“หากไม่พอใจหม่อมฉัน เอ่ยปากไล่ออกไป หม่อมฉันก็ไม่ดื้อดึงที่จะอยู่ แต่ทำแบบนี้... ว้าย!”
ว่านหนิงเหมยร้องเสียงหลงเมื่อมือใหญ่ดึงนางเข้าไปใกล้ จับท้ายทอยของนางให้แหงนหน้าขึ้น ริมฝีปากหยักประกบริมฝีปากนางอย่างรวดเร็ว ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่กลับทำให้มองเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มได้ชัด และเริ่มกลายเป็นเปลวไฟจนนางต้องหลับตา
ริมฝีปากถูกขบเม้มและไล้เลียจนหัวใจแทบหยุดเต้น สติที่เหลือเพียงน้อยนิดสั่งให้นางผลักเขาออก แต่มือเล็กคู่นั้นทำได้แค่ทุบแผงอกเปลือยเปล่าไปไม่กี่ครั้ง นางเผลออ้าปากหวังเรียกอากาศหายใจ แต่กลับเปิดทางให้เรียวลิ้นเปียกชื้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อยๆ ของนาง ปากและลิ้นร้อนของเขาเปี่ยมไปด้วยอำนาจ เขาจุมพิตนางยึดครองเอาสติของไปหมดสิ้น เพียงแค่จูบ นางอ่อนระทวยอย่างน่าอับอายในอ้อมอกแข็งแกร่งของเขา
ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะหมดสติ จึงส่งลมปราณให้นางแล้วถอนจุมพิตอย่างเสียดาย มองดูนางที่ไร้เรี่ยวแรงในอกของเขา พอดวงตากระจ่างใสของนางลืมตาขึ้นกะพริบถี่ๆ ท่าทางไร้เดียงสานั้นทำให้เขาขบขันจนหัวเราะลั่นออกมา
“คิดจะยั่วยวนข้า แต่แม้กระทั่งจูบเจ้ายังไม่เป็น เช่นนี้คงจะต้องฝึกปรืออีกหน่อยนะ”
“หม่อมฉัน... ไม่ได้...”
จะพูดว่าไม่คิดก็ไม่เต็มปาก ก่อนหน้านี้นางแอบคิด แม้เป็นเพียงความคิดในหัวน้อยๆของนาง แต่นางไม่ได้เจตนาร้ายกับเขา ที่นางวิ่งกระหืดกระหอบมาเพียงเพราะเป็นห่วงด้วยความจริงใจ เมื่อเขาเห็นความตั้งใจดีของนางเป็นเพียงเรื่องขบขัน หัวใจน้อยๆ กลับเจ็บแปลบขึ้นมา นางไม่มีสิทธิ์แสดงความเจ็บปวดใดให้เขาได้รับรู้ จึงทำได้เพียงเบือนหน้าไปทางอื่น ขยับตัวออกห่างจากรัศมีมือของเขาแล้วจึงปีนขึ้นจากอ่าง
“ขออภัยที่หม่อมฉันมารบกวนเวลาของท่านอ๋องเพคะ”
นางยืนอยู่ด้วยท่าทีนิ่งสงบ นางสวมชุดแบบเดียวกับนางกำนัลแต่เป็นชุดนอนสีขาวมีเสื้อคลุมตัวนอกเพียงตัวเดียว ซึ่งเวลานี้เปียกแนบเนื้อกายจนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งสมส่วนของหญิงสาว ผมยาวปล่อยทิ้งตัวสลวยไร้เครื่องประดับเหมือนคนเตรียมเข้านอน นางย่อตัวลงคารวะท่านอ๋อง หมุนตัวเดินออกไปอย่างช้าๆ แม้ก้าวสั้นๆแต่หนักแน่น มือเรียวสั่นระริกขณะผลักบานประตูออกไป
นางเพียงผงกศีรษะให้องครักษ์ทั้งสองที่มองมาอย่างประหลาดใจ ก่อนเข้าไปเห็นท่าทางร่าเริง ไฉนออกมาถึงเปียกเหมือนตากฝน ซ้ำยังดวงตาเศร้าหมองเช่นนั้น ว่านหนิงเหมยเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองราวกับวิญญาณที่เลื่อนลอย นางกำนัลที่รอรับใช้หน้าประตูเห็นเข้าก็ตกใจ แต่หญิงสาวฝืนยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา
“ไม่มีอะไร ข้าลื่นล้มพลัดตกน้ำ”
“แม่นางว่านรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ข้าจัดการตัวเองได้ ขอบใจพวกเจ้ามาก” นางฝืนยิ้มแล้วเดินเข้าไปในห้องตัวเอง
เมื่อบานประตูปิดลง หยดน้ำที่กลั้นไว้กลิ้งหล่นจากดวงตา
‘หนิงเหมยที่รัก’
‘เหมยเอ๋อร์’
“ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นอะไร”
ปากพูดว่าไม่เป็นอะไรแต่ร่างนางทรุดลงไปนั่งกอดเข่าแล้วร้องไห้ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด เขาจำนางไม่ได้ เขาเห็นนางเป็นเพียงเรื่องตลกขบขัน แต่นางกลับรู้ชัดว่าตนเองนั้น ‘รัก’ ชายผู้นี้เข้าแล้วจริงๆ ไม่ใช่ความรู้สึก ‘คิดไปเอง’
จะเป็นไรไป นางเป็นฝ่ายไปรักชายผู้นั้นเอง นางต้องยอมรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ อย่างน้อยนางก็ได้รู้และได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง
เสียงร้องไห้ของว่านหนิงเหมยไม่มีผู้คนได้ยิน ทว่าเสียงสะอื้นของนางทำให้เหล่าพฤกษาพากันหมองหม่นและเศร้าไปด้วย
ใบไม้สั่นไหวบอกเล่าเรื่องราวของนางปากต่อปาก ต้นไม้ ดอกไม้ในสวนสี่ฤดูของฮองไทเฮา ต่างพากันถูกความเศร้าคลี่คลุมจนดอกไม้เหี่ยวเฉา ใบไม้กลายเป็นสีน้ำตาล
ว่านหนิงเหมยผล็อยหลับไป โดยไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเลย.
ณ ตำหนักฮองไทเฮา
“ไม่มีหญิงงามถูกใจเจ้าสักคนเลยรึเฟยเทียน”
ฮองไทเฮาทรงตรัสถามในขณะที่นั่งจิบน้ำชาด้วยกัน องค์ชายเฟยเทียนหรือชินอ๋องเพียงแค่กระตุกมุมปากยกยิ้มเล็กน้อย ยกชากลิ่นหอมขึ้นดมกลิ่นละมุนก่อนจิบลงคอ
“เพราะเป็นห่วงหรอกนะ ข้าน่ะแก่แล้วก็อยากเห็นเจ้าเป็นฝั่งเป็นฝาเช่นผู้อื่น”
เพราะสนทนาเพียงลำพังจึงพูดคุยราวเป็นสามัญชน ฮองไทเฮาพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อให้หลานชายผู้นี้ได้พ้นเคราะห์กรรมที่แบกรับแทนผู้อื่น เฟยเทียนเป็นหลานรักที่โปรดปรานและสงสารที่สุด ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรัชทายาทตั้งแต่กำเนิด ฝึกฝนและอบรมให้เติบโตเพื่ออยู่เหนือผู้อื่น ทว่ากลับถูกหักหลังให้ไปสิ้นชีวิตในสนามรบ
แม้ตระหนักดีว่าสิ่งที่สิงสถิตในท่อนแขนซ้ายคือปีศาจ แต่ฮองไทเฮามิได้หวาดกลัวเช่นผู้อื่น เพราะสิ่งนี้ปกป้องชีวิตของเฟยเทียน นำหลานรักของนางกลับมาสู่อ้อมอก เรื่องราวในศึกทรายย้อมโลหิตนั้นบอกเล่ากันปากต่อปากก่อนที่เฟยเทียนกลับถึงเมืองหลวงด้วยซ้ำไป ชาวบ้านออกมามุงดู มิไม่ใช่การต้อนรับ แต่เพราะอยากเห็นด้วยตาของตนเองว่าแม่ทัพที่เรียกปีศาจออกมาเป็นเช่นไร แววตาคนเหล่านั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวมากกว่าความชื่นชม
การกลับมาขององค์ชายเฟยเทียนไม่ใช่สิ่งที่ฮ่องเต้คาดหวัง เขาไม่แสดงอาการอื่นใด ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าไม่สนับสนุนทัพหลัง ตัดกองหนุนและเสบียงอาหาร หลานรักไม่พูดถึงเรื่องนั้นเลย ราวกับไม่มีสิ่งนั้นเกิดขึ้น เพียงเรียกร้องให้ตกรางวัลให้ทหารที่นำชัยชนะกลับมา และเตรียมแผนในการทำศึกรวมแคว้น
สิบปีที่ผ่านมา เหนือจรดใต้ ตะวันออกจรดตะวันตก ยกทัพกรำศึกแทบไม่เคยกลับเมืองหลวง หากไม่ใช่เพราะส่งสารเชิงบังคับให้กลับมาบ้าง คงไม่ได้เห็นหน้าที่ถอดแบบฮ่องเต้มาแทบทุกกระเบียดนิ้ว
“ตุนหวงอยู่ไกลเหลือเกิน คนแก่อย่างข้าคงไปเยี่ยมเยือนเจ้าไม่ได้ อย่างไรเจ้าก็แต่งภรรยาสักคนหรือสองคนก็ได้ คนเป็นย่าจะได้เบาใจว่าเจ้าจะมีคนดูแล”
ลมหายใจของเขามีไว้เพื่อนาง ลมหายใจของนางมีไว้เพื่อ เรื่องย่อ เรื่องราวระหว่างเทพมังกรดิน ฮวงหลง และหญิงสาวเดินดินนามซิ่นฮวา เมื่อโชคชะตาเล่นตลกให้หญิงสาวมองเห็น ‘เทพมังกรดิน’ เขาจำ(ใจ)ต้องปรากฏกายทุกครั้งที่นางเรียกขานนามของเขา ทำให้เทพเซียนชั้นฟ้ากลายเป็นพี่เลี้ยงของเด็กหญิงตัวน้อย จวบจนนางเติบโตเป็นหญิงสาวงามสะพรั่ง กฎสวรรค์ทำให้เขาต้องหักห้ามใจ แต่เพราะนางและเขามีชะตาที่ต้องชดใช้กรรมร่วมกัน และมีเพียง ‘ลมหายใจมังกร’ เท่านั้น ที่จะต่อลมหายใจของนางได้ เส้นทางที่เขาเลือกมิใช่สิ่งที่นางปรารถนา เพียงหนึ่งชาติภพเพื่อให้ใจได้ ‘รัก’ แม้ช่วงเวลานั้นจะแสนสั้น.... นางก็ยินดี จาก ‘ท่อนแขนมังกร’ สู่ ‘ลมหายใจมังกร’ (ท่อนแขนมังกรรุ่นลูก) ‘ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าจะอยู่ข้างกายท่าน จะไม่มีวันทอดทิ้งท่านอย่างเด็ดขาด’ “แม้ว่าข้าจะกลายเป็นคนอัปลักษณ์ เจ้าก็ยังอยู่เคียงข้างข้าหรือ?” ‘แน่นอน’ นางยืนยันด้วยแววตาใสซื่อ ‘ข้ามิได้รักท่านที่หน้าตา แต่เพราะจิตใจของท่านต่างหากที่ข้าหลงรัก’ “เจ้ารักข้า?” คำสารภาพรักของนางนั้น เขาได้ยินมานับร้อยนับพันครั้งแล้วกระมัง แต่ครั้งนี้ แม้นางไม่ไ
“เช่นนั้นเจ้าไม่ลองมีลูกสาวให้เป็นเพื่อนซิ่นฮวาอีกคนเล่า เด็กๆในตำหนักมีแต่เด็กผู้ชาย ถ้ามีลูกผู้หญิงเพิ่มขึ้นอีกคนก็คงดีไม่น้อย ตอนนี้ซิ่นสือก็สามขวบแล้ว ถ้าเจ้าจะมีลูกอีกสักคนก็...”บุรุษหนุ่มผู้กรำศึกมานับไม่ถ้วนถึงกับสะอึกไปเมื่อเห็นสายตาดุๆ ของภรรยาตัวน้อย“ข้ามิใช่แม่หมูนะ” เหตุใดมาเคี่ยวเข็ญให้นางตั้งท้องขนาดนี้นะ“โธ่! เพราะเห็นเจ้าเป็นภรรยาหนึ่งเดียวของข้าถึงได้ชวนเจ้ามีลูกอีกสักคนหรือสองคนก็ได้” เขาโอบไหล่นางพานางกลับเข้าห้องพัก ปล่อยให้จ้าวต้าอยู่กับลูกชายสองคนของเขา คงเป็นวิธีเบี่ยงเบนความสนใจจากว่านหนิงเหมยให้จ้าวต้าไปรับตัวซิ่นฮวาจากสวนกระจ่างใจจ้าวต้าโคลงศีรษะไปมาแล้วมองเด็กน้อยทั้งสอง แม้ฐานะของเขาต้อยต่ำนัก แต่เขาเสมือนพี่ใหญ่ที่ต้องดูแลเด็กๆ เหล่านี้ เขาถอนหายใจก่อนยิ้มอ่อนโยน จูงมือซิ่นหลิงและอุ้มซิ่นสือไปส่งป้าฮุยเหอก่อนแล้วค่อยไปรับเด็กหญิงแสนซุกซนผู้นั้นเด็กหญิงตัวต้นเรื่องนั่งหน้าบึ้งตึงในศาลาหกเหลี่ยมของสวนกระจ่างใจ ท่านแม่ให้นางนั่งสำนึกผิดอยู่ผู้เดียว แต่กระนั้น นางก็รู้และมั่นใจว่าองครักษ์ของท่านพ่อคอยจับตาดูนางอยู่“เรื่องนิดเดียวเอง ไยท่านแม่ต้องโกรธถึงเ
ชายหนุ่มวัยสิบหกพาเรือนร่างกำยำเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มประดับใบหน้าคมเข้ม แม้อายุเพียงแค่สิบหกปีแต่เพราะฝึกฝนวรยุทธ์อย่างเข้มงวด ทำให้เขาดูสูงใหญ่กว่าชายหนุ่มวัยเดียวกัน แทบไม่เหลือเค้าโครงเด็กชายผอมกะหร่องที่ค่อยติดตามพระชายาเลยแม้แต่น้อย เพียงร่างสูงเดินเข้าไปในห้องโถง พลันประสาทรับรู้ถึงการพุ่งเข้าใส่ ทว่าเขากลับไม่ปัดป้องหรือหลบหลีก ยอมให้ร่างเล็กโถมเข้าใส่สุดแรงจนเสียหลักหงายหลังล้มลงให้เด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบนั่งทับ “พี่จ้าวต้ากลับมาแล้ว!” มือน้อยของเด็กชายขยุ้มคอเสื้ออีกฝ่าย สีหน้าตื่นเต้นดีใจทั้งที่ไม่เจอกันแค่สามเดือน “คุณชายซิ่นหลิง” ชายหนุ่มหัวเราะขบขันกับท่าทางดีอกดีใจของอีกฝ่าย เพราะรู้ว่าผู้ที่พุ่งเข้ามาเป็นใครจึงยอมให้นั่งทับบนร่างตัวเองเช่นนี้ เขาจับไหล่เด็กชายตัวน้อย ยกตัวขึ้นเพื่อให้ตัวเองลุกขึ้นยืนได้ “พี่จ้าวต้ามาแล้ว ไปช่วยซิ่นฮวาเร็วๆ เข้า” มือน้อยกระตุกมือใหญ่แล้วชี้ไปทางด้านหลังของตำหนักดุจตะวัน “หือ? คุณหนูเป็นอะไรไปขอรับ” เขาถามพลางมองไปตามทิศทางที่นิ้วป้อมๆ ชี้ไป ถ้าคุณหนูตัวน้อยอยู่ที่สวนก
พูดได้แค่นั้นก็อยากจะอาเจียนหรือหาของเปรี้ยวมากิน คราวนี้ฮองไทเฮาอดหัวเราะไม่ได้ ในขณะที่หลานรักอย่างเขากลับรู้สึกอับอายยิ่งนัก เพราะหลบสายตาของผู้เป็นย่าจึงปะทะกับสายตาล้อเลียนขององครักษ์ฝาแฝดทั้งสอง ทำได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่พอใจ ก็ใครใช้ให้เขารักนางมากขนาดนี้กันเล่า เฮ้อ!“เอาเถิดๆ อย่างไรข้าจะเป็นยายแก่หนังเหนียวรอเจ้าพาเหลนและสะใภ้กลับมาเยี่ยมอยู่ที่นี่”องค์ชายเฟยเทียนโค้งตัวอำลาฮองไทเฮา คราวนี้เขาไม่รั้งอยู่นาน ใช้วิชาตัวเบาราวล่องหนหายออกไปจากวังหลวงพร้อมองครักษ์ทั้งสองอย่างรวดเร็ว เพื่อกลับไปดูแลคนที่ทำให้เขาต้องออกอาการแพ้ท้องแทนอยู่อย่างนี้ตุนหวงรถม้ามาหยุดหน้าตำหนักดุจตะวัน หญิงวัยกลางคนโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างรถอย่างไม่มั่นใจนัก จนกระทั่งเห็นเด็กชายที่เคยเลี้ยงดูรีบวิ่งเข้ามาหา นางจึงยิ้มกว้างออกมา“จ้าวต้า”“ป้าฮุยเหอมาแล้ว” จ้าวตารีบไปประคองให้นางลงจากรถม้า ก่อนท่านอ๋องเดินทางไปเมืองหลวงได้สอบถามเขาถึงคนสนิทหญิงรับใช้ที่บ้านเดิม ท่านอ๋องต้องการให้พระชายามีคนคุ้นเคยอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยเหลือยามตั้งครรภ์แรก เขาจึงนึกถึงป้าฮุยเหอที่ดูแลเขาและพระชายามาตั้งแต่เกิด แต่เ
ดวงเนตรเบิกกว้างอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินโอรสที่ทรงหมางเมินกล่าวออกมาเช่นนี้ จ้องมองบุรุษเบื้องหน้าที่ใบหน้าละม้ายคล้ายกันนัก สิ่งที่ลูกชายพูดออกมานั้นล้วนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ทุกครั้งที่มองใบหน้านี้จึงเหมือนมองตนเองในวันวัยเดียวกัน ยามที่เป็นเพียงองค์รัชทายาทก็ราวกับเป็นเพียงหุ่นเชิดให้ใครต่อใครบงการ พยายามอย่างยิ่งให้เป็นที่ยอมรับ ได้รับความรักจากบิดาหรือก็คืออดีตฮ่องเต้องค์ก่อน แม้รู้ว่าสิ่งที่ตนทำไปนั้นไม่ถูกต้อง แต่ไม่อาจแก้ไขอะไรได้สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ ไม่คิดเลยว่าบุรุษเบื้องหน้าผู้ถอดแบบเขาออกมาแทบทุกกระเบียดนิ้ว จะมองออกจนทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ “สิ่งที่กระหม่อมทำก็เพื่อแผ่นดินมังกรแห่งนี้ ศึกภายในกระหม่อมไม่ขอยุ่งเกี่ยว กระหม่อมมิสนใจว่าผู้ใดต้องการกำจัดกระหม่อม แต่ชีวิตของกระหม่อมขอเพียงได้ปกป้องราษฎรและรักษาแผ่นดินที่แลกมาด้วยหยาดโลหิตและชีวิตทหาร หากกำจัดกระหม่อมไปแล้ว เห็นทีว่าจะไม่เป็นผลดีต่อแผ่นดินนี้”“เจ้ากำลังข่มขู่ข้ากระนั้นรึ” “มิได้ กระหม่อมแค่ต้องการย้ำให้พระบิดาเข้าใจ อย่าได้สิ้นเปลืองสมองมาระแวงกระหม่อม”เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง
เทพมังกรดินดูผลงานของตน เฝ้ามองเหล่ามารปีศาจกลับคืนสู่นรกแล้ว จึงกลายร่างเป็นบุรุษเจ้าของเส้นผมสีเงินยวง เดินเข้าไปหาคนทั้งสอง หญิงสาวพลิกตัวใช้ร่างของตนบังร่างของชายที่นางรักไว้ แม้นางรูปร่างเล็ก แต่กางแขนออกเพื่อปกป้องเขา“หนิงเหมย” เขาปรามนาง อยากจะหัวเราะที่เวลานี้มีหญิงสาวตัวเล็กกางแขนปกป้องเขาเต็มที่ ในชีวิตของเขา จะมีใครสักกี่คนที่ยอมอยู่เคียงข้างเช่นนี้ เพียงหนึ่งชีวิตอันแสนสั้น ได้รู้จักรัก หัวใจได้รับความรักก็นับว่ามีค่าและมีเกียรติให้ตายได้อย่างสงบแล้วเป็นนางเท่านั้นที่ทำให้เขาได้เรียนรู้ที่จะรัก ได้สัมผัสความรัก เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว พอแล้วจริงๆ เทพมังกรดินจ้องมองชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสองแล้วก็ลอบถอนหายใจ นี่แหละหนา จึงเป็นได้เพียงมนุษย์ไม่อาจละทิ้งอาวรณ์ได้ เขายื่นมือไปใช้เพียงปลายนิ้วแตะน้ำตาของหญิงสาว ว่านหนิงเหมยเบิกตาโต เห็นน้ำตาของตนกลั่นกลายเป็นก้อนกลมเล็กดุจลูกแก้ววาววับลอยเหนือฝ่ามือของเทพมังกรดิน แล้วยื่นไปที่เบื้องหน้าขององค์ชายเฟยเทียน “นี่คือ...” ว่านหนิงเหมยพึมพำ “กลืนมันลงไป” เทพมังกรดินสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด องค์ช