“พี่ศิคะ หมอตุลธรเขาจะมาตรวจแทนหมอปิ่นทุกวันเลยไหมคะ” ปณิชาถามศศิมลซึ่งเป็นหัวหน้าของเธอเพื่อที่จะได้บอกกับผู้ป่วยที่มาใช้บริการได้ถูกต้อง
“เอ พี่ก็ยังไม่ได้ถามเหมือนกัน เหมยลองไปถามให้พี่หน่อยแล้วกันนะ แล้วก็ขอเบอร์โทรศัพท์หมอด้วยเผื่อจะติดต่อกัน พี่ไม่อยากให้ประชาสัมพันธ์ต่อสายให้ มันเสียเวลา”
“ได้ค่ะพี่ศิ เดี๋ยวเหมยทำเรื่องแอดมิทคนไข้เสร็จจะไปถามให้นะคะ”
ปณิชารีบจัดการคีย์ข้อมูลผู้ป่วยที่จะต้องส่งขึ้นไปบนวอร์ดอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินถือสมุดบันทึกรายชื่อแพทย์ประจำแผนกกุมารเวชแล้วเดินไปหาคุณหมอคนใหม่ที่ห้องตรวจ
“แพรวา คุณหมอมีคนไข้ไหม” ปณิชาถามผู้ช่วยพยาบาลที่ยืนประจำอยู่หน้าห้องตรวจ
“เหลือคนไข้อีกคนค่ะ แต่เข้าไปนานแล้วคงตรวจใกล้เสร็จแล้ว พี่เหมยจะเข้าพบต่อใช่ไหมคะ”
“ใช่จ้ะ ว่าแต่ทำไมแพรวาไม่เข้าห้องตรวจด้วยล่ะ”
“แม่ของเด็กเป็นเพื่อนคุณหมอค่ะ หนูก็เลยออกมารอข้างนอกค่ะ”
เพราะปกติแล้วการตรวจผู้ป่วยห้องตรวจเด็กจะต้องมีผู้ช่วยเข้าไปด้วยทุกครั้งเนื่องจากเด็กค่อนข้างจะซนและไม่ค่อยฟังคำสั่งจึงต้องมีคนคอยช่วยหมออยู่ด้วย
“น่าจะตรวจเสร็จแล้วค่ะพี่เหมย หนูขอเข้าไปเอาแฟ้มก่อนนะคะ” แพรวาเดินเข้าไปหยิบแฟ้มและเดินนำผู้ป่วยกับมารดาออกมาจากห้องเพื่อไปรอรับยาในขั้นตอนต่อไป
ปณิชารอให้ทุกคนออกมาจากห้องตรวจก่อนที่เธอจะขออนุญาตคุณหมอและเดินเข้าไปในห้องตรวจ
“คุณหมอตุลธรคะ เหมยอยากสอบถามอะไรสักหน่อยคุณหมอพอมีเวลาไหมคะ”
“ได้สิครับ ถามมาเลย” ตุลธรวางปากกาในมือก่อนจะนั่งพิงเก้าอี้ตรวจด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“เหมยจะถามเรื่องการออกตรวจของคุณหมอค่ะ”
“มีปัญหาตรงไหนหรือเปล่าครับ” เขาไม่รู้ว่าการทำงานวันแรกตนเองได้ทำอะไรผิดพลาดไปบ้างหรือเปล่า แต่เท่าที่นึกดูก็ไม่เห็นว่าตนเองจะผิดพลาดตรงไหน
“ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ”
“โล่งอกไปที ว่าแต่คุณเหมยมีอะไรจะถามผมเหรอครับ”
“หมอเรียกว่าเหมยก็พอค่ะ”
“ดีเหมือนกันครับ ผมต้องมาทำงานที่นี่อีกหลายเดือนจะได้ดูสนิทสนมกันหน่อย เหมยก็เรียกผมว่าหมอตุลย์ก็ได้นะครับไม่ต้องเรียกชื่อจริงหรอก”
“ได้ค่ะหมอตุลย์” ปณิชาเองก็อยากจะทำความคุ้นเคยกับหมอคนใหม่ไว้เพราะเวลาทำงานร่วมกันจะได้ไม่มีปัญหา
“ว่าแต่เหมยจะถามอะไรล่ะครับ”
“เหมยอยากจะถามว่าคุณหมอจะมาตรวจแทนหมอปิ่นตามตารางเดิมของหมอปิ่นเลยทุกวันเลยไหมคะ”
“ผมขอดูหน่อยได้ไหมครับว่าหมอปิ่นตรวจวันไหนบ้าง” เขารับปากจะมาตรวจแทนหมอรุ่นพี่แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าตนเองจะออกตรวจแทนได้ทุกวันหรือเปล่าเพราะนอกจากตุลธรจะทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐบาลแล้วเขายังมีคลินิกที่เปิดรักษาผู้ป่วยเด็กอีกด้วย
“นี่ค่ะ” ปณิชารีบส่งตารางออกตรวจของหมอแผนกกุมารเวชให้กับคุณหมอคนใหม่
ตุลธรดูตารางตรวจของพี่รหัสแล้วก็ตอบตกลงที่จะมาตรวจแทนในวันอังคารเวลาช่วงเย็นและวันอาทิตย์ช่วงบ่ายถึงสองทุ่ม ส่วนเวลากลางวันเขามาตรวจแทนไม่ได้
“งั้นเหมยลงในตารางเลยนะคะ ถ้าวันไหนคุณหมอมาตรวจไม่ได้รบกวนโทรแจ้งที่แผนกล่วงหน้าหนึ่งวันนะคะ ทางเราจะได้หาคุณหมอพาร์ตไทม์มาตรวจแทนค่ะ”
“ได้ครับ แล้วผมต้องไปรายงานตัวกับฝ่ายบุคคลของที่นี่หรือเปล่าครับ”
“ไม่ต้องค่ะ คุณหมอแค่ส่งไฟล์รูปใบประกอบวิชาชีพ สมุดบัญชีธนาคารให้ทางไลน์นี้ก็พอค่ะ” หญิงสาวเอาคิวอาร์โค้ตของแผนกบุคคลให้กับตุลธรสแกน
“เรียบร้อยครับ ผมแค่ส่งไฟล์ก็เสร็จใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ อ้อ เหมยขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณหมอด้วยนะคะ”
ตุลธรยิ้มก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาเองก็อยากได้เบอร์โทรศัพท์ของเธออยู่แล้วจึงไม่รีรอที่จะให้เบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง
“เบอร์คุณเบอร์อะไรครับ”
“คุณหมอจดลงในสมุดเล่มนี้เลยนะคะ” หญิงสาวส่งสมุดให้กับคุณหมอหนุ่มซึ่งในนั้นมีรายชื่อของหมอคนอื่นๆ และเบอร์โทรศัพท์อยู่เต็มไปหมด
“ผมนึกว่าคุณจะให้เบอร์ส่วนตัวผมเสียอีก” ตุลธรรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“คุณหมอติดต่อไปทางเบอร์โทรของแผนกค่ะเบอร์นี้ดีกว่าค่ะ”
“แล้วคุณจะเป็นรับสายทุกครั้งไหมครับ”
“เปล่าค่ะ เบอร์นี้จะเป็นเบอร์ของแผนก ส่วนใหญ่แล้วพี่ศิจะเป็นคนรับสายค่ะ”
“แล้วทำยังไงผมถึงจะได้เบอร์คุณล่ะครับ”
“คุณหมอจะเอาไปทำไมคะ”
“ก็เผื่อมีบางอย่างอยากจะถามแล้วหัวหน้าคุณไม่ว่างตอบ คุณก็รู้ว่าผมเพิ่งมาทำงานที่นี่วันแรก บางทีจะถามเยอะหน่อย หัวหน้าคุณคงไม่ว่างมาตอบผมบ่อยๆ หรอกนะครับ” คุณหมอหนุ่มจอมเจ้าชู้รีบบอกเหตุผล
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
ปณิชาเห็นด้วยกับเขาเพราะหัวหน้าของของเธองานค่อนข้างจะยุ่งมาก หญิงสาวจึงบอกเบอร์โทรศัพท์ของตนเองให้กับคุณหมอหนุ่มไป ฝ่ายนั้นก็รีบกดโทรเข้ามาทันที
“คุณเมมเบอร์โทรผมไว้นะครับ อ้อ แอดไลน์ไว้ด้วยก็ดีนะครับ” คุณหมอหนุ่มพูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ ปณิชายิ้มตอบก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานของตนเองต่อ
ตุลธรมองตามหลังเธอไปแล้วยิ้มตาเป็นประกาย การมาทำงานที่โรงพยาบาลนี้คงไม่น่าเบื่ออีกต่อไปถ้าเขาจะได้เจอกับพยาบาลสาวๆ สวยๆ แบบนี้ทุกวัน
แล้วก็ถึงวันที่ปณิชาจะต้องเดินทางไปเที่ยวคนเดียวตามลำพังเธอตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้มาก ถึงแม้ว่าก่อนการเดินทางเธอจะเตรียมพร้อมเรื่องภาษามาอย่างดีแต่ก็ยังกังวลว่าจะสื่อสารให้คนอื่นฟังไม่รู้เรื่องตั๋วเครื่องบินที่พี่ชายให้มาเป็นตัวบินตรงจากกรุงเทพมายังสนามบินปรากวาคลาฟฮาเวลซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองปรากไม่ถึง 20 กิโลเมตร พี่ชายของเธอบอกว่าพอลงจากเครื่องก็จะมีรถของโรงแรมมารับให้เธอคอยสังเกตเพราะเขาจะถือป้ายชื่อมาคอยต้อนรับปณิชามองหาคนจากโรงแรมที่พี่ชายบอกว่าจะมารัก แต่มองเท่าไหร่ก็ยังไม่เจอป้ายชื่อของตัวเอง หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อเห็นป้ายหนึ่งเขียนว่า Will you marry me? เธอรู้สึกว่าไม่มันเป็นอะไรที่โรแมนติกมากที่ขอแต่งงานกลางสนามบินแบบ ปณิชา รู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้นเหลือเกินที่มีคนทำเรื่องเซอร์ไพรซ์แบบนี้หญิงสาวกำลังเดินมาใกล้จุดที่คนถือป้ายเรื่อยๆ และพอเดินเข้าใกล้ด้านหน้าหน้าก็มีอีกป้ายหนึ่งปรากฏขึ้นซึ่งมันเขียนด้วยภาษาไทยตัวโตๆ ว่า “เหมย” หญิงสาวเลยรีบเดินเข้าไปเพราะคิดว่าเป็นคนจากโรงแรมและบังเอิญมายืนผิดตำแหน่ง“เหมยแต่งงานกันนะ” เสียงที่พูดขึ้นมาทำให้หญิงสาวหยุดชะงักแล
ปณิชาไม่ต้องไปทำงานที่คลินิกของหมอตุลธรแล้วเย็นนี้เธอจึงมีเวลาออกมาเดินซื้อของใช้จำเป็นที่ห้างสรรพสินค้า ระหว่างที่ปณิชากำลังเดินเอาของมาเก็บที่รถก็ได้รับสายจากศุภกิจพอดี “สวัสดีค่ะพี่ใหญ่”“สวัสดีจ้ะเหมย ตอนนี้อยู่ที่ไหนทำไมเสียงดังจังเลย”“เหมยออกมาซื้อของที่ห้างค่ะ พี่ใหญ่มีธุระอะไรกับเหมยหรือเปล่าหรืออยากให้เหมยช่วยอะไรไหมคะ”“อยู่ห้างแถวไหนล่ะ”ปณิชาบอกชื่อห้างสรรพสินค้าที่ตนเองกำลังเดินอยู่ให้กับพี่ชายฟังอีกฝ่ายก็ถามกลับ“รีบไปไหนหรือเปล่า”“ไม่หรอกค่ะ พี่ใหญ่จะให้เหมยทำอะไรหรือเปล่า”“เปล่าหรอกพี่เพิ่งเลิกงาน เรานัดเจอกันหน่อยดีไหม พี่กำลังอยากหาเพื่อนกินข้าวอยู่พอดีเลย”“ได้ค่ะเดี๋ยวเหมยเอาของไปเก็บที่รถถ้าพี่ใหญ่มาถึงก็โทรบอกนะคะเดี๋ยวมเหมยจะไปหาพี่เองค่ะ”“ได้ครับ เหมยรอพี่ไม่น่าจะเกิน 20 นาทีนะ”“แล้วพี่ใหญ่จะมายังไงคะ”“พี่นั่งวินหน้าโรงพยาบาลไปก็ได้”“ให้เหมยไปรับดีกว่าไหมคะ”“ไม่เป็นไรหรอกพี่ไปเองแบบนี้มันน่าจะสะดวกกว่า”“ก็ได้ค่ะพี่ใหญ่”ปณิชาเดินเอาของไปเก็บที่รถจากนั้นก็เดินไปเตร็ดเตร่อยู่แถวหน้าห้างพอศุภกิจลงจากวินมอเตอร์ไซด์เธอก็รีบเข้าไปทักทายทั
ตุลธรมองนาฬิกาข้อมือซึ่งขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง วันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งเขาจะต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนที่ปณิชาทำงานอยู่ ชายหนุ่มไม่อยากไปเลยแต่วันนี้หมอปรียาภัทรไม่ว่างจึงไปออกตรวจแทนเขาไม่ได้ตั้งแต่คุยกับปณิชาเมื่อเย็นวันพุธเขากับเธอก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย และนี่เป็นครั้งแรกที่จะเผชิญหน้ากับหญิงสาว ตุลธรไม่รู้ว่าตัวเองจะมองหน้าเธอได้หรือเปล่าเนื่องจากเขากลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนและกลับไปรักเธออีกครั้งเมื่อมาถึงโรงพยาบาลตุลธรก็เห็นว่าปณิชานั้นยิ้มแย้มแจ่มใสกับคนไข้อย่างเคย หัวใจเขากระตุกวูบและรู้สึกหวั่นไหวจนต้องเบือนหน้าหนี“สวัสดีค่ะหมอตุลย์” ปณิชากล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างเคย หากแต่แววตาที่มองนั้นมันว่างเปล่าไม่มีความรักหลงเหลืออยู่ในนั้นอีกแล้ว ตุลธรรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เขาเป็นคนตัดสัมพันธ์กับเธอเองแต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าตนเองนั้นทำผิดพลาด“สวัสดีครับ”“หมอมีคนไข้รออยู่ 4 คนนะคะ เดี๋ยวเหมยจะให้แพรวาเรียกไปรอหน้าห้องตรวจค่ะ”“ขอบคุณครับ” ตลอดทั้งบ่ายอาทิตย์ชายหนุ่มมักจะมองออกไปยังห้องตรงข้ามซึ่งเป็นห้องสำหรับฉีดวัคซีนเขาเห็นปณิชาทำงานด้วยรอยยิ้มก็เผลอมองอยู่นาน ตุลธ
ปณิชานั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถจนกระทั่งถึงเวลาสองทุ่ม เมื่อเห็นตุลธรเดินออกมาจากคลินิกเธอก็รีบเปิดประตูออกแล้วเดินเข้าไปหาเขาทันที“หมอตุลย์คะ เหมยว่าเราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”“ผมเหนื่อยมากนะเหมยเอาไว้คุยกันวันหลังได้ไหม”“หมอจะบ่ายเบี่ยงไปถึงไหนมีอะไรก็พูดมาตรงๆ”“คุณอยากให้ผมพูดตรงๆ กับคุณมากใช่ไหม”หญิงสาวรู้สึกแปลกเพราะสรรพนามที่เขาใช้เรียกเธอนั้นมันเปลี่ยนไปแต่ก่อนเขาเรียกชื่อเล่นแต่ตอนนี้เขาแทนชื่อเธอด้วยคำว่าคุณซึ่งมันแสดงออกถึงความห่างเหิน“ค่ะ เหมยอยากรู้ว่าระหว่างเรามันเกิดอะไรขึ้นทำไมหมอถึงเปลี่ยนไปแบบนี้”“ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ”“แล้วที่ผ่านมาคืออะไรคะ หมอหลอกเหมยมาตลอดเหรอคะว่ารักเหมย”“มันก็แค่คำพูดของผู้ชายน่ะเจ้าชู้” ตุลธรยิ้มมุมปากแววตาที่มองเธอวันนี้มันต่างไป มันไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรในนั้นเลย“เหมยไม่คิดเลยนะคะว่าหมอที่จิตใจดีและอ่อนโยนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้”“แล้วคุณคาดหวังจะให้ผมเป็นยังไงล่ะ”“เหมยก็คิดว่าคุณแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นแต่จริงๆ แล้วก็ไม่เลยสักนิด”“คุณอย่าเอาผมไปเปรียบเทียบกับคนรักเก่าของคุณ”“ทำไมจะเปรียบเทียบไม่ได้ล่ะคะ ในเมื่อคุณก็ไ
ระหว่างที่ตุลธรไปประชุมที่สิงคโปร์ปณิชาก็มีเรื่องวุ่นเกิดขึ้นเพราะลูกชายของลุงสุพจน์ย้ายมาทำงานที่เมืองไทยเขาอยากได้คอนโดมิเนียมที่เธออาศัยอยู่ในตอนนี้เนื่องจากชายหนุ่มยังไม่ชินกับถนนเมืองไทยจึงอยากย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าการเดินทางมาทำงานก็สะดวกกว่าคอนโดมิเนียมของตนเองศุภกิจหรือพี่ใหญ่จึงยื่นข้อเสนอให้ปณิชาย้ายไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมของตัวเอง โดยจะซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เธอพร้อมกับให้เงินเธออีกก้อนหนึ่งเป็นค่าน้ำมันที่ต้องเพิ่มขึ้นเนื่องจากคอนโดที่จะต้องย้ายไปนั้นอยู่ไกลกว่าที่เดิมประมาณ 5 กิโลเมตรปณิชาคิดว่ามันไม่ได้ลำบากอะไรถ้าหากหญิงสาวจะต้องตื่นเช้าอีกสักนิดเพื่อจะขับรถมาทำงานเพราะเธอเองก็คุ้นเคยกับถนนเส้นนี้ดีต่างจากศุภกิจที่ไปอยู่อเมริกานานนับสิบปี เธอจึงตอบตกลงโดยไม่คิดอะไรมากปณิชาไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับตุลธรเพราะมันเรื่องภายในครอบครัวอีกทั้งตอนนี้เขาก็กำลังยุ่งอยู่กับการประชุมเธอคิดจะบอกคนรักในวันที่เขากลับมาถึงเมืองไทยแล้วปณิชาใช้เวลาไม่นานก็ย้ายของทั้งหมดของตัวเองไปยังคอนโดมิเนียมแห่งใหม่โดยครั้งนี้มีอารดาและพาขวัญมาช่วย“ที่นี่น่าอยู่ไม่แพ้ที่เ
หลังจากส่งคนรักถึงขอบสวรรค์ไปแล้วตุลธรก็พลิกให้เธอลงมาอยู่ด้านล่าง เขามองหน้าเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ก่อนจะบดจูบลงบนริมฝปากบางอยางดูดดื่ม ฝ่ามือร้อนคลึงเคลาสองปทุมอวบอิ่มอย่างมันมือ ปลายนิ้วสะกิดยอดปทุมถันปลุกเร้าจนเสียงหวานครางระงม“อื้อ....หมอตุลย์”จูบจนพอใจเขาก็ลากไล้ความเปียกชื้นไปตามซอกคอหอมกรุ่น ขบเม้มดูดดึงไปตามแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูง ผิวเนียนนุ่มขึ้นรอยแดงไปทั่วทุกจุดที่ปากร้อนเลื่อนผ่านและมาหยุดที่ยอดถันสีสวย ตุลธรไม่รอช้าที่จะดูดกินอย่างหิวกระหายขณะที่ท่อนเอ็นร้อนก็กำลังกดเข้าหาความอุ่นของโพรงสวาทอีกครั้ง“อ๊ะ....”“เจ็บเหรอ”ปณิชาส่ายหน้า เธอมองหน้าคนรักแล้วยิ้มยั่วขณะขมิบช่องทางรักทักทายท่อนเอ็นของเขาเป็นจังหวะ“อ้าห์.....จะฆ่าผมให้ตายคาอกเลยใช่ไหม” ตุลธรกัดกรามแน่นแล้วเขาก็เริ่มขยับสะโพกเป็นจังหวะอีกครั้งเพราะถ้ายังอยู่นิ่งปณิชาคงใช้ความอ่อนนุ่มรัดเขาจนแตกเร็วแน่ๆ “อื้ม...หมอขาเหมยเสียว” เธอครางหวานร่างกายสั่นสะท้านเมื่อเขากระแทกกระทั้นตัวเข้าหา ท่อนเอ็นแข็งร้อนเคลื่อนเข้าออกโพรงอุ่นสุดความยาวครั้งแล้วครั้งเล่า เสี