“คุณเสือคะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะคะ เนตรกับคุณเมธเราไม่ได้มีอะไรกัน มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นค่ะ” เนตรแพรปรับโทนเสียงข่มความโกรธที่เขาดูถูกเธอ พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “เธอคิดว่าฉันจะเชื่อผู้หญิงร่านร้อนอย่างเธอเหรอเนตรแพร” เขาเดินมาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา พูดแล้วชี้นิ้วจิ้มเข้าที่หน้าผากมนออกแรงผลักเพียงนิดเดียวศีรษะทุยก็เอียงเอนจนทรงตัวไม่อยู่ “พี่เสือคะ ฟางมารับไปทานข้าวกลางวันค่ะ” อยู่ ๆ เฟยเฟิ่งก็เปิดประตูเข้ามา ทำให้ทั้งศรุตและเนตรแพรหันไปทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่เข้ามาไม่ดูเวลาตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าสองคนในห้องกำลังมีปากเสียงกันอย่างไรอย่างนั้น “น้องฟางมาแล้วเหรอครับ รอพี่แป๊บหนึ่งนะ” ศรุตบอกผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วหันมาตวาดใส่คนตัวเล็กเสียงแข็ง “ส่วนข้าวเที่ยงที่เธอเอามา ฉันไม่กินเอากลับไป พร้อมกับร่างกายเน่า ๆ ของเธอซะ” “คุณเสือคะ เนตรมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกคุณเสือค่ะ” เนตรแพรตัดสินใจที่จะบอกเรื่องสำคัญให้ศรุตได้รับรู้ มันคือเรื่องที่น่ายินดีสำหรับเธอ แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะยินดีกับสิ่งที่เธอจะพูดหรือไม่
View More
“ดอกไม้อยู่ที่ใคร” เสียงของเจ้าสาวดังขึ้นด้วยความลุ้นสุดใจว่าตนได้โยนช่อกุหลาบแต่งงานสีขาวไป ผู้หญิงคนไหนในงานเป็นคนรับได้ เจ้าสาวคนสวยของงานโอบกอดเจ้าบ่าวข้างกายของตน สอดสายสายตามองหา ทุกคนต่างมองหาเช่นเดียวกัน เนตรแพรมองดอกไม้ในมือของตัวเองแล้วส่งยิ้มให้เจ้าสาว
“ยัยเนตรแกได้ดอกไม้ด้วย” ขวัญจิรา อดีตเพื่อนรวมงานของบอกอย่างดีใจที่หญิงสาวรับช่อดอกไม้สีขาวบริสุทธ์ได้
ในจังหวะที่เนตรแพรกำลังจะหันไปตอบเพื่อนสาว พลันสายตาคู่หวานที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกลับเลือนหายไป มีแต่ความกลัว ความกังวล เต็มไปหมด เมื่อพบกับสายตาคู่คมของใครบางคนที่ไม่เคยลืมเขาแม้แต่ครั้งเดียว ก่อนหันไปไปกระซิบบางอย่างกับเพื่อนและเดินออกจากงานไปอย่างรวดเร็ว
“เนตร”
ศรุตร้องเรียกชื่อของคนที่เฝ้าตามหามาตลอดสามปีสุดเสียง ทำเอาคนในงานมองเจ้านายหนุ่มรูปหล่อ ที่กำลังวิ่งตามอดีตพนักงานต้อนรับของโรงแรมด้วยความตื่นตะลึง
“เนตร รอฉันก่อน” คนตัวสูงเห็นร่างเล็กกำลังก้าวขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดให้บริการอยู่หน้าโรงแรมและกำลังหนีเขาไปอีกครั้ง
“โธ่เว้ย”
ณ โรงแรม ธาดากรณ์ หนึ่งในโรงแรมในเครือของธุรกิจ ธาดากิจจากรณ์
“เลิกงานแล้ว ไปหาอะไรกินกันไหม”
เสียงหวานของพนักงานสาวอย่างเนตรแพรเอ่ยชักชวนเพื่อนร่วมงานอีกสองคนไปหาอะไรทานกันหลังเลิกงาน ในจังหวะที่กำลังคว้ากระเป๋าสะพายข้างใบย่อมออกจากล็อกเกอร์ที่ทางโรงแรมได้จัดเตรียมเอาไว้ให้พนักงานได้เก็บของใช้ในระหว่างที่กำลังทำงานตามหน้าที่ของตน
“ไปสิ วันนี้แกไม่ไปทำงานเสริมพิเศษเหมือนทุกครั้งหรือยังไง” หนึ่งในเพื่อนร่วมงานถามสาวเจ้า
“ไม่ไปหรอก วันนี้ว่างว่าจะไปหาอะไรอร่อย ๆ กินซะหน่อย”
เนตรแพร รัตนโยธิน พนักงานต้อนรับสาวสวยวัยยี่สิบสี่ปี เข้ามาทำงานที่นี่ได้เพียงสองปีเท่านั้นตอบกลับเพื่อนร่วมงานด้วยรอยยิ้มและความเป็นกันเอง โดยนิสัยพื้นฐานส่วนตัวของหญิงสาวมักจะเป็นที่รักของคนที่ได้คุยหรือพบเจอ เช่นเดียวกับเพื่อนทั้งสองคนที่ได้รู้จักกันมาเป็นเวลาระยะหนึ่ง นับตั้งแต่เธอมาเป็นนักศึกษาฝึกงานและตัดสินใจทำงานกับทางโรงแรม ธาดากรณ์ หนึ่งในโรงแรมในเครือของธุรกิจ ธาดากิจจากรณ์
“จริงเหรอ คนอย่างแกเนี่ยนะยัยเนตรอยากจะหยุดพัก ไม่ไปทำงานเสริมน่ะ อันที่จริงฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันนะว่าแกทำงานอะไรกันแน่พักนี้น่ะ”
หนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่เก็บของเสร็จเรียบร้อยพอดีอย่าง ขวัญนภา หันมาถามด้วยความไม่แน่ใจ เพราะหลายครั้งที่เธอชวนเนตรแพรไปหาอะไรกินตอนเลิกงานเจ้าหล่อนมักจะปฏิเสธทุกครั้ง และเจนจิราเองก็มักจะถามแบบเดิมอยู่บ่อย ๆ ว่าช่วงนี้หญิงสาวทำงานพิเศษอะไรกันแน่ที่บอกพวกเธอไม่ได้
“วันนี้ว่างจริง ๆ ไปกันเถอะ ขวัญ เจน” ว่าแล้วก็หันไปชวนเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนแล้วเดินออกจากห้องไปโดยที่เลี่ยงไม่ตอบคำถามเรื่องงานพิเศษที่ตนทำ เพราะงานนี้มันเป็นความลับจริง ๆ เธอสัญญาเอาไว้แล้วว่าจะมีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และห้ามบอกใครเป็นอันขาด
“ไปกินหมูกระทะกัน ฉันเห็นร้านเปิดใหม่ในซอยข้าง ๆ ดูน่าอร่อย” เจนจิราสาวร่างอวบแนะนำเมนูอาหารทางเลือกให้สองสาว ซึ่งทั้งสองคนก็ไม่ได้เลือกอะไรมากมายนัก
“หมูกระทะก็ดีเหมือนกันนะ อยากกินอยู่พอดี” ขวัญนภาบอกพลางเอามือลูบพุงน้อย ๆ ของตนบ่งบอกว่ากำลังหิวเต็มที่เลยทีเดียว
“น้องเนตร เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งกลับ”
ในขณะที่สามสาวเดินพ้นประตูห้องพักของพนักงานได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้น จึงหันไปตามเสียงอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“คะ มีอะไรหรือเปล่าคะพี่สุ” หญิงสาวเลิกคิ้วเรียวสวยเข้ากับรูปหน้าถามอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าสุธีรามีธุระอะไรกับเธอหรือไม่
“โชคดีที่มาทัน พี่มีเรื่องจะคุยกับเนตรหน่อย” สุธีรา บอกเสียงเรียบเฉยใบหน้าดุราวกับตนเป็นครูฝ่ายปกครองอย่างไรอย่างนั้น สีหน้าท่าทางจริงจังเช่นนี้ต้องเป็นเรื่องสำคัญมากเป็นแน่ ทั้งน้ำเสียงและสายตาของผู้จัดการวัยกลางคนที่ถูกส่งไปหาสองสาวทำเอาร้อน ๆ หนาว ๆ ไปตามกันจึงรีบขอตัวกลับกันก่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนอาหารที่นัดกันเอาไว้คงต้องเป็นวันหลังเสียแล้ว
“งั้นขวัญกับเจนขอตัวกลับก่อนนะคะพี่สุ คุณตุลา” สองสาวยกมือไหว้ผู้จัดการโรงแรมที่มีอายุมากกว่าอย่างสุธีรา ก่อนจะยกมือไหว้อีกครั้งกับคนที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบเมื่อครู่อย่างตุลธรลูกน้องคนสนิทบอสใหญ่ของที่นี่ แล้วสองสาวก็รีบออกจากตรงนี้ด้วยความรวดเร็ว
“พี่สุมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ ถึงต้องใช้เสียงเข้มแบบนี้ ทำให้ขวัญกับเจนรีบแจ้นกลับบ้านไปอย่างนั้น” หญิงสาวพูดขึ้นยิ้ม ๆ ลับหลังสองสาวที่เพิ่งออกไปไม่นานนี้
“คุณสุครับ หาคนทำความสะอาดห้องพักคุณศรุตได้หรือยังครับ” ตุลธรเอ่ยขึ้นด้วยความรีบร้อนเพราะเจ้านายหนุ่มของเขากำลังจะกลับมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้
“นี่ไงคะคุณตุลา สุจะให้เนตรขึ้นไปทำความสะอาดห้องของคุณศรุต” หันไปบอกทางตุลธรทำเอาคนที่ถูกเอ่ยชื่องวยงงไม่น้อย
“พี่สุจะให้เนตรไปทำอะไรนะคะ” ถามกลับเพื่อความแน่ใจว่าเธอฟังไม่ผิด เพราะก่อนหน้านี้สุธีราส่งข้อความมาบอกเธอว่าไม่ต้องไปทำงานที่ตกลงกันไว้ ให้กลับไปก่อนได้เลย แต่เหตุใดถึงเรียกให้เธออยู่ต่ออย่างทันทีทันใดพร้อมทั้งจะให้ขึ้นไปทำความสะอาดห้องนอนของเจ้านายหนุ่มเสียอีก
“คืออย่างนี้นะคะน้องเนตร แม่บ้านประจำที่เคยให้ทำความสะอาดห้องของคุณศรุตเกิดป่วยกะทันหันและยังหาคนทำไม่ได้ พี่เลยต้องขอร้องให้น้องเนตรขึ้นไปทำความสะอาดให้หน่อยน่ะ” คนตรงหน้าอธิบายหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
“อีกอย่างที่ไม่ให้พนักงานคนอื่นขึ้นไปทำแทนแม่บ้านประจำเพราะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวและต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ เท่าที่ดูพวกผมก็มองไม่เห็นใครแล้วนะครับนอกจากคุณเนตร คุณเนตรช่วยพวกผมหน่อยเถอะครับ” ตุลธรเอ่ยเสริมหลังจากที่ผู้จัดการวัยกลางคนพูดจบ
ศรุตรั้งกายบางของเนตรแพรลงนั่งบนตักแกร่งของเขาที่โซฟาทั้งที่หญิงสาวดีดดิ้นแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย ลมหายใจร้อนผ่าวที่รดต้นคอของเนตรแพรทำเอาสยิวไม่น้อยจนต้องนั่งนิ่งดั่งใจ เมื่อเห็นคนตัวเล็กอยู่นิ่งแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ผมจะบอกความจริงทั้งหมดให้คุณฟัง เรื่องที่ผมต้องแต่งงานมันก็เป็นตามที่ไอ้เมธมันบอกนั่นแหละ พ่อรู้เรื่องของคุณกับผมมาตั้งนานแล้วเลยบังคับให้ผมเลิกยุ่งกับคุณแต่ผมไม่ยอม จนกระทั่งพ่อเอาคุณขึ้นมาขู่ ถ้าไม่ยอมแต่งงานจะส่งคนมาทำร้ายคุณ ซึ่งผมทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นคุณเป็นอะไรไปเลยยอมตกลงแต่งงานกับน้องฟาง น้องฟางก็มีคนของเขาอยู่เราสองคนก็เลยตกลงจะเล่นละครด้วยกันและทำเมินคุณ ตอนนั้นวันที่คุณมาหาผมเกิดพลั้งมือทำร้ายคุณกับลูกเข้าไปเพราะเห็นรูปนั่นแหละ ผมหึงที่เห็นคุณกับมันอยู่ด้วยกัน"ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความรู้สึกผิดและนิ่งไปครู่หนึ่งทำเอาเนตรแพรพูดแทรกขึ้นมา "คุณก็เลยทำร้าย และตกลงแต่งงานกับเขา"ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วรีบแก้ต่างทันทีเรื่องแต่งงาน "แต่เรื่องแต่งงานผมยกเลิกตั้งแต่วันที่ไปหาคุณอีกครั้งแล้วไม่เจอ ผมเสียใจและรู้สึกผิดมากเลยนะ ผมตามหาคุณทุกวันไปทุกที่ที่คิดว่าคุ
"ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว...เอ่อ แต่ว่ามาคราวนี้จะค้างที่นี่ไหมคะ" เนตรแพรถามทั้งสองคนที่กำลังมองหน้ากัน"ผมว่าไม่ดีกว่า ต่อให้ไอ้เสือรู้ว่าคุณเนตรอยู่ที่นี่แล้ว แต่มันยังไม่รู้ว่าผมรู้เรื่องที่อยู่ของคุณเนตรมาตลอด"มันคือเรื่องจริง เมื่อก่อนทั้งจิรเมธและกชพรรณต้องคอยระวังตัวเพราะศรุตเพื่อนของชายหนุ่มมักให้คนคอยมาตามสืบอยู่บ่อย ๆ จนเกือบถูกจับได้อยู่หลายครั้ง อันที่จริงเขาทั้งสองคนรู้เรื่องที่เนตรแพรมาอยู่ที่นี่สักพักใหญ่ ๆ แล้ว เนื่องด้วยเนตรแพรกลัวกชพรรณเป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับจึงแอบส่งข้อความมาหาบอกเรื่องที่อยู่จิรเมธนิ่งไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจบอกหญิงสาว "ผมว่าอีกสักพักเราสองคนกลับเลยดีกว่า เดี๋ยวไอ้เสือมาเจอจะยุ่งเอา" เขาว่าอย่างนึกขัน ศรุตคงคิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนที่ปกปิดเรื่องนี้เอาไว้เพราะถูกเนตรแพรและกชพรรณขอร้องเอาไว้ แต่ในช่วงแรก ๆ ออกตามหามาอ้อนวอนถามอยู่หลายต่อหลายครั้งก็ทำใจเด็ดไม่ยอมบอกตามคำขอร้องของคุณแม่ยังสาวตรงหน้า"มึงก็รู้ว่าเมียกูอยู่ที่ไหน ทำไมมึงไม่บอกกูวะไอ้เมธ" ศรุตว่าออกมาเสียงเข้ม ขบกรามกร้าวราวกับโกรธเพื่อนหนักหนาที่บังอาจปกปิดที่อยู่ของเมียรัก"ไหนมึง
เนตรแพรอุ้มศรุตามานั่งรับลมยามเย็นที่โต๊ะม้าหินอ่อนอยู่หน้าบ้านหลังเล็ก ด้านข้างถูกล้อมรอบไปด้วยกระถางต้นไม้เล็ก ๆ เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้านดูร่มรื่นน่าอยู่เป็นไหน ๆ ไม่นานกชพรรณเดินเข้ามาหย่อนกายนั่งเคียงข้างเพื่อนพร้อมกับแก้วน้ำสองใบวางตรงหน้า"นี่แก้วของฉันใช่ไหม" เนตรแพรถามพลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำ"ไม่ใช่ย่ะ อันนี้ของคุณเมธ ส่วนของแกแก้วนี้" กชพรรณเลื่อนแก้วน้ำที่อยู่ในมือของตนให้เนตรแพร และเอาแก้วที่เนตรแพรจะหยิบเมื่อครู่เข้ามาหาตัวเอง ทว่าเห็นคนรักกำลังเดินตรงเข้ามาหาอีกไม่ถึงเสี้ยวนาที กชพรรณยื่นแก้วน้ำที่ห้ามไม่ให้คุณแม่ยังสาวหยิบส่งให้คนรักบอกเสียงหวานพร้อมด้วยรอยยิ้ม"น้ำเย็น ๆ ของคุณค่ะ""ขอบคุณครับที่รัก""โอ๊ย! เหม็นความรักจริง ๆ" เนตรแพรบ่นด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ใส่ใจอะไรมากมายนัก"จะมาเหม็นอะไร ของตัวเองก็มี" กชพรรณว่าแล้วก็จับแก้มของเพื่อนอย่างมันเขี้ยวท่าทางของสองสาวทำเอาจิรเมธถึงกับต้องหัวเราะออกมากับการหยอกล้อของสองสาวที่นาน ๆ จะมาเจอกันเสียที"นั่นน่ะสิครับ ไอ้เสือเพื่อนของผมก็ตามง้อคุณอยู่นะ" คนที่ทำหน้าที่แฟนที่ดีเอ่ยเสริมขึ้นมาทันที"นี่ทั้งสองคนรุมฉันเหรอคะ
ลงท้ายด้วยรัก 2"เดี๋ยวนะ โดดจากกำแพงนี่มันซีรีส์จีนไม่ใช่หรือยังไง""ใช่แล้ว มันคือซีรีส์จีนที่หนูชอบมาก" น้อยหน่าบอกอย่างร่าเริงและมีความสุขแสนหวาน"อย่าดูให้มันมากนักนะ ซีรีส์มันก็คือซีรีส์ ใช่ชีวิตจริงซะที่ไหน""มันก็ต้องมีเรื่องจริงบ้างแหละ""พี่รู้น่า" หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อถึงแม้ว่าละครบางเรื่องนิยายหลายเล่มมันล้วนมาจากเรื่องจริงเสมอ ซึ่งเรื่องจริงมันอาจเลวร้ายกว่าซีรีส์พวกนั้นก็ได้"พี่กับคุณเสือดูเหมาะสมกันที่สุดเลยนะ" เนตรแพรนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง นึกถึงคำพูดของเขาที่เคยพูดเมื่อตอนนั้น "พี่กับเขาไม่คู่ควรกันหรอก""พี่เนตรอะ...ไม่คล้อยตามเลย หนูไม่คุยแล้วโน้มน้าวยากจริง" น้ำเสียงของน้อยหน่าฟังดูหงุดหงิดและอยากจะร้องไห้ที่เกลี้ยกล่อมเธอไม่สำเร็จ“ใครติดสินบนมาเหรอถึงได้พูดเยอะกว่าปกติน่ะ”"ไม่มี หนูไปก่อนนะ คุยไปคุยมาจะบ่ายแล้วเดี๋ยวไปทำข้าวเที่ยงมาให้" น้อยหน่ารีบเปลี่ยนบทสนทนาอย่างรวดเร็วและพาตัวเองออกไปทันทีก่อนที่ความจะแตกเสียก่อน"เด็กคนนี้นับวันจะยิ่งแก่แดดแก่ลม" เนตรแพรบ่นอุบอิบตามหลังอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนเงยหน้าขึ้นเพราะเสียงที่ดังขึ้นเหนือหัวจนต้องหันไปมอง"ช่าย ๆ เ
สามเดือนผ่านไป ศรุตยังคงตามง้องอนเมียสุดที่รักอยู่ โดยไม่มีท่าทีว่าหญิงสาวจะใจอ่อนแม้แต่น้อย ไม่ว่าเธออยากทำอะไรอยากจะได้อะไรชายหนุ่มก็ไปเสาะหามาให้เธอทุกอย่าง ช่วยเนตรแพรเลี้ยงลูกน้อยในตอนกลางคืน ส่วนกลางวันเขามักจะเอางานมาทำข้าง ๆ เมีย หากวันไหนเขามีงานที่สำคัญต้องกลับกรุงเทพฯ อย่างปัจจุบันทันด่วน โดยไม่ลืมที่จะบอกกับหญิงสาวว่าไปไหนหรือทำอะไรมักจะรายงานตลอดเวลา“วันนี้ผมมีคุยธุระสำคัญจะกลับตอนค่ำ แต่ถ้า…” และครั้งนี้ก็เช่นกันเมื่อเขาต้องนัดพบลูกค้าสำคัญในตัวเมืองแต่หากว่างานเสร็จเร็วกว่ากำหนดเขาก็จะรีบกลับโดยไม่ว่อกแว่กไปที่ไหนอยู่ในโอวาทของเมียเสมอ“คุณจะมาบอกฉันทำไม คุณจะไปไหนก็เรื่องของคุณ” หญิงสาวตอบอย่างไม่ใส่ใจในคำพูดของเขา แต่ในใจดวงน้อย ๆ ของเธอกลับรู้สึกดีไม่น้อย ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน กำลังทำอะไร เขามักจะบอกเธอเสมอ“ไม่สนหน่อยเหรอเมียจ๋า”ใครว่าเขาจะเสียใจกับคำเมินเฉยของเมีย แต่เปล่าเลยเขากลับยิ้มสู้เสียอย่างนั้นแถมยังยียวนกวนประสาทจนเธอต้องชักสีหน้าใส่วันละหลาย ๆ หน“จะไปไหนก็ไปเลยไป”ศรุตยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจในท่าทีของเนตรแพร“นับดาวลูกดูคุณแม่สิไล่คุณพ่ออีกแล้ว ถ้าไปหนูจะ
เนตรแพรพาลูกน้อยกลับเข้ามาในบ้านตามคำขอร้องของคุณมะลิวัลย์และความคะยั้นคะยอของน้อยหน่าที่บอกว่า หากเธอพาศรุตาออกมาข้างนอกรับอากาศแปรปรวนมากเกินไปอาจทำให้ไม่สบายได้ ด้วยความเป็นห่วงลูกสาวตัวน้อยจึงยอมพากันกลับมาดังเดิม หญิงสาวเล่นหน้าเล่นตาหยอกล้อลูกของตนราว ๆ ยี่สิบนาที ทุกอย่างอยู่ในสายตาของน้อยหน่าที่จ้องมองอย่างสงสัยแต่ไม่กล้าถามเรื่องส่วนตัว“มีอะไร ทำไมจ้องพี่แบบนั้น” หญิงสาวรู้สึกถึงสายตาที่จ้องเธออยู่จึงเอ่ยถามขึ้น เพราะปกติเวลาน้อยหน่ามาที่นี่มักจะคุยจ้อกับศรุตาไม่หยุด ผิดกับวันนี้โดยสิ้นเชิง“เอ่อ…” เด็กสาวไม่รู้จะเริ่มต้นถามเรื่องที่ค้างคาใจจากคำถามไหนก่อนดี“มีเรื่องอะไรถามมาเถอะ สีหน้าคาใจซะขนาดนั้น”“หนูไม่รู้ว่าจะถามพี่เนตรดีไหม ถามไปแล้วพี่เนตรจะคิดมากหรือเปล่า”“อยากถามอะไรก็ถามเถอะ”“งั้นหนูไม่เกรงใจนะคะ น้องนับดาวเป็นลูกของคุณเสือหรือเปล่า แล้วพี่กับคุณเสือเป็น…” ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะเอ่ยถามจนจบประโยคหญิงสาวเอ่ยเสียงแข็งขึ้นทันที“แค่คนรู้จักกันเท่านั้น ก็จริงอยู่เราเคยรู้จักและคุ้นเคยกันอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อทุกอย่างถึงทางตันเราก็เป็นได้แค่คนรู้จักเท่านั้น”เนตรแพรตอ
Comments