LOGIN
เสียงดนตรีเบสหนักกระแทกกำแพงกระจกใสของผับหรูใจกลางเมือง ไฟนีออนสีม่วงสลับฟ้าเต้นระยับเหนือศีรษะอย่างไม่มีจุดเริ่มหรือจุดจบ ผู้คนมากมายต่างจมอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยเหล้าหรือด้วยความเหงาที่ไม่อาจระบายที่ไหนได้
เพชรพลอยเบียดกายฝ่าฝูงชนเข้าไปยังบาร์ด้านใน สายตาที่แดงช้ำจากการร้องไห้ทั้งวันยังคงระยิบวาวด้วยความกดดันอันหนักอึ้งในอก “เหล้าแรงสุด...แก้วนึงค่ะ” เธอบอกบาร์เทนเดอร์ด้วยน้ำเสียงแห้ง “วันนี้หน้าไม่ดีเลยนะน้อง” ชายหลังบาร์แซว แต่เธอทำเพียงยกมุมปากแข็ง ๆ ไม่ได้ตอบ ภาพแม่ที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้านชายทวงหนี้ที่ตะโกนเสียงดังด่าทอ ผู้คนที่มองผ่านๆ ราวกับเรื่องพวกนี้เป็นเพียงละครน้ำเน่าที่ไม่เกี่ยวกับใคร—ทั้งหมดตีกันยุ่งในหัวของเธอ “ถ้าไม่อยากให้แม่โดนด่าโดนทวงหนี้แบบนี้ ก็ไปหาผัวรวยๆ มาใช้หนี้สิวะเพชร!” เสียงแม่เมื่อเช้ายังดังชัดราวกับอยู่ในหูตอนนี้ เพชรพลอยถอนหายใจหนัก เธอไม่ได้เกลียดแม่ แต่เกลียดตัวเองที่จน เกลียดโชคชะตาที่ผลักเธอมายืนตรงนี้ เธอกระดกเหล้าแก้วแรกหมดไปอย่างง่ายดาย แก้วที่สองเริ่มทำให้ความเจ็บปวดกลายเป็นความมึน ชาแก้วที่สามทำให้เธอไม่อยากคิดอะไรอีก เธอซบแขนลงกับโต๊ะบาร์ หัวหมุนเล็กน้อย—แต่ยังรู้ชัดว่าอยากหนีจากความจริงอย่างสิ้นเชิง ในมุมมืดด้านข้าง ผนังสลับด้วยแสงสีเงินและม่วง ชายหนุ่มร่างสูงในสูทสีดำสนิทกำลังก้าวเข้ามา คิรินทร์ทอดสายตามองฝูงคนที่กำลังเต้น แต่ไม่มีใครสะกิดใจเขาเลยสักนิด คืนนี้เขามาคนเดียวหนีงานเลี้ยงที่พ่อจัดให้ หนีสายตาของคนรอบตัว หนีความคาดหวังที่ชื่อ “ทายาทบริษัทคิรากรุ๊ป” ต้องแบกไว้ หนีแม้กระทั่งคู่หมั้นที่ถูกจับวางตั้งแต่เด็ก เขาเบื่อ เขาอยากเงียบ เขาอยากหายไป จนสายตาสะดุดกับผู้หญิงคนหนึ่งที่อาศัยแก้วเหล้าหนีโลกพอกัน เพชรพลอยยกแก้วขึ้นดื่มแบบไม่ระวัง ตัวสั่นนิด ๆ อาจเพราะมีคนเดินชนหลังเธอจากทางด้านหลัง คิรินทร์ขมวดคิ้ว ก่อนเดินเข้าไปยืนข้างเธอเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “ค่อย ๆ ดื่ม ไม่งั้นจะเมาตายเอา” เขาพูดเสียงเรียบ เพชรพลอยหันมามองดวงตาหวานที่ปกติเต็มไปด้วยชีวิต กลับซ่อนความเจ็บปวดลึกๆ ไว้จนเห็นได้ชัด “ตายก็ดีมั้งคะ” เธอยิ้มแห้ง ๆ เอ่ยแบบไม่คิด คำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มชะงัก “พูดอะไรแบบนั้น” “ก็ชีวิตฉันมันแย่มากเลยนี่คะ” เธอหัวเราะเบา ๆ แต่แววตานั้นแทบจะร้องไห้อีกครั้ง คิรินทร์มองหน้าเธอ ไม่รู้เพราะอะไร—แต่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เก็บความเจ็บแบบเดียวกับเขา เขานั่งลงข้าง ๆ “ถ้าพูดได้…มันแย่ขนาดไหนเหรอ?” “แย่จนอยากลืมมัน…อย่างน้อยสักคืน” เธอตอบเสียงสั่นเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเขาไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไรทั้งคู่เหมือนคนแปลกหน้าที่บังเอิญมาเจอกันในวันที่ใจใกล้พังพอกัน คิรินทร์ยื่นแก้วของเขาให้เธอ “งั้นคืนนี้ลืมมันไปก่อนแล้วกัน” เพชรพลอยหัวเราะ มองเขาด้วยสายตาแปลกใจ “คุณใจดี…แต่ดูแล้วน่ากลัวนะคะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “พูดตรงดีนะ” “ก็ตรงสิคะ ก็ฉันเมานี่นา” เธอหัวเราะอีกครั้ง แต่หัวไหล่ตกลงนิดหนึ่งเหมือนหมดแรงจะฝืนยิ้มแล้ว คิรินทร์จับได้—ความเข้มแข็งของเธอกำลังแตกเป็นชิ้นๆ ทั้งสองคุยกันเรื่อยๆบทสนทนามันไหลลื่นอย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่เรื่องงาน เรื่องครอบครัว เรื่องความเหนื่อยหน่ายในชีวิต เป็นการคุยที่ไม่ต้องคาดหวัง ไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่ต้องพูดอย่างที่ควรพูด เพชรพลอยเงยหน้ามองเขาอย่างลืมตัว “รู้อะไรไหมคะ…คุณเป็นคนแปลกหน้าแรกที่ฉันอยากคุยด้วยนานๆ” คิรินทร์หัวเราะหายใจออกเบาๆ “ผมก็เหมือนกัน” แต่เพชรพลอยเริ่มเมามากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงดนตรีดังจนเธอเริ่มโงนเงน คิรินทร์จับต้นแขนเธอไว้ “กลับเถอะ เดี๋ยวผมไปส่ง” “ไม่เป็นไรค่ะ…ฉันกลับเอง—” เธอพูดไม่ทันจบก็เสียหลักเกือบล้ม คิรินทร์ประคองไว้ทันที กลิ่นเหล้าเจือกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของเธอลอยแตะปลายจมูก ใบหน้านี้ใกล้กว่าเดิมจนเขาเห็นขนตาที่สั่นระริกเพราะความเมา “ผมพาคุณไปพัก ไม่ทำอะไรคุณหรอก” เขาบอกเสียงหนักแน่น เพชรพลอยมองหน้าเขานิ่งขึ้นเล็กน้อย “ฉัน…เชื่อคุณนะ” คำพูดนั้นเหมือนทำให้หัวใจคิรินทร์สะดุด เขาประคองร่างเล็กที่แทบยืนไม่ไหวออกจากผับไปอย่างระมัดระวัง เขาพาเพชรพลอยเข้าไปในห้องพักโรงแรมชั้นสูงสุดที่เขาใช้เวลาหนีความวุ่นวายเป็นประจำคิรินทร์วางเพชรพลอยลงบนเตียงอย่างเบามือ "ผมว่าผมคงขับรถไปส่งคุณไม่ได้แล้ว เพราะผมก็ดื่มหนักเอาเรื่องมันจะอันตรายถ้าฝืนขับต่ออาจจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นก็ได้" เธอนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาปรือมองหน้าเขา “ก็จริง...ขอบคุณนะคะ” คิรินทร์หัวเราะเบา ๆ “ดีใจเหมือนกันนะที่คุณไว้ใจผม” “ไว้ใจสิคะ…คืนนี้ไม่อยากอยู่คนเดียวเลย” คำพูดนั้นทำให้เขาชะงัก “เพชรพลอย…” เขาเรียกชื่อเธอครั้งแรกหลังได้ยินเธอพึมพำชื่อตัวเองตอนเมามาก เธอยิ้มเศร้า “คุณรู้ชื่อฉันแล้ว…แต่ฉันยังไม่รู้ชื่อคุณเลย” “คิน” “ชื่อเหมาะกับคุณนะคะ…” เธอยิ้มอ่อนแรง มือน้อย ๆ ของเธอยกขึ้นแตะแขนเขาอย่างเผลอตัว สัมผัสนั้นทำให้ความยับยั้งชั่งใจของเขาสั่นไหวในตอนที่ทั้งสองต่างอ่อนล้าจากโลกหัวใจก็เปิดรับใครคนหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ คืนนั้นความเหงาเหล้าและความอ่อนไหวทำให้พวกเขาโอบกอดกันโดยไม่ทันคิดว่าจะต้องรับผิดชอบอะไรในเช้าวันพรุ่งนี้ คิรินทร์ก้มลงไปจูบเพชรพลอยส่วนเธอก็ตอบสนองด้วยการแลกลิ้นและพึมพำในคอ มือของคิรินทร์เริ่มลูบไล้ไปตามร่างกายของเธอ "อือ—" เพชรพลอยพึมพำในลำคอ เสียงพึมพำนั้นทำให้หัวใจของคิรินทร์เต้นรัวๆไม่เป็นจังหวะ แต่เสียงหัวใจของเขาบอกอย่าหยุดจงทำต่อไป เขาเริ่มปลดกระดุมคอเสื้อของเพชรพลอยทีละเม็ดจนเห็นผิวพรรณที่ขาวเนียนของเธอพรเอมกับชุกชั้นในลูกไม้สีขาว ยิ่งมองต่ำลงไปก็ยิ่งเห็นหน้าอกที่อวบอึ๋มรอเขาขย้ำอยู่ คิรินทร์จ้องมองอยู่พักใหญ่แล้วก้มลงไปไซ้ซอกคอของเพชรพลอยแล้วแง๊บเบาๆ ทำให้เพชรพลอยส่งเสียงออกมาเล็กน้อย เสียงนั้นยิ่งกระตุ้นคิรินทร์เป็นอย่างมาก เขาเริ่มถอดเสื้อของเธอและตัวเองออกทีละชิ้นๆจนทั้งสองเหลือเพียงร่างที่เปลือยเปล่า เพชรพพลอยยื่นมือไปลูบไล้ร่างกายของคิรินทร์ คิรินทร์ที่เห็นเต้าอวบอึ๋มก็อดใจที่จะก้มลงไปดูดไม่ได้ มือของเขาลูบไล้ตามต้นขาของเพชรพลอยจนไปถึงร่องกลีบของเพชรพลอยเขาสอดนิ้วเขเาไปในร่องกลีบของเธออย่างช้าๆ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาดูเพชรพลอยก็เห็นว่าเธอกำลังทำสีหน้ายั่วยวนรอให้เขาทำต่อ คิรินทร์ที่เห็นสีหน้าแบบนั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปเขายับท่อนเอ็นอันใหญ่ของเขารูดขึ้นลงประมาณ4-5ครั้งก่อนขะเอาไปถูกับเม็ดเสียวของเพชรพลอย "อ่า—" เขาส่งเสียงครางออกมา "ดะ...เดี๋ยว" "หืม? มีอะไร" "มันน่ากลัวมาก" "ครั้งแรกหรอ—ไม่ต้องกลัวหรอก" คีรินทร์จับขาทั้งสองอ้าออกห่างจากกันแล้วเอาท่อนเอ็นจ่อร่องกลีบแล้วค่อยๆดันท่อนเอ็นเข้าไปในตัวของเพชรพลอยแล้วเอาค้างเอาไว้ ร่องกลีบของเพชรพลอยรัดม่อนเอ็นเขาแน่นจนแทบหายใจไม่ออก คิรินทร์ส่งเสียงพึมพำในลำคอออกมาก่อนจะเงยหน้าแล้วถอนหายใจ เขาเห็นสีหน้าเพชรพลอยมีความกังวลจึงโน้มตัวลงไปจูบดพชรพลอยเพื่อให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย เขาเริ่มแทรกลิ้นเข้าไปในปากของเธอ คิรินทร์พูดในใจ "แน่นเป็นบ้าเลย—เสียแทบไม่เข้า" เพชรพลอยส่งเสียงพึมพำในลำคอ คิรินทร์ถอนจูบอย่างโยนอ่อน "เจ็บ..." เพชรพลอยพูดออกมาด้วยเสียงสั่นคลอน "เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้วนะ" เขายิ้มมุมปาก เพชรพลอยพยักหน้า "งั้น...ผมขยับเลยนะ" ทันทีที่คิรินทร์พูดจบเขาก็เริ่มขยับเอวอย่างช้าๆ เพราะกลัวเพชรพลอยจะเจ็บเขาพยายามมองเพชรพลอยและสังเกตุสีหน้าของเธอว่าเธอรู้สึกดีหรือเปล่า แต่พอคิรินทร์เห็นว่าเพชรพลอยเริ่มรู้สึกดีเขาก็เริ่มขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆจนเพชรพลอยส่งเสียงครางออกมา "อ๊ะ...อ๊ะ—อือ" "อ่า—" ทั้งคู่ส่งเสียงครางออกมาอย่างพอใจ คิรินทร์ก้มลงไปแง๊บคอของเพชรพลอยอย่างเบาๆจนเป็นรอยแดง เขาเร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนน้ำใสๆล้นออกมาจากร่องกลีบตามมาด้วยน้ำสีขาวขุ่นไหลออกมาจากรูเดียวกัน ทั้งสองมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่รูัสึกว่าพอใจกับคืนนี้แล้ว จึงผลอยหลับไปจนเช้า ทั้งคู่ไม่รู้ว่าเพียงคืนเดียวนี้—จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของทั้งสองตลอดไป และเมื่อแสงเช้าแรกส่องผ่านม่านสีควันบุหรี่…เพชรพลอยตื่นขึ้นเธอหันไปเห็นผู้ชายที่หลับอยู่ข้างๆ หัวใจเธอแทบหยุดเต้น “ไม่นะ…ทำอะไรลงไปเนี่ย…!” เธอรีบคว้าของที่หอบมาด้วยอย่างลนลาน รีบใส่เสื้อผ้าแล้วรีบวิ่งออกจากห้อง—กำไลเงินที่แม่ให้ติดตัวตั้งแต่เด็ก ร่วงหล่นอยู่บนพื้นโดยที่เธอไม่รู้ตัว คิรินทร์ตื่นขึ้นหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีเขามองเตียงว่างเปล่าชายตาของเขาเหลือบไปเห็นกำไลเงินที่สลักชื่อ “เพชรพลอย” วางอยู่ตรงปลายเตียงเขากำมันไว้แน่นจ้องมองพร้อมกับยิ้มที่มุมปากกำไรนั้นราวกับจะกินมันเข้าไป เหม่อมองประตูห้องที่ปิดสนิท “คุณเป็นใครกันแน่…เพชรพลอย”`บรรยากาศในห้องทำงานของคิรินทร์ในเช้าวันถัดมาหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก แม้แสงแดดส่องลอดกระจกสูงเข้ามา แต่กลับไม่สามารถไล่ความเย็นยะเยือกบนใบหน้าของเขาได้เลยแม้แต่น้อย ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาวางเอกสารเล่มหนึ่งลงตรงหน้าบอสอย่างระมัดระวัง “คุณคิรินครับ… นี่คือสิ่งที่เราพบในกล้องวงจรปิดเมื่อคืน” คิรินทร์เงยหน้าขึ้น สายตาคมไหววาบหนึ่งครั้ง ก่อนจะเปิดแฟ้มอย่างใจเย็น แต่ยิ่งเปิด สีหน้าของเขายิ่งขุ่นดั่งทะเลมืดในคืนพายุพัด ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดชัดเจน — ญาดาเดินไปที่แผนกของเพชรพลอยในเวลาหลังเลิกงานเมื่อคืน เธอเปิดลิ้นชัก โต๊ะเอกสารและ…วางซองเอกสารสีขาวไว้บนโต๊ะทำงานของเพชรพลอย ลูกน้องเอ่ยเสียงเบาหวิว “เราตรวจซองแล้วครับ… เป็นใบร้องเรียนปลอมว่าเพชรพลอยทำให้ชื่อเสียงบริษัทเสียหายจากเหตุการณ์เมื่อวาน มีลายเซ็นปลอมของหัวหน้าฝ่ายด้วย…" คิรินทร์หลุบตาลงอย่างช้า ๆ ก่อนปิดแฟ้มลงด้วยเสียง “ปิด” เบา ๆ แต่แรงพอจะทำให้ลูกน้องสะดุ้ง “เธอคิดว่าเล่นแบบนี้แล้วฉันจะยอมเหรอ…” น้ำเสียงเขาทุ้มต่ำจนน่ากลัว “ดี… ถ้าอยากเล่นเกมสกปรก… ฉันก็จะเล่นด้วย” เขาลุกขึ้นทันที ผูกเนกไทแบบไม่สนใจความเรียบร
วันถัดจากที่เกิดเรื่องโปรเจ็กต์ เพชรพลอยรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวหนักกว่าเดิม แม้จะทำงานตั้งใจมากแค่ไหนก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่เหมือนจับจ้องมาแบบแปลก ๆ โดยเฉพาะจากฝ่ายบริหารระดับสูงบางคนที่เธอไม่เคยยุ่งเกี่ยวด้วยมาก่อน เธอไม่รู้เลยว่าต้นตอของแรงกดดันเหล่านั้นมาจากใคร…แต่มันกำลังค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาอย่างมืดเงียบ ในขณะเดียวกัน ญาดา—คู่หมั้นของคิรินทร์—นั่งอยู่ในรถยุโรปสีเทาด้าน สายตาเรียบเฉยแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความริษยาอัดแน่น “คนชื่อเพชรพลอย…” ญาดาพึมพำ ขณะกวาดนิ้วเปิดแฟ้มที่ลูกน้องสืบมาให้ “ฐานะทางบ้านไม่ดี พ่อแม่โลภ… แล้วก็เคยถูกส่งไปเป็นเมียน้อยคนบางคนงั้นเหรอ” ริมฝีปากญาดายกขึ้นเล็กน้อย คล้ายยิ้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่สวยงามเลยสักนิด “ของแบบนี้… แค่ปล่อยข่าวก็พังไม่เป็นท่าแล้ว ไม่ต้องเปลืองมือฉันด้วยซ้ำ” แต่ดูเหมือนเธอยังไม่พอ เธอหยิบโทรศัพท์กดต่อสายหาใครบางคน ปลายสายรับด้วยน้ำเสียงทุ้ม หยาบ และคุ้นเคยกับการใช้อำนาจข่มคน “…ว่าไงครับ" “ฉันมีเรื่องจะให้คุณช่วย” ญาดาวางน้ำเสียงเรียบหรู แต่เย็นเยียบ “ผู้หญิงที่ชื่อเพชรพลอย ทำงานที่คิรา กรุ๊ป เธอเป็นลูกหนี้บ้านคุณใช่
แสงเช้าอ่อน ๆ สาดเข้ามาผ่านกระจกสูงของอาคารคิรา กรุ๊ป ทำให้ห้องประชุมและพื้นที่ทำงานของบริษัทเต็มไปด้วยแสงสีทองปนเงา ญาดานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานใหญ่ เรียบหรูและสง่างามในชุดสูทสีขาวเข้ารูป ผมดำยาวตรงถูกจัดเรียงเรียบร้อย มือบางลูบเอกสารและรายงานบนโต๊ะ ดวงตาคมกริบสอดส่องทุกหน้าจอคอมพิวเตอร์และทุกความเคลื่อนไหวของบริษัท รอยยิ้มเย็นชาปรากฏบนใบหน้า เธอรู้สึกถึงความตึงเครียดและแรงกดดันที่ต้องควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในมือ โทรศัพท์มือถือของเธอสั่น ญาดายกขึ้นกดหมายเลขของหัวหน้าทีมงานคนสนิททันที เสียงตอบรับของฝ่ายตรงข้ามเรียบร้อยและสุภาพ “ตามเรื่องที่ฉันบอกไว้แล้วใช่ไหม?” น้ำเสียงเรียบเย็นแต่เต็มไปด้วยอำนาจ “ค่ะคุณญาดา ทีมงานกำลังตรวจสอบผู้หญิงคนนั้น…เพชรพลอยค่ะ เรากำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมด” ดวงตาคมของญาดาเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ แคบลง ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักความคิด “ดี…ฉันอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ—ที่อยู่ ครอบครัว การทำงาน ประวัติส่วนตัว และความสัมพันธ์กับคิรินทร์เมื่อคืนที่ผ่านมา…อย่าพลาดอะไรเด็ดขาด” “เข้าใจค่ะคุณญาดา เราจะจัดให้ละเอียดที่สุด” เสียงตอบรับหนักแน่น ทำให้ญาดายิ้มบาง ๆ พ
ห้องประชุมใหญ่ชั้น 25 ของ Kira Group – คิรา กรุ๊ป วันนี้เต็มแน่นจนแทบไม่มีที่นั่ง พนักงานกว่า 300 คนต่างถูกเรียกด่วนตั้งแต่เช้าตรู่โดยไม่ได้แจ้งสาเหตุ จนทุกคนเริ่มเดากันวุ่นว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพชรพลอยเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มงานในมือ เธอดึงคอเสื้อขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้บังรอยแดงที่ค่อยๆ จางลง แต่ยังมองเห็นได้ถ้าจงใจมองใกล้ ๆ เพื่อนร่วมงานที่นั่งโต๊ะเดียวกันหันมามองเธอทันที “เพชรพลอย เมื่อคืนเธอไปกินเหล้ามาหรือเปล่า ดูหน้าแก…ซีดเหมือนคนอดนอนเลย” “เอ่อ…ก็แค่เมานิดหน่อยน่ะ” เธอตอบเบา ๆ พยายามทำตัวปกติที่สุด แต่ในหัวของเธอไม่ปกติเลยภาพเมื่อคืนยังติดอยู่ไม่จาง มือผู้ชายคนนั้น ริมฝีปากของเขา สัมผัสหนักแน่น เสียงทุ้มที่กระซิบชื่อเธอ… และสิ่งที่ทำให้เธอหน้าชาวูบยิ่งกว่า— “ฉันไม่ได้ป้องกัน…” เพชรพลอยหลุบตาลง รีบสลัดความคิดออกไม่ได้…ห้ามคิดตอนนี้ขอให้ไม่เป็นอะไร ขอให้ไม่ใช่โชคร้ายซ้ำซ้อนเถอะ เสียงซุบซิบเริ่มดังทั่วห้องประชุม “นี่ๆ ประธานคิราวุธเรียกประชุมเช้าขนาดนี้ ต้องมีเรื่องใหญ่แน่” “หรือจะปลดผู้จัดการอีกคน?” “จะควบรวมบริษัทหรือเปล่า?” แต่มีเสียงหนึ่งที่ทำให้เพชรพลอยเงยหน้
เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้องเช่าเล็ก ๆ เพชรพลอยสะดุ้งตื่น ลมหายใจสะดุดด้วยความหวาดกลัวก่อนที่สติจะแล่นกลับมาเต็มที่ภาพเมื่อคืนแล่นเข้ามาเหมือนฟ้าผ่ากลางกะโหลก—แสงสีจากผับ กลิ่นเหล้า การพูดคุยที่อบอุ่นจนน่ากลัว…และเขาผู้ชายคนนั้นร่างกำยำที่แน่นร้อน มือใหญ่ที่ประคองเธออย่างอ่อนโยน…แต่กลับปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิด ไม่ใช่สิ—เธอเองต่างหากที่ปล่อยให้เลยเถิด เพชรพลอยจับหัวตัวเองสองข้างรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเฉย ๆ “เพชรพลอย…แกทำบ้าอะไรลงไปเมื่อคืน…” เธอปิดหน้า กรีดร้องลงในหมอนเพื่อไม่ให้ห้องข้าง ๆ ได้ยินทุกอย่างชัดเจนเกินกว่าจะบอกว่าเมาจนจำไม่ได้เธอจำได้ทุกสัมผัส…ทุกลมหายใจ…และทุกเสียงเรียกชื่อเธอเบา ๆ ตอนเขากดริมฝีปากลงบนต้นคอ เพชรพลอยหอบหายใจปลายนิ้วแตะไปที่คอ—แสบร้อน เธอพุ่งลุกไปยืนหน้ากระจก “ตายแล้วววววววว…!!!” รอยแดงจาง ๆ ไล่จากกกหูลงมาถึงไหปลาร้าบางรอยเป็นจ้ำเล็ก ๆ จนไม่ต้องเดาเลยว่าเกิดจากอะไรเธอเอามือปิดปากกลั้นเสียงร้อง หัวใจเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกจากอก “ฉัน…ทำอะไรลงไปเนี่ย…” สายตาไหลลงมาเห็นรอยอีกสองรอยตรงไหปลาร้าเธอหน้าแดงวาบขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ “บ้า! ตายแล้ว! บ้าเพชรพลอย!
เสียงดนตรีเบสหนักกระแทกกำแพงกระจกใสของผับหรูใจกลางเมือง ไฟนีออนสีม่วงสลับฟ้าเต้นระยับเหนือศีรษะอย่างไม่มีจุดเริ่มหรือจุดจบ ผู้คนมากมายต่างจมอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยเหล้าหรือด้วยความเหงาที่ไม่อาจระบายที่ไหนได้ เพชรพลอยเบียดกายฝ่าฝูงชนเข้าไปยังบาร์ด้านใน สายตาที่แดงช้ำจากการร้องไห้ทั้งวันยังคงระยิบวาวด้วยความกดดันอันหนักอึ้งในอก “เหล้าแรงสุด...แก้วนึงค่ะ” เธอบอกบาร์เทนเดอร์ด้วยน้ำเสียงแห้ง“วันนี้หน้าไม่ดีเลยนะน้อง” ชายหลังบาร์แซว แต่เธอทำเพียงยกมุมปากแข็ง ๆ ไม่ได้ตอบ ภาพแม่ที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้านชายทวงหนี้ที่ตะโกนเสียงดังด่าทอ ผู้คนที่มองผ่านๆ ราวกับเรื่องพวกนี้เป็นเพียงละครน้ำเน่าที่ไม่เกี่ยวกับใคร—ทั้งหมดตีกันยุ่งในหัวของเธอ “ถ้าไม่อยากให้แม่โดนด่าโดนทวงหนี้แบบนี้ ก็ไปหาผัวรวยๆ มาใช้หนี้สิวะเพชร!” เสียงแม่เมื่อเช้ายังดังชัดราวกับอยู่ในหูตอนนี้ เพชรพลอยถอนหายใจหนัก เธอไม่ได้เกลียดแม่ แต่เกลียดตัวเองที่จน เกลียดโชคชะตาที่ผลักเธอมายืนตรงนี้ เธอกระดกเหล้าแก้วแรกหมดไปอย่างง่ายดาย แก้วที่สองเริ่มทำให้ความเจ็บปวดกลายเป็นความมึน ชาแก้วที่สามทำให้เธอไม่อยากคิดอะไรอีก เธอ







