หลังจากที่เนตรแพรกลับจากงานแต่งงานของสุธีราและแฟนหนุ่ม หญิงสาวก็กลับมาใช้ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของตนกับลูกน้อยวัยสามเดือนเศษ และพยายามไม่คิดถึงคนใจร้ายที่เธอเพิ่งเจอเมื่อไม่นานมานี้บรรยากาศที่แสนสบายที่หาไม่ได้ในเมือง เนตรแพรอุ้มลูกสาวตัวน้อยไปฝากมะลิวัลย์ช่วยเลี้ยงดูในช่วงที่ออกไปทำงานในคราแรกหญิงสาวจะจ้างพี่เลี้ยงเด็กช่วย แต่ทางผู้ใจดีอย่างป้ามะลิที่เอ็นดูเจ้าตัวเล็กตั้งแต่ครั้งแรก ขันอาสาที่จะดูแลหนูน้อยให้ แต่ด้วยความเกรงใจไม่อยากรบกวนเธอจึงขอพาลูกไปเลี้ยงที่ทำงาน ทุกคนต่างพากันเอ็นดูช่วยกันเลี้ยงแต่ทางมะลิวัลย์เห็นว่าจะรบกวนการทำงานของเนตรแพรจึงขอให้เอาเจ้าหนูมาช่วยเลี้ยงดูระหว่างที่ทำงาน โดยให้เหตุผลต่าง ๆ นานา จนทำให้เนตรแพรยอมที่จะฝากลูกน้อยไว้กับนาง และเพียงเห็นว่านางเอ็นดูลูกสาวของเธอก็ดีใจแล้ว“สวัสดีค่ะป้ามะลิ”“มาเช้าจังเลยนะหนูเนตร” คุณมะลิวัลย์เดินตรงเข้ามาหาเนตรแพร หลังจากวางสายจากใครบางคนเมื่อครู่นี้ ก่อนที่จะอุ้มรับน้องนับดาวเด็กน้อยวัยแบเบาะจากคุณแม่ยังสาว“เนตรแค่มาก่อนเวลานิดเดียวเองค่ะป้ามะลิ ว่าจะรีบไปทำงานที่ค้างให้เสร็จก่อนไปซื้อของเข้าบ้านน่ะค่ะ”“ขยันไม่เปล
ในจังหวะที่เนตรแพรกำลังจะหันไปตอบเพื่อนสาว พลันสายตาคู่หวานที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกลับเลือนหายไป มีแต่ความกลัว ความกังวล เต็มไปหมด เมื่อพบกับสายตาคู่คมของใครบางคนที่ไม่เคยลืมเขาแม้แต่ครั้งเดียว ก่อนหันไปกระซิบบางอย่างกับเพื่อนและกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากงานไปอย่างรวดเร็ว“เนตร เนตรแพร”ศรุตร้องเรียกชื่อของคนที่เฝ้าตามหามาตลอดหนึ่งปีสุดเสียง ทำเอาคนในงานมองเจ้านายหนุ่มรูปหล่อ ที่กำลังวิ่งตามอดีตพนักงานต้อนรับของโรงแรมด้วยความตื่นตะลึง ทินกรและตุลธรวิ่งตามเจ้านายหนุ่มออกมาเช่นกัน“เนตร เดี๋ยวรอฉันก่อน”ศรุตร้องตะโกนสุดเสียงเรียกเนตรแพรเอาไว้พร้อมวิ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว และในที่สุดเขาก็คว้าเข้ากับแขนเรียว“ปล่อยฉันนะ” เนตรแพรพยายามดีดดิ้นและบิดท่อนแขนของตนออกจากมือหนาของเขาราวกับรังเกียจ“ไม่ ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปไหนอีกแล้ว”“ฉันบอกให้ปล่อย” หญิงสาวรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักศรุตให้ออกห่างก่อนที่จะนำพาตัวเองขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดให้บริการอยู่หน้าโรงแรมและกำลังหนีเขาไปอีกครั้ง“โธ่เว้ย!” เจ้าของโรงแรมหนุ่มสบถลั่นออกมาอย่างหัวเสีย“ตุลา ไปสืบให้กูเดี๋ยวนี้ว่ารถคันนั้นไปส่งเนตรแพรที่ไหน”“ได้ครับ” รับค
“เนตรก็คิดถึงพี่สุค่ะ” เสียงหวานตอบกลับตามแบบฉบับของตน ทันทีที่ได้ยินเสียงของเนตรแพรทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมีความสุขและหวังจะได้พบใบหน้าหวานในเร็ววัน“พี่สุมีอะไรหรือเปล่าคะ” คนปลายสายเอ่ยถามเมื่อสุธีราเงียบไปราว ๆ สองนาที“อ๋อ...ที่พี่โทร.หาน้องเนตรมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกน่ะ”“เรื่องอะไรเหรอคะ”“พี่กำลังจะแต่งงาน ก็เลยอยากจะชวนน้องเนตรมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวน่ะ”“อ๋อค่ะ ประมาณวันไหนเหรอคะ เนตรจะได้ดูว่าว่างไหม” เนตรแพรเงียบไปสักพักใหญ่ ๆ ก่อนจะเอ่ยถามวันจัดงาน“สิ้นเดือนนี้จ้ะ พี่ขอที่อยู่ของน้องเนตรได้ไหม เดี๋ยวพี่จะส่งชุดเพื่อนเจ้าสาวไปให้”“เอ่อ ที่อยู่เนตรยังไม่สะดวกให้ค่ะพี่สุ เนตรขอโทษนะคะ ลืมถามไปเลยค่ะว่างานแต่งพี่จัดที่ไหนเหรอ”เนตรแพรเลือกที่จะเปลี่ยนคำถามเสีย เพราะเธอไม่อาจให้คนที่โรงแรมรู้เรื่องที่อยู่ของตนได้ เพราะกลัวว่าศรุตจะตามหาเธอพบ“โรงแรม ธาดากรณ์ที่พี่ทำงานนี่แหละ”“เนตรไม่สะดวกแล้วค่ะ” ทันทีที่ได้ยินถึงสถานที่จัดงานแต่งของสุธีรากับคนรัก เนตรแพรรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องใช้เวลาคิดไตร่ตรองอะไรเลยหลังจากได้ยินคำตอบของเนตรแพร ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของศรุตพลันหายวับไปกับตา
หลังจากการประชุมเสร็จเรียบร้อยศรุตยังคงนั่งอยู่ประจำที่เดิมไม่ได้ลุกไปไหน ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่หลายคนที่นั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งทินกร ตุลธร สุธีรา รวมทั้งพนักงานอีกสองคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเนตรแพรอย่างขวัญนภาและเจนจิรา นั่งอยู่ตรงหน้า ทุกคนต่างพากันคิดว่าเข้ามาอยู่ในห้องปกครองเหมือนสมัยเรียนเสียอย่างนั้น ถึงแม้ไม่ได้ทำความผิดอะไรก็ย่อมตกใจกลัวได้เช่นกันว่าพวกเขาเผลอไปทำอะไรผิดอีกหรือเปล่า แต่นึกไปนึกมาก็ไม่น่าจะมีอะไร“เอ่อ...คุณเสือเรียกพวกเรามา มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่าคะ” คนที่อายุมากกว่าอย่างสุธีราเป็นคนพูดขึ้นแทนน้อง ๆ ที่นั่งอยู่รวมกัน“ได้ข่าวเนตรแพรบ้างไหม” ทุกครั้งที่ศรุตถามต่างมีความหวังเหลือล้น“ยังเลยค่ะคุณเสือ พวกเราช่วยสืบดูจากบัญชีแอ็กเคานต์เฟซบุ๊กของยัยเนตรแล้ว แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวเลยค่ะ ไม่รู้ว่ามันจะบล็อกเราไปอีกนานแค่ไหน” ขวัญจิราบอกด้วยความเป็นห่วงเนตรแพรไม่แพ้ศรุตศรุตพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เขารู้ว่าทุกคนต่างช่วยตามสืบหาเนตรแพรเหมือนกับตน ก่อนหันไปถามลูกน้องทั้งสองคนเช่นกันว่าได้เรื่องอะไรบ้างหรือไม่“แล้วพวกแกล่ะ”“ยังไม่มีข่าวเหมือนกันครับ” ทินกร
“ไอ้เสือ! แกทำแบบนี้ได้ยังไง”น้ำเสียงฉุนเฉียวโกรธจัดของศิลาดังขึ้นมาทันที ยังไม่ทันที่ศรุตจะกล่าวคำทักทายผู้เป็นบิดาแม้แต่คำเดียว“ทำอะไรครับพ่อ”คนเป็นลูกยังคงตีมึนทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่บอก แต่มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร มันก็คงหนีไม่พ้นเรื่องแต่งงานเป็นแน่“อย่ามาทำไขสือ แกรู้ว่าฉันหมายถึงเรื่องอะไร”“เรื่องที่ผมยกเลิกงานแต่งงานน่ะเหรอครับ” ศรุตส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์กับคนปลายสายแม้แต่น้อย“ก็เออน่ะสิ หนูฟางโทร.มาบอกฉัน ว่าแกขอยกเลิกงานแต่ง”“ครับ ผมยกเลิกมันเอง”“แกรู้ไหมว่าฉันเสียหน้าขนาดไหน”เหอะ เสียหน้าเหรอ เขาว่าไม่ใช่หรอกคงเสียเงินทางธุรกิจเสียมากกว่า ศรุตขบคิดในใจก่อนตอบกลับบิดาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยสะกดกลั้นความรู้สึกบางอย่างเอาไว้“พ่อไม่เห็นต้องเสียหน้าอะไรเลยนี่ครับ ในเมื่อเรื่องงานหมั้นหรืองานแต่งงานกับน้องฟางเราคุยเป็นการภายในเท่านั้นไม่ได้ป่าวประกาศลงโซเชียลมีเดียเสียหน่อยนี่ครับ แล้วอีกอย่าง เรื่องนี้ผมกับน้องฟางเราคุยกันรู้เรื่องดีแล้ว”“แต่แกต้องแต่งไอ้เสือ”“ผมไม่แต่ง พ่อไม่มีสิทธิ์มาบังคับผม” ศรุตสวนกลับเสียงแข็ง แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนเอ่ยประโยคต่อม
“เรื่องตามหาคุณเนตร ผมจัดการจ้างนักสืบเพิ่มและกระจายตัวหาตามจังหวัดต่าง ๆ แล้วครับ พวกเขาจะรีบมาแจ้งข่าวหากพบตัวคุณเนตรครับ” ตุลธรรีบรายงานทันที“ขอบใจพวกนายมาก เลยเวลาอาหารกลางวันมามากแล้วลงไปหาอะไรกินเถอะ”“นายจะรับอะไรไหมครับผมจะสั่งจากทางห้องอาหารให้มาส่ง” ทินกรถามเจ้านายหนุ่ม“ไม่ต้องหรอก ขอบใจนายสองคนมาก” ศรุตบอกเสียงเศร้าขอบคุณลูกน้องทั้งสองคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ เสมอ สองหนุ่มมองหน้ากันอย่างอ่อนใจกับท่าทางของเจ้านายที่กำลังเครียดจัดศรุตพักสายตาเล็กน้อยแล้วเอนกายเข้ากับพนักพิงราวกับกำลังพักผ่อนที่ช่วงนี้เขามักนอนไม่ค่อยหลับเพราะมัวแต่คิดถึงเจ้าของใบหน้าหวานปนเศร้าอย่างเนตรแพร หลังจากนั้นไม่นานประตูห้องทำงานของชายหนุ่มก็เปิดออก ทำเอาคนที่เพิ่งหลับตาลงเมื่อครู่ต้องหันมองผู้เข้ามาใหม่ทันที“สวัสดีค่ะพี่เสือ” เฟยเฟิ่งทักทายชายหนุ่มตรงหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนเดินไปหย่อนสะโพกนั่งบนโซฟาที่อยู่เยื้อง ๆ โต๊ะทำงานของเขา“สวัสดีครับ น้องฟางมาได้ยังไงครับ มีอะไรหรือเปล่า” ศรุตทักทายว่าที่คู่หมั้นพลางประสานมือทั้งสองลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่“ฟางมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่เสือค่ะ” สาวเจ้าเปิดประเด็นอย่างไม่ร