค้าภายในประเทศและนอกประเทศกว่ายี่สิบลำ โรเจอร์มีบริษัทเดินเรือหลายบริษัทอยู่ในใจ แต่เขาเลือกบริษัทของศาสตราในการขนสินค้าทางเรือข้ามประเทศ และโกดังสิน







