LOGINเสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้องเช่าเล็ก ๆ
เพชรพลอยสะดุ้งตื่น ลมหายใจสะดุดด้วยความหวาดกลัวก่อนที่สติจะแล่นกลับมาเต็มที่ภาพเมื่อคืนแล่นเข้ามาเหมือนฟ้าผ่ากลางกะโหลก—แสงสีจากผับ กลิ่นเหล้า การพูดคุยที่อบอุ่นจนน่ากลัว…และเขาผู้ชายคนนั้นร่างกำยำที่แน่นร้อน มือใหญ่ที่ประคองเธออย่างอ่อนโยน…แต่กลับปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิด ไม่ใช่สิ—เธอเองต่างหากที่ปล่อยให้เลยเถิด เพชรพลอยจับหัวตัวเองสองข้างรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเฉย ๆ “เพชรพลอย…แกทำบ้าอะไรลงไปเมื่อคืน…” เธอปิดหน้า กรีดร้องลงในหมอนเพื่อไม่ให้ห้องข้าง ๆ ได้ยินทุกอย่างชัดเจนเกินกว่าจะบอกว่าเมาจนจำไม่ได้เธอจำได้ทุกสัมผัส…ทุกลมหายใจ…และทุกเสียงเรียกชื่อเธอเบา ๆ ตอนเขากดริมฝีปากลงบนต้นคอ เพชรพลอยหอบหายใจปลายนิ้วแตะไปที่คอ—แสบร้อน เธอพุ่งลุกไปยืนหน้ากระจก “ตายแล้วววววววว…!!!” รอยแดงจาง ๆ ไล่จากกกหูลงมาถึงไหปลาร้าบางรอยเป็นจ้ำเล็ก ๆ จนไม่ต้องเดาเลยว่าเกิดจากอะไรเธอเอามือปิดปากกลั้นเสียงร้อง หัวใจเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกจากอก “ฉัน…ทำอะไรลงไปเนี่ย…” สายตาไหลลงมาเห็นรอยอีกสองรอยตรงไหปลาร้าเธอหน้าแดงวาบขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ “บ้า! ตายแล้ว! บ้าเพชรพลอย! ยัยบ้า!” แต่ความช็อกที่แท้จริงคือ—ความว่างเปล่าที่น่องซ้ายตรงข้อมือเธอชะงักค้างค่อย ๆ ยกข้อมือขึ้นดู “กำไลของแม่…?” กำไลเงินที่แม่ให้ตอนอายุ 15เป็นของสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของชีวิตมันหาย… “ไม่นะ…ฉันทำมันหล่นไว้ที่ห้องเขาเหรอ…?” ภาพผู้ชายคนนั้นลอยขึ้นมาอีกครั้งผิวขาวอมแทน เส้นผมสีดำที่ตกลงมาปิดหน้าผาก นัยน์ตานิ่งแต่ลึกจนเหมือนทะเลยามกลางคืนเธอกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก “อย่าบอกนะว่าเขาจะรู้ชื่อฉัน… ” ชื่อ “เพชรพลอย” ถูกสลักไว้บนกำไลอย่างสวยงามเขา…เห็นแน่ ใจเธอร่วงเผละไปถึงพื้นทำยังไงดี…ทำยังไงดีล่ะเพชรพลอย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา 07:48 น. “ซวยแล้ว! ไปทำงานสายแน่!” เธอคว้าเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแบบลวกๆ แต่นั่นทำให้เธอเห็นรอยอีกหลายจุดบริเวณหัวไหล่หลังเพชรพลอยกัดฟันน้ำตาคลอหน่อย ๆ ด้วยทั้งความอับอายและความสับสน “เมื่อคืน…เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย…” ** สำนักงานบริษัทคิรากรุ๊ป — 09:03 น. เพชรพลอยกระชากประตูเข้าไปเธอหอบจนหลังแทบงอเพราะวิ่งจากป้ายรถเมล์มาที่ตึก เพื่อนร่วมงานในฝ่ายดีไซน์หลายคนหันมามองพร้อมหัวเราะขำๆ “ยัยเพชร มาสายนะยะเมื่อคืนไปดริงก์หนักเหรอ?” “ดูหน้าแดง ๆ เหมือนเมาค้างเลยอ่ะ” เพชรฝืนยิ้ม “ก็…นิดหน่อยอ่ะ” แก้มเธอร้อนผ่าวแต่ยังไม่น่าอายเท่าข้อเท็จจริงว่ายังมีรอยแดงตามคอเธอรีบผมลงมาปิด แต่ผมยาวของเธอก็ไม่หนาพอ เพื่อนสนิทในแผนกชื่อ “พลอยใส” เดินมาหา เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ปากจัดแต่ใจดี เธอจับไหล่เพชรพลอยพลิกไปพลิกมาเหมือนหาอะไร “ยัยเพชร—เดี๋ยวนะ…ทำไมคอมึงแดงแบบนี้!?” เพชรตกใจรีบยกมือปิด “ไม่มีอะไรๆ บอกแล้วว่าเมาค้าง!” พลอยใสยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ไม่ใช่แค่เมาค้างแล้วมั้ง นี่มัน…รอยผู้ชาย??” “พลอยใส หยุดนะ!!!” เสียงดังจนคนในแผนกหันมามองเพชรทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ต้องหันหลังให้เพื่อนเพื่อซ่อนสีหน้าพลอยใสอึ้ง ค่อยๆ เดินเข้ามากระซิบแทน “มึงโอเคไหมเพชร…?” เพชรพลอยเม้มปากแน่นส่ายหน้าเบา ๆ พลอยใสจับมือเธอ “เมื่อคืนมึงไปกับใคร?” เพชรส่ายหน้าอีก “เขาเป็นใครกูก็ไม่รู้…จริงๆ อะมึง” เพื่อนมองอย่างตกใจ “นี่มึงไปกับคนแปลกหน้าเหรอ!?” เสียงทุ้มต่ำของผู้จัดการฝ่ายดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เงียบหน่อยครับ ทุกคนทำงานด้วยนะครับ” ทั้งแผนกกลับเข้าสู่โหมดปกติ แต่พลอยใสยังไม่ปล่อยเพื่อนสนิทลงง่าย ๆ เธอพาเพชรไปนั่งที่โต๊ะทำงานเพชรเปิดคอมพิวเตอร์ แต่สายตาไม่ได้โฟกัสอะไรเลย สมองจมอยู่กับภาพเมื่อคืนทั้งหมด มือเธอสั่นจนจับเมาส์แทบไม่ได้ น้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว พลอยใสกระซิบเบา “เล่าให้กูฟังได้ไหม…?” เพชรหายใจแรงหนึ่งครั้ง ก่อนค่อย ๆ โพล่งออกมาอย่างหมดแรง “เมื่อคืน…กูมีอะไรกับเขา…” พลอยใสตาโต “เพชร…!!” “แล้ว…ไม่ได้ป้องกันด้วย…” ประโยคนี้เหมือนฟ้าผ่าพลอยใสอ้าปากค้าง นิ่งไป 3 วินาทีเต็ม “ตายแล้ว! ตายแล้ว ๆๆๆ เพชร!!” เพชรพลอยรีบเอามืออุดปากเพื่อน “เบา ๆ สิ!” พลอยใสกระซิบเสียงแหบ “ถ้า…ถ้ามึงท้องขึ้นมาล่ะ? ทำไง?” เพชรกลืนน้ำลาย นั่นคือคำถามที่เธอเองก็กลัวจนแทบอาเจียน “กูไม่รู้…ฮึก…กูไม่รู้เลยอะมึง…” น้ำตาเธอไหลออกมาเงียบๆ พลอยใสรีบกอดเพื่อนทันที “โอ๊ยย เพชร ทำไมแกไม่ระวัง!” เพชรพูดทั้งน้ำตาคลอ “ก็กูไม่ได้ตั้งใจ…เขาดูใจดีมาก…เหมือนเข้าใจกูไปหมด…กูเลย…” เพื่อนมองอย่างเป็นห่วงมาก “เขาหลอกฟันมึงเปล่า?” เพชรสะอึกหัวใจเธอเจ็บขึ้นมาเฉียบพลัน “หรือ…กูต่างหากที่หลอกฟันเขา…” ทั้งสองนิ่งอยู่พักหนึ่งเพื่อนไม่กล้าพูดอะไรต่อเพชรพลอยก้มหน้าลงบนโต๊ะอย่างหมดเรี่ยวแรง “กูท้องไม่มีพ่อไม่ได้…ถ้าแม่กูรู้กูโดนฆ่าแน่ๆ…” ** อีกด้าน — คิรินทร์ ในเวลาที่เพชรพลอยกำลังเครียดจนแทบล้มทั้งยืนคิรินทร์ก็นั่งอยู่ในห้องทำงานของเขาบนชั้น 39 สายตาคมพิจารณากำไลเงินในมืออย่างหนักแน่น แสงแดดสะท้อนตัวอักษรสลักอย่างสวยงาม “เพชรพลอย” เขาเอานิ้วลูบรอยสลักนั้นเป็นครั้งที่ร้อยในหัวมีภาพเมื่อคืนซ้ำไปซ้ำมา ความอ่อนหวาน ความจริงใจ ความเมาของเธอ เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ สัมผัสที่ยังติดอยู่ในความทรงจำจนแทบลืมหายใจเขาวางกำไลลงกดกริ่งเรียกเลขา “คุณมิว” “ค่ะ คุณคิรินทร์” “ช่วยตรวจดูรายชื่อพนักงานทั้งหมดในบริษัท หาคนชื่อเพชรพลอยให้ผมที” เลขาเลิกคิ้วทันที “เอ่อ…ต้องการข้อมูลส่วนตัวด้วยไหมคะ?” “ทั้งหมด” มิวชะงัก เพราะเจ้านายของเธอไม่เคยสนใจพนักงานระดับล่างขนาดนี้แต่เธอก็ทำตามคำสั่งทันที “ค่ะ เดี๋ยวฉันจะดึงข้อมูลให้ค่ะ” คิรินทร์พยักหน้าเล็กน้อยแต่สายตาไม่เคยละออกจากกำไลในมือเลย ในใจเขามีเพียงคำถามเดียว “คุณเป็นใครกันแน่…เพชรพลอย?” และยิ่งเขาได้เจอชื่อเธอจริง ๆ ในระบบบริษัท ทุกอย่างจะเริ่มชัดขึ้นจนถึงวันที่เขาพร้อมจะเดินเข้าไปหาเธอด้วยตัวเอง ** กลับมาที่ฝ่ายดีไซน์ พอถึงพักเที่ยงพลอยใสฉุดเพชรพลอยไปเข้าห้องน้ำลับในชั้น 18 ซึ่งมนุษย์ออฟฟิศไม่ค่อยใช้กัน เพชรพลอยมองรอยแดงบนคอในกระจกแล้วรีบใช้รองพื้นปิดแต่ยิ่งปิดก็ยิ่งเห็นเป็นคราบแดง ๆ “โอ๊ยย มึง! รอยมันเยอะมากอ่ะ!” พลอยใสร้อง เพชรแทบอยากจมลงพื้นตาย “กูรู้แล้ว อย่าตอกย้ำสิ!” พลอยใสกัดปาก “เพชร…มึงต้องหาผู้ชายคืนนั้นนะ ถ้ามึงท้อง—” เพชรพลอยหน้าซีดคำว่าท้องทำให้หัวใจวูบดิ่งเลย “กูไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเขาอ่ะมึง…ไม่รู้เลย เขาบอกชื่อเล่นว่า คิน เอง…” เพื่อนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพูดช้า ๆ “คิน…? บริษัทเรามีคนชื่อคินไหมวะ?” เพชรพลอยหัวเราะแห้ง “คงไม่มีหรอก ถ้ามีกูก็คงได้เจอแล้วล่ะ” แต่ในหัวของเธอมีภาพเขาชัดเจนชัดจนเธอเผลอแตะริมฝีปากตัวเองเบา ๆ “เขาหลอกฟันฉันหรือเปล่า…หรือฉันไปหลอกฟันเขา…” เพชรส่ายหัวแรง “โอ๊ยยยยย! กูไม่รู้แล้ว!” พลอยใสถอนหายใจยาว “งั้นเอาแบบนี้…หลังเลิกงาน เราไปซื้อที่ตรวจครรภ์กัน” เพชรพลอยตาเบิกกว้าง “มึง!! เร็วไปมั้ย!? เพิ่งผ่านไปคืนเดียว!! เชื้อยังไม่ทันวิ่งเข้ารังไข่กูเลยมั้ง” เพื่อนยักไหล่ “ก็มึงเครียด กูก็เครียด! ซื้อไว้ก่อน!” เพชรเอามือกุมหัว “โอ๊ยยย…กูจะบ้าตายแล้วจริง ๆ” ** ขณะเดียวกัน ฝ่ายทรัพยากรบุคคลมิวส่งข้อมูลแฟ้มหนึ่งให้คิรินทร์ “นี่ค่ะ พนักงานชื่อเพชรพลอยตามที่คุณต้องการ มีคนเดียวในบริษัท” คิรินทร์รับมาเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว ชื่อ: เพชรพลอย ศิริกานต์ อายุ: 24 ตำแหน่ง: ดีไซเนอร์ เบอร์โทร…xxx-xxx-xxxx ที่อยู่…xxxxxxx เขามองภาพพนักงานขนาดสองนิ้วในแฟ้มคิรินทร์ชะงัก ใช่—ผู้หญิงเมื่อคืน หัวใจเขาเต้นแรงกว่าปกติไม่ใช่เพราะความใคร่อย่างเมื่อคืน แต่เพราะเขารับรู้ได้ว่าเธอไม่ได้เป็นแค่ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนเขาปิดแฟ้ม ลุกขึ้นยืน มิวตกใจ “คุณคิรินทร์…จะไปไหนคะ?” เขาตอบเรียบ ๆ “ไม่ต้องรู้หรอก” ** และนั่นคือจุดเริ่มของวันที่หัวใจสองดวงกำลังจะปะทะกันทั้งที่เขาเป็นเจ้านายและเธอ…เพียงพนักงานตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่คิดว่าเขาแค่ผู้ชายที่เจอในผับโชคชะตากำลังเริ่มขีดเส้นให้ทั้งคู่เดินเข้าหากัน ไม่ว่าจะด้วยความจริงความลับหรือความผิดพลาดที่อาจเปลี่ยนชีวิตตลอดไป`บรรยากาศในห้องทำงานของคิรินทร์ในเช้าวันถัดมาหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก แม้แสงแดดส่องลอดกระจกสูงเข้ามา แต่กลับไม่สามารถไล่ความเย็นยะเยือกบนใบหน้าของเขาได้เลยแม้แต่น้อย ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาวางเอกสารเล่มหนึ่งลงตรงหน้าบอสอย่างระมัดระวัง “คุณคิรินครับ… นี่คือสิ่งที่เราพบในกล้องวงจรปิดเมื่อคืน” คิรินทร์เงยหน้าขึ้น สายตาคมไหววาบหนึ่งครั้ง ก่อนจะเปิดแฟ้มอย่างใจเย็น แต่ยิ่งเปิด สีหน้าของเขายิ่งขุ่นดั่งทะเลมืดในคืนพายุพัด ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดชัดเจน — ญาดาเดินไปที่แผนกของเพชรพลอยในเวลาหลังเลิกงานเมื่อคืน เธอเปิดลิ้นชัก โต๊ะเอกสารและ…วางซองเอกสารสีขาวไว้บนโต๊ะทำงานของเพชรพลอย ลูกน้องเอ่ยเสียงเบาหวิว “เราตรวจซองแล้วครับ… เป็นใบร้องเรียนปลอมว่าเพชรพลอยทำให้ชื่อเสียงบริษัทเสียหายจากเหตุการณ์เมื่อวาน มีลายเซ็นปลอมของหัวหน้าฝ่ายด้วย…" คิรินทร์หลุบตาลงอย่างช้า ๆ ก่อนปิดแฟ้มลงด้วยเสียง “ปิด” เบา ๆ แต่แรงพอจะทำให้ลูกน้องสะดุ้ง “เธอคิดว่าเล่นแบบนี้แล้วฉันจะยอมเหรอ…” น้ำเสียงเขาทุ้มต่ำจนน่ากลัว “ดี… ถ้าอยากเล่นเกมสกปรก… ฉันก็จะเล่นด้วย” เขาลุกขึ้นทันที ผูกเนกไทแบบไม่สนใจความเรียบร
วันถัดจากที่เกิดเรื่องโปรเจ็กต์ เพชรพลอยรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวหนักกว่าเดิม แม้จะทำงานตั้งใจมากแค่ไหนก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่เหมือนจับจ้องมาแบบแปลก ๆ โดยเฉพาะจากฝ่ายบริหารระดับสูงบางคนที่เธอไม่เคยยุ่งเกี่ยวด้วยมาก่อน เธอไม่รู้เลยว่าต้นตอของแรงกดดันเหล่านั้นมาจากใคร…แต่มันกำลังค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาอย่างมืดเงียบ ในขณะเดียวกัน ญาดา—คู่หมั้นของคิรินทร์—นั่งอยู่ในรถยุโรปสีเทาด้าน สายตาเรียบเฉยแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความริษยาอัดแน่น “คนชื่อเพชรพลอย…” ญาดาพึมพำ ขณะกวาดนิ้วเปิดแฟ้มที่ลูกน้องสืบมาให้ “ฐานะทางบ้านไม่ดี พ่อแม่โลภ… แล้วก็เคยถูกส่งไปเป็นเมียน้อยคนบางคนงั้นเหรอ” ริมฝีปากญาดายกขึ้นเล็กน้อย คล้ายยิ้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่สวยงามเลยสักนิด “ของแบบนี้… แค่ปล่อยข่าวก็พังไม่เป็นท่าแล้ว ไม่ต้องเปลืองมือฉันด้วยซ้ำ” แต่ดูเหมือนเธอยังไม่พอ เธอหยิบโทรศัพท์กดต่อสายหาใครบางคน ปลายสายรับด้วยน้ำเสียงทุ้ม หยาบ และคุ้นเคยกับการใช้อำนาจข่มคน “…ว่าไงครับ" “ฉันมีเรื่องจะให้คุณช่วย” ญาดาวางน้ำเสียงเรียบหรู แต่เย็นเยียบ “ผู้หญิงที่ชื่อเพชรพลอย ทำงานที่คิรา กรุ๊ป เธอเป็นลูกหนี้บ้านคุณใช่
แสงเช้าอ่อน ๆ สาดเข้ามาผ่านกระจกสูงของอาคารคิรา กรุ๊ป ทำให้ห้องประชุมและพื้นที่ทำงานของบริษัทเต็มไปด้วยแสงสีทองปนเงา ญาดานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานใหญ่ เรียบหรูและสง่างามในชุดสูทสีขาวเข้ารูป ผมดำยาวตรงถูกจัดเรียงเรียบร้อย มือบางลูบเอกสารและรายงานบนโต๊ะ ดวงตาคมกริบสอดส่องทุกหน้าจอคอมพิวเตอร์และทุกความเคลื่อนไหวของบริษัท รอยยิ้มเย็นชาปรากฏบนใบหน้า เธอรู้สึกถึงความตึงเครียดและแรงกดดันที่ต้องควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในมือ โทรศัพท์มือถือของเธอสั่น ญาดายกขึ้นกดหมายเลขของหัวหน้าทีมงานคนสนิททันที เสียงตอบรับของฝ่ายตรงข้ามเรียบร้อยและสุภาพ “ตามเรื่องที่ฉันบอกไว้แล้วใช่ไหม?” น้ำเสียงเรียบเย็นแต่เต็มไปด้วยอำนาจ “ค่ะคุณญาดา ทีมงานกำลังตรวจสอบผู้หญิงคนนั้น…เพชรพลอยค่ะ เรากำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมด” ดวงตาคมของญาดาเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ แคบลง ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักความคิด “ดี…ฉันอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ—ที่อยู่ ครอบครัว การทำงาน ประวัติส่วนตัว และความสัมพันธ์กับคิรินทร์เมื่อคืนที่ผ่านมา…อย่าพลาดอะไรเด็ดขาด” “เข้าใจค่ะคุณญาดา เราจะจัดให้ละเอียดที่สุด” เสียงตอบรับหนักแน่น ทำให้ญาดายิ้มบาง ๆ พ
ห้องประชุมใหญ่ชั้น 25 ของ Kira Group – คิรา กรุ๊ป วันนี้เต็มแน่นจนแทบไม่มีที่นั่ง พนักงานกว่า 300 คนต่างถูกเรียกด่วนตั้งแต่เช้าตรู่โดยไม่ได้แจ้งสาเหตุ จนทุกคนเริ่มเดากันวุ่นว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพชรพลอยเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มงานในมือ เธอดึงคอเสื้อขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้บังรอยแดงที่ค่อยๆ จางลง แต่ยังมองเห็นได้ถ้าจงใจมองใกล้ ๆ เพื่อนร่วมงานที่นั่งโต๊ะเดียวกันหันมามองเธอทันที “เพชรพลอย เมื่อคืนเธอไปกินเหล้ามาหรือเปล่า ดูหน้าแก…ซีดเหมือนคนอดนอนเลย” “เอ่อ…ก็แค่เมานิดหน่อยน่ะ” เธอตอบเบา ๆ พยายามทำตัวปกติที่สุด แต่ในหัวของเธอไม่ปกติเลยภาพเมื่อคืนยังติดอยู่ไม่จาง มือผู้ชายคนนั้น ริมฝีปากของเขา สัมผัสหนักแน่น เสียงทุ้มที่กระซิบชื่อเธอ… และสิ่งที่ทำให้เธอหน้าชาวูบยิ่งกว่า— “ฉันไม่ได้ป้องกัน…” เพชรพลอยหลุบตาลง รีบสลัดความคิดออกไม่ได้…ห้ามคิดตอนนี้ขอให้ไม่เป็นอะไร ขอให้ไม่ใช่โชคร้ายซ้ำซ้อนเถอะ เสียงซุบซิบเริ่มดังทั่วห้องประชุม “นี่ๆ ประธานคิราวุธเรียกประชุมเช้าขนาดนี้ ต้องมีเรื่องใหญ่แน่” “หรือจะปลดผู้จัดการอีกคน?” “จะควบรวมบริษัทหรือเปล่า?” แต่มีเสียงหนึ่งที่ทำให้เพชรพลอยเงยหน้
เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้องเช่าเล็ก ๆ เพชรพลอยสะดุ้งตื่น ลมหายใจสะดุดด้วยความหวาดกลัวก่อนที่สติจะแล่นกลับมาเต็มที่ภาพเมื่อคืนแล่นเข้ามาเหมือนฟ้าผ่ากลางกะโหลก—แสงสีจากผับ กลิ่นเหล้า การพูดคุยที่อบอุ่นจนน่ากลัว…และเขาผู้ชายคนนั้นร่างกำยำที่แน่นร้อน มือใหญ่ที่ประคองเธออย่างอ่อนโยน…แต่กลับปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิด ไม่ใช่สิ—เธอเองต่างหากที่ปล่อยให้เลยเถิด เพชรพลอยจับหัวตัวเองสองข้างรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเฉย ๆ “เพชรพลอย…แกทำบ้าอะไรลงไปเมื่อคืน…” เธอปิดหน้า กรีดร้องลงในหมอนเพื่อไม่ให้ห้องข้าง ๆ ได้ยินทุกอย่างชัดเจนเกินกว่าจะบอกว่าเมาจนจำไม่ได้เธอจำได้ทุกสัมผัส…ทุกลมหายใจ…และทุกเสียงเรียกชื่อเธอเบา ๆ ตอนเขากดริมฝีปากลงบนต้นคอ เพชรพลอยหอบหายใจปลายนิ้วแตะไปที่คอ—แสบร้อน เธอพุ่งลุกไปยืนหน้ากระจก “ตายแล้วววววววว…!!!” รอยแดงจาง ๆ ไล่จากกกหูลงมาถึงไหปลาร้าบางรอยเป็นจ้ำเล็ก ๆ จนไม่ต้องเดาเลยว่าเกิดจากอะไรเธอเอามือปิดปากกลั้นเสียงร้อง หัวใจเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกจากอก “ฉัน…ทำอะไรลงไปเนี่ย…” สายตาไหลลงมาเห็นรอยอีกสองรอยตรงไหปลาร้าเธอหน้าแดงวาบขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ “บ้า! ตายแล้ว! บ้าเพชรพลอย!
เสียงดนตรีเบสหนักกระแทกกำแพงกระจกใสของผับหรูใจกลางเมือง ไฟนีออนสีม่วงสลับฟ้าเต้นระยับเหนือศีรษะอย่างไม่มีจุดเริ่มหรือจุดจบ ผู้คนมากมายต่างจมอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยเหล้าหรือด้วยความเหงาที่ไม่อาจระบายที่ไหนได้ เพชรพลอยเบียดกายฝ่าฝูงชนเข้าไปยังบาร์ด้านใน สายตาที่แดงช้ำจากการร้องไห้ทั้งวันยังคงระยิบวาวด้วยความกดดันอันหนักอึ้งในอก “เหล้าแรงสุด...แก้วนึงค่ะ” เธอบอกบาร์เทนเดอร์ด้วยน้ำเสียงแห้ง“วันนี้หน้าไม่ดีเลยนะน้อง” ชายหลังบาร์แซว แต่เธอทำเพียงยกมุมปากแข็ง ๆ ไม่ได้ตอบ ภาพแม่ที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้านชายทวงหนี้ที่ตะโกนเสียงดังด่าทอ ผู้คนที่มองผ่านๆ ราวกับเรื่องพวกนี้เป็นเพียงละครน้ำเน่าที่ไม่เกี่ยวกับใคร—ทั้งหมดตีกันยุ่งในหัวของเธอ “ถ้าไม่อยากให้แม่โดนด่าโดนทวงหนี้แบบนี้ ก็ไปหาผัวรวยๆ มาใช้หนี้สิวะเพชร!” เสียงแม่เมื่อเช้ายังดังชัดราวกับอยู่ในหูตอนนี้ เพชรพลอยถอนหายใจหนัก เธอไม่ได้เกลียดแม่ แต่เกลียดตัวเองที่จน เกลียดโชคชะตาที่ผลักเธอมายืนตรงนี้ เธอกระดกเหล้าแก้วแรกหมดไปอย่างง่ายดาย แก้วที่สองเริ่มทำให้ความเจ็บปวดกลายเป็นความมึน ชาแก้วที่สามทำให้เธอไม่อยากคิดอะไรอีก เธอ







