Share

บทที่ 13

last update Last Updated: 2025-06-21 09:45:46

“ว่ายังไงที่รัก คุณเลิกงานแล้วหรือยัง” แม้หน้าจอจะไม่แสดงหมายเลขโทรศัพท์ แต่กัทลีก็รู้ทันทีว่าเจ้าของเสียงทักทายนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าชายหนุ่มแห่งตะวันออกกลางผู้ที่มีนัดกับเธอในวันนี้

“มาถึงแล้วเหรอคะ เกรซเองก็เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จพอดีเลยค่ะ”

“ตอนนี้ผมอยู่หน้าโรงแรมนี่แหละ กำลังจะเอารถเข้าไปจอด คุณรอผมอีกซักสิบนาทีก็แล้วกัน” อีกฝ่ายบอกอย่างอารมณ์ดี

“ท่านไม่ต้องขึ้นมาก็ได้กระมังคะ เกรซกำลังจะลงไปอยู่แล้ว ถ้ายังไงให้เกรซไปรอที่ลอบบี้จะดีกว่าไหมคะ” หญิงสาวร้อนรนตอบ

ว่ากันตามตรง ถ้าเป็นเวลาปกติกัทลีก็คงยิ่งกว่าเต็มใจพาคู่ควงที่มีดีกรีระดับเจ้าชายไปเดินอวดสายตาประชาชีอยู่หรอก แต่ตอนนี้ในห้องจัดเลี้ยงไม่ได้มีเพียงพนักงานโรงแรมและบริษัทออร์แกไนเซอร์เท่านั้น แต่ยังมีเพื่อนนางแบบที่มาร่วมซ้อมเดินแบบด้วยกันอีกนับสิบ รู้กันอยู่ว่าแต่ละคนต่างก็อิจฉาเธอ และจ้องจะหาโอกาสเข้าใกล้เขาทั้งนั้น แล้วมันเรื่องอะไรที่กัทลีจะเอาบ่อเงินบ่อทองของตัวเองมาเสี่ยงด้วยล่ะ

“ไม่เป็นไรหรอก ผมมีธุระต้องขึ้นไปหาเพื่อนข้างบนนั้นอยู่ดี คุณรู้จักเจ้าของ กลามูร์ ไดมอนด์ ใช่ไหม... เขายังอยู่ที่นั่นหรือเปล่า”

“อุ๊ย... คุณชายพิษณุนเรศวร์น่ะเหรอคะ...” หญิงสาวยกมือปิดปากด้วยความคาดไม่ถึง “ท่านเป็นเพื่อนกันเหรอคะ”

“ใช่ เขายังอยู่ข้างบนหรือเปล่า” โฮร์มุซถามย้ำ

“เอ่อ... ยังอยู่ค่ะ... จะให้เกรซไปบอกคุณชายก่อนไหมคะว่าท่านกำลังจะขึ้นมาหา...”

“ไม่ต้องหรอก... เอาเป็นว่าคุณนั่งรอผมอยู่ที่นั่นก็แล้วกัน เดี๋ยวผมขึ้นไปหาเอง คงเสียเวลาคุยธุระกับเขาไม่นาน...”

“ค่ะๆ เกรซจะรอค่ะ”

หัวใจกัทลีเต้นตึกตัก หวังว่าหม่อมราชวงศ์หนุ่มจะไม่ทันสังเกตเห็นสะพานคอนกรีตอย่างหนาที่เธอแอบทอดให้เมื่อสักครู่... นี่นับว่ายังโชคดีที่เธอไม่ได้ให้ท่าพิษณุนเรศวร์มากมายนัก ไม่อย่างนั้นถ้าทั้งคู่เกิดคุยกันเรื่องเธอขึ้นมา ดีไม่ดีจะชวดไปเสียหมด

หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว นางแบบสาวก็รีบผลัดเปลี่ยนชุดในการซ้อมเดินแบบจนเสร็จเรียบร้อย อาศัยช่วงเวลาที่บรรดาเพื่อนนางแบบยังจับกลุ่มสูบบุหรี่ นั่งนินทากันอยู่ รีบเดินหลบออกจากห้องแต่งตัวหลังเวทีรันเวย์โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้คนอื่นๆ มีโอกาสได้เสนอหน้ากับเจ้าชายหนุ่มของเธอก่อน

ขณะที่สอดส่ายสายตาไปรอบๆ ห้องจัดเลี้ยง กัทลีก็บังเอิญเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งกินข้าวกล่องร่วมกับทีมงานส่วนหนึ่งของบริษัทออร์แกไนเซอร์อยู่ที่ด้านข้างเวที ทันทีที่จำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่เสิร์ฟน้ำให้หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์เมื่อสิบนาทีก่อน นางแบบสาวก็เกิดความหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

พร้อมกับแผนการบางอย่างที่แวบขึ้นมาในสมอง... กัทลีตัดสินใจเดินปรี่เข้าไปหาทีมงานออร์แกไนเซอร์กลุ่มนั้นทันที...

“กินอะไรกันอยู่จ๊ะ ท่าทางน่าอร่อยจัง...” พอถึงกลางวง หญิงสาวก็เอ่ยถามอย่างร่าเริง

“อ๋อ... ข้าวหมูกรอบน่ะค่ะคุณเกรซ... คุณเกรซจะรับประทานด้วยกันไหมคะ” หนึ่งในสตาฟฝ่ายศิลป์ที่นั่งอยู่บนขอบรันเวย์รีบตอบตามมารยาท

เจ้าหน้าที่ควบคุมเวทีและสตาฟหลายคนต่างหันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ เพราะจากการจัดอีเวนต์หลายต่อหลายครั้งที่มีกัทลีร่วมงานอยู่ด้วย นอกจากจะเธอขึ้นชื่อในความเรื่องมากแล้ว นางแบบสาวก็ไม่เคยแสดงท่าทีเป็นมิตรหรือทำตัวสนิทสนมกับทีมงานของบริษัทออร์แกไนเซอร์อย่างนี้เลยสักครั้ง อย่าว่าแต่จะลดตัวมากินข้าวกล่องร่วมกันเลย

“ตายจริง... กินได้จริงๆ เหรอจ๊ะ งั้นขอฉันซักกล่องก็แล้วกันนะ...” ริมฝีปากอิ่มคู่นั้นส่งยิ้มหวานให้ทุกคน

อรนลินซึ่งนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นพรมของโรงแรมเงยใบหน้าขึ้นมามองยิ้มๆ แล้วก้มกลับลงไปหาข้าวกล่องในมือ อดละอายใจนิดๆ ไม่ได้เมื่อคิดว่าตัวเองเคยตำหนิความประพฤติของกัทลีกับผู้เป็นแม่

“นี่ค่ะ คุณเกรซ...” เพื่อนอีกคนในทีมเจเนรัลสตาฟยื่นกล่องโฟมบรรจุข้าวหมูกรอบเย็นชืดให้กัทลี นางแบบสาวก็ยิ้ม รับมาเปิดมอง ก่อนร่างสะโอดสะองจะก้าวไปยืนจนเกือบชิดแผ่นหลังของอรนลิน

“ไม่มีน้ำราดเหรอจ๊ะ” ถามพลางช้อนพลาสติกในมืออีกข้างก็เขี่ยชิ้นหมูกรอบเล่น

“มีซีอิ๊วหวานน่ะค่ะ คุณเกรซจะใช้แทนไหมคะ” สตาฟฝ่ายศิลป์ตอบ หันไปหยิบถุงซีอิ๊วหวานปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชูนำมายื่นให้

“ขอบใจจ้ะ... อ้อ... หยิบส้อมตรงนั้นให้หน่อยสิจ๊ะ...” กัทลีวานหนึ่งในนั้นต่อ

พอได้รับถุงซีอิ๊วหวานและส้อมเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็จงใจใช้มือเพียงข้างเดียวถือกล่องข้าวและถุงซีอิ๊วเอาไว้ ส่วนมือข้างที่เหลือก็พยายามทิ่มปลายส้อมลงไปบนถุงซีอิ๊วอย่างทุลักทุเล

“คุณเกรซ ระวังค่ะ... รอเดี๋ยวนะคะ... ให้นกช่วยแกะให้ดีกว่า...” สตาฟคนเดิมเห็นกล่องข้าวในมือของนางแบบสาวอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่ก็เกิดความเป็นห่วง รีบลุกจากขอบรันเวย์เพื่อตรงเข้าไปช่วย

แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวกัทลี ทุกคนที่นั่งรายล้อมอยู่ในบริเวณนั้นต้องหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ต่างคนต่างลุกถอยออกไปทันที

“ว้าย!!”

“ลิน!!”

เวลาเดียวกันนั้นอรนลินเป็นคนเดียวที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตากินข้าวกล่องอยู่เงียบๆ บนพื้นโดยไม่ได้สนใจมองกัทลี กว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถุงซีอิ๊วก็ระเบิดออกพร้อมๆ กับกล่องข้าวที่พลิกหลุดจากมือของกัทลี ทำให้ข้าวสวยและชิ้นหมูกรอบที่อยู่ในนั้นพากันร่วงกระจาย หล่นลงบนศีรษะและร่างกายของเธอ

“อุ๊ยตาย! ขอโทษจริงๆ นะจ๊ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ!...” นางแบบสาวแกล้งอุทาน ย่นคิ้วเล็กน้อย ทำสีหน้าเหมือนคนรู้สึกผิดอยู่เพียงไม่ถึงห้าวินาที จากนั้นจึงร้องโวยวายขึ้นมา “ว้าย ตายแล้ว! มือเปื้อนหมดเลย... ฉันขอตัวไปล้างมือก่อนนะ ฝากทุกคนช่วยกันเก็บกวาดด้วยก็แล้วกัน...” ว่าแล้วก็เหยียดริมฝีปากน้อยๆ แล้วหันหลังเดินบิดสะโพกจากไป ทิ้งให้ทุกคนงุนงงกับภาพที่เกิดขึ้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 91

    หลังจากงานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงก่อนเวลาเลิก องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี บิน ฮามัด อัล อลาวี ก็ถือโอกาสขึ้นไปเป็นประธานบนเวที เรียกเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ไปปรากฏตัวพร้อมกันต่อหน้าแขกในงาน“เราในฐานะของคนเป็นพ่อต้องขอขอบใจสหายและผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกชายเรา วันนี้นับว่าโฮร์มุซได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ของตัวเองในฐานะหัวหน้าครอบครัว พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบคนในครอบครัวต่อไปภายหน้า...” องค์สุลต่านหันไปมองบุตรชาย“ประเทศชาติก็เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจาเบลุซนั้น ต้องอาศัยความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง... ซึ่งในเวลานี้เรามั่นใจแล้วว่าโฮร์มุซพร้อมที่จะทำหน้าที่แทนเรา ดังนั้นเราจึงถือโอกาสอันดีในคืนนี้ประกาศคืนตำแหน่งรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ให้แก่ เจ้าชายโฮร์มุซ อัล อลาวี และมอบหมายให้ เจ้าชายมาตราห์ อาลี เป็นผู้ช่วยเหลือลูกของเราดูแลประเทศชาติต่อไปในอนาคต...”สิ้นคำประกาศขององค์สุลต่าน ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันโห่ร้องด้วยความยินดี ไม่เว้นแม้ชาวไทยที่ร่วมอยู่ในงานเลี้ยงในฐานะแขกและส

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 90

    พิธีมงคลสมรสตามประเพณีของจาเบลุซไม่แตกต่างอะไรจากประเทศอื่นๆ ในดินแดนอาหรับมากนัก... นั่นคือ... ประกอบไปด้วยพิธีการทั้งสิ้นจำนวนเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่พิธีสู่ขอในวันแรกตามหลักศาสนาแล้ว ก่อนแต่งงานเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะมีความสัมพันธ์กันไม่ได้เด็ดขาด หากไม่ได้รับการยินยอมจากครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายชายจะต้องนำครอบครัวไปพูดคุยสู่ขอกับครอบครัวของฝ่ายหญิงที่บ้าน แต่เนื่องจากอรนลินและมารดาไม่ใช่ชาวจาเบลุซ งานสู่ขอจึงถูกจัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการภายในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก นั่นเอง โดยมี องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี และองค์สุลตาน่าโซเฟีย เป็นผู้ดำเนินพิธีสู่ขอกับอินทิราท่ามกลางเชื้อพระวงศ์จำนวนหนึ่งวันที่สองเป็นพิธีดูตัว ซึ่งตามปกติจะเป็นโอกาสที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก จึงทำเพียงพอเป็นพิธี ส่วนวันที่สามซึ่งเป็นวันหมั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะทำการแลกแหวนหมั้นของแต่ละฝ่าย โดยสวมใส่มิชลาห์และอบายาสีที่เข้าคู่กัน เพื่อเป็นนิมิตมงคลบอกถึงความเหมาะสมกันวันที่สี่ พิธีให้สัตย์ปฏิญาณ หรือพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปจะจัดในมัสยิด หากเจ้าบ่าวเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ผู้แทนศาสนาจึงถ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 89

    กำหนดการพิธีแต่งงานระหว่างซินเดอเรลลาสาวจากประเทศไทยกับเจ้าชายนักธุรกิจใหญ่แห่งอาหรับกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งโลก และก่อนที่บรรดาสื่อมวลชนจากทุกแขนงจะพากันตามมารบกวนชีวิตอันสงบสุขของคนรัก โฮร์มุซก็ตัดสินใจพาเธอกับผู้เป็นแม่บินกลับไปเตรียมการที่ประเทศของเขาล่วงหน้าเกือบสองสัปดาห์แม้ว่าอินทิราจะค่อนข้างประหม่าและอึดอัดใจกับชีวิตในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก พอสมควร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอต้องตื่นตาตื่นใจไปกับทุกๆ สิ่งที่ได้สัมผัส รวมถึงอดที่จะกังวลไม่ได้กับขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เธอเองมีส่วนผลักดันให้ลูกสาวเป็นคนเลือกในช่วงแรกๆ ที่ได้กลับมาพำนักในปราสาทหินทรายสีชมพู อรนลินรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เมื่อต้องถูกคนครึ่งประเทศจับจ้องด้วยสายตาคับข้องใจและไม่เห็นด้วย ว่าเหตุใดเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัฐสุลต่าน บาห์ลา จาเบลุซ จึงเลือกผู้หญิงต่างชาตินอกศาสนามาเป็นคู่ชีวิต แต่ด้วยกำลังใจจากผู้ชายที่เธอรักรวมถึงท่าทีของสุลต่านและสุลตาน่าที่วางตนเป็นผู้สนับสนุนอยู่ห่างๆ แล้ว ไม่นานหญิงสาวก็ทำใจได้อรนลินต้องเข้าพิธีกับยัลซูผู้เผยแผ่ เปลี่ยนมาถือศาสนาอิสลาม เปลี่ยนลำดับความรักและความเคารพบ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 88

    “ต๊าย... ทีอย่างนี้ล่ะทำหวง คนอะไร้...”“ที่จริงลินเองก็ไม่สะดวกหรอกค่ะ พี่ปุ๊กกี้ก็รู้ว่าตอนนี้ลิน...” ก้มลงมองหน้าท้องที่แทบจะยังไม่ขยายตัวให้เห็น มือของเธอก็ลูบคลำเบาๆ ไปด้วยอย่างรักใคร่ “ลินคงไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คุณชายพิษณุไม่ได้หรอกค่ะ อายเขาตายเลย...”“เออ จริงสิ... ตั้งแต่มีข่าวเรื่องน้องสาวฆ่าตัวตาย คุณชายพิษณุก็หายเงียบไปเลยนะ... เดี๋ยวนี้ไม่เห็นออกงานสังคมที่ไหนบ้างเลย...”“จริงด้วย แล้วคุณหญิงรัตน์ล่ะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ได้ข่าวอีกเลยเหมือนกัน...” ใครคนหนึ่งถามขึ้น“เห็นพี่ชัยรัตน์บอกอยู่เหมือนกันว่าหนีไปรักษาสภาพจิตใจที่เมืองนอกนะ อยู่เมืองไทยก็คงอายคนนั่นแหละ...” หัวหน้าฝ่ายคอสตูมเป็นคนตอบ “แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท คุณชายพิษณุต้องไปด้วยแน่ๆ อาจจะได้เจอคุณหญิงรัตน์ในงานด้วย ใครจะไปรู้...”“จะว่าไปที่ผ่านมาคุณชายพิษณุก็ไม่เคยมีข่าวคาวกับผู้หญิงซักคนนะ ดีไม่ดีจะเป็นเก้งเอาหรือเปล่ายะ” ปกรณ์ยกมือทาบอกกระดกปลายนิ้วก้อย รำพึงรำพันกับตัวเองในลำคอ “ผู้ชายอะไรหน้าว้านหวาน ถูกสเปกอีปุ๊กกี้สุดฤทธิ์... สาธุ... ไม่ใช่เก้งก็เป็นกวางทีเถอะ งานนี้แม่จะได้ลุ้นลับตับแตกกับเ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 87

    สามเดือนต่อมา... หลังจากบรรดาผู้คนในวงการนางแบบต่างพากันช็อกกับข่าวอุบัติเหตุรถคว่ำของกัทลี... ชื่อของ เกรซ กัทลี อดีตนางแบบชื่อดังระดับประเทศก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครจดจำได้อีก...นับว่าโชคดีที่ครั้งนั้นหญิงสาวไม่ถึงกับเสียชีวิต เนื่องจากคนของโฮร์มุซช่วยนำเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ทว่าใบหน้าของอดีตนางแบบสาวก็ถูกแรงกระแทกทำให้เป็นบาดแผลฉกรรจ์จนถึงกับเสียโฉม ที่หนักที่สุดก็คือขาซึ่งหักทั้งสองข้าง แม้จะรักษาจนหายขาดแล้ว ก็ยังต้องเดินกะโผลกกะเผลกอย่างคนพิการไปตลอดชีวิตสภาพที่ต้องนอนมีผ้าพันแผลและเข้าเฝือกแทบทั้งตัวเป็นเวลานานนับเดือน ทำให้อรนลินและมารดารู้สึกเสียใจกับเธอ และตกลงใจที่จะอโหสิกรรมให้ ไม่ดำเนินคดีความหรือเอาเรื่องใดๆ อีกกลาร์มัวร์ ไดมอนด์ จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนไหม่ ถึงจะยังไม่ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างกับกัทลีตั้งแต่ตอนที่วางตัวเธอเอาไว้ แต่หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ ก็ได้มอบเงินชดเชยจำนวนหนึ่งให้กับเธอเพื่อเป็นกีแสดงความเห็นใจ หากเงินหลักล้านและเงินเก็บอีกหลายแสนที่มีในบัญชีของหญิงสาว หลังจากการรักษาตัวแล้ว ก็มีอันต้องอันตรธานไปอย่างร

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 86

    ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องพักผู้ป่วยพิเศษก็เปิดออก เนื่องจากปกรณ์และอินทิราที่ได้ยินเสียงโต้เถียงกันแว่วออกไปถึงด้านนอก รู้ว่าผู้ป่วยได้สติแล้วก็รีบเข้ามาขัดตาทัพเสียก่อน“ไอ้ลิน... ฟื้นแล้วหรือลูก...”“ยัยลิน... เจ๊กำลังเป็นห่วงเลยเชียว...”มองเห็นสีหน้าและน้ำตาของลูกสาว คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่าก็พอจะคาดเดาเรื่องระหว่างหนุ่มสาวสองคนนี้ได้หลายส่วน เธอจึงกระซิบให้ปกรณ์ทำหน้าที่ล่าม เชิญเจ้าชายหนุ่มออกไปสงบสติอารมณ์หน้าห้องก่อน ส่วนเธอเองก็เห็นทีจะต้องทำตัวเป็นท้าวมาลีวราชว่าความให้ทั้งคู่เสียแล้วมองลูกเขยโดยพฤตินัยเดินหงุดหงิดออกไปพร้อมกับรุ่นพี่ใจแหววของลูกสาวก็นึกเวทนา ความจริงอินทิราไม่อยากให้อรนลินไปพัวพันกับคนระดับนั้นหรอก แต่สายตาของเธอยังไม่ถึงกับฝ้าฟาง... ถ้าหากจะมีใครสักคนที่ดวงตามืดบอด ก็คงไม่แคล้วเป็นลูกสาวของเธอนั่นแหละ...“มีเรื่องอะไรกัน แกเล่าให้แม่ฟังซิ ไอ้ลิน...”“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่...” หญิงสาวไม่กล้าสู้สายตา“แกทำให้แม่เสียใจมากนะลิน... จนป่านนี้แล้วยังคิดจะปิดแม่อีกหรือไง... แกได้เสียกับเขาแล้ว แล้วตอนนี้แกก็ท้องลูกของเขาอยู่ใช่ไหม...” เสียง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status