ไม่เพียงแต่อรนลินที่ยังนั่งอึ้ง แม้แต่เพื่อนทีมงานของบริษัทออร์แกไนเซอร์ทุกคนต่างตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน จนเวลาผ่านไปนานหลายวินาที กว่าที่ใครสักคนจะรีบเข้าไปช่วยปัดเศษอาหารออกจากศีรษะและเสื้อผ้าพร้อมกับประคองหญิงสาวให้ยืนขึ้น
“ลิน... เป็นยังไงบ้าง”
“ลุกขึ้นก่อน ดูสิ เปื้อนไปหมดแล้ว...”
เห็นเพื่อนคนหนึ่งรู้สึกตัว ทีมงานคนที่เหลือต่างก็พากันเข้าห้อมล้อม ช่วยเหลืออรนลินเท่าที่จะทำได้ บ้างก็หากระดาษทิชชูมาเช็ดคราบซีอิ๊วบนใบหน้าและแขนขา บ้างก็ช่วยกันหยิบเมล็ดข้าวที่ติดตามเส้นผมและเสื้อผ้าออก จนผ่านไปเกือบนาที อรนลินก็ยังนั่งแข็งทื่อราวกับไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่
พอดีกับปกรณ์ที่เพิ่งเปิดประตูออกมาจากห้องแต่งตัวหลังเวทีและมองเห็นภาพความผิดปกติเข้า จึงรีบปรี่เข้ามาหาก่อนจะกรีดร้องด้วยความตกใจ
“นี่มันอะไรกันยะเนี่ย!! ทำไมยัยลินถึงได้เลอะเทอะไปทั้งตัวอย่างนี้!!”
“ก็คุณเกรซน่ะสิ เจ๊ปุ๊กกี้... จู่ๆ ก็ทำข้าวกล่องหกใส่ลินเหมือนจงใจแกล้งไม่มีผิด...”
“ฉันก็นึกตงิดๆ อยู่แล้วเชียว อย่างแม่นั่นน่ะเหรอจะมานั่งกินข้าวกับพวกเรา...”
“เห็นสีหน้าท่าทางมันตอนเดินหนีไปไหมล่ะ คนอะไรวะ ทุเรศสิ้นดี...” เพื่อนสตาฟแต่ละคนผลัดกันระบายความรู้สึก เพราะต่างคนก็ต่างไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ลินมันไปทำอะไรให้เขาหรือเปล่าวะ... แต่ทำกันถึงขนาดนี้นี่มันเกินไปจริงๆ นะ...” บางคนตั้งข้อสงสัย
“ลิน... ยัยลิน...” หากปกรณ์ไม่สนใจฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ พยายามจับแขนหญิงสาวเขย่าจนเธอรู้สึกตัว
“พี่ปุ๊กกี้...” ในหูของอรนลินยังรู้สึกเหมือนมีเสียงอึงอลอยู่ในนั้น แต่ก็ยอมขานรับในที่สุด
“เป็นยังไงบ้าง... เห็นหนูเอาแต่นั่งเงียบอยู่ตั้งนาน เจ๊นึกว่าเป็นอะไรไปซะแล้ว...” รุ่นพี่สาวไม่แท้ถามต่ออย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ลิน... ลินไม่เป็นอะไรหรอกค่ะพี่... ลินแค่ตกใจ...” ใบหน้าเธอยังซีดเผือดไร้สีเลือด
เขาดึงเธอเข้ามากอดเป็นการปลอบโยน ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่คนเกลียดผู้ชายอย่างอรนลินกลับไม่รู้สึกกระดากใจหรือรังเกียจอ้อมอกบึกบึนเกินหญิงของปกรณ์เลยแม้แต่น้อย
“นี่หนูไปทำอะไรให้คุณเกรซเขาโกรธหรือเปล่าลูก... ทำไมจู่ๆ เธอถึงมาแกล้งหนูแรงๆ อย่างนี้ล่ะ” เมื่อปล่อยแขนจากร่างอีกฝ่ายแล้ว รุ่นพี่ของเธอก็เริ่มซักไซ้อย่างละเอียด
ด้วยตำแหน่งอาร์ตไดเร็กเตอร์ของปกรณ์ เขามีหน้าที่รับผิดชอบภาพรวมทั้งหมดภายในงานและคิวการแสดงทั้งหมดบนเวที รวมไปถึงการคอยดูแลความสะดวกให้กับบรรดานางแบบแต่ละคน เพราะฉะนั้น สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้จึงไม่ใช่ความรู้สึกของหญิงสาว แต่เป็นปฏิกิริยาของแม่นางแบบคนสำคัญซึ่งทางลูกค้าหรือบริษัท กลามูร์ ไดมอนด์ เจาะจงตัวโดยเฉพาะต่างหาก เพราะหากกัทลีเกิดเปลี่ยนใจไม่ยอมรับงานขึ้นมากะทันหัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คนที่จะเดือดร้อนที่สุดก็คือเขานั่นแหละ
“ลินไม่ได้ทำอะไรจริงๆ นะคะพี่ปุ๊กกี้... ลินเองก็ยังไม่เข้าใจว่า... ทำไมคุณเกรซ... ถึงได้ทำอย่างนี้กับลิน...” ดวงตาทั้งคู่ฉ่ำวาวไปด้วยวามน้ำตา
“พี่น่ะเชื่อลินอยู่แล้ว... พี่แค่อยากรู้ว่าก่อนหน้านั้น ลินเผลอไปพูดหรือทำอะไรให้คุณเกรซไม่พอใจบ้างหรือเปล่า...” น้ำเสียงของปกรณ์ดูเคร่งเครียดและจริงจังขึ้น บอกให้รู้ว่าเขาเองก็กำลังตกอยู่ในสภาพลำบากใจเช่นกัน
“พี่ปุ๊กกี้คะ... ลินไม่ได้ทำอะไรจริงๆนะคะ...” ความน้อยใจทำให้หญิงสาวกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ หญิงสาวจึงรีบยกมือขึ้นเช็ดโดยเร็ว ไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอของตัวเอง
รุ่นพี่สาวเทียมนึกจะพูดอะไรต่อก็พูดไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ ใบหน้าหล่อเหลามีแววกังวลใจ... แม้ไม่รู้เจตนาของกัทลี แต่เขาก็รู้จักอรนลินมากพอที่จะเชื่อในคำพูดของเธอ ทั้งยังรู้สึกเห็นใจหญิงสาวที่ต้องกลายมาเป็นเหยื่อระบายอารมณ์ของแม่นางแบบจอมฉาวโฉ่นั่นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“เอาเถอะ ถือซะว่าฟาดเคราะห์... คืนพรุ่งนี้ลินก็พยายามหลบๆ หน้าคุณเกรซเธอหน่อยแล้วกัน... แล้วถ้าบังเอิญเธอมาหาเรื่องอะไรอีก ลินก็ต้องอดทนนะ อย่าไปโต้ตอบอะไร เข้าใจไหม...” พูดพลางก็คว้าร่างรุ่นน้องเข้ามากอดเป็นการปลอบโยนอีกครั้ง
“ค่ะ... ลินจะพยายาม” นอกจากอดทนตามคำสั่งของปกรณ์แล้ว เธอยังจะเธอทำอะไรได้อีกล่ะ...
“พี่รู้ว่าพี่ควรช่วยปกป้องลิน... แต่ลินก็ต้องเข้าใจพี่ด้วยนะ... คุณเกรซเธอกำลังดัง แถมทำท่าจะกลายเป็นพรีเซ็นเตอร์เจ้าประจำของลูกค้าอีก... เพราะฉะนั้น ไม่ว่านิสัยเธอจะเลวร้ายแค่ไหนเราก็ต้องทนเอาอกเอาใจเธอ ให้มันผ่านไปทีละงาน... เรื่องที่เกิดกับลินวันนี้น่ะ ถือว่าพี่ขอโทษลินแทนคุณเกรซก็แล้วกัน...” ปกรณ์อธิบายอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“พี่ปุ๊กกี้... ไม่ต้องขอโทษลินหรอกค่ะ... ลินเข้าใจทุกอย่างดี...” เธอเงยหน้ามองสีหน้าอบอุ่นและอ่อนโยนของเขา พยายามยิ้มตอบทั้งที่ดวงตายังเปียกชื้นอยู่
“จ้ะ... งั้นหนูก็ไปล้างหน้าล้างตา ทำความสะอาดเนื้อตัวซะ เสร็จเรื่องแล้วจะได้กลับบ้านกันซักที... เย็นนี้เดี๋ยวเจ๊จะไปส่งหนูเอง...” สรรพนาม ’เจ๊’ ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งพร้อมบรรยากาศที่ผ่อนคลายลง เมื่อกล่อมอรนลินเรียบร้อยแล้ว ขณะที่หญิงสาวเดินปลีกตัวไปยังห้องน้ำของโรงแรม ปกรณ์ค่อยหันมากำกับบรรดาสตาฟที่เหลืออยู่ “เอ้า... ช่วยๆ กันเก็บกวาดหน่อยก็แล้วกันนะ ทำๆ ซะให้เรียบร้อยก่อนที่แม่บ้านโรงแรมจะมาแหกอกเอา...”
เหลียวมองตามหลังรุ่นน้องผู้แสนโชคร้ายที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มใจสาวก็ต้องส่ายหน้าด้วยความสงสารก่อนบ่นพึมพำกับตัวเอง
“ยัยลินเอ๊ย ทำงานวันแรกก็ซวยซะแล้ว... นังชะนีเกรซนั่นก็ขยันหาเรื่องจริงๆ กับเด็กกับเล็กก็ไม่เว้น...” นึกถึงนิสัยกัดไม่ปล่อยของกัทลีที่เคยได้ยินมาจากบรรดาเพื่อนนางแบบแล้วยิ่งเครียด ประสานนิ้วมือทั้งสองข้างบนแผ่นอกหนา เงยหน้ามองขึ้นไปบนอากาศ “พระเยซูเพคะ นี่ปุ๊กกี้ควรจะทำยังไงดี... คืนพรุ่งนี้ขอได้โปรดอย่าให้นังชะนีนั่นก่อเรื่องอะไรกับยัยลินอีกเลยนะเพคะ ปุ๊กกี้ขอร้องล่ะ... เอเมน...”
หลังจากงานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงก่อนเวลาเลิก องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี บิน ฮามัด อัล อลาวี ก็ถือโอกาสขึ้นไปเป็นประธานบนเวที เรียกเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ไปปรากฏตัวพร้อมกันต่อหน้าแขกในงาน“เราในฐานะของคนเป็นพ่อต้องขอขอบใจสหายและผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกชายเรา วันนี้นับว่าโฮร์มุซได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ของตัวเองในฐานะหัวหน้าครอบครัว พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบคนในครอบครัวต่อไปภายหน้า...” องค์สุลต่านหันไปมองบุตรชาย“ประเทศชาติก็เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจาเบลุซนั้น ต้องอาศัยความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง... ซึ่งในเวลานี้เรามั่นใจแล้วว่าโฮร์มุซพร้อมที่จะทำหน้าที่แทนเรา ดังนั้นเราจึงถือโอกาสอันดีในคืนนี้ประกาศคืนตำแหน่งรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ให้แก่ เจ้าชายโฮร์มุซ อัล อลาวี และมอบหมายให้ เจ้าชายมาตราห์ อาลี เป็นผู้ช่วยเหลือลูกของเราดูแลประเทศชาติต่อไปในอนาคต...”สิ้นคำประกาศขององค์สุลต่าน ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันโห่ร้องด้วยความยินดี ไม่เว้นแม้ชาวไทยที่ร่วมอยู่ในงานเลี้ยงในฐานะแขกและส
พิธีมงคลสมรสตามประเพณีของจาเบลุซไม่แตกต่างอะไรจากประเทศอื่นๆ ในดินแดนอาหรับมากนัก... นั่นคือ... ประกอบไปด้วยพิธีการทั้งสิ้นจำนวนเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่พิธีสู่ขอในวันแรกตามหลักศาสนาแล้ว ก่อนแต่งงานเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะมีความสัมพันธ์กันไม่ได้เด็ดขาด หากไม่ได้รับการยินยอมจากครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายชายจะต้องนำครอบครัวไปพูดคุยสู่ขอกับครอบครัวของฝ่ายหญิงที่บ้าน แต่เนื่องจากอรนลินและมารดาไม่ใช่ชาวจาเบลุซ งานสู่ขอจึงถูกจัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการภายในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก นั่นเอง โดยมี องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี และองค์สุลตาน่าโซเฟีย เป็นผู้ดำเนินพิธีสู่ขอกับอินทิราท่ามกลางเชื้อพระวงศ์จำนวนหนึ่งวันที่สองเป็นพิธีดูตัว ซึ่งตามปกติจะเป็นโอกาสที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก จึงทำเพียงพอเป็นพิธี ส่วนวันที่สามซึ่งเป็นวันหมั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะทำการแลกแหวนหมั้นของแต่ละฝ่าย โดยสวมใส่มิชลาห์และอบายาสีที่เข้าคู่กัน เพื่อเป็นนิมิตมงคลบอกถึงความเหมาะสมกันวันที่สี่ พิธีให้สัตย์ปฏิญาณ หรือพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปจะจัดในมัสยิด หากเจ้าบ่าวเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ผู้แทนศาสนาจึงถ
กำหนดการพิธีแต่งงานระหว่างซินเดอเรลลาสาวจากประเทศไทยกับเจ้าชายนักธุรกิจใหญ่แห่งอาหรับกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งโลก และก่อนที่บรรดาสื่อมวลชนจากทุกแขนงจะพากันตามมารบกวนชีวิตอันสงบสุขของคนรัก โฮร์มุซก็ตัดสินใจพาเธอกับผู้เป็นแม่บินกลับไปเตรียมการที่ประเทศของเขาล่วงหน้าเกือบสองสัปดาห์แม้ว่าอินทิราจะค่อนข้างประหม่าและอึดอัดใจกับชีวิตในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก พอสมควร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอต้องตื่นตาตื่นใจไปกับทุกๆ สิ่งที่ได้สัมผัส รวมถึงอดที่จะกังวลไม่ได้กับขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เธอเองมีส่วนผลักดันให้ลูกสาวเป็นคนเลือกในช่วงแรกๆ ที่ได้กลับมาพำนักในปราสาทหินทรายสีชมพู อรนลินรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เมื่อต้องถูกคนครึ่งประเทศจับจ้องด้วยสายตาคับข้องใจและไม่เห็นด้วย ว่าเหตุใดเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัฐสุลต่าน บาห์ลา จาเบลุซ จึงเลือกผู้หญิงต่างชาตินอกศาสนามาเป็นคู่ชีวิต แต่ด้วยกำลังใจจากผู้ชายที่เธอรักรวมถึงท่าทีของสุลต่านและสุลตาน่าที่วางตนเป็นผู้สนับสนุนอยู่ห่างๆ แล้ว ไม่นานหญิงสาวก็ทำใจได้อรนลินต้องเข้าพิธีกับยัลซูผู้เผยแผ่ เปลี่ยนมาถือศาสนาอิสลาม เปลี่ยนลำดับความรักและความเคารพบ
“ต๊าย... ทีอย่างนี้ล่ะทำหวง คนอะไร้...”“ที่จริงลินเองก็ไม่สะดวกหรอกค่ะ พี่ปุ๊กกี้ก็รู้ว่าตอนนี้ลิน...” ก้มลงมองหน้าท้องที่แทบจะยังไม่ขยายตัวให้เห็น มือของเธอก็ลูบคลำเบาๆ ไปด้วยอย่างรักใคร่ “ลินคงไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คุณชายพิษณุไม่ได้หรอกค่ะ อายเขาตายเลย...”“เออ จริงสิ... ตั้งแต่มีข่าวเรื่องน้องสาวฆ่าตัวตาย คุณชายพิษณุก็หายเงียบไปเลยนะ... เดี๋ยวนี้ไม่เห็นออกงานสังคมที่ไหนบ้างเลย...”“จริงด้วย แล้วคุณหญิงรัตน์ล่ะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ได้ข่าวอีกเลยเหมือนกัน...” ใครคนหนึ่งถามขึ้น“เห็นพี่ชัยรัตน์บอกอยู่เหมือนกันว่าหนีไปรักษาสภาพจิตใจที่เมืองนอกนะ อยู่เมืองไทยก็คงอายคนนั่นแหละ...” หัวหน้าฝ่ายคอสตูมเป็นคนตอบ “แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท คุณชายพิษณุต้องไปด้วยแน่ๆ อาจจะได้เจอคุณหญิงรัตน์ในงานด้วย ใครจะไปรู้...”“จะว่าไปที่ผ่านมาคุณชายพิษณุก็ไม่เคยมีข่าวคาวกับผู้หญิงซักคนนะ ดีไม่ดีจะเป็นเก้งเอาหรือเปล่ายะ” ปกรณ์ยกมือทาบอกกระดกปลายนิ้วก้อย รำพึงรำพันกับตัวเองในลำคอ “ผู้ชายอะไรหน้าว้านหวาน ถูกสเปกอีปุ๊กกี้สุดฤทธิ์... สาธุ... ไม่ใช่เก้งก็เป็นกวางทีเถอะ งานนี้แม่จะได้ลุ้นลับตับแตกกับเ
สามเดือนต่อมา... หลังจากบรรดาผู้คนในวงการนางแบบต่างพากันช็อกกับข่าวอุบัติเหตุรถคว่ำของกัทลี... ชื่อของ เกรซ กัทลี อดีตนางแบบชื่อดังระดับประเทศก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครจดจำได้อีก...นับว่าโชคดีที่ครั้งนั้นหญิงสาวไม่ถึงกับเสียชีวิต เนื่องจากคนของโฮร์มุซช่วยนำเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ทว่าใบหน้าของอดีตนางแบบสาวก็ถูกแรงกระแทกทำให้เป็นบาดแผลฉกรรจ์จนถึงกับเสียโฉม ที่หนักที่สุดก็คือขาซึ่งหักทั้งสองข้าง แม้จะรักษาจนหายขาดแล้ว ก็ยังต้องเดินกะโผลกกะเผลกอย่างคนพิการไปตลอดชีวิตสภาพที่ต้องนอนมีผ้าพันแผลและเข้าเฝือกแทบทั้งตัวเป็นเวลานานนับเดือน ทำให้อรนลินและมารดารู้สึกเสียใจกับเธอ และตกลงใจที่จะอโหสิกรรมให้ ไม่ดำเนินคดีความหรือเอาเรื่องใดๆ อีกกลาร์มัวร์ ไดมอนด์ จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนไหม่ ถึงจะยังไม่ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างกับกัทลีตั้งแต่ตอนที่วางตัวเธอเอาไว้ แต่หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ ก็ได้มอบเงินชดเชยจำนวนหนึ่งให้กับเธอเพื่อเป็นกีแสดงความเห็นใจ หากเงินหลักล้านและเงินเก็บอีกหลายแสนที่มีในบัญชีของหญิงสาว หลังจากการรักษาตัวแล้ว ก็มีอันต้องอันตรธานไปอย่างร
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องพักผู้ป่วยพิเศษก็เปิดออก เนื่องจากปกรณ์และอินทิราที่ได้ยินเสียงโต้เถียงกันแว่วออกไปถึงด้านนอก รู้ว่าผู้ป่วยได้สติแล้วก็รีบเข้ามาขัดตาทัพเสียก่อน“ไอ้ลิน... ฟื้นแล้วหรือลูก...”“ยัยลิน... เจ๊กำลังเป็นห่วงเลยเชียว...”มองเห็นสีหน้าและน้ำตาของลูกสาว คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่าก็พอจะคาดเดาเรื่องระหว่างหนุ่มสาวสองคนนี้ได้หลายส่วน เธอจึงกระซิบให้ปกรณ์ทำหน้าที่ล่าม เชิญเจ้าชายหนุ่มออกไปสงบสติอารมณ์หน้าห้องก่อน ส่วนเธอเองก็เห็นทีจะต้องทำตัวเป็นท้าวมาลีวราชว่าความให้ทั้งคู่เสียแล้วมองลูกเขยโดยพฤตินัยเดินหงุดหงิดออกไปพร้อมกับรุ่นพี่ใจแหววของลูกสาวก็นึกเวทนา ความจริงอินทิราไม่อยากให้อรนลินไปพัวพันกับคนระดับนั้นหรอก แต่สายตาของเธอยังไม่ถึงกับฝ้าฟาง... ถ้าหากจะมีใครสักคนที่ดวงตามืดบอด ก็คงไม่แคล้วเป็นลูกสาวของเธอนั่นแหละ...“มีเรื่องอะไรกัน แกเล่าให้แม่ฟังซิ ไอ้ลิน...”“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่...” หญิงสาวไม่กล้าสู้สายตา“แกทำให้แม่เสียใจมากนะลิน... จนป่านนี้แล้วยังคิดจะปิดแม่อีกหรือไง... แกได้เสียกับเขาแล้ว แล้วตอนนี้แกก็ท้องลูกของเขาอยู่ใช่ไหม...” เสียง