บทที่ 13
ร่างที่เขากอดไว้แน่นแข็งค้าง เสียงร้องที่เกิดจากความกลัวหยุดสนิท กัดฟันข่มความกลัวผละออกจากร่างสูงใหญ่ แล้วรีบเขย่งเท้าวิ่งหนีไปหลายก้าวทันที
ความรู้สึกตอนนี้ทั้งกลัวหนอน ทั้งอายกับคำพูดดูถูกของเขา เหมือนถูกเขาตบหน้าฉาดใหญ่ เธอมองเขาด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด เจ็บจุกไปทั้งทรวงอก
“คุณกำลังเข้าใจหนูผิดนะคะ” เธอฝืนอธิบายออกไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
“จริงเหรอ” เขาหรี่ตามองเธออย่างพิจารณาพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก
แค่เห็นสายตาของเขา ก็รู้ว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด เธอรีบสูดก้อนสะอื้นเข้าไปในอก แล้วเชิดหน้าขึ้นท้าทายเขา
“ถ้าคุณไม่เชื่อหนูก็จนปัญญาที่จะพูดค่ะ หนูคงต้องขอโทษที่ทำให้คุณเขื่อนเข้าใจผิด ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“เชิญ” เขายักไหล่อย่างไม่แยแส “เดี๋ยวก่อน” และเรียกเธอไว้อีกครั้ง
“คะ”
“..เอาอาหารปลาที่ติดอยู่ที่แขนเสื้อข้างขวา คืนมาให้หมดก่อน
“เธอไม่ใช่ไก่วัดฉันนี่ ทำไมฉันต้องอดด้วยล่ะ” ธีรทัศน์ตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มที่มีรสเลือดผสม“พี่เขื่อน! พี่พูดจาหมา ๆ แบบนี้ได้ยังไงวะ!”“แล้วแกจะเอายังไงกับฉัน” เขาถามกลับเสียงเรียบ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองผิดจริง แต่ก็ไม่ได้นึกเสียใจสักนิด“ตอบผมมาว่าทำไมพี่ถึงทำแบบนี้กับน้องเกล พี่ก็รู้ว่าผมรักน้องเกลมากแค่ไหน พี่ยังกล้าทำกับคนที่ผมรักอีกเหรอ”“ฉันก็รักเขาน่ะสิ ฉันถึงทำ” ได้ยินคำว่ารักจากปากของน้องชาย อารมณ์หึงหวงจึงบังเกิด ถึงแม้จะรู้ว่าเขาคิดกับเธอในระดับไหน แต่ก็ยังอดหึงหวงไม่ได้ “มึงน่ะรักหนูเกลแค่แบบพี่น้อง แต่กูน่ะรักแบบอยากเอาทำเมียโว้ย พอใจหรือยัง”ธีรสิทธิ์นิ่งอึ้งไปก่อนชั่วขณะ เพื่อทบทวนคำพูดของพี่ชายให้เข้าใจแจ่มแจ้ง “พี่กำลังบอกผมว่าพี่รักหนูเกลงั้นเหรอ” เขาถามช้า ๆ ชัด ๆ“อือ” ธีรทัศน์ตอบรับในลำคอ“หมายความว่าพี่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไปใช่ไหม”“ไม่”“พี
ลลิตายิ้มเจื่อนลงเล็กน้อย ถอนหายใจเบา ๆ ขณะมองหน้าคนรัก มันคงไม่ดีแน่ถ้าบอกกับผู้ใหญ่ออกไปตรง ๆ“กิ๊งก็มีเกริ่น ๆ เรื่องนี้กับคุณน้าไว้แล้วค่ะ ท่านคงเริ่มทำใจได้บ้างแล้ว เพราะไม่ได้พูดคัดค้านอะไร” เธอพยายามพูดให้ฟังดูดีที่สุด“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยโล่งใจหน่อย” ละม่อมยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ “ส่วนเรื่องงานแต่งก็แล้วแต่หนูกับเจ้าไกรมันเถอะ พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกพ่อกับแม่ได้เลย แม่จะจัดการทำตามประเพณีให้ทุกอย่าง สินสอดทองหมั้นอาจจะไม่มากมายสมฐานะของหนู แต่จะพยายามไม่ให้น้อยหน้า”“ขอบคุณค่ะคุณแม่ คุณพ่อ ที่ไม่รังเกียจหนู” ลลิตายกมือไหว้บุพการีของคนรักอีกครั้งด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ“ขอบคุณพ่อกับแม่มากนะจ๊ะที่เข้าใจเรา” เกรียงไกรยกมือไหว้บุพการีด้วยความอิ่มเอมในหัวใจ“พ่อกับแม่เข้าใจลูกเสมอนั่นแหละ แค่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น” บุญเพิ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม และชักชวนให้หญิงสาวอยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน..“น้องเกลไม่มากินข้าวกับเราด้วยเหรอคะพี่ไกร” ลลิตาถามคนรัก เมื่อเขายกสำรับอ
“แล้วคุณเขื่อนจะไปพาลถึงพี่ไกรกับพี่กิ๊งทำไมคะ” ตุลฎาต่อว่าเขาอย่างเหลืออด ใบหน้าแดงด้วยความเขินอายกับคำพูดของเขา เขาหึงร้ายหรือโมโหร้ายกันแน่ตอนนี้“ก็แล้วเธอรักใครล่ะ ระหว่างไอ้ขันกับไอ้ไกร” เขาตะคอกใส่เธอเสียงเครียด“เกลรักผู้ชายดิบเถื่อน ปากจัด เผด็จการ เจ้าอารมณ์ แล้วก็บ้ากาม รักผู้ชายที่ชื่อเขื่อนคนนี้ต่างหากล่ะ” เธอบีบแก้มของเขาแรง ๆ ด้วยความหมั่นไส้ “พอใจหรือยัง”หน้าที่ตึงเครียดค่อย ๆ คลี่ยิ้มกว้าง และเปล่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสุข เมื่อได้ยินคำสารภาพรักเต็มสองรูหู รีบพยักหน้ายอมรับกับเธอ“พอใจและโคตรมีความสุขเลยจ้ะเมียจ๋า” เสียงเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นหวานหูขึ้นมาทันใด จริงสินะ เขารู้จักผู้ชายคนนั้นดีที่สุด และเขาก็ไม่ใช่คนงานเพราะเขาคือเจ้าของฟาร์มอุดมสุขแห่งนี้ ทำไมถึงได้โง่บรมแบบนี้นะไอ้เขื่อน เขาด่าทอตัวเองอย่างมีความสุข“อย่าพูดแบบนั้นนะคะ”“ทำไมล่ะจ๊ะเมียจ๋า ๆ ๆ” เห็นหน้าแดงก่ำของเธอก็ยิ่งได้ใจ จึงล้อเลียนไม่เลิก“มันน่าอาย&rdquo
เห็นเขาจ้องมองความเป็นอิสตรีของเธอไม่วางตา ตุลฎาก็รู้สึกเขินอายจนต้องยกขาขึ้นตั้งเข่าเป็นที่กำบังมือใหญ่ตามไปจับข้อเท้าทั้งสองข้างของเธอแล้วดึงให้ราบลงไปกับพื้น ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวบิกินี่ตัวจิ๋วให้หลุดตามกระโปรงออกไปขนกายของตุลฎาลุกซู่ด้วยความซาบซ่านสะท้านทรวง เมื่อเขาโน้มหน้าลงไปตรงจุดนั้นแล้วพรมจูบไปทั่ว“ไม่มีใครหน้าไหนมอบความสุขให้เธอได้มากเท่าฉันอีกแล้วจำเอาไว้” เขาผงกศีรษะขึ้นพูดกับเธอแล้วก้มลงไปใหม่ ชำแรกปลายลิ้นเรียวหนาลงไปปลุกเร้าอารมณ์ของเธอให้แตกซ่าน..“พอเถอะค่ะคุณเขื่อน” เธอขอร้องเสียงกระเส่า หายใจหอบสะท้านด้วยความซาบซ่าน ครั้งนี้เขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมา ถึงได้เรียกร้องรุนแรงเอาแต่ใจแบบนี้“รับปากฉันก่อนสิว่าจะไม่นอกใจไปรักคนอื่น ถ้าไม่รับปาก ฉันจะทำให้เธอตายด้วยน้ำมือของฉันนี่แหละ” เขายืนยันคำพูดด้วยการโน้มหน้าลงไปทำให้เธอดิ้นพล่านด้วยความซ่านเสียว“ค่ะ ๆ เกลยอมแล้ว” ถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้เธอคงตายเพราะเขาจริง ๆศีรษะที่ปกคลุมไว้ด้วยเส้นผมดกดำเป็นมันเงา ละจากใจกลางเรือนร่างระหง ถั
“เตือนเรื่องอะไรวะ” ธีรทัศน์ค้างคาใจ“คุณเขื่อนคงไม่รู้ว่าหนุ่ม ๆ ในฟาร์มมีใจให้น้องเกลกันกี่คน จากการสังเกตของผมไม่น่าจะต่ำกว่าสิบ” คนแบบนี้ต้องใช้ไม้นี้แหละดีที่สุด“ใครวะไอ้ไกร มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้เลย กูจะไปกระทืบมันให้จมตีนเลย” เส้นเลือดน้อยใหญ่แย่งกันปรากฏบนขมับด้วยความตึงเครียด“ผมบอกไม่ได้หรอกครับ ถ้าอยากรู้ก็ดูเอาเองเถอะ”“ไอ้ไกร!”“ครับ”“มึงไม่ใช่เพื่อนกูใช่ไหม”“ใช่ครับ”“แล้วทำไมถึงไม่บอกกู”“ผมเป็นคนกลางนะครับ เรื่องแบบนี้คุณเขื่อนต้องจัดการเอง” ชายหนุ่มปิดประตูรถด้านหลัง “ฝากดูแลเธอดี ๆ นะครับคุณเขื่อน อย่าทำนิสัยลักกินขโมยกินเหมือนคู่ของผมล่ะ” พูดจบก็กลับเข้าไปนั่งตอนหน้าเคียงคู่คนรัก “ถ้าผมไปขอกิ๊งเขาจริง ๆ คุณเขื่อนจะเป็นเถ้าแก่ให้ผมไหมครับ”“ไอ้เพื่อนทรยศ ข้าจะไม่ไปเป็นเถ้าแก่ให้มึงเด็ดขาด” เขาสบถเสียงเครียดตามหลังรถที่ขับห่างออกไปเรื่อย
“เนตรขอโทษค่ะผู้จัดการ เนตรสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก” เธอชิงพูดขึ้นก่อนเมื่ออีกฝ่ายเดินมาถึง“จำคำพูดของเธอไว้ด้วยล่ะ โชคดีที่คุณกิ๊งเขาไม่เอาเรื่อง และยังขอร้องไม่ให้ไล่เธอออก รู้ไว้ด้วยว่าแฟนของเธอเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้านายของเราเลยนะ”“ขอโทษค่ะผู้จัดการ เนตรจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ” เนตรดาวรู้สึกขอบคุณคู่ต่อสู้อย่างลลิตาอยู่ในใจ“ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน ถ้ามันเกิดขึ้นอีกเธออาจจะไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้” ผู้จัดการต่อว่าหญิงสาวอีกหลายประโยคก่อนเดินจากไป...……………….“พี่กิ๊ง พี่ไกร” ตุลฎาเรียกคู่รักเบา ๆ ขณะนั่งอยู่ในรถด้วยกัน ยกมือไหว้ทั้งสองด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “เกลขอโทษนะคะที่ทำให้เกิดเรื่อง”“อย่าคิดมากน่าเกล พี่กิ๊งเขาก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ยอมใครง่าย ๆ หรอก พี่ชินแล้ว” เรื่องนี้เขามีประสบการณ์ตรงจากตัวเองนี่แหละ ตั้งแต่สมัยที่เธอมาตามตื๊อขอคบกับเขา“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับน้องเกลหรอก มันเป็นเรื่องระหว่างพี่กับผู้