ในที่สุดรถเบนท์ลีย์ก็มาหยุดที่ ริเวอร์เดล เวอร์เทียส คอร์ท ร้านอาหารที่ดังที่สุดในเมือง สถานที่ที่มีเฉพาะเหล่าเศรษฐีแหละคนดังถึงจะมารับประทานอาหารที่นี่ได้ เวอร์เทียส คอร์ท กำหนดให้ผู้ที่จะมาทำการจองร้านจะต้องเป็นสมาชิกที่มีการใช้จ่ายขั้นต่ำอย่างน้อยหนึ่งล้าน เพื่อที่จะรักษาสิทธิ์การเป็นสมาชิกเอาไว้ได้และที่นั่น ผู้ที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าของ เวอร์เทียส คอร์ท คือนักธุรกิจชื่อดัง ผู้บริหารของ ซีวิล เทรดดิ้ง กรุ๊ป รัสเซล ฟีลด์ บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการนำเข้าและส่งออกโดยจะเน้นที่ผลงานศิลปะ ในฐานะผู้บริหารของบริษัท แค่ตัวรัสเซลเองก็ร่ำรวยมีทรัพย์สินถึงสามพันล้าน และเขายังเป็นนักสะสมชื่อดังที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอีกด้วย คนดังที่มาอยู่ในชุมชนของนักสะสมท้องถิ่น รัสเซลได้พาเหล่าผู้บริหารระดับสูงอีกกว่าสิบคน มายืนรอด้วยความเคารพที่ด้านหน้าทางเข้าร้าน เวอร์เทียส คอร์ท กับเขาด้วย เหตุการณ์นี้สร้างความตกตะลึงให้เหล่าผู้ที่มาทานอาหารที่ร้านไม่น้อย บางส่วนถึงกับอุทานออกมา“นั่นไม่ใช่ผู้บริหารของ ซีวิล เทรดดิ้งกรุ๊ป รัสเซล ฟีลด์หรอกเหรอ? เขามายืนรอใครกัน มากันเยอะแยะ อลังการขนาดนี้?”“ช่างเป
เสียงที่พูดขึ้นมาไม่น่าพิศมัยนัก ฟิลิปเงยหน้าขึ้นมาเจอเข้ากับชายที่พุงยื่นพลุ้ย จ้องมาที่เขาด้วยสายตาเยาะเย้ยแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก? ฉันจะเป็นแมงดาหรือไม่แล้วยังไง? ฉันไม่รู้จักแกด้วยซ้ำ ฟิลิปทำปากเบะ ตั้งใจจะไม่สนใจเขา ก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินออกไปแต่เจ้าอ้วนนั่นไม่ปล่อยให้เขาไปง่าย ๆ เขาเดินไปขวางทางฟิลิป และพูดจาถากถางเขาต่อหน้าเขาตรง ๆ “ทำเป็นเมินผมงั้นเหรอ? นิสัยดีเยี่ยมไปเลย! ผมได้ยินมาว่าธุรกิจของคุณพังไม่เป็นท่า และตอนนี้รองผู้จัดการจอห์นสตันของเราก็เป็นคนหาเลี้ยงปากท้องครอบครัวแทน ชายหนุ่มอย่างคุณฉันนี่ช่างกล้าที่จะเป็นแมงดาเกาะผู้หญิงกินนะ”ฟิลิปขมวดคิ้ว เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาจำชายคนนี้ได้เขาคือ เกวิน แซค ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทที่วินน์ทำงานอยู่ ชายคนนี้เคยพยายามที่จะข่มขู่วินน์ แล้วฟิลิปก็เคยมอบบทเรียนให้กับเขา แต่ในตอนนี้เค้ามองฟิลิปว่าอยู่ต่ำกว่าเขา ชายหนุ่มจึงดูถูกเหยียดหยามเขาไม่หยุดหย่อนเพื่อนร่วมงานคนอื่นของวินน์ต่างก็มองฟิลิปด้วยสายตาแปลกประหลาด พวกเขารู้เรื่องของฟิลิปเพียงเล็กน้อย รู้เพียงแค่ว่าเขาเคยเป็นนักลงทุนที่มุ่งมั่น แต่ตอนนี้ตกลงมาอยู่ในสถานะขอ
ที่โต๊ะแผนกต้อนรับ โรสโบกบัตรไปมาก่อนจะชำเลืองมองไปทางฟิลิป อย่างเย่อหยิ่งและพูดขึ้น “ช่วยตรวจสอบที ว่าบัตรใบนี้สามารถจองห้องอาหารส่วนตัวได้หรือเปล่า”ทุกคนกลั้นหายใจรอคอยที่จะได้เห็นฟิลิปขายหน้าหญิงสาวที่อยู่ที่โต๊ะแผนกต้อนรับ รับบัตรไปรูดที่เครื่องและทันทีสีหน้าของเธอก็เป็นกังวลขึ้นมา เธอถามขึ้น “คุณผู้หญิงคะ นี่นี่บัตรของคุณงั้นเหรอ?”เมื่อโรสเห็นดังนั้นเธอก็ส่ายหน้า ยื่นมือของเธอที่ทาเล็บสีแดงก่ำออกมา ชี้ไปที่ฟิลิปที่ถูกยืนห้อมล้อมและโดนหัวเราะเยาะอยู่ “ไม่ใช่ของฉันหรอกค่ะ แต่เป็นของเขา” ฮ่าฮ่าฮ่า เรื่องเหลวไหลสิ้นดี! ฟิลิปทำให้ตัวเองต้องขายหน้า และวินน์ก็จะเสียหน้าไปด้วยเช่นกัน นี่มันยอดเยี่ยมจริง ๆ! นี่มีชายที่ทำให้ตัวเองต้องขายหน้าอยู่ตลอดจริง ๆ งั้นเหรอ?โรสมีความสุขเป็นอย่างมาก เธอจ้องมองไปที่วินน์ที่กำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ อย่างมีความสุข ก่อนจะพูดเยาะเย้ยขึ้น “รองผู้จัดการจอห์นสตัน สามีของคุณช่างเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!”วินน์รู้สึกขายหน้าเป็นที่สุด เธอจ้องไปที่ฟิลิปอย่างขุ่นเคือง เตรียมตัวที่จะตำหนิเขาแต่หญิงสาวที่อยู่แผนกต้อนรับก็เข้ามาขัดเสียก่อน เธอลุกขึ้นยืน
ฟิลิปจ้องไปทางพวกเขาอย่างใจเย็น สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกไคล์มองมาที่ฟิลิปด้วยความไม่พอใจ ชายคนนี้ดูธรรมดามาก และเขายังใจเย็นขนาดนี้ได้ยังไงกัน? “น่าสนใจดีนี่!”“พี่ชาย คุณสามารถจ่ายเงินสามแสนได้ไหม?” ไคล์ไม่ใช่พวกนักเลงที่จะได้เริ่มลงมือต่อยตีโดยที่ไม่ถามหาเหตุผล สามแสนเป็นเงินจำนวนมากสำหรับคนทั่วไป ไคล์รู้สึกว่าชายหนุ่มอย่างฟิลิป ไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนนี้ได้อย่างแน่นอน แต่เขาก็ยังต้องถาม ต้องมีศิลปะทางการทูตเสียก่อนที่จะลงมือรุนแรง“ฉันขอโทษด้วยนะ แต่เขาเป็นคนที่ฝ่าไฟแดงมา อย่างนั้นแล้วเขาก็ควรจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด อีกอย่างเราก็ไม่ได้ชนกันเสียหน่อย” ฟิลิปพูดอย่างใจเย็นเจคอปชี้หน้าฟิลิป ก่อนจะคำรามออกมาด้วยความโกรธ “หมายความว่าแกจะไม่จ่ายยังงั้นเหรอ?”ฟิลิปจ้องไปที่เขา เงียบไม่ตอบรับไคล์ขมวดคิ้วเล็กน้อย หันหน้าไปมองทางรถฮาร์ลีย์ที่พังยับเยินอยู่บนพื้นถนนก่อนจะพูดขึ้น “พี่ชายสามแสนไม่มากเท่าไหร่หรอกนะ ก็แค่ขาข้างหนึ่ง”นี่เป็นคำขู่ สายตาของฟิลิปเปลี่ยนเป็นเย็นชา แววตาของเขาส่องประกายวิบวับในฐานะที่เป็นทายาทของตระกูลที่มั่งคั่ง เงินสามแสนเป็นปัญหาสำหรับเขาไหม? ก็ไม่เลย แต่เ
เฮ้อ! ภรรยาของเขาสวยเกินไปทำให้ผู้คนมากหน้าหลายตามาตามจีบเธอ มันทำให้ฟิลิปปวดหัว“เฮ้ เอเดนมาถึงแล้ว! เข้ามาสิ มานั่งลงข้างลุงจอห์นสตัน” มาร์ธาตื่นเต้นดีใจ เธอออกไปต้อนรับเขา “เธอเอาของขวัญมาด้วยทำไม? ไม่จำเป็นเลย เธอใจดีเกินไปแล้วแค่เธอมาที่นี่ก็ดีมากแล้ว”“แต่นี่เป็นงานวันเกิดของลุงจอห์นสตันนี่ครับ” เอเดนยิ้มก่อนจะเดินเข้ามานั่งด้านข้างชาร์ลส์ในตอนนี้เองก็ผู้คนต่างพากันจ้องมองมาที่ฟิลิปด้วยสายตาเยาะเย้ย ลูกเขยของตระกูลจอห์นสตัน คนนี้ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี! แม้แต่คนนอกยังได้นั่งข้างชาร์ลส์ จอห์นสตัน แต่ในฐานะลูกเขยเขากลับได้นั่งใกล้ประตู การปฏิบัติที่แตกต่างนี้แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดมาร์ธายิ้มอย่างจริงใจในขณะที่เธอจ้องมองไปที่เอเดนราวกับว่าเธอกำลังจ้องมองลูกเขยในอนาคตอยู่ “ต้องขอบคุณเอเดน ที่ช่วยจองห้องรับรองส่วนตัวนี้ ทำให้พวกเราได้มาทานอาหารที่เวอร์เทียส คอร์ทในวันนี้”ผู้คนต่างมองไปที่เอเดนด้วยด้วยความเอ็นดู การที่จะจองห้องจัดเลี้ยงรับรองส่วนตัวที่ เวอร์เทียส คอร์ทได้นั้นจะต้องเป็นสมาชิกเท่านั้นและการที่จะเป็นสมาชิกที่นี่ได้ ก็จะต้องมียอดใช้จ่ายอย่างน้อยหนึ่งล้านต่อปี เขาช่างเ
มองดูผู้คนที่ส่งเสียงเกรียวกราว วินน์รู้สึกราวกับนั่งอยู่บนเข็ม ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าฟิลิปเตรียมอะไรมา แต่เขาก็บอกกับเธอว่ามันคือภาพวาดฟิลิปไม่ใช่คนโง่ดังนั้นเขาจึงเตรียมภาพวาดที่ได้มาจากรัสเซล แต่น่าเสียดายที่วินน์ไม่ได้รู้ เธอคิดว่าฟิลิปคงซื้อภาพวาดทั่ว ๆ ไปมาเท่านั้น แต่ตอนนี้ เอเดนได้มอบภาพวาดของศิลปินที่มีชื่อเสียงชาวจีน และได้รับคำชมมากมายจากทุกคน ภาพวาดของ ฟิลิป เมื่อเทียบกับของหายากเช่นนั้น รั้งแต่จะเป็นการทำให้เขาโดนดูถูก ถ้าเขาเอามันออกมา“มันก็แค่ของขวัญธรรมดา ไม่มีอะไรให้ดูหรอก” วินน์พูดขึ้นแทนฟิลิป เธอจ้องเขาด้วยสายตาพิฆาต ถ้าเขาทำให้ตัวเองต้องอับอายต่อหน้าทุกคนวันนี้เธอจะเกลียดเขาตลอดไป! เธอคงจะไม่มีวันเชิดหน้าชูตาต่อหน้าเอเดนได้อีก“พี่ ทำไมพี่หยาบคายอย่างนั้นล่ะ พี่จะเมินเฉยต่อน้ำใจของพี่เขยลูกพี่ลูกน้องอย่างนั้นเหรอ?” ลินน์หัวเราะคิกคักในขณะที่พูด เธอเดินเข้ามาและดึงกล่องของขวัญกล่องยาวที่อยู่ใต้โต๊ะที่ฟิลิปแอบซ่อนไว้ออกไป“ดูสิมันเป็นกล่องของขวัญกล่องยาวเหมือนกันเลยจะเป็นภาพวาดเหมือนกันไหมนะ?” ลินน์จงใจลากเสียงของเธอที่เต็มไปด้วยคำถากถางฟิลิปไม่รู้จะพูดอะไรเขาจึ
“ในเมื่อมิสเตอร์คลาร์กไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมก็จะไม่รบกวนพวกคุณต่อขอให้สนุกให้เต็มที่นะครับ” จู่ ๆ คาเวียร์ก็เข้ามาพร้อมกับของขวัญแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็วปล่อยให้ทุกคนตกตะลึงชาลส์กระแอมขึ้นมา ในมือยังคงถือถือบัตรแล้วถามขึ้น “มีใครในนี้ที่รู้จักมิสเตอร์คลาร์กบ้าง?”ทุกคนส่ายหน้า คน ๆ นั้นจะต้องมีอำนาจถึงขนาดที่ทำให้เจ้าของร้านเวอร์เทียส คอร์ท นำอาหารหน้าตาน่ากินและไวน์ชั้นเลิศมาให้ด้วยตัวของเขาเอง เขาจะต้องไม่ใช่คนที่ใครก็จะเข้าถึงได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน“จะเป็นไปได้ไหมที่จะเป็นฟิลิป?”ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนพูดติดตลกขึ้น แต่ทุกคนในห้องก็ส่งเสียงหัวเราะลั่นออกมา“หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว! มันจะมีจะไปใช่เจ้าเศษขยะนั่นได้ยังไง? ถ้าเป็นเขาจริง ฉันจะกินไวน์ทั้งขวดนี้ไปเลย”“นอกเสียจากนามสกุลที่เหมือนกัน มีอะไรอีกที่พี่เขยลูกพี่ลูกน้องของเราจะเอาออกมาให้พวกเราดูได้?”กลุ่มเด็กวัยรุ่นสองสามคนพูดดูถูกเขาอย่างไม่ไว้หน้าวินน์ทนต่อไปอีกไม่ไหวเธอตำหนิขึ้นมาอย่างโกรธจัด “พอได้แล้วพวกนายพูดอะไรกันอยู่? ถึงยังไงซะเขาก็ยังเป็นพี่เขยลูกพี่ลูกน้องของพวกเธอ!”ชิ! กลุ่มเด็กวัยรุ่นเลิกคิ้วขึ้นอย่างหยิ่งยโ
ฟิลิปนิ่งคิดก่อนที่จะพูดขึ้น “ผมจะยังไม่เจอเขาตอนนี้ ไว้ค่อยคุยกันโอกาสหน้าแล้วกัน”แอนนาตอบกลับ “เข้าใจแล้วค่ะมิสเตอร์คลาร์ก” หลังจากวางสาย ฟิลิปนั่งลงที่โถงทางเดินและผล็อยหลับไปเช้าวันถัดมา วินน์พูดกับเขาอย่างเย็นชา “ฉันจะพามิล่ากลับบ้านบ่ายนี้ คุณจะไปกับฉันไหม?”ฟิลิปพยักหน้า ยิ้มให้เธออย่างขมขื่น “ผมจะไปขอโทษคุณพ่อ”หัวใจของวินน์เต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น แต่เธอยังคงวางหน้าเฉย และพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรในตอนบ่าย ฟิลิปและวินน์พามิล่ามาที่บ้านตระกูลจอห์นสตัน บรรยากาศในบ้านเย็นยะเยือกขึ้นในทันทีเมื่อพวกเขามาถึง“พ่อคะ หนูกลับมาแล้ว” วินน์แกล้งพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีไม่มีใครออกมาต้อนรับพวกเขา ชาร์ลส์นั่งอยู่ที่โซฟาสวมแว่นตาอ่านหนังสือในขณะที่เขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ส่วนมาร์ธากำลังยุ่งอยู่ในครัวฟิลิปวางมิล่าลง เด็กหญิงตัวน้อยรีบไปหลบที่ระหว่างขาด้านหลังพ่อของเธอ สวมกอดขาของฟิลิปไว้แน่น เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตากลมโตใสซื่อของเธอ และบ่นพึมพำด้วยเสียงเล็ก “พ่อคะ คุณตากับคุณยายไม่ชอบหนูเหรอคะ?”ฟิลิปย่อตัวลงก่อนจะลูบหัวเล็กของมิล่าด้วยความรักใคร่ เขาส่ายหน้าก่อนจะ