ทีแรกหม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ก็ตั้งใจจะออกจากอาคารผู้โดยสารขาเข้าและตรงไปยังอาคารผู้โดยสารอากาศยานส่วนบุคคลทันที แต่พอรู้ว่าเขาจะต้องไปนั่งรอเวลาอีกเกือบชั่วโมง กว่าที่เพื่อนของเขาจะลงจากเครื่องและผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง คุณชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะหากาแฟดื่มสักแก้วเพื่อให้สมองแจ่มใสขึ้น
อันที่จริงเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรับปากเพื่อนเก่า แล้วลงทุนฝ่าวิกฤติการจราจรของกรุงเทพฯ ขับรถออกจากบริษัทตั้งแต่สี่โมงเย็นเพื่อมาต้อนรับอีกฝ่ายถึงที่นี่ด้วย ในเมื่อเพื่อนของเขาก็น่าจะมีคนสนิทเตรียมรถลิมูซีนมารอรับอยู่แล้ว
หลังจากหาร้านกาแฟที่ใกล้ที่สุดพบ และหามุมสงบนั่งดื่มอเมริกาโนร้อนๆ จนหมดแก้ว เมื่อเห็นว่าตัวเองฆ่าเวลาไปได้พอสมควรแล้ว พิษณุนเรศวร์จึงเดินออกจากร้านเพื่อหาทางกลับไปยังรถของเขาโดยเร็วที่สุด พยายามไม่ให้เป็นจุดสนใจของใคร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายตกเป็นเป้าสายตาของหญิงสาวสองสามคนที่เขาเดินผ่าน
ขณะที่เขาก้าวไปหยุดบนบันไดเลื่อน เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงสแล็กส์ก็ดังขึ้น คุณชายหนุ่มจึงล้วงเครื่องมือสื่อสารราคาแพงของเขาออกมาดู พบว่าหมายเลขที่ปรากฏบนหน้าจอ เป็นหมายเลขโทรศัพท์มือถือของโฮร์มุซ บิน ฮาเร็บ อัล อลาวี เพื่อนผู้มีตำแหน่งเป็นถึงรัชทายาทอันดับสองของรัฐสุลต่าน บาห์ลา จาเบลุซ และเป็นคนที่เขาตั้งใจจะมารับนั่นเอง
“ว่าไงไอ้เสือ... ถึงแล้วเหรอวะ” เขากดรับสายพร้อมกับทักทายด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อย พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา “ไหนเจ้าหน้าที่สนามบินบอกว่ากว่าเครื่องนายจะลงจอดก็อีกตั้งสิบห้านาทีไม่ใช่เหรอ”
“เปล่าว่ะพิซซ่า ยังอยู่บนเครื่อง แค่จะโทรมาถามว่านายอยู่ไหนแล้ว” โฮร์มุซตอบอย่างอารมณ์ดี
“ฉันน่ะเหรอ ก็อยู่ที่สนามบินนี่แหละ... ว่าแต่เขาห้ามไม่ให้ใช้โทรศัพท์เวลาอยู่บนเครื่องบินไม่ใช่เหรอวะ”
“เครื่องก็เครื่องฉันเอง ทำไมต้องใส่ใจข้อห้ามไร้สาระด้วยล่ะ ฉันก็โทรอย่างนี้บ่อยๆ ยังไม่เห็นตายสักที” เจ้าชายหนุ่มแย้งด้วยน้ำเสียงกวนประสาทเหมือนที่พิษณุนเรศวร์เคยได้ยินบ่อยๆ
“เขาห้ามเผื่อสัญญาณมันจะไปรบกวนเวลานักบินติดต่อกับศูนย์ภาคพื้นดินโว้ย! เดี๋ยวเครื่องได้ชนกันตายห่า!” มีไม่กี่คนที่คุณชายหนุ่มจะสามารถพูดจาได้โดยไม่ต้องห่วงเรื่องมารยาท ถึงจะเป็นการสบถแบบขำๆ แต่ก็อดห่วงไม่ได้
“เอาเถอะ ฉันก็แค่โทรมาถามเท่านี้แหละ ไม่คุยแล้วก็ได้วะ” โฮร์มุซตัดบท
“โอเค เดี๋ยวเจอกัน” พูดจบก็กดวางสายโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับมา
น้ำเสียงขัดใจของโฮร์มุซในคำพูดประโยคสุดท้ายทำให้หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์นึกภาพออกทันทีว่าหน้าตาท่าทางของเพื่อนสนิทจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเวลาที่ถูกเขาชิงตัดสายทิ้ง มันทำให้เขาต้องส่ายหน้าและยิ้มออกมาอย่างลืมตัว ป่านนี้เจ้าชายหนุ่มคงจะหงุดหงิดเสียเต็มประดา
ขณะเดียวกันบันไดเลื่อนก็พาเขาลงมาถึงชั้นล่าง พิษณุนเรศวร์รีบสอดโทรศัพท์มือถือกลับลงไปในกระเป๋ากางเกงพร้อมกับก้าวลงจากบันไดเลื่อน แต่ทันใดนั้น...
“ว้าย!!”
โดยไม่คาดคิด ร่างสูงใหญ่ที่กำลังใจลอยก็บังเอิญปะทะเข้ากับหญิงสาวซึ่งยืนหันรีหันขวางอยู่บริเวณหน้าทางลงบันไดเลื่อน
ก่อนที่เธอจะเสียหลักจนล้มลงไปกับพื้น คุณชายหนุ่มก็ได้สติ ยื่นแขนไปรองรับแผ่นหลังของเธอไว้ได้ทัน หากถึงอย่างนั้น กระเป๋าสะพายขนาดใหญ่ที่ดูเทอะทะของเธอก็พลอยหลุดมือจนข้าวของหลายชิ้นในนั้นกระเด็นออกมากลิ้งอยู่บนพื้น
“ขอโทษครับ คุณ...” รีบร้องบอกพลางก้มลงไปมองหญิงสาวในอ้อมแขน
ทันทีที่สบเข้ากับดวงตากลมโตที่มีแววตื่นตระหนก หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ก็ต้องชะงักไปชั่วขณะ ในวินาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนกับทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่ง สิ่งที่ยังเคลื่อนไหวมีเพียงริมฝีปากสีแดงระเรื่อที่กำลังสั่นระริก ได้ยินลมหายใจหอบถี่เล็ดลอดจากจมูกน้อยๆ ที่โด่งพองาม พวงแก้มขาวนวลเนียนค่อยๆ กลายเป็นสีชมพูจัด ภาพที่เห็นทำให้คุณชายหนุ่มลืมหมดทุกอย่างแม้แต่คำพูดของตัวเอง
“เอ่อ คุณ... ปล่อยฉันเถอะค่ะ” เสียงใสๆ ของคนที่ยังอยู่ในวงแขนปลุกอีกฝ่ายให้ได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง
“ขอโทษจริงๆ ครับ คุณเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า...” เขารีบประคองให้เธอยืน จากนั้นก็กล่าวขอโทษขอโพยด้วยความรู้สึกผิด
“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ เพราะฉันมัวแต่ยืนขวางทางอยู่... ขอบคุณนะคะที่ช่วยไม่ให้ฉันหกล้ม” เธอตอบพลางจัดแจงชุดพอดีตัวที่สวมอยู่ให้เข้าที่ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้า
พอสังเกตเห็นว่าของใช้ส่วนตัวร่วงกระจัดกระจายอยู่ สีหน้าหญิงสาวก็แตกตื่นขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ศศิวลัยรีบลนลานก้มลงไปเพื่อจะเก็บข้าวของบนพื้น แต่เครื่องแบบเข้ารูปสีฟ้าสดกับรองเท้าส้นสูงที่เธอเพิ่งจะหัดสวมได้ไม่กี่วัน ก็ไม่อำนวยต่อการย่อตัวลงนั่งแม้แต่น้อย ทำให้อากัปกิริยาที่แสดงออกมาดูทุลักทุเลจนอีกฝ่ายทนมองอยู่เฉยๆ ไม่ได้
“ให้ผมช่วยคุณเก็บดีกว่านะครับ” หม่อมราชวงศ์หนุ่มรีบอาสา พลางทิ้งตัวลงนั่งบนปลายเท้า ทำท่าจะช่วยเหลือ หากหญิงสาวกลับยิ่งออกอาการตกใจ ละล่ำละลักบอก
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ ให้ฉันจัดการเองดีกว่า”
ถึงอย่างนั้นก็สายเกินไปเสียแล้ว เพราะมือของคุณชายหนุ่มยื่นออกไปคว้าวัตถุสีชมพูสองสามชิ้นที่กระจายอยู่ท่ามกลางกระป๋องแป้งเด็กและหลอดบรรจุโฟมล้างหน้าราคาถูกได้เสียก่อน
เขารวบรวมแผ่นสี่เหลี่ยมนุ่มนิ่มในซองบรรจุแยกทั้งสามชิ้นยื่นส่งให้ศศิวลัยโดยไม่เอะใจสักนิดว่ามันคืออะไร ในขณะที่หญิงสาวได้แต่ยืนมองจนตาค้าง ใบหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความอับอาย แทบจะไม่กล้ารับแผ่นผ้าอนามัยเหล่านั้นจากมือของเขา
พิษณุนเรศวร์เห็นสีหน้าท่าทางของเธอแล้วต้องรู้สึกแปลกใจ จึงก้มลงไปสำรวจสิ่งที่ถืออยู่ในมืออีกครั้ง ซองสีชมพูบางใสจนมองเห็นแผ่นสีขาวที่พับทบอยู่ด้านในกับชื่อยี่ห้อสินค้าภาษาอังกฤษซึ่งพิมพ์อยู่บนนั้นทำให้เขาเพิ่งจะเดาออก คุณชายหนุ่มรีบวางมันลงตรงหน้าศศิวลัยแล้วลุกขึ้นยืนอย่างเก้อเขิน
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ...” ใบหูของเขาร้อนผ่าวไปวูบหนึ่ง
ศศิวลัยก้มหน้าก้มตาหยิบของทั้งหมดบนพื้น ซุกเอาไว้ในกระเป๋าสะพายใบเดิม แล้วพยายามซ่อนมันเอาไว้ในอ้อมแขนตัวเองก่อนจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉัน... ฉันขอตัวก่อนนะคะ” บอกเพียงเท่านั้นเธอก็หันตัวกลับแล้วเดินจ้ำเท้าจากไปทันที ทิ้งให้หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ทอดสายตามองตามอย่างลืมตัว
เขายืนนิ่งอยู่เช่นนั้นเกือบนาที นึกถึงความเปิ่นที่แสดงออกไปต่อหน้าหญิงสาวแล้วก็ต้องส่ายหน้า
เครื่องแบบที่สวมอยู่... เธอเป็นแอร์โฮสเตสอย่างนั้นหรือ...
ยิ่งเห็นกระป๋องแป้งเด็กและโฟมล้างหน้าในกระเป๋าสะพายของเธอ พิษณุนเรศวร์ก็ยิ่งคาดไม่ถึง นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่เคยเห็นใครใช้ของพื้นๆ ธรรมดาอย่างนั้น โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงค่านิยมของคนในอาชีพอย่างเธอด้วยแล้ว
หม่อมราชวงศ์หนุ่มยิ้มกับตัวเอง มีไม่กี่ครั้งหรอกที่เขาจะให้ความสนใจผู้หญิงจนถึงกับมองตามหลัง แต่ก็น่าเสียดายที่เขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกับเธออีก เพราะว่า...
“เกือบลืมไปเลย... ต้องรีบไปหาโฮร์มุซนี่...” เหลือบเห็นนาฬิกาข้อมือก็นึกขึ้นได้ว่าใกล้เวลาที่เครื่องบินส่วนตัวของเพื่อนสนิทจะลงจอด คิดแล้วร่างสูงใหญ่ก็รีบก้าวไปข้างหน้าโดยมีจุดหมายคืออาคารจอดรถที่อยู่ติดกัน
ข่าวการจัดงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างหม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ กับซินเดอเรลลาสาวเจ้าของตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด ของ กลามูร์ ไดมอนด์ สร้างความตกตะลึงให้กับบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในวงสังคม ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารย์มากมายหลายทางบ้างก็ว่าเพื่อกลบข่าวอื้อฉาวเรื่องการยกเลิกงานแต่งงานของหม่อมราชวงศ์หญิงรัตน์นเรศวร์เมื่อหลายเดือนก่อน บ้างก็ว่าเป็นเคล็ดล้างอาถรรพ์แบรนด์แอมบาสเดอร์ ตำแหน่งสำคัญของบริษัทที่ไม่เคยมีใครเป็นได้นานเกินสามเดือนบ้างก็เจาะประเด็นเรื่องข่าวลือที่ว่าเจ้าสาวท้องก่อนแต่งแต่ไม่ว่าจะเป็นข่าวในแง่ไหนก็ไม่มีผลกระทบใดๆ กับเจ้าบ่าวเจ้าสาวของงาน ซึ่งได้กลายเป็นบุคคลที่มีความสุขมากที่สุดในค่ำคืนนี้ไปเสียแล้วบนขั้นบันไดด้านหน้าของประตูวังโขมพัสตร์ ศศิวลัยกำลังยืนหันหลังพร้อมกับถือช่อดอกไม้ขนาดใหญ่อยู่ในมือทั้งสองข้าง บนใบหน้าที่อ่อนหวานของผู้เป็นเจ้าสาว ถูกแต่งแต้มอย่างเบาบาง เป็นธรรมชาติ อย่างที่สามีหมาดๆ ของเธอชอบ ซึ่งก็ช่วยขับเน้นเสน่ห์และความงดงามให้ยิ่งเปล่งประกายในคืนที่สำคัญที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิงหญิงสาวอยู่ในชุดผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสสีครีม ตัดเย็บเป็นชุ
“คุณนี่มันรั้นตลอดเลยนะ...” หม่อมราชวงศ์หนุ่มขมวดคิ้วมุ่น แต่ใบหน้าก็ยังประดับด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจแล้ว ว่าทุกครั้งที่อีกฝ่ายโกรธเคืองคำพูดของเขา มันเป็นเพราะอะไร “ที่ผมบอกว่ารับผิดชอบน่ะ ก็เพราะลูกเมียเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ชายอยู่แล้ว คุณอยากได้แต่ความรัก แต่ไม่ต้องการความรับผิดชอบเลยเหรอ”“ฉันก็ไม่ต้องการจริงๆ นี่คะ” หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น เบือนหน้าไปทางอื่น แต่ไม่ยอมที่จะสบตาเขา“คุณบอกว่าคุณรักผม รักมาตั้งแต่ไปยุโรปด้วยกัน แต่ทำไมพอผมพยายามแสดงความรักให้คุณรับรู้ คุณกลับปฏิเสธผมตลอด คุณเป็นซาดิสต์เหรอครับ ศิ หือ...”“คะ...ใครบอกคุณ คุณไปฟังมาจากไหนว่าฉันรักคุณ ไม่จริงนะคะ ไม่ใช่!”ได้ยินคำพูดของคุณชายหนุ่ม ดวงตาของศศิวลัยก็เบิกโพลง อ้าปากค้าง หันไปส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย รีบบอกปัดเสียงตะกุกตะกัก ขณะเดียวกันก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งใบหน้า แทบอยากจะมุดดินหนีไปตรงนั้น ตั้งแต่อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบประโยค“ก็คุณเขียนบอกเอาไว้ในจดหมายยังไงล่ะครับ”“คุณโกหก! จดหมายนั่นฉันเขียนกับมือเอง ทำไมจะจำไม่ได้!” เธอแหวกลับพิษณุนเณศวร์หัวเราะหึๆ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋
การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ตามลำพังไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างศศิวลัย เพราะความเหงาและความว้าเหว่ เป็นสิ่งธรรมดาสามัญที่พร้อมจะเข้าจู่โจมมนุษย์ทุกคน ในช่วงเวลาที่อ่อนไหวและเปราะบางที่สุดเดิมทีหญิงสาวอยู่ร่วมกับมารดาและผู้เป็นยายจนเคยชิน แต่เพราะความจำเป็นทำให้ต้องตัดสินใจโง่ๆ ออกมาเผชิญโชคตามลำพัง โดยมีสิ่งยึดเหนี่ยวเพียงอย่างเดียวคือลูกในท้อง แม้จะเคยเข้มแข็งมาตลอด ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากจะมีคืนใดสักคืนหนึ่งในแต่ละสัปดาห์ ที่เธอจะต้องนอนร้องไห้เพราะความคิดถึงบ้านเช่นเดียวกับคืนนี้ หลังจากได้บังเอิญพบเข้ากับอลงกต ตะกอนความรู้สึกหลายๆ อย่างที่ทับถมอยู่ในจิตใจมาตลอดหลายเดือน ก็เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็น ขุดคุ้ย แกว่งกวน จนพากันลอยฟุ้งขึ้นมารบกวนจิตใจเธออีกครั้งโดยเฉพาะเรื่องของหม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์...เพราะอลงกตคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เป็นคนเชื่อมโยงให้คุณชายหนุ่มมาพบเธอ ทำให้เธอรักเขา พลัดพรากจากเขา ในขณะเดียวกันก็ได้สิ่งล้ำค่าจากเขามาเป็นพยานของความรัก ศศิวลัยจึงอดไม่ได้ที่จะนอนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวอย่างนี้บ่อยครั้งเหลือเกินที่หญิงสาวนึกเกลียดตัวเองนักทั้งๆ ที่เธ
สวัสดีค่ะ คุณชายพิษณุนเรศวร์ก่อนอื่นต้องขอบคุณและขอโทษพนักงานของ กลามูร์ ไดมอนด์ ทุกคน ที่ให้การดูแลฉันอย่างดีมาตลอด แต่ฉันมีความจำเป็นจริงๆ ที่ต้องทิ้งงานแล้วหายตัวไปอย่างนี้...นั่นก็เพราะความผิดของคุณนั่นแหละค่ะ ไอ้คุณชายเฮงซวย! ขอบคุณคุณมากนะคะ ไอ้คนบ้า ที่จู่ๆ ก็เอาไข้แตงโมมาฝาก!เพราะฉะนั้นคุณก็รับหน้าพวกผู้บริหารเอาเองก็แล้วกัน ส่วนเงินห้าล้านที่ให้ฉันมาแล้ว ฉันขอยืมไปใช้ก่อนนะคะ ถือเสียว่าเป็นเงินค่าเลี้ยงลูกคุณ ไว้ฉันมีเมื่อไหร่จะส่งมาคืนให้เองรักศศิวลัยป.ล. คุณไม่ต้องตามหาฉันหรอกนะคะ ฉันอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งป.ล.2 หาเวลาทำบุญบริษัทบ้างเถอะค่ะ รู้สึกว่าตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัทคุณ มันมีอาถรรพ์ยังไงไม่รู้ป.ล.3 ขอบคุณสำหรับทริปยุโรปค่ะ คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นั่นร่วมกับคุณ ฉันจะจดจำมันไว้ในความทรงจำตลอดไปจดหมายที่เต็มไปด้วยร่องรอยยับยู่ยี่จากการถูกอ่านซ้ำไปซ้ำมามากกว่ายี่สิบครั้ง ถูกพับสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตอย่างบรรจง ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะวางทาบลงไปราวกับต้องการให้มันรับรู้ถึงจังหวะหัวใจของเขาในเวลานี้ผ่านไปสามวันแล้ว นับตั้งแต่ตอนที่หม่อมรา
ขณะที่เจ้าของบริษัทกำลังนั่งคลื่นไส้อาเจียนอยู่ในห้องทำงานที่ชั้นบนสุด ภายในห้องน้ำหญิงชั้นล่างสุดของอาคารบริษัท กลามูร์ ไดมอนด์ คนที่ไม่มีอาการใดๆ เลยกลับนั่งอยู่บนฝาชักโครก รอให้เวลาแต่ละนาทีผ่านไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอันที่จริง คนที่เซ็นสัญญาว่าจ้างชั่วคราวในตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ หรือ ‘ตัวแทนของบริษัท’ อย่างศศิวลัย ไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกวันเหมือนพนักงานประจำ แต่เนื่องจากวันนี้เธอมีนัดประชุมกับฝ่ายการตลาด เรื่องที่จะต้องถ่ายทำบทสัมภาษณ์พิเศษเพื่อโปรโมตกิจกรรมของบริษัท จึงเลี่ยงไม่ได้หากในขณะที่กำลังเดินทางออกจากบ้าน หญิงสาวก็บังเอิญนึกขึ้นได้ว่ารอบเดือนของเธอน่าจะมาถึงแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววใดๆ จึงตัดสินใจแวะซื้อแบบทดสอบการตั้งครรภ์จากร้านขายยาระหว่างทาง และความกังวลใจก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะใช้งานมันทันทีความจริงเธอเองก็นึกเอะใจตั้งแต่เดือนที่แล้ว เมื่อประจำเดือนที่เคยมาเป็นปกติอยู่เสมอเกิดขาดหายไปดื้อๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์มองโลกในแง่ดี เพราะในช่วงที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ก็มีบ้างบางครั้งที่ประจำเดือนมาๆ ขาดๆ ซึ่งครั้งนี้เธอก็ได้แต่ภาวนาว่าจะเป็นเช่นเดียวกันศศิวลัยไม่กล้าแ
การเตรียมพร้อมเพื่อจะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัท กลามูร์ ไดมอนด์ เริ่มต้นตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ศศิวลัยเซ็นสัญญาเสร็จสิ้น โดยที่เธอจะต้องเข้าคอร์สเสริมความงาม เพื่อดูแลทั้งเรื่องผิวพรรณ รูปร่าง ทรงผม เป็นประจำทุกสัปดาห์ นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังต้องเข้าคอร์สพัฒนาบุคลิกภาพ เรียนรู้วิธีการแต่งหน้าอย่างมืออาชีพ ศึกษาถึงข้อมูลของเพชรและพลอยชนิดต่างๆ พอสังเขป รวมถึงประวัติความเป็นมาของบริษัท วิธีตอบคำถามสื่อ และการประชาสัมพันธ์ขั้นพื้นฐานหลังจากผ่านสัปดาห์ที่สามไปแล้ว ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่ และการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ก็เริ่มชัดเจนขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการถ่ายภาพนิ่งเพื่อนำไปใช้ทำคัตเอาต์ โบรชัวร์ และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ สำหรับลงโฆษณาในนิตยสารหรือโซเชียลมีเดีย แต่ก็ยังไม่มีการนัดถ่ายทำสื่อที่เป็นภาพเคลื่อนไหวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ก็ยังรักษาสัญญา ทำตามข้อแม้ที่หญิงสาวยื่นไว้อย่างเคร่งครัด จนบางครั้งเธอก็ยังเป็นฝ่ายรู้สึกสงสารเขาเสียเองเพราะจากภาพในความทรงจำครั้งที่เขาล่อลวงเธอไปถึงยุโรป คุณชายหนุ่มมักร่าเริงและมีรอยยิ้มอยู่เสมอ แม้ในเวลาที่กำลังวางแผนร้าย