“คุณเสือคะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะคะ เนตรกับคุณเมธเราไม่ได้มีอะไรกัน มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นค่ะ” เนตรแพรปรับโทนเสียงข่มความโกรธที่เขาดูถูกเธอ พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “เธอคิดว่าฉันจะเชื่อผู้หญิงร่านร้อนอย่างเธอเหรอเนตรแพร” เขาเดินมาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา พูดแล้วชี้นิ้วจิ้มเข้าที่หน้าผากมนออกแรงผลักเพียงนิดเดียวศีรษะทุยก็เอียงเอนจนทรงตัวไม่อยู่ “พี่เสือคะ ฟางมารับไปทานข้าวกลางวันค่ะ” อยู่ ๆ เฟยเฟิ่งก็เปิดประตูเข้ามา ทำให้ทั้งศรุตและเนตรแพรหันไปทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่เข้ามาไม่ดูเวลาตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าสองคนในห้องกำลังมีปากเสียงกันอย่างไรอย่างนั้น “น้องฟางมาแล้วเหรอครับ รอพี่แป๊บหนึ่งนะ” ศรุตบอกผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วหันมาตวาดใส่คนตัวเล็กเสียงแข็ง “ส่วนข้าวเที่ยงที่เธอเอามา ฉันไม่กินเอากลับไป พร้อมกับร่างกายเน่า ๆ ของเธอซะ” “คุณเสือคะ เนตรมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกคุณเสือค่ะ” เนตรแพรตัดสินใจที่จะบอกเรื่องสำคัญให้ศรุตได้รับรู้ มันคือเรื่องที่น่ายินดีสำหรับเธอ แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะยินดีกับสิ่งที่เธอจะพูดหรือไม่
View More
“ดอกไม้อยู่ที่ใคร” เสียงของเจ้าสาวดังขึ้นด้วยความลุ้นสุดใจว่าตนได้โยนช่อกุหลาบแต่งงานสีขาวไป ผู้หญิงคนไหนในงานเป็นคนรับได้ เจ้าสาวคนสวยของงานโอบกอดเจ้าบ่าวข้างกายของตน สอดสายสายตามองหา ทุกคนต่างมองหาเช่นเดียวกัน เนตรแพรมองดอกไม้ในมือของตัวเองแล้วส่งยิ้มให้เจ้าสาว
“ยัยเนตรแกได้ดอกไม้ด้วย” ขวัญจิรา อดีตเพื่อนรวมงานของบอกอย่างดีใจที่หญิงสาวรับช่อดอกไม้สีขาวบริสุทธ์ได้
ในจังหวะที่เนตรแพรกำลังจะหันไปตอบเพื่อนสาว พลันสายตาคู่หวานที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกลับเลือนหายไป มีแต่ความกลัว ความกังวล เต็มไปหมด เมื่อพบกับสายตาคู่คมของใครบางคนที่ไม่เคยลืมเขาแม้แต่ครั้งเดียว ก่อนหันไปไปกระซิบบางอย่างกับเพื่อนและเดินออกจากงานไปอย่างรวดเร็ว
“เนตร”
ศรุตร้องเรียกชื่อของคนที่เฝ้าตามหามาตลอดสามปีสุดเสียง ทำเอาคนในงานมองเจ้านายหนุ่มรูปหล่อ ที่กำลังวิ่งตามอดีตพนักงานต้อนรับของโรงแรมด้วยความตื่นตะลึง
“เนตร รอฉันก่อน” คนตัวสูงเห็นร่างเล็กกำลังก้าวขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดให้บริการอยู่หน้าโรงแรมและกำลังหนีเขาไปอีกครั้ง
“โธ่เว้ย”
ณ โรงแรม ธาดากรณ์ หนึ่งในโรงแรมในเครือของธุรกิจ ธาดากิจจากรณ์
“เลิกงานแล้ว ไปหาอะไรกินกันไหม”
เสียงหวานของพนักงานสาวอย่างเนตรแพรเอ่ยชักชวนเพื่อนร่วมงานอีกสองคนไปหาอะไรทานกันหลังเลิกงาน ในจังหวะที่กำลังคว้ากระเป๋าสะพายข้างใบย่อมออกจากล็อกเกอร์ที่ทางโรงแรมได้จัดเตรียมเอาไว้ให้พนักงานได้เก็บของใช้ในระหว่างที่กำลังทำงานตามหน้าที่ของตน
“ไปสิ วันนี้แกไม่ไปทำงานเสริมพิเศษเหมือนทุกครั้งหรือยังไง” หนึ่งในเพื่อนร่วมงานถามสาวเจ้า
“ไม่ไปหรอก วันนี้ว่างว่าจะไปหาอะไรอร่อย ๆ กินซะหน่อย”
เนตรแพร รัตนโยธิน พนักงานต้อนรับสาวสวยวัยยี่สิบสี่ปี เข้ามาทำงานที่นี่ได้เพียงสองปีเท่านั้นตอบกลับเพื่อนร่วมงานด้วยรอยยิ้มและความเป็นกันเอง โดยนิสัยพื้นฐานส่วนตัวของหญิงสาวมักจะเป็นที่รักของคนที่ได้คุยหรือพบเจอ เช่นเดียวกับเพื่อนทั้งสองคนที่ได้รู้จักกันมาเป็นเวลาระยะหนึ่ง นับตั้งแต่เธอมาเป็นนักศึกษาฝึกงานและตัดสินใจทำงานกับทางโรงแรม ธาดากรณ์ หนึ่งในโรงแรมในเครือของธุรกิจ ธาดากิจจากรณ์
“จริงเหรอ คนอย่างแกเนี่ยนะยัยเนตรอยากจะหยุดพัก ไม่ไปทำงานเสริมน่ะ อันที่จริงฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันนะว่าแกทำงานอะไรกันแน่พักนี้น่ะ”
หนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่เก็บของเสร็จเรียบร้อยพอดีอย่าง ขวัญนภา หันมาถามด้วยความไม่แน่ใจ เพราะหลายครั้งที่เธอชวนเนตรแพรไปหาอะไรกินตอนเลิกงานเจ้าหล่อนมักจะปฏิเสธทุกครั้ง และเจนจิราเองก็มักจะถามแบบเดิมอยู่บ่อย ๆ ว่าช่วงนี้หญิงสาวทำงานพิเศษอะไรกันแน่ที่บอกพวกเธอไม่ได้
“วันนี้ว่างจริง ๆ ไปกันเถอะ ขวัญ เจน” ว่าแล้วก็หันไปชวนเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนแล้วเดินออกจากห้องไปโดยที่เลี่ยงไม่ตอบคำถามเรื่องงานพิเศษที่ตนทำ เพราะงานนี้มันเป็นความลับจริง ๆ เธอสัญญาเอาไว้แล้วว่าจะมีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และห้ามบอกใครเป็นอันขาด
“ไปกินหมูกระทะกัน ฉันเห็นร้านเปิดใหม่ในซอยข้าง ๆ ดูน่าอร่อย” เจนจิราสาวร่างอวบแนะนำเมนูอาหารทางเลือกให้สองสาว ซึ่งทั้งสองคนก็ไม่ได้เลือกอะไรมากมายนัก
“หมูกระทะก็ดีเหมือนกันนะ อยากกินอยู่พอดี” ขวัญนภาบอกพลางเอามือลูบพุงน้อย ๆ ของตนบ่งบอกว่ากำลังหิวเต็มที่เลยทีเดียว
“น้องเนตร เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งกลับ”
ในขณะที่สามสาวเดินพ้นประตูห้องพักของพนักงานได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้น จึงหันไปตามเสียงอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“คะ มีอะไรหรือเปล่าคะพี่สุ” หญิงสาวเลิกคิ้วเรียวสวยเข้ากับรูปหน้าถามอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าสุธีรามีธุระอะไรกับเธอหรือไม่
“โชคดีที่มาทัน พี่มีเรื่องจะคุยกับเนตรหน่อย” สุธีรา บอกเสียงเรียบเฉยใบหน้าดุราวกับตนเป็นครูฝ่ายปกครองอย่างไรอย่างนั้น สีหน้าท่าทางจริงจังเช่นนี้ต้องเป็นเรื่องสำคัญมากเป็นแน่ ทั้งน้ำเสียงและสายตาของผู้จัดการวัยกลางคนที่ถูกส่งไปหาสองสาวทำเอาร้อน ๆ หนาว ๆ ไปตามกันจึงรีบขอตัวกลับกันก่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนอาหารที่นัดกันเอาไว้คงต้องเป็นวันหลังเสียแล้ว
“งั้นขวัญกับเจนขอตัวกลับก่อนนะคะพี่สุ คุณตุลา” สองสาวยกมือไหว้ผู้จัดการโรงแรมที่มีอายุมากกว่าอย่างสุธีรา ก่อนจะยกมือไหว้อีกครั้งกับคนที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบเมื่อครู่อย่างตุลธรลูกน้องคนสนิทบอสใหญ่ของที่นี่ แล้วสองสาวก็รีบออกจากตรงนี้ด้วยความรวดเร็ว
“พี่สุมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ ถึงต้องใช้เสียงเข้มแบบนี้ ทำให้ขวัญกับเจนรีบแจ้นกลับบ้านไปอย่างนั้น” หญิงสาวพูดขึ้นยิ้ม ๆ ลับหลังสองสาวที่เพิ่งออกไปไม่นานนี้
“คุณสุครับ หาคนทำความสะอาดห้องพักคุณศรุตได้หรือยังครับ” ตุลธรเอ่ยขึ้นด้วยความรีบร้อนเพราะเจ้านายหนุ่มของเขากำลังจะกลับมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้
“นี่ไงคะคุณตุลา สุจะให้เนตรขึ้นไปทำความสะอาดห้องของคุณศรุต” หันไปบอกทางตุลธรทำเอาคนที่ถูกเอ่ยชื่องวยงงไม่น้อย
“พี่สุจะให้เนตรไปทำอะไรนะคะ” ถามกลับเพื่อความแน่ใจว่าเธอฟังไม่ผิด เพราะก่อนหน้านี้สุธีราส่งข้อความมาบอกเธอว่าไม่ต้องไปทำงานที่ตกลงกันไว้ ให้กลับไปก่อนได้เลย แต่เหตุใดถึงเรียกให้เธออยู่ต่ออย่างทันทีทันใดพร้อมทั้งจะให้ขึ้นไปทำความสะอาดห้องนอนของเจ้านายหนุ่มเสียอีก
“คืออย่างนี้นะคะน้องเนตร แม่บ้านประจำที่เคยให้ทำความสะอาดห้องของคุณศรุตเกิดป่วยกะทันหันและยังหาคนทำไม่ได้ พี่เลยต้องขอร้องให้น้องเนตรขึ้นไปทำความสะอาดให้หน่อยน่ะ” คนตรงหน้าอธิบายหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
“อีกอย่างที่ไม่ให้พนักงานคนอื่นขึ้นไปทำแทนแม่บ้านประจำเพราะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวและต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ เท่าที่ดูพวกผมก็มองไม่เห็นใครแล้วนะครับนอกจากคุณเนตร คุณเนตรช่วยพวกผมหน่อยเถอะครับ” ตุลธรเอ่ยเสริมหลังจากที่ผู้จัดการวัยกลางคนพูดจบ
“วันนี้เนตรไม่ได้ใส่สร้อยข้อมือเหรอจ๊ะ” ถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะสาวน้อยจอมขยันมักจะสวมสร้อยข้อมือกับสร้อยที่มีจี้แบบเดียวกันเสมอ“ไม่ได้ใส่ค่ะ พอดีไม่รู้ว่าเนตรไปทำหล่นหายที่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” เนตรแพรลูบข้อมือข้างที่เคยมีสร้อยเส้นสวยเบา ๆ“น่าเสียดายแย่เลย หายไปราคาตั้งหลายบาทนะ”“ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ เดี๋ยวเนตรเก็บเงินซื้อใหม่ก็ได้ เพราะว่าทั้งสร้อยคอและสร้อยข้อมือเนตรเก็บเงินซื้อให้ตัวเองเป็นของขวัญวันเกิดน่ะค่ะ” เธอไม่ได้ร่ำรวยที่จะซื้อข้าวของเครื่องประดับราคาแพง ๆ ได้บ่อย ๆ แต่ที่ซื้อเพราะชอบและยังเป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรงจากการทำงานของตนด้วย“อ๋อ ๆ จ้า พี่ขอให้หาเจอเร็ว ๆ นะ”“ขอบคุณค่ะ เนตรขอจัดของต่อก่อนนะคะ” หญิงสาวตอบกลับยิ้มๆ ในจังหวะที่เนตรแพรกำลังจะไปทำหน้าที่ของตน อยู่ ๆ ลูกน้องคนสนิทอีกคนของศรุตวิ่งเข้ามาหาสุธีราอย่างรวดเร็วทำให้เนตรแพรตกใจไม่คิดว่าชายหนุ่มจะมาที่นี่ในวันนี้"คุณสุครับ เจ้านายเรียกพบครับ""มีเรื่องอะไรหรือเปล่า" สุธีรานิ่วหน้าถามด้วยความสงสัย"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้สึกว่าวันนี้เจ้านายอารมณ์ด
เนตรแพรถามด้วยความตกใจเพราะเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา กชพรรณเพื่อนสนิทของเธอไปรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน“บัวรู้แล้วกันน่ะ เลิกงานแล้วเดี๋ยวบัวไปหาที่บ้านนะ”“เย็นนี้ไม่ได้หรอกบัว เนตรมีงานอื่นที่ต้องไปทำอีกที่น่ะ พรุ่งนี้วันหยุด เอาไว้เจอกันพรุ่งนี้ได้ไหม” หญิงสาวต่อรองเสียงอ่อน“ได้ ๆ พรุ่งนี้ก็ได้ แต่เนตรห้ามเครียดนะ”“ขอบคุณนะบัว ไว้เจอกันพรุ่งนี้ เนตรขอตัวไปทำงานก่อน ไม่อยากโดนดุน่ะ” ตอบกลับคนปลายสายติดตลกเล็กน้อยก่อนวางสายแล้วจัดการทำตามหน้าที่ของตนจนกระทั่งเลิกงานก็รีบออกมาเตรียมตัวก่อนเริ่มงานที่เป็นความลับในตอนค่ำ ซึ่งงานนี้มีเพียงสุธีราคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าเธอเข้าไปทำงานที่นี่ด้วยร่างสูงใหญ่นอนคว่ำหน้าอยู่อีกฟากของเตียงกว้างกวาดแขนไปยังอีกด้านของเตียงกลับพบแต่ความว่างเปล่าไร้คนนอนเคียงข้าง จึงหันหน้ามามองเพื่อความแน่ใจว่าคนที่มอบความสุขจนล้นอกไม่อยู่แล้ว ว่าแต่เธอคนนั้นออกไปตั้งแต่เมื่อไรกัน ไม่นานจึงสะบัดศีรษะไล่ความมึนงงเล็กน้อย ก่อนจะตะปบผ้าห่มสีขาวผืนหนาที่ปกคลุมกายออกอย่างไร้เยื่อใยแล้วลุกตรงดิ่งเข้าห้
เนตรแพรไม่ว่าจะพบเจอปัญหาหนักใจจนเครียดจัดแต่ก็ต้องมาทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไหนจะเรื่องเงิน เรื่องบ้านและเรื่องที่เธอดันไปมีอะไรกับเจ้านายหวังว่าเขาคงจะจำอะไรไม่ได้หรอกนะ หญิงสาวใช้ชีวิตการทำงานให้ปกติที่สุด แม้ว่าจะมีบ้างบางครั้งที่เพื่อนร่วมงานทักถามว่าเธอเป็นอะไร เพราะคนตัวเล็กมักจะเอามือน้อย ๆ คลึงขมับอยู่เสมอราวกับคนเครียดจัด เวลาพักกลางวัน เนตรแพรนั่งรับประทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารร่วมโต๊ะกับเพื่อนเป็นปกติ จนกระทั่งเจนจิราและขวัญนภาเห็นความผิดปกติของเพื่อนร่วมงานที่น่ารักอย่างเนตรแพรที่เงียบผิดปกติ มิหนำซ้ำยังทำหน้าดุเคร่งเครียดเสียปานนั้น “เนตรเป็นอะไรหรือเปล่า” เจนจิราถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงอาการของคนตรงหน้า “หือ...เปล่านี่” เนตรแพรเงยหน้ามองคนถามพร้อมทั้งฉีกยิ้มให้เล็กน้อย “จริงเหรอ เราเห็นเนตรนั่งเขี่ยข้าวไปมาจะสิบนาทีแล้วนะ วันนี้กับข้าวไม่อร่อยเหรอ” ขวัญนภาถามขึ้นอีกครั้งเป็นห่วงไม่แพ้เจนจิราเลย ถึงแม้จะรู้จักกันไม่นานแต่อาการแบบนี้มันก็ยังคงน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย “อร่อยสิ แค่กินไม่ค่อยลง มันอิ่ม ๆ น่ะ” อันที่จริงเธอเครียดจนกินอะไรไม่ลงเสียมากกว่า ไม่รู้จะจัดการปั
เนตรแพรตื่นเช้าด้วยความปวดหัววิงเวียนศีรษะไม่น้อยเนื่องจากได้รับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอมิหนำซ้ำร่างกายที่ถูกกระทำอย่างอ่อนล้าต้องลุกขึ้นมาจัดการร่างกายเตรียมตัวไปทำงานในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าด้วยความยากลำบาก อีกใจหนึ่งเธออยากจะโทร.ไปหมายลาหยุดงานเสียเหลือเกินแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะชีวิตเธอต้องกินต้องใช้หาเงินส่งเสียเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ถึงแม้เนตรแพรจะอยู่บ้านหลังนี้กับพี่ชายสองคนก็ตาม แต่พี่ชายของเธอนั้นไม่ได้กลับมาที่นี่ก็เกือบสามเดือนเห็นจะได้ คนตัวเล็กแต่งตัวเรียบร้อยเปิดประตูห้องนอนของตนและออกจากบ้านให้เร็วที่สุดเพราะกลัวจะไปทำงานสาย "ป้ายอะไรกัน" พึมพำออกมาเบา ๆ หลังจากที่สายตาของเธอนั้นมองไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ลักษณะคล้ายป้ายประกาศมาติดอยู่ที่ประตูรั้วบ้านหลังน้อย มองดูด้วยความแปลกใจเพราะก่อนกลับเข้ามาเมื่อสามชั่วโมงก่อน ยังไม่เห็นมีหรือว่าเธอจะไม่ได้มองกันนะ "ประกาศขายด่วน นี่มันอะไรกันน่ะ" น้ำเสียงตกใจเมื่อได้อ่านข้อความบนป้ายที่ติดอยู่อย่างเต็มตา "สวัสดีครับ คุณเนตรแพรหรือเปล่าครับ" "ค่ะ ใช่ค่ะมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ" พยักหน้าและตอบกลับพร้อมถามคนที่แต่งตัวดูดีน่าเชื
มืออีกข้างก็ไม่ปล่อยให้อกอวบเดียวดาย บีบเคล้นสร้างความวาบหวามให้กับหญิงสาวจนโอนอ่อนไปตามประสาคนที่ผ่านผู้หญิงมามากมาย ศรุตที่ความต้องการจากร่างเล็กยังไม่มีที่สิ้นสุด กระแทกจังหวะรักใส่ร่างงามไม่บันยะบันยัง ทั้งเร่าร้อน ดุดันและดิบเถื่อนตามอารมณ์หมายของตน ดุนดันเข้ากายสาวทำเอาบิดเร้าไม่เป็นท่าจนละมือจากผ้าปูเตียงขึ้นมาโอบแผ่นหลังแกร่งของชายหนุ่มมิหนำซ้ำยังเรียกร้องอ้อนรักจากเขาอย่างหน้าไม่อาย “โอ๊ยคุณ…มันเจ็บ! เบาหน่อย มันแสบไปหมดแล้ว อ๊ายยย...” บอกชายหนุ่มเสียงแหบพร่าพลางจิกเล็บเรียวสวยลงบนแผ่นหลังกำยำ จนศรุตรู้สึกแสบแต่เขากลับไม่สนใจใด ๆ สิ่งที่สนคือร่างเล็กที่แสนงามเย้ายวนตรงหน้าที่กำลังเรียกร้องจากเขาเสียมากกว่า “แสบหรือเสียว บอกมาตรง ๆ คนสวย” ถามราวกับอยากจะแกล้งคนอ่อนประสบการณ์ในจังหวะที่ถอดถอนกายแกร่งออกและค่อยสอดเข้าไปอย่างเชื่องช้าบาดใจทำเอาเสียวซ่านไปทั้งสรรพางค์กาย “อ๊ะ! สะ…เสียว” “แบบนี้สิมันค่อยถึงใจหน่อย” เสียงเข้มที่แหบพร่าเงยหน้าบอกหญิงสาวหลังจากละจากอกอวบหอมหวานละมุนลิ้น มือหนารั้งสะโพกงอนของหญิงสาวจนแนบชิดกลางกายแกร่งพร้อมทั้งกระแทกกระทั้น ท่ามกลางเสียงครางสอดป
“หยุดนะ…” เมื่อสติกลับมาเพียงครึ่ง เนตรแพรร้องห้ามเขาเสียงกระท่อนกระแท่น ท่ามกลางคนตัวโตกำลังสาละวนอยู่กับหน้าอกหน้าใจของเธออย่างถือสิทธิ์ ส่วนกางเกงยีนก็กำลังถูกเขาดึงออกด้วยมือเพียงข้างเดียวท่ามกลางการหนีบขาเข้าหากัน แต่ก็ไม่เป็นผล จนสุดท้ายชายหนุ่มก็จัดการมันออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ร่างกายของคนตัวเล็กไร้อาภรณ์ปิดกายไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว แขนทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาปิดอกอวบ ส่วนขาเรียวเสลาหนีบเข้าหากันปกปิดของสงวน ตอนนี้เธอแทบไม่มีแรงลุกผลพวงจากคนตรงหน้าที่หลอกล่อด้วยความวาบหวามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “เสียใจ! เพราะฉันหยุดตอนนี้ไม่ได้” ศรุตยืดตัวขึ้นผละออกจากอกอวบของหญิงสาวจัดการถอดกางเกงของตนออกและขึ้นมาบนเตียงอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว เพราะความต้องการปลดปล่อยของเขาตอนนี้แทบจะปริแตกเสียแล้ว ทันทีที่ขึ้นมายังเตียงกว้างมือหนาจับสองขาเรียวบางให้แยกกว้างออกแต่กลับถูกขัดขืนจากคนตัวเล็ก “อ้าขาออก” เขาสั่งเสียงเข้มพร้อมทั้งจับขาเรียวดั่งเช่นตอนแรก แม้ว่าหญิงสาวจะขัดขืน แต่ด้วยชายหนุ่มที่มีแรงและกำลังที่มากกว่าสามารถบังคับขาเรียวให้แหวกแยกกว้างตามที่เขาต้องการ เผยให้เห็นกุหลาบงามที่กำลังฉ่
Comments