แม้จะไม่ใช่ ‘คนโปรด’ แต่ฮองไทเฮาก็ส่งนางกำนัลมาคอยดูแลว่านหนิงเหมยเป็นอย่างดี หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอนแล้ว พวกนางกำนัลยังช่วยแปรงผมยาวให้ด้วย แม้นางปฏิเสธหลายครั้งเพราะไม่คุ้นชินกับการมีผู้อื่นมาปรนนิบัติ จนเมื่อนางกำนัลออกไปแล้วหญิงสาวถึงรู้สึกหายใจโล่งขึ้น หญิงสาวเดินไปที่หน้าต่าง เวลานี้ยามซวี เหม่อมองไปด้านนอกด้วยหัวใจที่ยังว้าวุ่นและสับสน
‘โธ่ น่าสงสาร คนผู้นั้นจำนางไม่ได้’
‘จะจำได้อย่างไร ตอนนั้นนางยังเด็ก’
“พวกเจ้าหยุดล้อข้าได้แล้ว” ว่านหนิงเหมยแลบลิ้นใส่ ใบไม้สั่นไหวเป็นเสียงหัวเราะคิกคัก “จะโกรธหรือน้อยใจก็ไม่ได้ ตอนนั้นข้าอายุแค่สิบสองเอง”
‘อายุแค่นั้นก็ริรักผู้ชาย’
‘แล้วอย่างไรเล่า คนผู้นั้นหล่อเหลาองอาจถึงเพียงนั้น’
“พอเถิด ข้าอายเหลือเกิน” นางยกมือขึ้นปิดใบหน้า นางนี่แก่แดดแก่ลมเสียจริง ตัวแค่นั้นก็ริมีความรักแล้ว
‘ตอนนั้นอายุสิบสอง ตอนนี้อายุสิบแปด เจ้าเป็นสาวสะพรั่งแล้ว ได้พบกันอีกครั้ง ไยไม่ไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้’
“เจ้าพูดถึงเรื่องอะไรกัน” หญิงสาวถามกลับอย่างงุนงง
‘ตอนนั้นเจ้ายังเด็ก ตอนนี้เป็นสาวแล้ว ไยไม่ใช้เสน่ห์ยั่วยวนเข้าหน่อยเล่า’
‘จริงด้วย องค์ชาย อุ๊ย! ท่านอ๋องก็ไม่เห็นมีท่าทีรังเกียจแผลเป็นบนหน้าเจ้าเสียหน่อย’
‘กล้ารักแล้ว ไยมิกล้าใกล้ชิด’
เหล่าพฤกษาส่งเสียงกระซิบกระซาบปนหัวเราะคิกคัก ว่านหนิงเหมยกลับใบหน้าแดงก่ำราวคนป่วยไข้ อย่างนางนะรึ จะเอาเสน่ห์ที่ไหนไปยั่วยวนใครได้
‘เหมยเอ๋อร์ที่รัก เจ้ามักคิดว่าตัวเองต้อยต่ำไร้ค่า แต่เจ้าลืมไปหรือไร มนุษย์ท้ายที่สุดแล้วก็กลับสู่พื้นดิน มิว่าสูงหรือต่ำเพียงใด จุดจบก็คือสถานที่เดียวกัน’
‘ถูกต้อง รักแล้วเก็บไว้ในใจ ใครเลยจะรู้ มิสู้เอ่ยไปไม่ดีกว่ารึ’
‘ประเดี๋ยวคนผู้นั้น จะเลือกพระชายาแล้ว ทำอะไรก็รีบทำเถิด’
“พวกเจ้าพูดจริงรึ” เรื่องเหล่านี้หากไม่ใช่กับเหล่าพฤกษาแล้ว นางไม่เคยกล้าพูดกับผู้ใด หญิงสาวยกมือขึ้นพันปลายผมของตนเล่น พลางครุ่นคิดเรื่องที่สนทนาไป
‘แย่แล้ว! นางกำนัลเป็นลม องครักษ์หามออกมาแล้ว’
“อะไรนะ ใครเป็นอะไร” ว่านหนิงเหมยสะดุ้ง เห็นใบไม้สั่นไหวรุนแรงราวกับมีกระแสลมผ่าน
‘นางกำนัลที่เข้าไปปรนนิบัติท่านอ๋องเป็นลมไปอีกแล้วนะสิ’
‘องครักษ์ต้องหามออกมาเชียว’
‘แล้วผู้ใดจะดูแลปรนนิบัติท่านอ๋องล่ะ’
“คงกลัวท่านอ๋องจนเป็นลมเป็นแล้งไปแน่เลย” ว่านหนิงเหมยกัดริมฝีปากครุ่นคิดก่อนถลาออกจากห้องไป แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหญิงรับใช้สองนางยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของนาง
“เอ่อ...ข้า...ข้าเพิ่งนึกได้ว่าลืมดูกล้วยไม้ของฮองไทเฮา”
“ให้พวกเราไปเป็นเพื่อนหรือไม่แม่นางว่าน”
“ไม่เป็นไร ข้าไปคนเดียวสะดวกกว่า”
ว่านหนิงเหมยยิ้มน้อยๆ แล้วรีบก้าวยาวๆ จนพ้นสายตาผู้อื่นแล้ว มือเล็กยกชายกระโปรงตัวยาวขึ้นออกวิ่งไปตำหนักที่องค์ชายเฟยเทียนพำนัก เมื่อตอนบ่ายนางกำนัลและขันทีกลัวจนแข้งขาอ่อน ได้แต่วางถาดอาหารไกลๆ ให้องครักษ์ทั้งสองมารับไป ทำไมถึงมีแต่คนกลัวชายผู้นั้นนะ มีปีศาจมังกรเพลิงสิงสถิตอยู่แล้วเป็นอย่างไรเล่า คนผู้นั้นเสียสละปกป้องแผ่นดินมังกร จนตนเองกลายเป็นปีศาจไปครึ่งหนึ่ง ไม่ควรแสดงความหวาดกลัวออกมาเช่นนี้
หญิงสาววิ่งไปถึงหน้าห้อง เห็นองครักษ์ทั้งสองกำลังหิ้วปีกนางกำนัลผู้หนึ่งออกมาพอดี เหล่าพฤกษานี่ช่างส่งข่าวให้นางได้รวดเร็วเหลือเกิน นางยืนหอบน้อยๆ ในขณะที่องครักษ์หน้าเข้มจ้องมองนาง
“ข้า.. เอ่อ...ข้ามาดูแลปรนนิบัติท่านอ๋อง” นางชี้ไปด้านใน
เจิ้งหู่และเจิ้งไฉจำหญิงสาวผู้นี้ได้ นางยกขนมของว่างและน้ำชามาดูแลพวกตน เขาจึงเข้าใจไปว่านางคงเป็นนางกำนัลหรือคนสนิทของฮองไทเฮา มิเช่นนั้นคงไม่กล้าเข้ามาใกล้องค์ชายเฟยเทียนเป็นแน่ ว่านหนิงเหมยเห็นทั้งสองพยักหน้าให้แล้ว นางรีบผลักประตูเข้าไปด้านในทันที
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมาปรนนิบัติเพคะ” นางรีบพูดออกไปพร้อมกับก้าวเร็วๆ เข้าไปด้านใน แล้วก็เป็นตัวนางเองที่สะดุ้งเฮือก กว่าจะตั้งสติได้ก็รีบหันหลังให้กับบุรุษที่เปลือยท่อนบนอยู่
“ทำไมพวกเจ้าไม่บอกข้าว่าท่านอ๋องกำลังจะอาบน้ำ!” ว่านหนิงเหมยกัดฟันพูด เห็นเพียงต้นไผ่ทองที่ตั้งประดับมุมห้องขยับใบเล็กน้อย
องค์ชายเฟยเทียนที่เดิมทีหันหลังอยู่ แต่พอได้ยินเสียงหญิงสาวเข้ามาใหม่จึงหันกลับมามอง กลายเป็นอีกฝ่ายหันหลังให้เสียนี่ แต่กระนั้นจำได้ว่าเป็นหญิงสาวที่เจอเมื่อช่วงบ่าย
“ปากว่าปรนนิบัติ ไยหันหลังให้ข้าเช่นนี้”
“เอ่อ.. เพคะ”
นางรวบรวมความกล้าอยู่อึดใจ ได้ยินเสียงน้ำก็เดาว่าเจ้าของร่างสูงได้ก้าวเท้าลงในอ่างอาบน้ำแล้ว นางจึงหันกลับมาแล้วเดินเข้าไปใกล้ เห็นเพียงด้านหลังของคนผู้นั้นที่เอนตัวพิงขอบอ่าง วางแขนสองข้างไปกับขอบอ่าง รู้ว่าผู้คนหวาดกลัวปีศาจมังกรเพลิงบนท่อนแขนซ้ายนี้ก็ยังชอบอวดให้ผู้อื่นเห็น นางกำนัลพากันเป็นลมล้มพับเพราะเห็นรูปปีศาจมังกรเพลิงนี่กระมัง คงรวมไปถึงปลายเส้นผมที่เป็นสีแดงดุจจุ่มโลหิตของเขาด้วย
ว่านหนิงเหมยม้วนแขนเสื้อของตนเอง หยิบผ้าชุบน้ำเช็ดเนื้อตัวให้องค์ชาย จะว่าไปนางก็คุ้นเคยกับการดูแลปรนนิบัติผู้อื่นอาบน้ำ แต่เป็นคุณชายน้อยของตระกูลว่านและจ้าวต้าเด็กชายที่นางซื้อตัวมา ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกล้ามเนื้อแน่นหนั่น ดวงตาสุกใสสังเกตเห็นรอยแผลเป็นจางที่เกิดขึ้นมานานแล้ว หัวใจนางเหมือนถูกบีบรัด ใครกันบอกว่าเขามีปีศาจปกป้องแต่กลับได้รับบาดแผลเช่นนี้
องค์ชายเฟยเทียนแปลกประหลาดใจนัก สตรีผู้นี้ไม่ได้กลัวเขาเช่นนางกำนัลคนอื่น แล้วมือเล็กนั้นก็บีบไหล่ของเขา แม้แรงไม่มากแต่กลับช่วยให้ไหล่ที่ตึงเครียดผ่อนคลายลงได้มาก
“การนอนไม่หลับนั้นเกิดจากระบบในร่างกายไม่สมดุล เปรียบเสมือนตาชั่งน้ำหนักสองด้านเอนไปทางด้านใดด้านหนึ่ง ท่านอ๋องโปรดลดการดื่มสุรารสแรงก่อนนอน เปลี่ยนเป็นชาสมุนไพรจะช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้นเพคะ”
เห็นอีกฝ่ายเงียบไป นางพูดไปพลางใช้นิ้วโป้งนวดขมับ รู้สึกได้ว่าร่างกายนี้โอนอ่อนตามแรงสัมผัสของนาง หญิงสาวเผลอยิ้มขณะเลื่อนมือไปที่ใบหูของท่านอ๋อง ไม่ทันตั้งตัว มือใหญ่กระชากนางลงไปในอ่างน้ำอย่างรวดเร็ว กว่าจะตั้งสติได้ ตัวเองก็เปียกชุ่มและนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำเดียวกับชายหนุ่มแล้ว
“ท่านอ๋อง!” นางเกือบจะตวาดออกไป แต่พอยกมือขึ้นเช็ดน้ำบนใบหน้าของตนออก เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย นางรู้ว่าเขาชอบแกล้งให้ผู้อื่นกลัว แต่แกล้งนางเช่นนี้ย่อมซุกซนเกินไป
ลมหายใจของเขามีไว้เพื่อนาง ลมหายใจของนางมีไว้เพื่อ เรื่องย่อ เรื่องราวระหว่างเทพมังกรดิน ฮวงหลง และหญิงสาวเดินดินนามซิ่นฮวา เมื่อโชคชะตาเล่นตลกให้หญิงสาวมองเห็น ‘เทพมังกรดิน’ เขาจำ(ใจ)ต้องปรากฏกายทุกครั้งที่นางเรียกขานนามของเขา ทำให้เทพเซียนชั้นฟ้ากลายเป็นพี่เลี้ยงของเด็กหญิงตัวน้อย จวบจนนางเติบโตเป็นหญิงสาวงามสะพรั่ง กฎสวรรค์ทำให้เขาต้องหักห้ามใจ แต่เพราะนางและเขามีชะตาที่ต้องชดใช้กรรมร่วมกัน และมีเพียง ‘ลมหายใจมังกร’ เท่านั้น ที่จะต่อลมหายใจของนางได้ เส้นทางที่เขาเลือกมิใช่สิ่งที่นางปรารถนา เพียงหนึ่งชาติภพเพื่อให้ใจได้ ‘รัก’ แม้ช่วงเวลานั้นจะแสนสั้น.... นางก็ยินดี จาก ‘ท่อนแขนมังกร’ สู่ ‘ลมหายใจมังกร’ (ท่อนแขนมังกรรุ่นลูก) ‘ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าจะอยู่ข้างกายท่าน จะไม่มีวันทอดทิ้งท่านอย่างเด็ดขาด’ “แม้ว่าข้าจะกลายเป็นคนอัปลักษณ์ เจ้าก็ยังอยู่เคียงข้างข้าหรือ?” ‘แน่นอน’ นางยืนยันด้วยแววตาใสซื่อ ‘ข้ามิได้รักท่านที่หน้าตา แต่เพราะจิตใจของท่านต่างหากที่ข้าหลงรัก’ “เจ้ารักข้า?” คำสารภาพรักของนางนั้น เขาได้ยินมานับร้อยนับพันครั้งแล้วกระมัง แต่ครั้งนี้ แม้นางไม่ไ
“เช่นนั้นเจ้าไม่ลองมีลูกสาวให้เป็นเพื่อนซิ่นฮวาอีกคนเล่า เด็กๆในตำหนักมีแต่เด็กผู้ชาย ถ้ามีลูกผู้หญิงเพิ่มขึ้นอีกคนก็คงดีไม่น้อย ตอนนี้ซิ่นสือก็สามขวบแล้ว ถ้าเจ้าจะมีลูกอีกสักคนก็...”บุรุษหนุ่มผู้กรำศึกมานับไม่ถ้วนถึงกับสะอึกไปเมื่อเห็นสายตาดุๆ ของภรรยาตัวน้อย“ข้ามิใช่แม่หมูนะ” เหตุใดมาเคี่ยวเข็ญให้นางตั้งท้องขนาดนี้นะ“โธ่! เพราะเห็นเจ้าเป็นภรรยาหนึ่งเดียวของข้าถึงได้ชวนเจ้ามีลูกอีกสักคนหรือสองคนก็ได้” เขาโอบไหล่นางพานางกลับเข้าห้องพัก ปล่อยให้จ้าวต้าอยู่กับลูกชายสองคนของเขา คงเป็นวิธีเบี่ยงเบนความสนใจจากว่านหนิงเหมยให้จ้าวต้าไปรับตัวซิ่นฮวาจากสวนกระจ่างใจจ้าวต้าโคลงศีรษะไปมาแล้วมองเด็กน้อยทั้งสอง แม้ฐานะของเขาต้อยต่ำนัก แต่เขาเสมือนพี่ใหญ่ที่ต้องดูแลเด็กๆ เหล่านี้ เขาถอนหายใจก่อนยิ้มอ่อนโยน จูงมือซิ่นหลิงและอุ้มซิ่นสือไปส่งป้าฮุยเหอก่อนแล้วค่อยไปรับเด็กหญิงแสนซุกซนผู้นั้นเด็กหญิงตัวต้นเรื่องนั่งหน้าบึ้งตึงในศาลาหกเหลี่ยมของสวนกระจ่างใจ ท่านแม่ให้นางนั่งสำนึกผิดอยู่ผู้เดียว แต่กระนั้น นางก็รู้และมั่นใจว่าองครักษ์ของท่านพ่อคอยจับตาดูนางอยู่“เรื่องนิดเดียวเอง ไยท่านแม่ต้องโกรธถึงเ
ชายหนุ่มวัยสิบหกพาเรือนร่างกำยำเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มประดับใบหน้าคมเข้ม แม้อายุเพียงแค่สิบหกปีแต่เพราะฝึกฝนวรยุทธ์อย่างเข้มงวด ทำให้เขาดูสูงใหญ่กว่าชายหนุ่มวัยเดียวกัน แทบไม่เหลือเค้าโครงเด็กชายผอมกะหร่องที่ค่อยติดตามพระชายาเลยแม้แต่น้อย เพียงร่างสูงเดินเข้าไปในห้องโถง พลันประสาทรับรู้ถึงการพุ่งเข้าใส่ ทว่าเขากลับไม่ปัดป้องหรือหลบหลีก ยอมให้ร่างเล็กโถมเข้าใส่สุดแรงจนเสียหลักหงายหลังล้มลงให้เด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบนั่งทับ “พี่จ้าวต้ากลับมาแล้ว!” มือน้อยของเด็กชายขยุ้มคอเสื้ออีกฝ่าย สีหน้าตื่นเต้นดีใจทั้งที่ไม่เจอกันแค่สามเดือน “คุณชายซิ่นหลิง” ชายหนุ่มหัวเราะขบขันกับท่าทางดีอกดีใจของอีกฝ่าย เพราะรู้ว่าผู้ที่พุ่งเข้ามาเป็นใครจึงยอมให้นั่งทับบนร่างตัวเองเช่นนี้ เขาจับไหล่เด็กชายตัวน้อย ยกตัวขึ้นเพื่อให้ตัวเองลุกขึ้นยืนได้ “พี่จ้าวต้ามาแล้ว ไปช่วยซิ่นฮวาเร็วๆ เข้า” มือน้อยกระตุกมือใหญ่แล้วชี้ไปทางด้านหลังของตำหนักดุจตะวัน “หือ? คุณหนูเป็นอะไรไปขอรับ” เขาถามพลางมองไปตามทิศทางที่นิ้วป้อมๆ ชี้ไป ถ้าคุณหนูตัวน้อยอยู่ที่สวนก
พูดได้แค่นั้นก็อยากจะอาเจียนหรือหาของเปรี้ยวมากิน คราวนี้ฮองไทเฮาอดหัวเราะไม่ได้ ในขณะที่หลานรักอย่างเขากลับรู้สึกอับอายยิ่งนัก เพราะหลบสายตาของผู้เป็นย่าจึงปะทะกับสายตาล้อเลียนขององครักษ์ฝาแฝดทั้งสอง ทำได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่พอใจ ก็ใครใช้ให้เขารักนางมากขนาดนี้กันเล่า เฮ้อ!“เอาเถิดๆ อย่างไรข้าจะเป็นยายแก่หนังเหนียวรอเจ้าพาเหลนและสะใภ้กลับมาเยี่ยมอยู่ที่นี่”องค์ชายเฟยเทียนโค้งตัวอำลาฮองไทเฮา คราวนี้เขาไม่รั้งอยู่นาน ใช้วิชาตัวเบาราวล่องหนหายออกไปจากวังหลวงพร้อมองครักษ์ทั้งสองอย่างรวดเร็ว เพื่อกลับไปดูแลคนที่ทำให้เขาต้องออกอาการแพ้ท้องแทนอยู่อย่างนี้ตุนหวงรถม้ามาหยุดหน้าตำหนักดุจตะวัน หญิงวัยกลางคนโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างรถอย่างไม่มั่นใจนัก จนกระทั่งเห็นเด็กชายที่เคยเลี้ยงดูรีบวิ่งเข้ามาหา นางจึงยิ้มกว้างออกมา“จ้าวต้า”“ป้าฮุยเหอมาแล้ว” จ้าวตารีบไปประคองให้นางลงจากรถม้า ก่อนท่านอ๋องเดินทางไปเมืองหลวงได้สอบถามเขาถึงคนสนิทหญิงรับใช้ที่บ้านเดิม ท่านอ๋องต้องการให้พระชายามีคนคุ้นเคยอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยเหลือยามตั้งครรภ์แรก เขาจึงนึกถึงป้าฮุยเหอที่ดูแลเขาและพระชายามาตั้งแต่เกิด แต่เ
ดวงเนตรเบิกกว้างอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินโอรสที่ทรงหมางเมินกล่าวออกมาเช่นนี้ จ้องมองบุรุษเบื้องหน้าที่ใบหน้าละม้ายคล้ายกันนัก สิ่งที่ลูกชายพูดออกมานั้นล้วนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ทุกครั้งที่มองใบหน้านี้จึงเหมือนมองตนเองในวันวัยเดียวกัน ยามที่เป็นเพียงองค์รัชทายาทก็ราวกับเป็นเพียงหุ่นเชิดให้ใครต่อใครบงการ พยายามอย่างยิ่งให้เป็นที่ยอมรับ ได้รับความรักจากบิดาหรือก็คืออดีตฮ่องเต้องค์ก่อน แม้รู้ว่าสิ่งที่ตนทำไปนั้นไม่ถูกต้อง แต่ไม่อาจแก้ไขอะไรได้สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ ไม่คิดเลยว่าบุรุษเบื้องหน้าผู้ถอดแบบเขาออกมาแทบทุกกระเบียดนิ้ว จะมองออกจนทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ “สิ่งที่กระหม่อมทำก็เพื่อแผ่นดินมังกรแห่งนี้ ศึกภายในกระหม่อมไม่ขอยุ่งเกี่ยว กระหม่อมมิสนใจว่าผู้ใดต้องการกำจัดกระหม่อม แต่ชีวิตของกระหม่อมขอเพียงได้ปกป้องราษฎรและรักษาแผ่นดินที่แลกมาด้วยหยาดโลหิตและชีวิตทหาร หากกำจัดกระหม่อมไปแล้ว เห็นทีว่าจะไม่เป็นผลดีต่อแผ่นดินนี้”“เจ้ากำลังข่มขู่ข้ากระนั้นรึ” “มิได้ กระหม่อมแค่ต้องการย้ำให้พระบิดาเข้าใจ อย่าได้สิ้นเปลืองสมองมาระแวงกระหม่อม”เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง
เทพมังกรดินดูผลงานของตน เฝ้ามองเหล่ามารปีศาจกลับคืนสู่นรกแล้ว จึงกลายร่างเป็นบุรุษเจ้าของเส้นผมสีเงินยวง เดินเข้าไปหาคนทั้งสอง หญิงสาวพลิกตัวใช้ร่างของตนบังร่างของชายที่นางรักไว้ แม้นางรูปร่างเล็ก แต่กางแขนออกเพื่อปกป้องเขา“หนิงเหมย” เขาปรามนาง อยากจะหัวเราะที่เวลานี้มีหญิงสาวตัวเล็กกางแขนปกป้องเขาเต็มที่ ในชีวิตของเขา จะมีใครสักกี่คนที่ยอมอยู่เคียงข้างเช่นนี้ เพียงหนึ่งชีวิตอันแสนสั้น ได้รู้จักรัก หัวใจได้รับความรักก็นับว่ามีค่าและมีเกียรติให้ตายได้อย่างสงบแล้วเป็นนางเท่านั้นที่ทำให้เขาได้เรียนรู้ที่จะรัก ได้สัมผัสความรัก เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว พอแล้วจริงๆ เทพมังกรดินจ้องมองชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสองแล้วก็ลอบถอนหายใจ นี่แหละหนา จึงเป็นได้เพียงมนุษย์ไม่อาจละทิ้งอาวรณ์ได้ เขายื่นมือไปใช้เพียงปลายนิ้วแตะน้ำตาของหญิงสาว ว่านหนิงเหมยเบิกตาโต เห็นน้ำตาของตนกลั่นกลายเป็นก้อนกลมเล็กดุจลูกแก้ววาววับลอยเหนือฝ่ามือของเทพมังกรดิน แล้วยื่นไปที่เบื้องหน้าขององค์ชายเฟยเทียน “นี่คือ...” ว่านหนิงเหมยพึมพำ “กลืนมันลงไป” เทพมังกรดินสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด องค์ช