ชั้นล่างของบ้านไม้สองชั้นทรงโบราณ ประกอบไปด้วยส่วนหน้าที่เคยใช้เป็นห้องรับแขก ต่อมาจึงถูกปรับใช้เป็นห้องนั่งเล่น ดูโทรทัศน์ และรับประทานอาหาร ถัดเข้าไปด้านในตัวบ้าน ฝั่งซ้ายเป็นบันไดที่นำขึ้นไปสู่ห้องนอนและห้องพระบนชั้นสอง ฝั่งตรงข้ามบันไดเป็นห้องเก็บหนังสือและข้าวของเก่าๆ ของเครือระย้าผู้เป็นยาย ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นห้องนอนของหญิงสูงวัย เพื่อไม่ให้เธอต้องลำบากกับการเดินขึ้นลงบันได
เดิมทีพรนภาและบุตรสาวจะพักอยู่รวมกันในห้องนอนชั้นบน ต่อมาเมื่อเห็นว่าศศิวลัยโตเป็นสาว และต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เธอจึงตัดสินใจย้ายลงมาอยู่ร่วมห้องกับเครือระย้า เพื่อที่จะได้คอยดูแลมารดาไปด้วยในตัว เหลือแต่เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่ยังเก็บไว้รวมกัน จึงไม่มีใครที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าของห้องห้องใดห้องหนึ่งอย่างเต็มตัว
เช่นเดียวกับทุกคืน ขณะที่ก้าวเข้าไปในบ้าน หญิงสาวก็พบว่าผู้เป็นยายนั่งขัดสมาธิบนตั่งไม้สักเก่าแก่ริมหน้าต่าง ข้างตัวมีตะกร้าเชี่ยนหมากวางอยู่ ปากของเครือระย้าในวัยหกสิบปีกำลังเคี้ยวหมาก พลางหัวเราะไปกับตัวละครในโทรทัศน์ ส่วนพรนภาเองก็นั่งถักโครเชต์ฆ่าเวลาอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ ไม่ได้สนใจกับเสียงหัวเราะของมารดา
“คุณยายคะ ศิกลับมาแล้วค่ะ” ศศิวลัยเอ่ยพร้อมกับยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“ไหว้พระไหว้เจ้าเถอะลูก... กลับมาดึกดื่นเชียวนะ กินข้าวกินปลามาหรือยังล่ะ” เครือระย้ายกมือรับไหว้ตามความเคยชิน ปากก็ร้องถามทั้งที่ยังเคี้ยวหมากเสียงดังจั๊บๆ
“ศิกินมาแล้วล่ะค่ะ...”
“ทีอยู่ต่อหน้าคุณยายทำเรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้นะ แม่ศศิวลัย ทีกับแม่ ทำตัวยิ่งกว่าม้าดีดกะโหลก” มารดาอดค่อนขอดไม่ได้
ก็แน่ล่ะสิ หญิงสาวยังจำได้ดีถึงรสชาติแสบๆ คันๆ ของกิ่งมะยมที่เครือระย้าใช้เฆี่ยนขาเวลาที่เธอซุกซนเมื่อสมัยยังเด็กนี่นา แต่กับพรนภาที่เอาแต่ดุว่า ไม่เคยลงไม้ลงมือน่ะ มันย่อมต่างกันอยู่แล้ว...
“แหม แม่ก็...” ทำหน้ากระเง้ากระงอด
“ไปๆ ขึ้นไปเก็บข้าวของแล้วลงมาอาบน้ำอาบท่าซะให้เสร็จ เดี๋ยวละครจบแม่จะได้ปิดไฟ พาคุณยายเข้านอน เราเองก็ต้องตื่นไปทำงานอีกไม่ใช่เหรอ” มือคว้ากระเป๋าสะพายบนโต๊ะเตี้ยๆ ตรงหน้าส่งคืนให้
“ค่ะแม่” ผู้เป็นลูกรับคำ “เอ่อ จริงสิคะ คุณยายเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณทวด ส่วนแม่ก็เป็นลูกคนเดียวของคุณยาย แม่เคยบอกศิว่าเราไม่มีญาติพี่น้องคนอื่นเหลืออยู่อีกแล้วใช่หรือเปล่าคะ...”
“ก็ใช่น่ะสิจ๊ะ มีอะไรเหรอ...” พรนภาขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย
“วันนี้ศิไปเจอเรื่องประหลาดที่สนามบินมาน่ะค่ะ ศิว่าศิเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาเหมือนศิมากๆ เลย...”
“...” ดวงตาของผู้เป็นแม่เบิกกว้าง รีบหันไปสบตากับเครือระย้าที่ถึงกับหยุดเคี้ยวหมาก อ้าปากค้างเช่นกัน “แล้ว... แล้วลูกได้คุยอะไรกับผู้หญิงคนนั้นบ้างหรือเปล่า...” พรนภาพยายามควบคุมน้ำเสียง ย้อนถามด้วยความรู้สึกหวั่นไหว แต่ก็ยังแฝงความกระตือรือร้นอยู่ในที
“เปล่าหรอกค่ะแม่ ศิแค่มองเห็นไกลๆ... อันที่จริงศิอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้” หญิงสาวทำทะเล้น ไม่ทันสังเกตถึงปฏิกิริยาของหญิงต่างวัยอีกสองคน
มารดาของเธอลอบถอนหายใจ หัวอกของคนเป็นแม่รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างที่ศศิวลัยบอกว่าอาจเป็นแค่การเข้าใจผิด แต่เธอเองก็ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือ... อดีตบางเรื่องที่ตัดใจละทิ้งมันไปแล้ว ก็ไม่ควรจะกลับไปรื้อฟื้นให้มันวุ่นวายอีก...
“เห็นทีเงินเดือนออกต้องให้ไปตัดแว่นใส่ซะแล้วล่ะมั้ง” พรนภาส่ายหน้าเบาๆ กล่าวยิ้มๆ มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมหน้าอกที่ภายในกำลังสั่นระรัว มืออีกข้างค่อยๆ เลื่อนไปกุมมือหญิงสูงวัยเอาไว้คล้ายต้องการกำลังใจ
“แม่พร... พาแม่ไปนอนเถอะ แม่ง่วงแล้ว...” จู่ๆ เครือระย้าก็กดรีโมตปิดโทรทัศน์อย่างกะทันหัน หันไปบอกบุตรสาวของเธอด้วยน้ำเสียงแหบโหย พลางยกกระโถนสังกะสีเคลือบขึ้นมาคายชานหมาก แล้วขยับตัวทำท่าจะลุกขึ้นจากตั่ง จนพรนภาต้องรีบเข้าไปช่วยพยุง
“เอ่อ... ถ้าอย่างนั้นศิรีบขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าลงมาอาบน้ำดีกว่า จะได้ไม่รบกวนคุณยาย...”
“จ้ะ ไปเถอะลูก...” มารดาตอบ
ร่างเพรียวระหงในชุดเครื่องแบบสีฟ้าสดรีบเดินเข้าไปด้านในตัวบ้าน รอจนกระทั่งเสียงลั่นออดแอดของบันไดไม้ค่อยๆ เงียบลงแล้ว ดวงตาเศร้าสร้อยและอ่อนล้าสองคู่จึงหันมาสบกันอีกครั้ง
“ใจคอแม่พรจะไม่ยอมบอกลูกจริงๆ เหรอ...” เครือระย้าถามเสียงแผ่ว มือผอมเกร็งยังบีบฝ่ามือของบุตรสาวแน่น ขณะที่ดวงตาของคนตรงหน้ากลับมีหยดน้ำเอ่อคลอออกมากะทันหัน
“คุณแม่คะ... คนที่ศศิวลัยเห็น. อาจจะ... อาจจะไม่ใช่ศศวลินก็ได้...”
“ถึงแม่พรไม่อยากให้ลูกรู้ แต่คนที่อยากเจอเด็กคนนั้นมากที่สุดก็คือตัวแม่พรเองไม่ใช่เหรอ...”
“ทางโน้นเขามีเงิน เขาต้องเลี้ยงดูศศวลินได้ดีกว่าเราอยู่แล้วค่ะ... ที่พรเสียใจก็เพราะพรสงสารลูก พรกลัวศศิวลัยจะน้อยเนื้อต่ำใจถ้ารู้เรื่องนี้มากกว่า...” พรนภาสะอื้นเบาๆ พลางยกมือขึ้นปาดแก้มที่เปียกชื้น
“แต่แม่ไม่คิดอย่างนั้นหรอกนะ เราเองก็ดูแลแม่ศิอย่างดีที่สุดแล้ว หลานที่แม่เลี้ยงมากับมือไม่มีทางเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยอย่างนั้นหรอก” ผู้เป็นแม่ปลอบโยน “เรารีบเข้าห้องกันก่อนดีกว่า แม่พรคงไม่อยากให้ลูกกลับลงมาเห็นหน้าตาตอนนี้หรอกใช่ไหม”
“ค่ะ คุณแม่...” หญิงวัยกลางคนพยักหน้า จากนั้นทั้งสองแม่ลูกจึงพากันเดินเข้าไปในห้องนอนด้วยความรู้สึกโหวงเหวงในใจ
ข่าวการจัดงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างหม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ กับซินเดอเรลลาสาวเจ้าของตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด ของ กลามูร์ ไดมอนด์ สร้างความตกตะลึงให้กับบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในวงสังคม ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารย์มากมายหลายทางบ้างก็ว่าเพื่อกลบข่าวอื้อฉาวเรื่องการยกเลิกงานแต่งงานของหม่อมราชวงศ์หญิงรัตน์นเรศวร์เมื่อหลายเดือนก่อน บ้างก็ว่าเป็นเคล็ดล้างอาถรรพ์แบรนด์แอมบาสเดอร์ ตำแหน่งสำคัญของบริษัทที่ไม่เคยมีใครเป็นได้นานเกินสามเดือนบ้างก็เจาะประเด็นเรื่องข่าวลือที่ว่าเจ้าสาวท้องก่อนแต่งแต่ไม่ว่าจะเป็นข่าวในแง่ไหนก็ไม่มีผลกระทบใดๆ กับเจ้าบ่าวเจ้าสาวของงาน ซึ่งได้กลายเป็นบุคคลที่มีความสุขมากที่สุดในค่ำคืนนี้ไปเสียแล้วบนขั้นบันไดด้านหน้าของประตูวังโขมพัสตร์ ศศิวลัยกำลังยืนหันหลังพร้อมกับถือช่อดอกไม้ขนาดใหญ่อยู่ในมือทั้งสองข้าง บนใบหน้าที่อ่อนหวานของผู้เป็นเจ้าสาว ถูกแต่งแต้มอย่างเบาบาง เป็นธรรมชาติ อย่างที่สามีหมาดๆ ของเธอชอบ ซึ่งก็ช่วยขับเน้นเสน่ห์และความงดงามให้ยิ่งเปล่งประกายในคืนที่สำคัญที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิงหญิงสาวอยู่ในชุดผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสสีครีม ตัดเย็บเป็นชุ
“คุณนี่มันรั้นตลอดเลยนะ...” หม่อมราชวงศ์หนุ่มขมวดคิ้วมุ่น แต่ใบหน้าก็ยังประดับด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจแล้ว ว่าทุกครั้งที่อีกฝ่ายโกรธเคืองคำพูดของเขา มันเป็นเพราะอะไร “ที่ผมบอกว่ารับผิดชอบน่ะ ก็เพราะลูกเมียเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ชายอยู่แล้ว คุณอยากได้แต่ความรัก แต่ไม่ต้องการความรับผิดชอบเลยเหรอ”“ฉันก็ไม่ต้องการจริงๆ นี่คะ” หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น เบือนหน้าไปทางอื่น แต่ไม่ยอมที่จะสบตาเขา“คุณบอกว่าคุณรักผม รักมาตั้งแต่ไปยุโรปด้วยกัน แต่ทำไมพอผมพยายามแสดงความรักให้คุณรับรู้ คุณกลับปฏิเสธผมตลอด คุณเป็นซาดิสต์เหรอครับ ศิ หือ...”“คะ...ใครบอกคุณ คุณไปฟังมาจากไหนว่าฉันรักคุณ ไม่จริงนะคะ ไม่ใช่!”ได้ยินคำพูดของคุณชายหนุ่ม ดวงตาของศศิวลัยก็เบิกโพลง อ้าปากค้าง หันไปส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย รีบบอกปัดเสียงตะกุกตะกัก ขณะเดียวกันก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งใบหน้า แทบอยากจะมุดดินหนีไปตรงนั้น ตั้งแต่อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบประโยค“ก็คุณเขียนบอกเอาไว้ในจดหมายยังไงล่ะครับ”“คุณโกหก! จดหมายนั่นฉันเขียนกับมือเอง ทำไมจะจำไม่ได้!” เธอแหวกลับพิษณุนเณศวร์หัวเราะหึๆ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋
การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ตามลำพังไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างศศิวลัย เพราะความเหงาและความว้าเหว่ เป็นสิ่งธรรมดาสามัญที่พร้อมจะเข้าจู่โจมมนุษย์ทุกคน ในช่วงเวลาที่อ่อนไหวและเปราะบางที่สุดเดิมทีหญิงสาวอยู่ร่วมกับมารดาและผู้เป็นยายจนเคยชิน แต่เพราะความจำเป็นทำให้ต้องตัดสินใจโง่ๆ ออกมาเผชิญโชคตามลำพัง โดยมีสิ่งยึดเหนี่ยวเพียงอย่างเดียวคือลูกในท้อง แม้จะเคยเข้มแข็งมาตลอด ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากจะมีคืนใดสักคืนหนึ่งในแต่ละสัปดาห์ ที่เธอจะต้องนอนร้องไห้เพราะความคิดถึงบ้านเช่นเดียวกับคืนนี้ หลังจากได้บังเอิญพบเข้ากับอลงกต ตะกอนความรู้สึกหลายๆ อย่างที่ทับถมอยู่ในจิตใจมาตลอดหลายเดือน ก็เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็น ขุดคุ้ย แกว่งกวน จนพากันลอยฟุ้งขึ้นมารบกวนจิตใจเธออีกครั้งโดยเฉพาะเรื่องของหม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์...เพราะอลงกตคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เป็นคนเชื่อมโยงให้คุณชายหนุ่มมาพบเธอ ทำให้เธอรักเขา พลัดพรากจากเขา ในขณะเดียวกันก็ได้สิ่งล้ำค่าจากเขามาเป็นพยานของความรัก ศศิวลัยจึงอดไม่ได้ที่จะนอนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวอย่างนี้บ่อยครั้งเหลือเกินที่หญิงสาวนึกเกลียดตัวเองนักทั้งๆ ที่เธ
สวัสดีค่ะ คุณชายพิษณุนเรศวร์ก่อนอื่นต้องขอบคุณและขอโทษพนักงานของ กลามูร์ ไดมอนด์ ทุกคน ที่ให้การดูแลฉันอย่างดีมาตลอด แต่ฉันมีความจำเป็นจริงๆ ที่ต้องทิ้งงานแล้วหายตัวไปอย่างนี้...นั่นก็เพราะความผิดของคุณนั่นแหละค่ะ ไอ้คุณชายเฮงซวย! ขอบคุณคุณมากนะคะ ไอ้คนบ้า ที่จู่ๆ ก็เอาไข้แตงโมมาฝาก!เพราะฉะนั้นคุณก็รับหน้าพวกผู้บริหารเอาเองก็แล้วกัน ส่วนเงินห้าล้านที่ให้ฉันมาแล้ว ฉันขอยืมไปใช้ก่อนนะคะ ถือเสียว่าเป็นเงินค่าเลี้ยงลูกคุณ ไว้ฉันมีเมื่อไหร่จะส่งมาคืนให้เองรักศศิวลัยป.ล. คุณไม่ต้องตามหาฉันหรอกนะคะ ฉันอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งป.ล.2 หาเวลาทำบุญบริษัทบ้างเถอะค่ะ รู้สึกว่าตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัทคุณ มันมีอาถรรพ์ยังไงไม่รู้ป.ล.3 ขอบคุณสำหรับทริปยุโรปค่ะ คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นั่นร่วมกับคุณ ฉันจะจดจำมันไว้ในความทรงจำตลอดไปจดหมายที่เต็มไปด้วยร่องรอยยับยู่ยี่จากการถูกอ่านซ้ำไปซ้ำมามากกว่ายี่สิบครั้ง ถูกพับสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตอย่างบรรจง ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะวางทาบลงไปราวกับต้องการให้มันรับรู้ถึงจังหวะหัวใจของเขาในเวลานี้ผ่านไปสามวันแล้ว นับตั้งแต่ตอนที่หม่อมรา
ขณะที่เจ้าของบริษัทกำลังนั่งคลื่นไส้อาเจียนอยู่ในห้องทำงานที่ชั้นบนสุด ภายในห้องน้ำหญิงชั้นล่างสุดของอาคารบริษัท กลามูร์ ไดมอนด์ คนที่ไม่มีอาการใดๆ เลยกลับนั่งอยู่บนฝาชักโครก รอให้เวลาแต่ละนาทีผ่านไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอันที่จริง คนที่เซ็นสัญญาว่าจ้างชั่วคราวในตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ หรือ ‘ตัวแทนของบริษัท’ อย่างศศิวลัย ไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกวันเหมือนพนักงานประจำ แต่เนื่องจากวันนี้เธอมีนัดประชุมกับฝ่ายการตลาด เรื่องที่จะต้องถ่ายทำบทสัมภาษณ์พิเศษเพื่อโปรโมตกิจกรรมของบริษัท จึงเลี่ยงไม่ได้หากในขณะที่กำลังเดินทางออกจากบ้าน หญิงสาวก็บังเอิญนึกขึ้นได้ว่ารอบเดือนของเธอน่าจะมาถึงแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววใดๆ จึงตัดสินใจแวะซื้อแบบทดสอบการตั้งครรภ์จากร้านขายยาระหว่างทาง และความกังวลใจก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะใช้งานมันทันทีความจริงเธอเองก็นึกเอะใจตั้งแต่เดือนที่แล้ว เมื่อประจำเดือนที่เคยมาเป็นปกติอยู่เสมอเกิดขาดหายไปดื้อๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์มองโลกในแง่ดี เพราะในช่วงที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ก็มีบ้างบางครั้งที่ประจำเดือนมาๆ ขาดๆ ซึ่งครั้งนี้เธอก็ได้แต่ภาวนาว่าจะเป็นเช่นเดียวกันศศิวลัยไม่กล้าแ
การเตรียมพร้อมเพื่อจะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัท กลามูร์ ไดมอนด์ เริ่มต้นตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ศศิวลัยเซ็นสัญญาเสร็จสิ้น โดยที่เธอจะต้องเข้าคอร์สเสริมความงาม เพื่อดูแลทั้งเรื่องผิวพรรณ รูปร่าง ทรงผม เป็นประจำทุกสัปดาห์ นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังต้องเข้าคอร์สพัฒนาบุคลิกภาพ เรียนรู้วิธีการแต่งหน้าอย่างมืออาชีพ ศึกษาถึงข้อมูลของเพชรและพลอยชนิดต่างๆ พอสังเขป รวมถึงประวัติความเป็นมาของบริษัท วิธีตอบคำถามสื่อ และการประชาสัมพันธ์ขั้นพื้นฐานหลังจากผ่านสัปดาห์ที่สามไปแล้ว ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่ และการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ก็เริ่มชัดเจนขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการถ่ายภาพนิ่งเพื่อนำไปใช้ทำคัตเอาต์ โบรชัวร์ และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ สำหรับลงโฆษณาในนิตยสารหรือโซเชียลมีเดีย แต่ก็ยังไม่มีการนัดถ่ายทำสื่อที่เป็นภาพเคลื่อนไหวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ก็ยังรักษาสัญญา ทำตามข้อแม้ที่หญิงสาวยื่นไว้อย่างเคร่งครัด จนบางครั้งเธอก็ยังเป็นฝ่ายรู้สึกสงสารเขาเสียเองเพราะจากภาพในความทรงจำครั้งที่เขาล่อลวงเธอไปถึงยุโรป คุณชายหนุ่มมักร่าเริงและมีรอยยิ้มอยู่เสมอ แม้ในเวลาที่กำลังวางแผนร้าย