“เอ่อ... รับน้ำดื่มหน่อยไหมคะ...” ทันทีที่เดินประดักประเดิดเข้ามาถึง อรนลินก็เอ่ยปากถามคนที่ยืนอยู่ เธอเพิ่งรับคำสั่งให้นำเครื่องดื่มมาบริการลูกค้าของบริษัทเมื่อครู่นี้เอง
แต่ยังไม่ทันที่คุณชายหนุ่มจะตอบอะไร กัทลีก็ชักสีหน้าบึ้งตึง ทำเสียงแข็งใส่เธอต่อหน้าทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น
“ไม่มีมารยาท!! เธอพูดกับคุณชายอย่างนี้ได้ยังไง รู้รึเปล่าว่าท่านเป็นถึงหม่อมราชวงศ์เชียวนะ!!”
อรนลินหน้าเสีย รู้สึกร้อนวูบตั้งแต่ลำคอไปจนถึงใบหู เหลือบมองสายตาทุกคู่ที่หันมาเพราะเสียงของกัทลีแล้ว หญิงสาวแทบจะแทรกแผ่นดินหนีไปเสียตรงนั้น ครั้นจะยกมือไหว้ขอโทษแขกผู้สูงศักดิ์ก็ทำไม่ได้
“ขะ...ขอโทษค่ะคุณชาย ฉันไม่ทราบจริงๆ ค่ะ...” เธอเกร็งแขนข้างหนึ่งรับน้ำหนักถาดเอาไว้ ขณะมืออีกข้างก็หยิบขวดน้ำดื่มขวดหนึ่งยื่นให้อย่างสั่นๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้ถือยศถืออย่างอะไร....” เขายิ้ม พลางรับภาชนะบรรจุน้ำและหลอดพลาสติกจากมือหญิงสาวโดยไม่นึกรังเกียจ “คุณเกรซจะดื่มน้ำไหมครับ ผมจะได้รับเผื่อ”
“ขอบคุณค่ะคุณชาย แต่ไม่เอาดีกว่า... เกรซไม่กล้าดื่มน้ำพวกนี้หรอกค่ะ ไม่รู้สะอาดหรือเปล่า...” นางแบบสาวรีบลดท่าทางหงุดหงิดลง จีบปากจีบคอตอบก่อนจะหันกลับไปถาม “นี่เธอ ไม่มีน้ำแร่บ้างเหรอ... ฉันบอกทางผู้จัดการไปแล้วนี่ว่าให้เตรียมน้ำแร่เอาไว้ให้ฉันโดยเฉพาะ...”
“เดี๋ยวฉันกลับไปถามพี่ๆ ฝ่ายประสานงานก่อนนะคะ พอดีเขาไม่ได้บอกอะไรไว้น่ะค่ะ...” อรนลินโค้งศีรษะให้เป็นการขอโทษขอโพย
กัทลีทำสีหน้ารำคาญ ใจจริงอยากจะอาละวาดใส่อีกฝ่ายเต็มแก่ แต่เธอก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะแสดงความกราดเกรี้ยวจนเกินงามต่อหน้าผู้บริหารของบริษัทที่ว่าจ้างเธอทำงานหรอก
“ไม่ต้องแล้วล่ะ... กว่าจะหิ้วไปหิ้วกลับฉันก็หายคอแห้งพอดี”
“ถ้าอย่างนั้น เอ่อ... ฉันขออนุญาตเอาน้ำไปเสิร์ฟคนอื่นๆ ก่อนนะคะ...” หญิงสาวก้มหน้ามองถาดโลหะในมือ ไม่กล้าเงยขึ้นมาสู้สายตาคนทั้งคู่
“ตามสบายครับ... ขอบคุณอีกครั้งนะครับสำหรับน้ำดื่ม...” พิษณุนเรศวร์พูดยิ้มๆ แล้วจึงถือโอกาสหันไปบอกลานางแบบสาวตามมารยาท “ถ้ายังไงผมขอตัวกลับไปคุยกับบอร์ดบริษัทก่อนนะครับ จะได้ไม่รบกวนคุณเกรซ เผื่อจะอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าพักผ่อน...”
“อุ๊ย... ไม่รบกวนเลยค่ะคุณชาย นี่ถ้าไม่ติดว่าเย็นนี้เกรซมีนัดแล้วล่ะก็... เกรซยังอยากจะชวนคุณชายไปดินเนอร์ด้วยกันสักมื้อเลยค่ะ...”
“เอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันครับ” เขาแค่นหัวเราะในลำคอ
“คุณชายสัญญาแล้วนะคะ” กัทลียิ้มหวานหยดเป็นการทิ้งท้าย
ขณะเดียวกับที่นางแบบสาวกำลังหันตัว ทำท่าจะเดินกลับไปยังห้องแต่งตัวด้านหลังเวที ใบหน้ายิ้มแย้มของหม่อมราชวงศ์หนุ่มก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงแทบทันที ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคนที่มีนัดรับประทานอาหารกับกัทลีในเย็นวันนี้ก็คือเพื่อนสนิทของเขานั่นเอง แล้วก็เป็นไอ้หมอนั่นอีกนั่นแหละที่ทำให้เขาต้องอารมณ์บูดอยู่อย่างนี้
เมื่อเจ้าชายหนุ่มแห่งจาเบลุซรับปากกับเขาไว้ว่าจะเดินทางมาถึงงานซ้อมเดินแบบตั้งแต่เกือบหนึ่งชั่วโมงก่อน แต่จนเสร็จสิ้นการซ้อมไปแล้วก็ยังไม่มีวี่แววจะปรากฏตัว... ครั้นพอเขาโทรศัพท์ตามตัว เพื่อนตัวแสบก็เล่นปิดสัญญาณหนีไปเสียดื้อๆ ทำให้พิษณุนเรศวร์ต้องพลอยลำบากคิดหาข้อแก้ตัวกับคณะกรรมการบริษัท
เป็นเสียอย่างนี้แล้ว ตาเฒ่าพวกนั้น ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นบรรดาญาติผู้ใหญ่ที่ถือหุ้นอยู่ในบริษัทของเขา จะยอมอนุมัติให้เขาร่วมลงทุนกับโฮร์มุซในโปรเจกต์ที่วางเอาไว้หรือ...
บริษัท กลามูร์ ไดมอนด์ แม้จะเป็นบริษัทที่เริ่มก่อตั้งในรุ่นของพิษณุนเรศวร์ แต่ด้วยเส้นสายและความสัมพันธ์ที่ครอบครัวมีต่อบุคคลในวงสังคม รวมถึงวิสัยทัศน์และความสามารถเฉพาะตัวของเขา ทำให้ธุรกิจเติบโตและก้าวไปสู่ตลาดระดับเอเชียได้ภายในระยะเวลาไม่ถึงสิบปี
และด้วยแผนการลงทุนร่วมระหว่างเขากับโฮร์มุซ เพื่อนสนิทที่คบหากันมาตั้งแต่ตอนที่เขายังศึกษาปริญญาโทที่อเมริกาเมื่อเจ็ดปีก่อน ก็ถือเป็นโอกาสดีที่หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์จะใช้ผลักดันธุรกิจอัญมณีของเขาให้ขยายตัวไปสู่ตลาดเครื่องประดับชั้นสูงของทวีปยุโรปและตะวันออกกลางได้ ภายใต้แบรนด์ใหม่ ‘อาดอร์’ ที่มีบริษัท กลามูร์ ไดมอนด์ ถือหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง...
ดูท่าความตั้งใจของเขาจะล้มตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเสียแล้วกระมัง...
แต่ที่คุณชายหนุ่มห่วงมากกว่านั้นไม่ใช่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นเรื่องอนาคตของเพื่อนรักต่างหาก...
ก็ดูเอาเถอะ ลำพังแค่นัดหมายเล็กๆ อย่างเรื่องบ่ายวันนี้ โฮร์มุซยังทำเสียจนป่นปี้ แล้วต่อไปภายหน้า ถ้าหากเจ้าชายรัชทายาทผู้นี้ต้องดำรงตำแหน่งเป็นสุลต่านผู้ครองประเทศจริงๆ ราชวงศ์จาเบลุซจะไม่ถึงคราววิบัติหรอกหรือ...
คิดแล้วก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย หันไปมองบรรดาคณะกรรมการบริษัทกำลังยิ้มแย้ม รับขวดน้ำดื่มจากเด็กเสิร์ฟน้ำคนเดิมเมื่อสักครู่... ถือว่ายังโชคดีที่พวกเขาดูจะพออกพอใจกับการซ้อมเดินแบบจนไม่สนใจถามถึงตัวคนเบี้ยวนัด...
ได้แต่หวังว่าในการประชุมอย่างเป็นทางการอาทิตย์หน้า ไอ้เพื่อนตัวดีจะมีปาฏิหาริย์มาชักจูงคนแก่หัวดื้อพวกนี้ให้เห็นชอบกับโปรเจกต์ตั้งบริษัทใหม่ของทั้งคู่ก็แล้วกัน...
หลังจากงานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงก่อนเวลาเลิก องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี บิน ฮามัด อัล อลาวี ก็ถือโอกาสขึ้นไปเป็นประธานบนเวที เรียกเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ไปปรากฏตัวพร้อมกันต่อหน้าแขกในงาน“เราในฐานะของคนเป็นพ่อต้องขอขอบใจสหายและผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกชายเรา วันนี้นับว่าโฮร์มุซได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ของตัวเองในฐานะหัวหน้าครอบครัว พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบคนในครอบครัวต่อไปภายหน้า...” องค์สุลต่านหันไปมองบุตรชาย“ประเทศชาติก็เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจาเบลุซนั้น ต้องอาศัยความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง... ซึ่งในเวลานี้เรามั่นใจแล้วว่าโฮร์มุซพร้อมที่จะทำหน้าที่แทนเรา ดังนั้นเราจึงถือโอกาสอันดีในคืนนี้ประกาศคืนตำแหน่งรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ให้แก่ เจ้าชายโฮร์มุซ อัล อลาวี และมอบหมายให้ เจ้าชายมาตราห์ อาลี เป็นผู้ช่วยเหลือลูกของเราดูแลประเทศชาติต่อไปในอนาคต...”สิ้นคำประกาศขององค์สุลต่าน ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันโห่ร้องด้วยความยินดี ไม่เว้นแม้ชาวไทยที่ร่วมอยู่ในงานเลี้ยงในฐานะแขกและส
พิธีมงคลสมรสตามประเพณีของจาเบลุซไม่แตกต่างอะไรจากประเทศอื่นๆ ในดินแดนอาหรับมากนัก... นั่นคือ... ประกอบไปด้วยพิธีการทั้งสิ้นจำนวนเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่พิธีสู่ขอในวันแรกตามหลักศาสนาแล้ว ก่อนแต่งงานเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะมีความสัมพันธ์กันไม่ได้เด็ดขาด หากไม่ได้รับการยินยอมจากครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายชายจะต้องนำครอบครัวไปพูดคุยสู่ขอกับครอบครัวของฝ่ายหญิงที่บ้าน แต่เนื่องจากอรนลินและมารดาไม่ใช่ชาวจาเบลุซ งานสู่ขอจึงถูกจัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการภายในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก นั่นเอง โดยมี องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี และองค์สุลตาน่าโซเฟีย เป็นผู้ดำเนินพิธีสู่ขอกับอินทิราท่ามกลางเชื้อพระวงศ์จำนวนหนึ่งวันที่สองเป็นพิธีดูตัว ซึ่งตามปกติจะเป็นโอกาสที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก จึงทำเพียงพอเป็นพิธี ส่วนวันที่สามซึ่งเป็นวันหมั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะทำการแลกแหวนหมั้นของแต่ละฝ่าย โดยสวมใส่มิชลาห์และอบายาสีที่เข้าคู่กัน เพื่อเป็นนิมิตมงคลบอกถึงความเหมาะสมกันวันที่สี่ พิธีให้สัตย์ปฏิญาณ หรือพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปจะจัดในมัสยิด หากเจ้าบ่าวเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ผู้แทนศาสนาจึงถ
กำหนดการพิธีแต่งงานระหว่างซินเดอเรลลาสาวจากประเทศไทยกับเจ้าชายนักธุรกิจใหญ่แห่งอาหรับกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งโลก และก่อนที่บรรดาสื่อมวลชนจากทุกแขนงจะพากันตามมารบกวนชีวิตอันสงบสุขของคนรัก โฮร์มุซก็ตัดสินใจพาเธอกับผู้เป็นแม่บินกลับไปเตรียมการที่ประเทศของเขาล่วงหน้าเกือบสองสัปดาห์แม้ว่าอินทิราจะค่อนข้างประหม่าและอึดอัดใจกับชีวิตในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก พอสมควร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอต้องตื่นตาตื่นใจไปกับทุกๆ สิ่งที่ได้สัมผัส รวมถึงอดที่จะกังวลไม่ได้กับขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เธอเองมีส่วนผลักดันให้ลูกสาวเป็นคนเลือกในช่วงแรกๆ ที่ได้กลับมาพำนักในปราสาทหินทรายสีชมพู อรนลินรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เมื่อต้องถูกคนครึ่งประเทศจับจ้องด้วยสายตาคับข้องใจและไม่เห็นด้วย ว่าเหตุใดเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัฐสุลต่าน บาห์ลา จาเบลุซ จึงเลือกผู้หญิงต่างชาตินอกศาสนามาเป็นคู่ชีวิต แต่ด้วยกำลังใจจากผู้ชายที่เธอรักรวมถึงท่าทีของสุลต่านและสุลตาน่าที่วางตนเป็นผู้สนับสนุนอยู่ห่างๆ แล้ว ไม่นานหญิงสาวก็ทำใจได้อรนลินต้องเข้าพิธีกับยัลซูผู้เผยแผ่ เปลี่ยนมาถือศาสนาอิสลาม เปลี่ยนลำดับความรักและความเคารพบ
“ต๊าย... ทีอย่างนี้ล่ะทำหวง คนอะไร้...”“ที่จริงลินเองก็ไม่สะดวกหรอกค่ะ พี่ปุ๊กกี้ก็รู้ว่าตอนนี้ลิน...” ก้มลงมองหน้าท้องที่แทบจะยังไม่ขยายตัวให้เห็น มือของเธอก็ลูบคลำเบาๆ ไปด้วยอย่างรักใคร่ “ลินคงไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คุณชายพิษณุไม่ได้หรอกค่ะ อายเขาตายเลย...”“เออ จริงสิ... ตั้งแต่มีข่าวเรื่องน้องสาวฆ่าตัวตาย คุณชายพิษณุก็หายเงียบไปเลยนะ... เดี๋ยวนี้ไม่เห็นออกงานสังคมที่ไหนบ้างเลย...”“จริงด้วย แล้วคุณหญิงรัตน์ล่ะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ได้ข่าวอีกเลยเหมือนกัน...” ใครคนหนึ่งถามขึ้น“เห็นพี่ชัยรัตน์บอกอยู่เหมือนกันว่าหนีไปรักษาสภาพจิตใจที่เมืองนอกนะ อยู่เมืองไทยก็คงอายคนนั่นแหละ...” หัวหน้าฝ่ายคอสตูมเป็นคนตอบ “แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท คุณชายพิษณุต้องไปด้วยแน่ๆ อาจจะได้เจอคุณหญิงรัตน์ในงานด้วย ใครจะไปรู้...”“จะว่าไปที่ผ่านมาคุณชายพิษณุก็ไม่เคยมีข่าวคาวกับผู้หญิงซักคนนะ ดีไม่ดีจะเป็นเก้งเอาหรือเปล่ายะ” ปกรณ์ยกมือทาบอกกระดกปลายนิ้วก้อย รำพึงรำพันกับตัวเองในลำคอ “ผู้ชายอะไรหน้าว้านหวาน ถูกสเปกอีปุ๊กกี้สุดฤทธิ์... สาธุ... ไม่ใช่เก้งก็เป็นกวางทีเถอะ งานนี้แม่จะได้ลุ้นลับตับแตกกับเ
สามเดือนต่อมา... หลังจากบรรดาผู้คนในวงการนางแบบต่างพากันช็อกกับข่าวอุบัติเหตุรถคว่ำของกัทลี... ชื่อของ เกรซ กัทลี อดีตนางแบบชื่อดังระดับประเทศก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครจดจำได้อีก...นับว่าโชคดีที่ครั้งนั้นหญิงสาวไม่ถึงกับเสียชีวิต เนื่องจากคนของโฮร์มุซช่วยนำเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ทว่าใบหน้าของอดีตนางแบบสาวก็ถูกแรงกระแทกทำให้เป็นบาดแผลฉกรรจ์จนถึงกับเสียโฉม ที่หนักที่สุดก็คือขาซึ่งหักทั้งสองข้าง แม้จะรักษาจนหายขาดแล้ว ก็ยังต้องเดินกะโผลกกะเผลกอย่างคนพิการไปตลอดชีวิตสภาพที่ต้องนอนมีผ้าพันแผลและเข้าเฝือกแทบทั้งตัวเป็นเวลานานนับเดือน ทำให้อรนลินและมารดารู้สึกเสียใจกับเธอ และตกลงใจที่จะอโหสิกรรมให้ ไม่ดำเนินคดีความหรือเอาเรื่องใดๆ อีกกลาร์มัวร์ ไดมอนด์ จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนไหม่ ถึงจะยังไม่ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างกับกัทลีตั้งแต่ตอนที่วางตัวเธอเอาไว้ แต่หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ ก็ได้มอบเงินชดเชยจำนวนหนึ่งให้กับเธอเพื่อเป็นกีแสดงความเห็นใจ หากเงินหลักล้านและเงินเก็บอีกหลายแสนที่มีในบัญชีของหญิงสาว หลังจากการรักษาตัวแล้ว ก็มีอันต้องอันตรธานไปอย่างร
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องพักผู้ป่วยพิเศษก็เปิดออก เนื่องจากปกรณ์และอินทิราที่ได้ยินเสียงโต้เถียงกันแว่วออกไปถึงด้านนอก รู้ว่าผู้ป่วยได้สติแล้วก็รีบเข้ามาขัดตาทัพเสียก่อน“ไอ้ลิน... ฟื้นแล้วหรือลูก...”“ยัยลิน... เจ๊กำลังเป็นห่วงเลยเชียว...”มองเห็นสีหน้าและน้ำตาของลูกสาว คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่าก็พอจะคาดเดาเรื่องระหว่างหนุ่มสาวสองคนนี้ได้หลายส่วน เธอจึงกระซิบให้ปกรณ์ทำหน้าที่ล่าม เชิญเจ้าชายหนุ่มออกไปสงบสติอารมณ์หน้าห้องก่อน ส่วนเธอเองก็เห็นทีจะต้องทำตัวเป็นท้าวมาลีวราชว่าความให้ทั้งคู่เสียแล้วมองลูกเขยโดยพฤตินัยเดินหงุดหงิดออกไปพร้อมกับรุ่นพี่ใจแหววของลูกสาวก็นึกเวทนา ความจริงอินทิราไม่อยากให้อรนลินไปพัวพันกับคนระดับนั้นหรอก แต่สายตาของเธอยังไม่ถึงกับฝ้าฟาง... ถ้าหากจะมีใครสักคนที่ดวงตามืดบอด ก็คงไม่แคล้วเป็นลูกสาวของเธอนั่นแหละ...“มีเรื่องอะไรกัน แกเล่าให้แม่ฟังซิ ไอ้ลิน...”“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่...” หญิงสาวไม่กล้าสู้สายตา“แกทำให้แม่เสียใจมากนะลิน... จนป่านนี้แล้วยังคิดจะปิดแม่อีกหรือไง... แกได้เสียกับเขาแล้ว แล้วตอนนี้แกก็ท้องลูกของเขาอยู่ใช่ไหม...” เสียง