“นายจะบ้าหรือเปล่าวะ กับอีแค่กรอกเอกสารคนเข้าเมืองก็ต้องทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตด้วย” เสียงบ่นเป็นภาษาอังกฤษดังลอดออกมาจากประตูอัตโนมัติที่กำลังเปิดออก พร้อมๆ กับร่างชายหนุ่มก้าวออกมายังลานจอดรถ
“ก็แค่กรอกเอกสาร ทำไมจะต้องวุ่นวายนักล่ะ ฉันก็อุตส่าห์ให้คนของฉันกรอกแทนให้แล้ว ไอ้ ตม.นั่นยังจะบังคับให้ฉันเซ็นบ้าบออะไรอีกก็ไม่รู้” ชายหนุ่มในชุดสูทอีกคนที่ก้าวตามออกมาพูดโต้ตอบ
หากมองไกลๆ แล้ว ทั้งคู่มีขนาดรูปร่างไม่ต่างกันนัก จะผิดกันอยู่บ้างก็ตรงที่ฝ่ายแรกมีรูปหน้าเรียวยาวและผิวพรรณขาวละเอียด ตัดกับผมและคิ้วคมเข้มสีดำสนิทจนสามารถเห็นเด่นชัด ส่วนเค้าโครงใบหน้าของอีกฝ่ายกลับมีเหลี่ยมมุมดูคมสันสมชายชาตรี ผิวสีแทนช่วยเน้นให้เห็นถึงบุคลิกองอาจอย่างชาวทะเลทราย เรือนผมหยักศกเป็นสีน้ำตาลเข้มถูกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าโพกศีรษะสีขาวที่เรียกว่ากุตราห์ตามวัฒนธรรมประจำชาติ
“มันเป็นคอมมอนเซนส์ไม่ใช่เหรอวะ ลายเซ็นของใครก็ของคนนั้นสิ นายจะให้คนอื่นเซ็นแทนได้ยังไงกัน” เพื่อนชาวไทยหันไปแย้งคนที่ยังมีอาการหงุดหงิดไม่หาย
“ไร้สาระ! ฉันเป็นถึงเจ้าชายของจาเบลุซนะโว้ย ทำไมจะต้องให้ทำอะไรจุกจิกพวกนี้ด้วยตัวเองด้วย...”
หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับการถกเรื่องเหตุผลกับเพื่อนสนิท หลังจากใช้เวลาร่วมสิบนาทีเข้าไปเกลี้ยกล่อมให้โฮร์มุซยอมเซ็นชื่อบนใบตรวจคนเข้าเมืองถึงส่วนในของอาคาร ทั้งๆ ที่โดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่ในห้องตรวจคนเข้าเมืองของอาคารผู้โดยสารอากาศยานส่วนบุคคลนั้น จะอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารมากที่สุดเมื่อเทียบกับเคาน์เตอร์ปกติ
โฮร์มุซสั่งให้ผู้ติดตามของเขาเดินทางไปกับรถลิมูซีนที่มารอรับ แล้วเลือกอาศัยรถยนต์ของเพื่อนสนิทเป็นพาหนะเดินทางสู่ที่พัก แน่นอนว่าเหตุผลหนึ่งก็เพื่อจะได้มีเวลาพูดคุยเรื่องส่วนตัวกับคุณชายหนุ่มให้สมกับที่ไม่ได้พบหน้ากันเกือบครึ่งปี
“ว่าแต่นายแน่ใจแล้วเหรอที่จะหันมาจับธุรกิจเครื่องประดับ นายก็รู้ว่าตลาดของบริษัทฉันยังอยู่แค่ในระดับเอเชีย จะให้ไปแข่งขันในตลาดยุโรปน่ะมันจะไหวเหรอวะ” พิษณุนเรศวร์เปลี่ยนหัวข้อสนทนาขณะหยิบกุญแจรีโมตขึ้นมากดคลายล็อกแล้วเปิดประตูรถ เบนต์ลีย์ มูล์ซานน์ สีควันบุหรี่ของเขา ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับ
“ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างนายกลัวปัญหาแค่นี้...” เจ้าชายหนุ่มหัวเราะหึๆ เปิดประตูฝั่งตรงข้ามคนขับ ด้วยส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตรของเขายังสามารถก้มตัวแล้วก้าวตามเข้าไปนั่งในรถได้อย่างไม่ลำบากนัก “อย่าลืมสิว่าครอบครัวฉันทำธุรกิจในยุโรปมากี่สิบปีแล้ว” บอกพลางดึงประตูปิดดังปัง
“แต่ธุรกิจหลักของนายมันธุรกิจเชื้อเพลิงนะโว้ย”
“เฮ้ย พีท!! ฉันเพิ่งเดินทางมาถึงเหนื่อยๆ นายอย่าเพิ่งชวนคุยเรื่องปวดหัวได้ไหมวะ... เปลี่ยนเป็นเรื่องบันเทิงใจจะดีกว่า คืนนี้นายจะพาฉันไปเที่ยวที่ไหนวะ” โฮร์มุซชิงพูดตัดบท
หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ถอนหายใจยาว ก็เพราะรู้ว่าเพื่อนรักเป็นเสียอย่างนี้น่ะสิ เขาถึงอดเป็นห่วงเรื่องงานไม่ได้... นี่เขาคิดผิดหรือเปล่านะ ที่หลวมตัวเชื่อคำชักชวนของเจ้าชายแห่งจาเบลุซเรื่องวางแผนเปิดบริษัทใหม่ร่วมกัน
“แล้วนายอยากจะไปไหนล่ะ ถ้าให้เดาตามนิสัยของนายแล้วล่ะก็ คงไม่พ้นที่ที่มีผู้หญิงใช่ไหม...” คุณชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย บิดกุญแจสตาร์ตเครื่องพร้อมกับปลดเบรกมือ เข้าเกียร์ เตรียมนำรถคันงามเคลื่อนที่ออกจากลานจอด
“ไม่ต้องหรอก หาร้านนั่งฟังเพลงเงียบๆ ก็พอแล้ว... ฉันแค่อยากไปนั่งดื่ม นั่งคุยกับนายให้หายคิดถึงเท่านั้นแหละ” ว่าแล้วก็ถือวิสาสะหยิบรีโมตเครื่องเสียงรถยนต์ที่วางอยู่บนคอนโซลขึ้นมากดเล่น
อีกฝ่ายแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ต้องขมวดคิ้วหันไปมองหน้าเขา
“นี่ฉันหูเฝื่อนไปหรือเปล่าวะ คนบ้าผู้หญิงอย่างนายเนี่ยนะ อยากจะนั่งดื่มนั่งคุยกับฉันเงียบๆ... ไม่ใช่ว่าช่วงที่หายหัวไปสี่ห้าเดือนนี่ เกิดเปลี่ยนรสนิยมมาพิศวาสไม้ป่าเดียวกันนะเว้ย ไอ้โฮโม” คนขับรถเบ้ปาก ลูบแขนเสื้อสูทของตัวเองด้วยท่าทางแสยงขน
“F@ck!! คนเกลียดผู้หญิงอย่างนายต่างหากที่ฉันต้องกลัว” เพื่อนรักสบถไปพลางหัวเราะไปพลาง “วันนี้ฉันเพลียโว้ย ขี้เกียจใช้แรงมากๆ ตั้งแต่มาถึงวันแรก... อีกอย่าง ฉันให้คนของฉันติดต่อเอเจนซีหาผู้หญิงไว้ให้แล้ว อุตส่าห์มาถึงประเทศของนายทั้งที ฉันไม่มีวันพลาดโอกาสลิ้มลองของดีของไทยหรอกพีท ฮ่ะๆ...”
“เออ... ความคิดอุบาทว์ๆ อย่างนี้ค่อยสมกับเป็นนายหน่อย”
โฮร์มุซหัวเราะชอบใจกับคำประชดประชัน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพิษณุนเรศวร์เบื่อหน่ายกับพฤติกรรมเรื่องผู้หญิงของเขามากแค่ไหน
นอกจากนิสัยใจร้อนวู่วาม เอาแต่ใจตัวเอง และไม่มีเหตุผลแล้ว ความเป็นเพลย์บอยก็เป็นหนึ่งในอีกนับร้อยนับพันเรื่องที่ทำให้นิสัยของเพื่อนรักคู่นี้แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว
อย่าว่าแต่ทั้งสองคนจะเป็นข้อสงสัยของกลุ่มเพื่อนปริญญาโทที่อเมริกาเลย แม้แต่คุณชายหนุ่มเองก็ยังเคยคิดบ่อยๆ ว่าทำไมเขาและเจ้าชายแห่งจาเบลุซถึงได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่รักใคร่กันราวกับพี่น้องอย่างนี้
“ว่าแต่ ทำไมนายถึงรีบเดินทางมาไทยวะ... ที่เราคุยกันเอาไว้เรื่องตั้งบริษัทน่ะมันต้นปีหน้าไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ฉันก็มัวยุ่งอยู่กับเรื่องคัดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัทฉัน ยังไม่มีโอกาสเสนอเรื่องนี้กับบอร์ดบริษัทเลยนะ” หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ถามขณะนำรถแล่นไปตามถนนวิภาวดีรังสิต
“ฉันไม่ได้มาเร่งรัดนายเรื่องนั้นหรอก อันที่จริงฉันมาจัดการเรื่องธุรกิจของครอบครัวต่างหาก แต่ก็ถือโอกาสอยู่คุยเรื่องบริษัทใหม่ไปพร้อมๆ กันด้วย... นายทำธุระของนายให้เรียบร้อยก่อน ไว้พร้อมเมื่อไหร่เราค่อยเริ่มเรื่องนั้นก็ได้”
“เดือนหน้าฉันจะจัดงานกาลาดินเนอร์เพื่อ launch products ของปีหน้า ตั้งใจจะให้มีไฮไลต์เป็นการเดินแฟชั่นโชว์เครื่องเพชร ไว้จบงานฉันจะเรียกประชุมบอร์ดเพื่อคุยเรื่องนี้ นายจะโอเคไหม”
“แน่นอนเพื่อน ฉันไม่มีปัญหาอะไรแม้แต่น้อย...” โฮร์มุซยิ้มมุมปาก ดวงตาเปล่งประกายวิบวับ “ตราบใดที่เอเจนซีที่นี่สามารถหาผู้หญิงสาวๆ สวยๆ มาสับเปลี่ยนให้ฉันได้ทุกอาทิตย์ จะให้อยู่จนข้ามปีฉันก็อยู่ได้...”
หม่อมราชวงศ์หนุ่มขมวดคิ้ว หันไปมองหน้าเพื่อนรักด้วยสายตาอเนจอนาถ ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมกับบ่นพึมพำ
“Unbelievable... ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่ะ...”
ข่าวการจัดงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างหม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ กับซินเดอเรลลาสาวเจ้าของตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด ของ กลามูร์ ไดมอนด์ สร้างความตกตะลึงให้กับบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในวงสังคม ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารย์มากมายหลายทางบ้างก็ว่าเพื่อกลบข่าวอื้อฉาวเรื่องการยกเลิกงานแต่งงานของหม่อมราชวงศ์หญิงรัตน์นเรศวร์เมื่อหลายเดือนก่อน บ้างก็ว่าเป็นเคล็ดล้างอาถรรพ์แบรนด์แอมบาสเดอร์ ตำแหน่งสำคัญของบริษัทที่ไม่เคยมีใครเป็นได้นานเกินสามเดือนบ้างก็เจาะประเด็นเรื่องข่าวลือที่ว่าเจ้าสาวท้องก่อนแต่งแต่ไม่ว่าจะเป็นข่าวในแง่ไหนก็ไม่มีผลกระทบใดๆ กับเจ้าบ่าวเจ้าสาวของงาน ซึ่งได้กลายเป็นบุคคลที่มีความสุขมากที่สุดในค่ำคืนนี้ไปเสียแล้วบนขั้นบันไดด้านหน้าของประตูวังโขมพัสตร์ ศศิวลัยกำลังยืนหันหลังพร้อมกับถือช่อดอกไม้ขนาดใหญ่อยู่ในมือทั้งสองข้าง บนใบหน้าที่อ่อนหวานของผู้เป็นเจ้าสาว ถูกแต่งแต้มอย่างเบาบาง เป็นธรรมชาติ อย่างที่สามีหมาดๆ ของเธอชอบ ซึ่งก็ช่วยขับเน้นเสน่ห์และความงดงามให้ยิ่งเปล่งประกายในคืนที่สำคัญที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิงหญิงสาวอยู่ในชุดผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสสีครีม ตัดเย็บเป็นชุ
“คุณนี่มันรั้นตลอดเลยนะ...” หม่อมราชวงศ์หนุ่มขมวดคิ้วมุ่น แต่ใบหน้าก็ยังประดับด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจแล้ว ว่าทุกครั้งที่อีกฝ่ายโกรธเคืองคำพูดของเขา มันเป็นเพราะอะไร “ที่ผมบอกว่ารับผิดชอบน่ะ ก็เพราะลูกเมียเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ชายอยู่แล้ว คุณอยากได้แต่ความรัก แต่ไม่ต้องการความรับผิดชอบเลยเหรอ”“ฉันก็ไม่ต้องการจริงๆ นี่คะ” หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น เบือนหน้าไปทางอื่น แต่ไม่ยอมที่จะสบตาเขา“คุณบอกว่าคุณรักผม รักมาตั้งแต่ไปยุโรปด้วยกัน แต่ทำไมพอผมพยายามแสดงความรักให้คุณรับรู้ คุณกลับปฏิเสธผมตลอด คุณเป็นซาดิสต์เหรอครับ ศิ หือ...”“คะ...ใครบอกคุณ คุณไปฟังมาจากไหนว่าฉันรักคุณ ไม่จริงนะคะ ไม่ใช่!”ได้ยินคำพูดของคุณชายหนุ่ม ดวงตาของศศิวลัยก็เบิกโพลง อ้าปากค้าง หันไปส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย รีบบอกปัดเสียงตะกุกตะกัก ขณะเดียวกันก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งใบหน้า แทบอยากจะมุดดินหนีไปตรงนั้น ตั้งแต่อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบประโยค“ก็คุณเขียนบอกเอาไว้ในจดหมายยังไงล่ะครับ”“คุณโกหก! จดหมายนั่นฉันเขียนกับมือเอง ทำไมจะจำไม่ได้!” เธอแหวกลับพิษณุนเณศวร์หัวเราะหึๆ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋
การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ตามลำพังไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างศศิวลัย เพราะความเหงาและความว้าเหว่ เป็นสิ่งธรรมดาสามัญที่พร้อมจะเข้าจู่โจมมนุษย์ทุกคน ในช่วงเวลาที่อ่อนไหวและเปราะบางที่สุดเดิมทีหญิงสาวอยู่ร่วมกับมารดาและผู้เป็นยายจนเคยชิน แต่เพราะความจำเป็นทำให้ต้องตัดสินใจโง่ๆ ออกมาเผชิญโชคตามลำพัง โดยมีสิ่งยึดเหนี่ยวเพียงอย่างเดียวคือลูกในท้อง แม้จะเคยเข้มแข็งมาตลอด ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากจะมีคืนใดสักคืนหนึ่งในแต่ละสัปดาห์ ที่เธอจะต้องนอนร้องไห้เพราะความคิดถึงบ้านเช่นเดียวกับคืนนี้ หลังจากได้บังเอิญพบเข้ากับอลงกต ตะกอนความรู้สึกหลายๆ อย่างที่ทับถมอยู่ในจิตใจมาตลอดหลายเดือน ก็เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็น ขุดคุ้ย แกว่งกวน จนพากันลอยฟุ้งขึ้นมารบกวนจิตใจเธออีกครั้งโดยเฉพาะเรื่องของหม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์...เพราะอลงกตคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เป็นคนเชื่อมโยงให้คุณชายหนุ่มมาพบเธอ ทำให้เธอรักเขา พลัดพรากจากเขา ในขณะเดียวกันก็ได้สิ่งล้ำค่าจากเขามาเป็นพยานของความรัก ศศิวลัยจึงอดไม่ได้ที่จะนอนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวอย่างนี้บ่อยครั้งเหลือเกินที่หญิงสาวนึกเกลียดตัวเองนักทั้งๆ ที่เธ
สวัสดีค่ะ คุณชายพิษณุนเรศวร์ก่อนอื่นต้องขอบคุณและขอโทษพนักงานของ กลามูร์ ไดมอนด์ ทุกคน ที่ให้การดูแลฉันอย่างดีมาตลอด แต่ฉันมีความจำเป็นจริงๆ ที่ต้องทิ้งงานแล้วหายตัวไปอย่างนี้...นั่นก็เพราะความผิดของคุณนั่นแหละค่ะ ไอ้คุณชายเฮงซวย! ขอบคุณคุณมากนะคะ ไอ้คนบ้า ที่จู่ๆ ก็เอาไข้แตงโมมาฝาก!เพราะฉะนั้นคุณก็รับหน้าพวกผู้บริหารเอาเองก็แล้วกัน ส่วนเงินห้าล้านที่ให้ฉันมาแล้ว ฉันขอยืมไปใช้ก่อนนะคะ ถือเสียว่าเป็นเงินค่าเลี้ยงลูกคุณ ไว้ฉันมีเมื่อไหร่จะส่งมาคืนให้เองรักศศิวลัยป.ล. คุณไม่ต้องตามหาฉันหรอกนะคะ ฉันอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งป.ล.2 หาเวลาทำบุญบริษัทบ้างเถอะค่ะ รู้สึกว่าตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัทคุณ มันมีอาถรรพ์ยังไงไม่รู้ป.ล.3 ขอบคุณสำหรับทริปยุโรปค่ะ คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นั่นร่วมกับคุณ ฉันจะจดจำมันไว้ในความทรงจำตลอดไปจดหมายที่เต็มไปด้วยร่องรอยยับยู่ยี่จากการถูกอ่านซ้ำไปซ้ำมามากกว่ายี่สิบครั้ง ถูกพับสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตอย่างบรรจง ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะวางทาบลงไปราวกับต้องการให้มันรับรู้ถึงจังหวะหัวใจของเขาในเวลานี้ผ่านไปสามวันแล้ว นับตั้งแต่ตอนที่หม่อมรา
ขณะที่เจ้าของบริษัทกำลังนั่งคลื่นไส้อาเจียนอยู่ในห้องทำงานที่ชั้นบนสุด ภายในห้องน้ำหญิงชั้นล่างสุดของอาคารบริษัท กลามูร์ ไดมอนด์ คนที่ไม่มีอาการใดๆ เลยกลับนั่งอยู่บนฝาชักโครก รอให้เวลาแต่ละนาทีผ่านไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอันที่จริง คนที่เซ็นสัญญาว่าจ้างชั่วคราวในตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ หรือ ‘ตัวแทนของบริษัท’ อย่างศศิวลัย ไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกวันเหมือนพนักงานประจำ แต่เนื่องจากวันนี้เธอมีนัดประชุมกับฝ่ายการตลาด เรื่องที่จะต้องถ่ายทำบทสัมภาษณ์พิเศษเพื่อโปรโมตกิจกรรมของบริษัท จึงเลี่ยงไม่ได้หากในขณะที่กำลังเดินทางออกจากบ้าน หญิงสาวก็บังเอิญนึกขึ้นได้ว่ารอบเดือนของเธอน่าจะมาถึงแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววใดๆ จึงตัดสินใจแวะซื้อแบบทดสอบการตั้งครรภ์จากร้านขายยาระหว่างทาง และความกังวลใจก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะใช้งานมันทันทีความจริงเธอเองก็นึกเอะใจตั้งแต่เดือนที่แล้ว เมื่อประจำเดือนที่เคยมาเป็นปกติอยู่เสมอเกิดขาดหายไปดื้อๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์มองโลกในแง่ดี เพราะในช่วงที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ก็มีบ้างบางครั้งที่ประจำเดือนมาๆ ขาดๆ ซึ่งครั้งนี้เธอก็ได้แต่ภาวนาว่าจะเป็นเช่นเดียวกันศศิวลัยไม่กล้าแ
การเตรียมพร้อมเพื่อจะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัท กลามูร์ ไดมอนด์ เริ่มต้นตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ศศิวลัยเซ็นสัญญาเสร็จสิ้น โดยที่เธอจะต้องเข้าคอร์สเสริมความงาม เพื่อดูแลทั้งเรื่องผิวพรรณ รูปร่าง ทรงผม เป็นประจำทุกสัปดาห์ นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังต้องเข้าคอร์สพัฒนาบุคลิกภาพ เรียนรู้วิธีการแต่งหน้าอย่างมืออาชีพ ศึกษาถึงข้อมูลของเพชรและพลอยชนิดต่างๆ พอสังเขป รวมถึงประวัติความเป็นมาของบริษัท วิธีตอบคำถามสื่อ และการประชาสัมพันธ์ขั้นพื้นฐานหลังจากผ่านสัปดาห์ที่สามไปแล้ว ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่ และการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ก็เริ่มชัดเจนขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการถ่ายภาพนิ่งเพื่อนำไปใช้ทำคัตเอาต์ โบรชัวร์ และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ สำหรับลงโฆษณาในนิตยสารหรือโซเชียลมีเดีย แต่ก็ยังไม่มีการนัดถ่ายทำสื่อที่เป็นภาพเคลื่อนไหวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ก็ยังรักษาสัญญา ทำตามข้อแม้ที่หญิงสาวยื่นไว้อย่างเคร่งครัด จนบางครั้งเธอก็ยังเป็นฝ่ายรู้สึกสงสารเขาเสียเองเพราะจากภาพในความทรงจำครั้งที่เขาล่อลวงเธอไปถึงยุโรป คุณชายหนุ่มมักร่าเริงและมีรอยยิ้มอยู่เสมอ แม้ในเวลาที่กำลังวางแผนร้าย