Share

บทที่ 7

ในที่สุดรถเบนท์ลีย์ก็มาหยุดที่ ริเวอร์เดล เวอร์เทียส คอร์ท ร้านอาหารที่ดังที่สุดในเมือง สถานที่ที่มีเฉพาะเหล่าเศรษฐีแหละคนดังถึงจะมารับประทานอาหารที่นี่ได้ เวอร์เทียส คอร์ท กำหนดให้ผู้ที่จะมาทำการจองร้านจะต้องเป็นสมาชิกที่มีการใช้จ่ายขั้นต่ำอย่างน้อยหนึ่งล้าน เพื่อที่จะรักษาสิทธิ์การเป็นสมาชิกเอาไว้ได้

และที่นั่น ผู้ที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าของ เวอร์เทียส คอร์ท คือนักธุรกิจชื่อดัง ผู้บริหารของ ซีวิล เทรดดิ้ง กรุ๊ป รัสเซล ฟีลด์ บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการนำเข้าและส่งออกโดยจะเน้นที่ผลงานศิลปะ ในฐานะผู้บริหารของบริษัท แค่ตัวรัสเซลเองก็ร่ำรวยมีทรัพย์สินถึงสามพันล้าน และเขายังเป็นนักสะสมชื่อดังที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอีกด้วย คนดังที่มาอยู่ในชุมชนของนักสะสมท้องถิ่น

รัสเซลได้พาเหล่าผู้บริหารระดับสูงอีกกว่าสิบคน มายืนรอด้วยความเคารพที่ด้านหน้าทางเข้าร้าน เวอร์เทียส คอร์ท กับเขาด้วย เหตุการณ์นี้สร้างความตกตะลึงให้เหล่าผู้ที่มาทานอาหารที่ร้านไม่น้อย บางส่วนถึงกับอุทานออกมา

“นั่นไม่ใช่ผู้บริหารของ ซีวิล เทรดดิ้งกรุ๊ป รัสเซล ฟีลด์หรอกเหรอ? เขามายืนรอใครกัน มากันเยอะแยะ อลังการขนาดนี้?”

“ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากนัก! นักธุรกิจพันล้านอย่างรัสเซลมายืนรออย่างนอบน้อมอยู่ที่ทางเข้าของร้าน เวอร์เทียส คอร์ท”

“จะมีคนสำคัญมาที่ร้านอย่างนั้นหรอ? เขาเป็นใครกันนะ ต้องไม่ได้มาจากริเวอร์เดลเป็นแน่”

เมื่อฟิลิปเห็นกลุ่มคนแต่งตัวดีมีชาติตระกูลยืนรอต้อนรับอยู่ที่ทางเข้าของ เวอร์เทียส คอร์ท เขานั่งขมวดคิ้วอยู่ด้านในรถเบนท์ลีย์ “ผมบอกว่าไม่ต้องการเป็นที่สนใจไม่ใช่เหรอ? การต้อนรับใหญ่โตนี่มันอะไรกัน?”

จอร์จยิ้มเจื่อนออกมา “นายน้อย ท่านประธานฟีลด์คงอยากจะสร้างความประหลาดใจให้คุณ”

“ประหลาดใจกะผีน่ะสิ! ผมไม่ชอบ” ฟิลิปพูดอย่างเย็นชา “ไปจอดรถที่ลานจอดรถแล้วบอกเพื่อนของคุณให้มาพบพวกเราเป็นการส่วนตัว”

“เข้าใจแล้วครับ นายน้อย” จอร์จพยักหน้า

รถยนต์เคลื่อนตัวออกไปยังลานจอดรถ

รัสเซลยืนรออยู่ที่ด้านหน้าเวอร์เทียส คอร์ท อย่างใจเย็นเฝ้ารอแขกคนสำคัญของเขาที่จะมาถึงในวันนี้ เขาบากหน้าไปขอร้องเพื่อนสำหรับโอกาสนี้

ด้านข้างเขาคือลูกชายของเขา ไทเลอร์ ฟีลด์ หนุ่มน้อยเอามือล้วงกระเป๋าก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “พ่อ นี่เรากำลังรอใครอยู่? พวกเขาจะหยิ่งยโสเกินไปแล้วนะ นี่มันก็ผ่านไปกว่า 20 นาทีแล้ว”

รัสเซลเหลือบมองหน้าไทเลอร์ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงเบา “ทำตัวให้ดี ถ้าพวกเขามาถึงแล้วแกสร้างความผิดพลาดอะไร ฉันจะจัดการกับแกทีหลัง”

ไทเลอร์พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่พอใจ รู้สึกเศร้าใจขึ้นไปอีก เขาวางแผนที่จะไปคลับกับเพื่อนของเขา แต่พ่อกับลากเขามาที่นี่เพื่อมาพบกับนักลงทุนคนสำคัญ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของชายคนนั้นว่าจะโผล่มาเสียที

ในขณะนั้นเอง รัสเซลก็ได้รับโทรศัพท์ เขาหมุนตัวกลับด้วยท่าทีจริงจัง “เอาล่ะทุกคนเข้าไปด้านในกัน พวกเขามาถึงที่นี่แล้ว”

มาถึงที่นี่แล้ว? หลายหลายคนต่างรู้สึกสับสนแต่ส่วนมากพวกเขารู้สึกหงุดหงิด

ไทเลอร์รู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก เขาบ่นอุบเบา ๆ “บ้าอะไรกันวะเนี่ย? คนคนนี้เป็นใครกัน? จนถึงตอนนี้ฉันก็รอมาเกือบทั้งวันแล้วแต่ไม่ยักกะเห็นแม้แต่เงาของพวกเขา” แต่ถึงกว่านั้นเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาต่อหน้าพ่อของเขา ทำได้แต่เพียงย่นหน้าแล้วตามรัสเซล เข้าไปในร้านอาหาร

เมื่อรัสเซลได้รับโทรศัพท์เขาก็พาลูกชายติดตามไปด้วย รีบเร่งไปที่ห้องรับรองส่วนตัวตรงหัวมุม

เมื่อประตูถูกผลักออก ไทเลอร์ก็พบเข้ากับคนสองคนที่ยืนอยู่ด้านใน แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ฟิลิป

บ้าเอ้ย? นี่น่ะเหรอนักลงทุนคนสำคัญ? พ่อจะต้องตาบอดไปแล้วแน่ ส่วนไหนของชายคนนี้กันที่ดูภูมิฐาน เขาดูเหมือนพวกผู้อพยพมาใช้แรงงานข้างถนนมากกว่า

ไทเลอร์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา ความไม่พอใจของเขาเพิ่มมากขึ้นไปอีก ต้องขอบคุณชายคนนี้ที่ทำให้เขาไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน

ตรงข้ามกับรัสเซลที่ยื่นมือสองมือของเขาออกไปหา จอร์จที่ยื่นอยู่โดยใช้ไม้เท้าค้ำ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ท่านประธานโทมัส ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว”

จอร์จยิ้มและพยักหน้า ยื่นมือเพียงแค่ข้างเดียวออกไปเพื่อให้ชายหนุ่มจับ

รัสเซลหันหน้าไปทางชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้างจอร์จ “และนี่คือ…?”

“นี่คือนายน้อยของผม นายน้อยคลาร์ค และเขายังเป็นนักลงทุนคนนึงอีกด้วย” จอร์จแนะนำพร้อมกับรอยยิ้ม

นาย...นายน้อย? จอร์จ โทมัส นายน้อยของประธานจอร์จ?

รัสเซลเป็นประธานของบริษัท เขามีทรัพย์สินมูลค่าสามพันล้าน และเขายังเป็นคนมีชื่อเสียงในเมืองริเวอร์เดลแห่งนี้ถึงแม้เขาจะไม่สามารถสู้กับจอร์จ ผู้ที่มีทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งพันล้านได้ แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

เล่ากันมาว่าจอร์จ โธมัส ตั้งตัวขึ้นมาได้จากการทำงานให้กับตระกูลลึกลับที่มั่งคั่งตระกูลหนึ่ง และตระกูลนั้นก็เป็นผู้ครอบครองสินทรัพย์มากกว่าครึ่งหนึ่งในโลกนี้ นั่นก็หมายความว่านายน้อยของตระกูลคนนี้ก็เป็นคนที่น่ากลัวคนนึง เขาจะต้องเป็นคนที่น่าเกรงขามมากอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนั้น รัสเซลก็ยื่นมือออกไปจับมือเขาด้วยความประหม่า “ผมรัสเซล ฟีลด์ ผู้รับใช้อันต่ำต้อยคนนี้ มีตาหามีแววไม่ มองไม่ออกว่าคุณคือนายน้อยคลาร์ก ผมหวังว่านายน้อยจะยกโทษให้ผมได้นะครับ”

ฟิลิปพยักหน้าและจับมือกับเขาก่อนจะพูดขึ้น “ประธานฟีลด์ ผมยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก เรามาเข้าเรื่องกันเลยเถอะ ผมได้ยินจากจอร์จมาว่าบริษัทของคุณต้องการเงินสนับสนุน บอกตัวเลขผมมาเลย”

รัสเซลเหลือบมองไปทางจอร์จ แต่ก็ได้เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังพักสายตา รัสเซลจึงพูดขึ้น “นายน้อยคลาร์ก บริษัทของเรากำลังเตรียมการที่จะเปิดตลาดงานศิลปะเข้าสู่นานาประเทศ ช่องทางการขายในประเทศอเมริกาและอิตาลีดูจะดำเนินการไปได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจากการคาดการณ์ของเราต้องการเงินหรอเงินลงทุนประมาณหนึ่งพันล้านครับ แต่กรุณาอย่ากังวลไป เราจะแบ่งหุ้นให้คุณ 25% และยังมีโบนัสประจำปีอีกด้วย”

เงินจำนวนหนึ่งพันล้าน ไม่ใช่ตัวเลขน้อย ๆ เลยถึงแม้รัสเซล จะมีทรัพย์สินสามพันล้าน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงเอาเงินหนึ่งพันล้านไปลงทุน

พันล้าน ฟิลิปพึมพำ ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาดูจะใช้ความคิดหนัก

นี่ทำให้รัสเซลรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่ข้างใน การที่จะขอเงินลงทุนหนึ่งพันล้านตั้งแต่ครั้งแรกเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ นอกเหนือจาก เอเปก กรุ๊ป แล้วก็คงไม่มีใครในเมืองริเวอร์เดลแห่งนี้ที่จะมีความสามารถพอที่จะช่วยลงทุนให้กับเขาได้

แต่สิ่งที่ฟิลิปพูดมาถัดจากนั้นถึงกับทำให้รัสเซลตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง แม้แต่ไทเลอร์ ที่เคยดูถูกฟิลิปตั้งแต่ตอนเดินเข้ามาในห้องก็ยังตกตะลึงไปเช่นกัน

“ผมจะลงทุนสองพันล้านแต่ผมต้องการส่วนแบ่ง 40%” ฟิลิปยิ้มราวกับว่าเขาเพียงแค่พูดถึงเรื่องตัวเลขธรรมดาทั่วไปเท่านั้น

สองพันล้าน! นี่เขาฝันไปหรือเปล่า? รัสเซลรู้สึกราวกับว่านางฟ้าแห่งความโชคดีกำลังช่วยเขาอยู่ ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดใจแท้

บริษัทของเขามีสินทรัพย์ทั้งหมดรวมกันเกินสามพันล้านอยู่เล็กน้อยแต่นี่พวกเขากลับเสนอที่จะลงทุนสองพันดอลลาร์อย่างง่ายดาย ช่างน่ากลัวเสียจริง! นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว! หรือนี่คืออำนาจแห่งเงินเงินทุนของเหล่าชนชั้นสูงที่แอบซ่อนอยู่?

ส่วนแบ่ง 40% ก็ยังถือว่ารับได้สำหรับเงื่อนไขนี้ “นายน้อยครับ คุณแน่ใจหรือครับว่าจะลงทุนสองพันล้าน” รัสเซลแทบจะพูดไม่ออกเนื่องด้วยความตื่นเต้นที่มีมากเกิน แต่เขาก็สงบสติอารมณ์ของตัวเองลงเพื่อที่จะถามขึ้น

“น้อยไปอย่างนั้นเหรอ? ฉันเพิ่มให้อีกนิดก็ได้นะ” ฟิลิปพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ

อีก...อีกนิดงั้นเหรอ?!

รัสเซลแทบจะล้มทั้งยืน เขารีบตอบกลับ “ไม่ ไม่เลยครับสองพันล้านก็พอแล้ว”

แค่นี้ก็พอแล้วด้วยเงินสองพันล้าน รัสเซลมั่นใจว่าเขาจะสามารถตีตลาดทั้งอเมริกาและอิตาลีได้ และหลังจากนั้นบริษัทของเขาเองก็จะสามารถทำกำไรพุ่งขึ้นไปถึงหนึ่งพันล้านได้

รัสเซลรีบบอกให้เลขาของเขาเข้ามาด้านในพร้อมกับกล่องยาวหรูหราในมือ รัสเซลหยิบเอาม้วนกระดาษออกมาจากกล่อง คลี่ออกพร้อมกับยิ้ม “นายน้อยคลาร์ก นี่เป็นภาพเขียนของแท้โดยจิตรกรที่มีชื่อเสียง ทัง โบฮู จากประเทศจีน ผมเก็บไว้มานานหลายปีและวันนี้ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณในฐานะเหรียญรางวัลแสดงถึงความยินดียิ่งของผม”

ในฐานะนักสะสมที่มีชื่อเสียงในประเทศ ภาพวาดที่รัสเซลมอบให้เป็นของขวัญนี้เป็นของแท้อย่างแน่นอน ในตลาดภาพวาดของทางโบว์ฮูมีมูลค่ามากกว่าสิบล้าน

อย่างไรก็ตามสำหรับรัสเซลล์แล้วเปรียบเทียบกับมูลค่าที่ฟิลิปลงทุนกับเขา ภาพวาดนี้เทียบไม่ติดเลยสักนิด

ฟิลิปเพียงแค่จ้องมองไปที่ภาพนั้นและพยักหน้า “ขอบคุณมาก ท่านประธานฟีลด์” เขาม้วนภาพกลับก่อนจะสอดไว้ที่ใต้แขนและเดินออกจากห้องอาหารส่วนตัวไปกับจอร์จ

เมื่อพวกเขาออกจากห้องไป ฟิลิปมองเห็นชายวัยกลางคนแต่งกายด้วยชุดสูทเต็มยศ เดินเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “นายน้อยคลาร์ก กรุณารอก่อนครับ ผมเป็นเจ้าของร้านอาหาร เวอร์เทียส คอร์ท แห่งนี้ชื่อ คาเวียร์ มอร์ริส ครับ”

ทั้งฟิลิปและจอร์จหยุดชะงักมองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความสับสน

เมื่อคาเวียร์เห็นจอร์จยืนนิ่งอยู่ด้านหลังฟิลิป เขาก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก มันเป็นเรื่องจริง! ประธานฟีลด์ พูดได้ถูกต้อง! ชายหนุ่มที่สามารถทำให้ชายที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองยืนอยู่ด้านหลังเขาได้ต้องเป็นคนที่พิเศษมากแน่

“นายน้อยคลาร์ก ประธานโทมัส ผมไม่ทราบว่าพวกคุณทั้งสองจะมาที่นี่จึงไม่ได้ออกมาต้อนรับคุณ นี่เป็นบัตรแพลทตินั่ม วีไอพี สำหรับห้องอาหารเวอร์เทียส คอร์ท ถ้านายน้อยคลาร์ก ไม่รังเกียจ กรุณารับไว้ด้วยเถอะครับ” คาเวียร์พูดขึ้น เขามีเป้าหมายที่จะตีสนิทกับฟิลิปในคืนนี้

ฟิลิปมองไปที่คาเวียร์ครู่นึง หยิบบัตรสมาชิกมาก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอบคุณมาก”

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มต้นเดินอีกครั้งปล่อยให้จอร์จจัดการเรื่องที่เหลือ

จอร์จยืนรอสักพักก่อนจะพูดขึ้น “มิสเตอร์คาเวียร์ นายน้อยของผมไม่ชอบเป็นที่จะเป็นจุดสนใจ ถ้าหากใครถาม…”

“เข้าใจแล้วครับ เข้าใจแล้ว ท่านประธานโทมัส อย่าได้กังวลไป จะไม่มีใครนอกเหนือจากผมรู้ตัวตนของ นายน้อยคลาร์กเด็ดขาด” คาเวียร์ รีบรับปากยืนยันออกไปทันที

กลับมาที่ฟิลิป หลังจากออกมาจาก เวอร์เทียส คอร์ท เชาเลือกที่จะไม่นั่งรถเบนท์ลีย์ไปกับจอร์จ แต่จะเช่าจักรยานแทน อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาเพิ่งจะก้าวเท้าออกมานอกประตูร้าน เขาก็บังเอิญเจอเข้ากับวินน์ จอห์นสตัน!

ตายล่ะ! เขาจะอธิบายยังไงดีกับการที่มาเจอเธอที่นี่?

“ฟิลิป คุณมาทำอะไรที่นี่?” วินน์เดินนำกลุ่มชายหญิงที่แต่งตัวดูดีเดินเข้ามาที่ เวอร์เทียส คอร์ท

เธอยืนจ้องฟิลิปด้วยความงุนงงสงสัย อีกฝ่ายรีบอธิบายขึ้นอย่างกระวนกระวาย “ผมมาที่นี่เพื่อส่งของนะ”

ส่งของ? ส่งอาหารที่ร้านอาหารอย่างนั้นน่ะเหรอ?

วินน์ขมวดคิ้วเล็กน้อยสีหน้าของเธอเย็นชา เธอเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเมื่อมองเห็นร่างปวกเปียกของเขา และสิ่งที่ทำให้เธอหงุดหงิดมากที่สุดก็คือการที่เพื่อนร่วมงานของเธอต้องเจอฟิลิป

และตอนนั้นเองก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น “รองผู้จัดการ จอห์นสตัน คนส่งอาหารคนนี้เป็นสามีของคุณอย่างนั้นเหรอ? เขาดูก็งั้นงั้นแหละสำหรับแมงดาอย่างเขาน่ะนะ”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status