Share

บทที่ 259

Penulis: พิณเคล้าสายฝน
หลินซวงเอ๋อร์กินปลาย่างกับผลเบอร์รี่ หลังจากกินอิ่มแล้วก็ค่อยๆผล็อยหลับไป

ไป๋อวี้ถังปูหญ้าแห้งไว้ในถ้ำ เพื่อให้หลินซวงเอ๋อร์ได้นอนบนหญ้าแห้งเมื่อรู้สึกง่วง

พอหิ่งห้อยบินเหนื่อยแล้ว ก็เกาะอยู่บนผนังหินของถ้ำ แมลงที่อยู่นอกถ้ำยังคงร้องเหมือนเดิม หลินซวงเอ๋อร์นอนตะแคงข้างอยู่บนหญ้าแห้ง บนตัวคลุมด้วยเสื้อคลุมที่เพิ่งจะแห้งของไป๋อวี้ถัง เมื่อฟังเสียงแมลงในภูเขา นางก็ค่อยๆผล็อยหลับไป

แสงไฟกะพริบไปมา ปกคลุมใบหน้าของไป๋อวี้ถัง เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด

เขานั่งข้างกองไฟ แล้วเติมฟืนแห้งเข้าไปในกองไฟเป็นครั้งคราว

หุบเขาแห่งนี้เงียบสงบมาก เท่าที่เห็นทุกที่เต็มไปด้วยแมกไม้เขียวขจี ในอากาศยังมีกลิ่นสดชื่นของดินโคลนหลังฝนตกอีกด้วย แต่ทว่า เนื่องจากใกล้จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ในหุบเขาที่มืดครึ้ม จึงมีอุณหภูมิที่ต่ำมากในตอนกลางคืน

ดังนั้นในถ้ำจึงต้องการไฟ เขาจึงต้องคอยเฝ้าระวัง เพื่อไม่ให้ไฟดับลง

ตกกลางดึก

หลินซวงเอ๋อร์หนาวจนตัวสั่น เสียงครวญครางเบาๆราวกับว่าเป็นสัตว์ตัวน้อยดังออกมาจากในปากของนาง

ตอนที่หนีเอาชีวิตรอดเมื่อสักครู่นี้ นางไม่รู้ว่า ทั้งร่างกายนางตึงเครียดไปหมด หลังจากหลับไปแล้ว ร่างกายข
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 260

    อุณหภูมิบนร่างกายของเขาร้อนมากแขนของไป๋อวี้ถังที่โอบกอดนางเอาไว้แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัวเขาจ้องมองนางแบบนี้เป็นเวลานาน ถึงลองเอื้อมมือออกไป สัมผัสคิ้วและใบหน้าของนาง อย่างระมัดระวัง การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยน ราวกับว่าได้สัมผัสกับสมบัติล้ำค่า เพราะกลัวว่าจะนางจะบอบช้ำอาจเป็นเพราะอุณหภูมิสูงเกินไป หลินซวงเอ๋อร์จึงผลักเขาเบาๆ แล้วพลิกตัวเล็กน้อย จากนั้นก็หันหลังให้กับเขา และขดตัวเข้าไปในมุมโดยที่ไม่รู้ตัวมือของไป๋อวี้ถังว่างเปล่า คนที่อยู่ในอ้อมแขนขยับออกห่างจากเขาไปเล็กน้อยเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นโอบแขนรอบเอวของนางเอาไว้ ดึงนางกลับมาด้วยความดื้อดึงและเผด็จการเล็กน้อย แล้วกักนางไว้ในอ้อมแขนของตนเขาก้มศีรษะลง เอาหัวซุกเข้าไปในคอพับอันหอมนุ่มนวลของนาง ความใคร่ในนัยน์ตาของเขาก็เพิ่มมากขึ้น“ ท่านอ๋อง …” เสียงพึมพำเบาๆของนางดังก้องอยู่ข้างหู ราวกับว่านางกำลังละเมอ“ร้อนไปนิดหน่อย อย่ากอดแน่นขนาดนั้น…” หลินซวงเอ๋อร์บิดตัวเพราะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย และพยายามจะหลุดออกจากอ้อมแขนของเขาอีกครั้งไป๋อวี้ถังกระชับแขนของเขา เพื่อป้องกันไม่ให้นางหนีไป" ซวงเอ๋อร์ ให้ข้ากอดเจ้าหน่อยเถิด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 261

    กองไฟที่อยู่ในถ้ำเหลือเพียงแค่ถ่านไฟ และมีควันลอยขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นรุ่งสางไป๋อวี้ถังนอนไม่หลับทั้งคืน จนกระทั่งชั่วยามสุดท้ายถึงได้นอนหลับแบบตื้นๆทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆดังมาจากด้านนอกถ้ำ ไป๋อวี้ถังกระตุกคิ้วเล็กน้อย ค่อยๆลืมตาขึ้นมา พร้อมกับแววตาที่เยือกเย็น“ ใต้เท้า ข้าน้อยมาช่วยเหลือล่าช้าเกินไป ใต้เท้าได้โปรดลงโทษด้วย!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างหูของไป๋อวี้ถัง เจตนาฆ่าในดวงตาของเขาจึงค่อยๆลดลงองครักษ์ลับจำนวนนับไม่ถ้วนยืนอยู่นอกถ้ำ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากไป๋อวี้ถัง พวกเขาทั้งหมดทำได้แค่ยืนอยู่ข้างนอกที่รออยู่ข้างนอก คือองครักษ์ลับที่เขาฝึกฝนมาเป็นอย่างดีไป๋อวี้ถังหันไปด้านข้าง พยายามปลุกหลินซวงเอ๋อร์ให้ตื่นในเวลานั้น หลินซวงเอ๋อร์ยังคงหลับสนิทอยู่ มีเมฆสีแดงสองก้อนอยู่บนแก้มของนาง ดูไปแล้วน่ารักมากไป๋อวี้ถังเรียกนางเบาๆอยู่ครู่หนึ่ง แต่นางก็ไม่ตอบสนอง แต่ลมหายใจของนางกลับค่อยๆหนักขึ้นจากนั้นเขาถึงพบว่ามีบางอย่างผิดปกติไป จึงเอื้อมมือออกไปแตะที่หน้าผากของนาง ก็ตกใจที่พบว่าหน้าผากของนางร้อนมาก ร่างกายของนางก็ร้อนเช่นกันนางมีไข้สูงตั้งแต่เมื่อไหร่?สมควรตาย!

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 262

    หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนสอนตงเหมยเขียนด้วยตนเอง แม้ว่าจะเขียนสะเปะสะปะ และมีการเขียนผิดจำนวนมาก แต่เยี่ยเป่ยเฉิงก็ยังสามารถจดจำมันได้นางเขียนเต็มหน้าหน้ากระดาษ เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เกี่ยวกับหลินซวงเอ๋อร์ให้เขาฟังรวมทั้งหลินซวงเอ๋อร์หายตัวไปได้อย่างไร และถูกไป๋อวี้ถังช่วยชีวิตกลับมาอย่างไร ตงเหมยเล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดในตอนท้ายของจดหมาย ตงเหมยกล่าวว่า หลินซวงเอ๋อร์ป่วยหนักกว่าเดิม และมีไข้สูงตลอดเวลา ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้นางพักอยู่ที่จวนไป๋ ไป๋อวี้ถังดูแลนางเป็นอย่างดี แล้วบอกเขาว่าไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป...เยี่ยเป่ยเฉิงจ้องมองจดหมายเป็นเวลานาน นัยน์ตาสีดำเหมือนสระน้ำเย็นที่ไร้ก้นบึ้ง เขาอดไม่ได้ที่จะกำมือขนาดใหญ่ของเขาเอาไว้แน่น จนเส้นเลือดดำทะลักออกมา และค่อยๆขยำจดหมายที่อยู่บนฝ่ามือทีละน้อยเขาจากไปแค่เพียงครึ่งเดือน ก็มีคนกล้าท้าทายอำนาจของตนแล้ว! ไม่เห็นคำพูดของเขาอยู่ในสายตาจริงๆ!นัยน์ตาอันโฉบเฉี่ยวของเยี่ยเป่ยเฉิงมืดมิดราวกับหมึก ใบหน้าของเขาก็ควบแน่นเป็นน้ำแข็งทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของเยี่ยเป่ยเฉิงเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา ทหารท

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 263

    หนานหยางเสียงแตร และกลองสงครามดังขึ้น ธงปลิวไสวปลิวไปตามสายลมในช่วงกลางดึก จู่ๆเยี่ยเป่ยเฉิงก็ออกคำสั่งโจมตีอย่างเต็มกำลัง ล้อมรอบภูเขาทั้งหมดเอาไว้ และเข้าปราบปรามทุกทิศทุกทาง!โจรที่ติดอยู่ในภูเขาก็เหนื่อยล้าหมดแรง ประกอบกับเยี่ยเป่ยเฉิงได้ตัดอาหารและน้ำพวกเขาก่อนหน้านี้ พวกเขาจึงไม่สามารถตอบโต้การโจมตีอย่างกะทันหันของทหารได้ในไม่ช้า พวกโจรที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาถูกบังคับให้ไปที่เชิงเขาทีละคน พวกเขาต่อต้านอย่างสุดกำลัง ราวกับผีเสื้อกลางคืนที่บินเข้าไปในเปลวไฟ และต่อสู้อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันเป็นครั้งสุดท้ายหนานหยางตั้งอยู่จุดเชื่อมต่อของสามดินแดน ทำให้มีเรือจากทั่วทุกแห่งหนมาทำการค้าที่นี่ ทรัพยากรของยุคนี้อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ทำให้จำนวนโจรในยุคนี้มีมากเช่นเดียวกัน!พวกเขายึดครองพื้นที่บนภูเขา และทำความชั่วมาหลายปี จึงกลายเป็นความกลัดกลุ้มของราชสำนักมาตั้งนานแล้วราชสำนักได้ส่งกองทหารมาปิดล้อมปราบปรามอยู่หลายครั้ง แต่พวกเขาเป็นเหมือนวัชพืชที่เกิดขึ้นมาไม่จบไม่สิ้น ตราบใดที่ยังมีปลาเล็ดลอดออกจากอวนไปได้ ก็จะมีโจรกลุ่มใหญ่ในปีหน้า! ด้วยเหตุนี้ ราชสำนักจึงปั่นป่วน จึงต้องให

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 264

    เสิ่นป๋อเหลียงมาฝังเข็มให้หลินซวงเอ๋อร์เพื่อขจัดความเย็นในร่างกายตามปกติ ในที่สุดไข้ของนางก็ลดลงแล้ว แต่นางยังคงอ่อนแอมาก และมีสีหน้าที่ซีดเซียวสุดขีด กินอะไรก็ไม่อร่อยเพื่อทำให้หลินซวงเอ๋อร์สามารถกินอะไรได้บ้าง ตงเหมยจึงไปต้มโจ๊กที่ห้องครัวให้หลินซวงเอ๋อร์หนึ่งชามแต่หลินซวงเอ๋อร์ไม่อยากกิน หลังจากกินไปได้คำหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาตั้งแต่นางป่วย ทุกวันนอกจากดื่มน้ำนิดหน่อยแล้ว ก็ไม่ได้กินอาหารหลักอื่นๆเลย ตอนนี้นางจึงท้องว่าง ทำให้ไม่สามารถกินสิ่งเหล่านี้ได้เสิ่นป๋อเหลียงให้ตงเหมยป้อนน้ำให้นางก่อน รอให้พลังงานในร่างกายฟื้นตัวแล้ว ค่อยป้อนอาหารหลักที่ย่อยง่ายให้นางตงเหมยจำคำแนะนำทั้งหมดของเสิ่นป๋อเหลียงเอาไว้ในใจหลินซวงเอ๋อร์นอนอยู่บนเตียง ริมฝีปากซีดเผือด นางมองตงเหมยที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยนัยน์ตาที่เปิดครึ่งหนึ่ง เสียงของนางอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง: " ตงเหมย ท่านอ๋องจะกลับมาเมื่อไหร่? เขาตอบจดหมายของข้าแล้วหรือยัง? "ในเวลานั้น ไป๋อวี้ถังกำลังผลักประตูเข้าไป ทันทีที่เข้าไป ก็ได้ยินสิ่งที่หลินซวงเอ๋อร์พูด และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจตอนที่น

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 265

    หลินซวงเอ๋อร์วิ่งเร็วเกินไป จึงสะดุดล้มลงกับพื้น ทำให้เข่าบวม และฝ่ามือถลอกนางไม่ได้ร้องไห้ ปัดฝุ่นแล้วลุกขึ้นมาจากพื้น ฝืนยิ้มใส่ไป๋อวี้ถังที่กำลังจะรีบเข้าไปช่วยนาง แล้วพูดว่า "พี่ไป๋ ข้าไม่เจ็บ"เดิมทีไป๋อวี้ถังอยากจะเข้าไปพยุงนาง แต่เมื่อเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงรีบวิ่งเข้าหาพวกเขาอย่างเร่งรีบ ก็ระงับความอยากที่จะก้าวไปข้างหน้าของตนเอาไว้ แล้วยืนอยู่ที่เดิม หลังจากนั้นก็มองหลินซวงเอ๋อร์ลุกขึ้นมาจากพื้น แล้ววิ่งไปหาเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างโซซัดโซเซและดูเหมือนว่า เขาจะเป็นเพียงคนนอกภายใต้แสงแดด เยี่ยเป่ยเฉิงสวมชุดสีดำและมีผมดำขลับ ใบหน้าของเขาเงียบขรึม ไม่งดงามเย็นชาเหมือนเช่นเคย แถมเนื้อตัวยังเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเนื่องจากเดินทางไกล เนื่องจากเขาเพิ่งจะทำสงครามเสร็จ จึงทำให้มีจิตสังหารอันเย็นยะเยือกทั่วทั้งร่างกายตอนที่เข้าไปในจวนเมื่อสักครู่นี้ ความรู้สึกกดดันที่อยู่บนร่างกายของเขาทำให้สภาพแวดล้อมรอบตัวตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีคนรับใช้ในจวนกล้าเข้ามาพูดคุยกับเขาเลย พวกเขาเอาแต่ก้มหน้า และอยู่ห่างจากเขาเท่านั้นแต่หลินซวงเอ๋อร์ไม่กลัวเขา ในขณะนี้ความกล้าหาญของนางสูงเสียดฟ้า เมื่อเห็นเยี่ยเป่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 266

    หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็มีเสียงฝีเท้าที่มั่นคงเดินเข้ามาหานางทันใดนั้นดวงตาอันมืดมนของหลินซวงเอ๋อร์ก็สว่างขึ้นอีกครั้ง นางเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นร่างของเยี่ยเป่ยเฉิงกำลังเดินเข้ามาหานางไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมสีขาวนวลมาจากที่ไหน ทำให้จิตสังหารอันเยือกเย็นบนร่างกายเบาบางลงเล็กน้อย บนร่างกายยังเผยบุคลิกที่สูงส่งเย็นชาออกมาด้วย เคร้าโครงหน้าเหมือนประติมากรรม ตั้งแต่คิ้วตาไปจนถึงสันจมูก มาจนถึงริมฝีปากเอาเรียวบาง ลายเส้นคมลึกชัดเจน โดดเด่นเป็นสง่ามากหลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ร่างกายแข็งทื่ออยู่กับที่ ไม่ขยับเขยื้อน แล้วมองดู เยี่ยเป่ยเฉิงเดินไปหานางทีละก้าวลมแห่งสารทฤดูพัดชายเสื้อที่สะอาดสะอ้านของเขา ในรูม่านตาที่ลึกล้ำเหมือนหมึกของเขา มีกระแสน้ำซัดซาด แล้วม้วนซัดตัวนางจากนั้นก็มีคนมาอยู่ที่ตรงหน้า โดยที่ไม่รู้ตัวเยี่ยเป่ยเฉิงมองหลินซวงเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า และมองเห็นแสงแห่งความคาดหวังในนัยน์ตาที่บริสุทธิ์สุกใสของนาง“ตอนนี้สามารถกอดได้แล้ว” เขาเอ่ยปากพูด ในน้ำเสียงที่ทุ้มลึกแฝงไปด้วยความแหบแห้งอย่างอธิบายไม่ถูกเขารีบกลับจากหนานหยางแบบไม่ได้แวะพักเลย พอเข้าประต

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 267

    จู่ๆเยี่ยเป่ยเฉิงก็กลับเมืองหลวง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในจวนโหวประหลาดใจเป็นอย่างมากตามแผนการแล้ว เยี่ยเป่ยเฉิงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าวันถึงจะสามารถกลับเมืองหลวงได้ ตอนที่พ่อบ้านเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงอยู่นอกประตูจวน เขาก็อดตกใจไม่ได้ จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่เรือนด้านหน้าเพื่อรายงานกงชิงเยวี่ยตามการปฏิบัติที่ผ่านมา เยี่ยเป่ยเฉิงจะต้องกลับวังไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิก่อน จากนั้นค่อยกลับมาที่จวนโหว พอเขากลับมาที่เมืองหลวง คนที่อยู่จวนโหวจะมารอรับอยู่ที่หน้าประตูจวนมีเพียงครั้งนี้ ที่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับมาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลย จึงทำให้คนที่อยู่ในจวนประหลาดใจเป็นอย่างมาก“ ท่านอ๋องกลับจวนแล้ว ท่านอ๋องกลับจวนแล้ว”ผ่านไปได้ครู่หนึ่ง คนรับใช้ในจวนก็พากันเร่งรีบจนทำอะไรไม่ถูกม้าของเยี่ยเป่ยเฉิงหยุดอยู่ที่หน้าประตูจวนอย่างสบายๆ ขาอันเรียวยาวของเขาก้าวลงมาจากหลังม้า หลินซวงเอ๋อร์ยังไม่ทันได้ตอบสนอง เขาก็เอื้อมมือออกไปโอบเอวแล้วอุ้มนางเอาไว้พอได้อุ้มเขาก็ไม่ปล่อยอีกเลย จากนั้นก็อุ้มนางก้าวเท้าเข้าไปในประตูจวนเขาคิดที่จะอุ้มนางเข้าไปในจวนอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้“ ท่านอ๋อง ท่านรีบปล่อยข้าลงเร็ว ข้าเด

Bab terbaru

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status