LOGINเสียงประตูห้องนั่งเล่นบ้านญาดาปังลงอย่างแรง ตามด้วยเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่กำลังฟิวส์ขาดจนแทบหยุดไม่ได้
ญาดาปล่อยตัวลงนั่งกับพื้น โยนแจกันราคาแพงทิ้งลงกระเบื้องจนแตกกระจาย “ทำไมต้องเป็นฉัน! ทำไมเขาถึงเลือกอีผู้หญิงจน ๆ คนนั้นแทนฉัน!!!” แม่ของเธอเข้ามาห้าม “ญาดา…ใจเย็นก่อนลูก เรื่องมัน—” “ไม่ต้องมาบอกให้ใจเย็น!!! แม่เห็นไหมว่าเขาทำอะไร? เขาไปเลือกผู้หญิงต่ำต้อยกว่าเรา! นังนั่นมันต้องทำของใส่แน่ๆ ไม่งั้นคิรินทร์จะไม่เปลี่ยนใจแบบนี้!!!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคลั่งแค้นล้วนๆ ดวงตาที่เคยมั่นใจ กลับเต็มไปด้วยความอาฆาตรุนแรง “ฉันจะไม่ยอมให้มันแต่งงานกัน…ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม” เธอบอกลูกน้องของตัวเองทันทีให้ไป “จัดการ” เพชรพลอยและนั่นคือจุดเริ่มต้นของความเลวร้ายทั้งหมด… --- ด้านคิรินทร์ — ทำทุกทางเพื่อกวาดความยุ่งยากออกจากชีวิตเพชรพลอย ในเวลาเดียวกันคิรินทร์นั่งคุยกับพ่อแม่ของเพชรพลอยที่บ้านเล็ก ๆ ย่านชานเมือง ทุกอย่างเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา “ผมจะไม่ยุ่งกับเพชรพลอยอีกครับ ถ้านั่นคือสิ่งที่ท่านต้องการ แต่ผมจะขอเคลียร์หนี้ทั้งหมดให้…รวม 2 ล้านบาท และให้เงินไปตั้งตัวอีก 1 ล้าน” พ่อกับแม่เพชรพลอยมองหน้ากันด้วยความอึ้ง แม่ของเธอน้ำตาคลอ “คุณ…ให้เงินมากขนาดนี้ทำไมคะ? คิรินทร์ตอบเรียบ ๆ แต่จริงใจ “ถือว่าเป็นค่าชดเชย ที่ทำให้ชีวิตลูกสาวท่านวุ่นวายเพราะผมครับ” พ่อเธอพยักหน้าช้า ๆ “เงินแค่นี้มากเกินพอแล้ว สินสอดไม่ต้อง ให้มันจบ ๆ ไป แค่เห็นลูกไม่ต้องถูกทวงหนี้ เราก็ดีใจแล้ว” แต่ยังไม่ทันที่คิรินทร์จะอธิบายว่า "แท้จริงแล้ว เขาตั้งใจจะแต่งงานกับเธอ" เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ข้อความจากการ์ดลับ “เกิดเรื่องด่วนครับนาย! ห้องพักของคุณเพชรพลอย มีคนบุกรุก!” คิรินทร์หน้าถอดสีทันทีเขากระโจนลุกและรีบออกจากบ้านโดยไม่รอคำอธิบายใด ๆ --- ห้องพักของเพชรพลอย เพชรพลอยกำลังกรีดร้อง ดิ้นสู้สุดแรง ชายร่างใหญ่ผลักเธอลงกับพื้น พยายามกดแขนเธอไว้ “จะเล่นตัวไปทำไมวะ! มานี่!” แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรได้ เสียงกำปั้นกระแทกหน้าอย่างแรงดัง “ผัวะ!!” การ์ดของคิรินทร์สองคนพุ่งเข้ามาลากตัวลูกชายเถ้าแก่ออกไปติดกำแพง ผู้ชายคนนั้นคือ “ไอ้กานต์” ลูกหนี้บ้านเพชรพลอยที่ญาดาติดต่อไว้ เพชรพลอยกรีดร้องทั้งน้ำตาแต่การ์ดรีบเข้ามากันตัวเธอไว้ “ไม่เป็นไรครับคุณเพชรพลอย ผมอยู่ตรงนี้แล้ว” คิรินทร์วิ่งเข้ามาในสภาพหอบหายใจ หน้าเครียดจนเห็นเส้นเลือดขึ้น เมื่อเห็นเธอ ตัวสั่น ร้องไห้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยช้ำจากการถูกบีบคอ หัวใจเขาแทบหยุดเต้น “เพชรพลอย…!” เขาก้าวเข้ามาประคองเธอ แต่เธอสั่นจนพูดไม่ออก ได้แต่ร้องไห้กับอกของเขาเบาๆ คิรินทร์หันไปมองลูกชายเถ้าแก่ที่โดนกดกับพื้น ดวงตาของเขามืดสนิท “แกกล้ามายุ่งกับผู้หญิงฉันเหรอ?” เสียงต่ำเย็นจนทำเอาการ์ดยังเย็นวาบ “มันควรจะเป็นของฉัน!!—” “ใครบอกที่อยู่เพชรพลอยกับแก?” เขาตวาดลั่น ชายคนนั้นสั่น “…คุณญา…ญาดา…ครับ…” คิรินทร์กัดฟันจนกรามขึ้นสัน “ดีมาก พรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมพ่อแกด้วยตัวเอง…และจะทำให้พวกแกไม่มีปัญญาแม้แต่จะหายใจทับพื้นที่นี้ ไม่ต้องห่วง” เขาสั่งการ์ด “จับมันไว้ ส่งโรงพักก่อน พรุ่งนี้ฉันไปจัดการต่อเอง” --- คืนนั้น — ที่คอนโดของเขา หลังทุกอย่างสงบ คิรินทร์พาเพชรพลอยมาที่คอนโด เธอยืนหน้าประตูอย่างลังเล “ฉัน…ไม่กล้าเข้าไปค่ะ มันดึกแล้ว… ฉัน—” คิรินทร์มองเธอ ก่อนกลั้นยิ้ม “จะอายทำไมล่ะ?” เพชรพลอยหน้าแดง “ก็…มันไม่ค่อยเหมาะ—” เขายักคิ้วกวน ๆ “ไม่เหมาะตรงไหน ก็เคยเห็นกันหมดแล้ว…ทั้งหมดไส้หมดพุงด้วยซ้ำ” เพชรพลอยอึ้ง หน้าแดงเถือก การ์ดสองคนที่ยืนอยู่ยังหน้าแดงตามไปด้วย เธอหันไปด่าเขาเบา ๆ “คุณน่ะ! พูดอะไรเนี่ย!” คิรินทร์หัวเราะพรืด “ก็มันจริงไม่ใช่เหรอ?” ก่อนจะดึงข้อมือเธอเข้ามาในห้องอย่างอ่อนโยน “คืนนี้นอนที่นี่ ผมจะไม่ยอมให้เธออยู่คนเดียวอีกแล้ว” เขาพาเธอไปนั่งบนโซฟา เช็ดรอยช้ำให้ด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “จากวันนี้ไป ต่อให้ทั้งโลกไม่ช่วยเธอ ฉันก็จะไม่ปล่อยให้เธอเจออะไรแบบนี้อีก” เพชรพลอยนั่งเงียบ ๆ อยู่บนโซฟานุ่มของคอนโดหรู เสียงหัวใจยังเต้นระรัวไม่หยุด ทั้งเพราะความหวาดกลัวที่เพิ่งผ่านมา และเพราะผู้ชายตรงหน้า…ผู้ชายที่กำลังก้มหน้าจัดการปฐมพยาบาลรอยแดงบนลำคอของเธอด้วยมือที่นิ่งและอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ คิรินทร์ใช้ครีมทาอย่างเบามือที่สุด “เจ็บไหม” เสียงเขาแผ่วจนแทบเป็นกระซิบ เพชรพลอยส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่ค่ะ…แค่กลัวนิดหน่อย” “ไม่เป็นไรแล้ว…” เขาพูดช้า ๆ คล้ายปลอบเด็กเล็ก “ฉันอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครทำอะไรเธอได้อีกแล้ว” เพชรพลอยมองหน้าเขา เผลอพูดในใจทำไม…เขาถึงดูห่วงฉันขนาดนี้กันนะ…? คิรินทร์จับมือเธอขึ้นมาเบา ๆมือของเธอสั่นจนเขารู้สึกได้ “เหนื่อยมากใช่ไหม วันนี้เจออะไรมาหนักเกินไปแล้ว” เธอกัดริมฝีปาก “ฉัน…ยังรู้สึกเหมือนตัวเองจะหายใจไม่ออกค่ะ” คิรินทร์ไม่ได้ตอบเขาแค่ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดช้าๆ เหมือนรู้ว่าตอนนี้เธอต้องการที่พึ่งมากแค่ไหน เพชรพลอยตัวแข็งไปทั้งตัว “คุณ…กอดฉันทำไมคะ” “เธอกลัว” “ฉันเลยจะอยู่ตรงนี้จนกว่าเธอจะหายกลัว” คำพูดนั้นทำให้กำแพงในใจของเธอพังลงทีละนิดเพชรพลอยหลับตา กำเสื้อเชิ้ตของเขาแน่นราวกับกลัวว่าเขาจะหายไป คิรินทร์ลูบหลังเธอเบา ๆ อย่างช้า ๆ จนจังหวะหายใจของเธอเริ่มเป็นปกติเขาไม่พูดอะไรอีก ไม่เร่งรัด ไม่ล้ำเส้น แค่อยู่ตรงนั้นและให้เธอพิงได้เต็มที่ เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง เสียงสะอื้นเบาๆ ของเพชรพลอยค่อยๆ เงียบลง แทนที่ด้วยลมหายใจสม่ำเสมอและตอนนี้เธอก็ดูสงบขึ้นมากคิรินทร์ก้มมองใบหน้าที่แดงน้อย ๆ ของเธอ “ง่วงหรือยัง” เพชรพลอยพยักหน้า “นิดนึงค่ะ…” เพชรพลอยหลุบตา น้ำตาซึมแต่หัวใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะในน้ำเสียงของเขามีคำว่า “หวง” ซ่อนอยู่เต็ม ๆ เขาอุ้มเพชรพลอยไปที่เตียง เพชรพลอยนั่งบนเตียงนุ่มของคอนโดคิรินทร์อย่างประหม่า ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อจนแทบกลายเป็นสีชมพู เธอกำชายเสื้อแน่น ไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ “คุณ…คุณคิรินทร์” เสียงเธอสั่นนิด ๆ “ฉันคิดว่าคุณจะนอนโซฟา” คิรินทร์ที่กำลังจัดหมอนเงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจคำพูดนั้นสักนิด “ใครว่าผมจะนอนโซฟา?” เพชรพลอยชะงัก “ก็…ฉันคิดว่า—” เขายืนเท้าเอว มองเธอด้วยสายตาที่ทั้งจริงจังและเอ็นดู “ผมบอกว่าผมจะไม่ปล่อยให้คุณอยู่คนเดียว ไม่ได้บอกสักคำว่าจะไปนอนโซฟา” เธอกลืนน้ำลาย “แปลว่า…?” คิรินทร์เดินเข้ามาใกล้จนเธอต้องถอยหลังไปติดหัวเตียงใบหน้าของเขาอยู่ใกล้พอให้ได้ยินลมหายใจอุ่น ๆ “ผมจะนอนเตียง…” เขายิ้มเจ้าเล่ห์นิด ๆ “กับคุณ ต่างหากล่ะ” “ค-คุณบ้าเหรอคะ!” เพชรพลอยหน้าแดงร้อนวาบ “มันไม่เหมาะเลยนะ!” คิรินทร์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เสียงต่ำ ๆ ที่ทำเอาหัวใจเธอเต้นผิดจังหวะ “ไม่เหมาะตรงไหนครับ? เราเคยนอนด้วยกันมาแล้วทั้งคืนด้วยซ้ำ” เขาก้มลงกระซิบใกล้ใบหูเธอ “ตอนนั้นยังไม่ได้อายเท่าตอนนี้เลย” เพชรพลอยตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสะกด “นั่น…คืนนั้นมัน…เมาค่ะ…” “คราวนี้ก็ไม่เสียหายนี่” เขาลูบผมเธอเบา ๆ “ผมแค่อยากให้คุณหลับสบาย คุณกลัวใช่ไหมว่าจะฝันร้าย” เพชรพลอยเม้มปากแน่นจู่ๆ ก็รู้สึกอ่อนแรงลงเหมือนการปฏิเสธไม่มีความหมายอีกต่อไป เธอไม่กล้าบอกออกไปว่า…เธอเองก็อยากให้เขาอยู่ใกล้…เพื่อจะไม่ต้องกลัวอะไรอีก คิรินทร์เห็นท่าทีของเธอ ก็ยิ้มอ่อนลง เขาขยับตัวขึ้นเตียง จัดผ้านวมให้เธอแล้วนอนลงข้างเธออย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่เร่งเร้า ไม่ล้ำเส้น แต่ขยับเข้ามาใกล้ทีละนิด เพชรพลอยมองหน้าเขาในความมืด “คุณ…นอนตรงนั้นแหละค่ะ อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้นะ” คิรินทร์ตอบทันที “ไม่ได้หรอก” เขาเอื้อมแขนมาดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอดในจังหวะที่เธอร้องเบา ๆ “ว๊าย—คุณ!” “ผมกอดคุณไว้แบบนี้ คุณจะได้ไม่ฝันร้าย” เขาพูดช้า น้ำเสียงอ่อนโยนจนหัวใจเธออ่อนยวบ อ้อมแขนของเขาแข็งแรง อบอุ่น และปลอดภัยจนเธอรู้สึกเหมือนทุกความกลัววูบหายไปเฉย ๆ เพชรพลอยยิ่งดิ้น เขายิ่งกระชับแขน “อย่าดิ้นสิ มันหนาว” “คุณตัวร้อนมากต่างหากค่ะ!” เธอเถียงเสียงเบาหน้าแดงจนร้อนยิ่งกว่าผ้าห่ม คิรินทร์หัวเราะ “ร้อนเพราะคุณอยู่ใกล้ไง” “…บ้า” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะยอมอยู่นิ่ง ๆ ในอ้อมแขนเขาทั้งสองค่อย ๆ หายใจเป็นจังหวะเดียวกัน ลมหายใจของเขาอุ่นข้างแก้มของเธอ หน้าอกของเขาเคลื่อนไหวตามการหายใจที่ช้าและสม่ำเสมอ คิรินทร์ก้มลงแตะหน้าผากเธอเบา ๆ “วันนี้คุณเกือบโดนทำร้าย…ผมเกือบเสียสติไปแล้วคุณรู้ไหม” เพชรพลอยตกใจ เงยหน้ามองเขา ในแววตาเขามีความโกรธ ความหวง และความกลัวรวมอยู่ด้วยกันทั้งหมด “ไม่ต้องกลัวนะ” เขากอดเธอแน่นขึ้น “ผมจะไม่ปล่อยให้ใครแตะต้องคุณอีก ไม่ว่าใครก็ตาม” เพชรพลอยรู้สึกเหมือนหัวใจถูกโอบไว้ด้วยมือใหญ่ ๆ ของคนคนนี้ เธอเริ่มหลับตาอย่างวางใจ แต่ก่อนจะหลับ เธอได้ยินเสียงเขาพูดเบา ๆ “หลับเถอะเพชรพลอย… คืนนี้คุณจะหลับในอ้อมกอดของผมอย่างปลอดภัยที่สุด” ในที่สุดเพชรพลอยก็หลับไปทั้งในอ้อมแขนของเขา ใบหน้าซบอกกว้างของเขา มือเล็กวางอยู่บนหน้าอกเขา เหมือนหัวใจทั้งสองกำลังจะเต้นเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว คิรินทร์เองก็ค่อยๆ หลับไปเช่นกัน โดยไม่ยอมปล่อยแขนออกจากเอวของเธอแม้แต่นิดเดียว คืนแรกที่ “นอนกอดกันจนหลับไป” กลายเป็นคืนที่ผูกหัวใจของทั้งคู่แน่นขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่มีใครรู้ตัว *** ตอนเช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสาดลอดผ้าม่านสีครีมเข้ามาในห้อง คิรินทร์รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นนุ่มที่ยังซุกอยู่ในอ้อมแขน เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเพียงครึ่งเดียว แล้วเห็นเส้นผมยาวนุ่มของเพชรพลอยที่ม้วนอยู่ตรงไหล่ของเขา เธอขยับตัวเล็กน้อย พลิกหน้าเข้ามาหาอกของเขามากขึ้น ราวกับเด็กที่ยังไม่อยากตื่นจากความอบอุ่น คิรินทร์ยกมือขึ้นลูบผมนุ่มของเธอเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากเขายกยิ้มอย่างที่เจ้าตัวเองก็ไม่เคยยอมรับว่าทำเพชรพลอยค่อย ๆ ลืมตา แล้วเห็นคิรินทร์นอนกอดเธอแน่นอยู่ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที “ตื่นได้แล้วค่ะ คุณคิรินทร์…” เธอกระซิบข้างหูเขา แล้วใช้ปลายนิ้วจิ้มแก้มเขาเบา ๆ “อืมม… อย่าเพิ่ง…” เสียงทุ้มของเขาแสนงัวเงีย ฟังดูต่างจากเวลาปกติอย่างน่าหลงใหล เพชรพลอยหัวเราะเบา ๆ พลางพูดแหย่ “คุณเหมือนเด็กงอแงเลยนะคะ ตอนเช้าแบบนี้” คิรินทร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังไม่ลืมตาเต็มที่ “ใครเด็กกัน… คุณต่างหากที่อายุน้อยกว่าผมตั้งสามปี” เขาพูดเสียงง่วง ๆ พลิกตัวมาฟัดแก้มเธอเบา ๆ แบบไม่รู้ตัว “แล้วจะมามองว่าผมเป็นเด็กน้อยได้ยังไง…” เพชรพลอยหน้าแดงเถียงไม่ออกแต่แกล้งทำตาโตใส่ “ก็คุณน่ารักแบบเด็กนี่ค—” คิรินทร์ลืมตาขึ้นมาทันที “ต่อไปนี้ คุณเรียกผมว่า ‘พี่คิณ’” เพชรพลอยถึงกับอ้าปากค้าง “หา!? อยู่ ๆ จะให้เรียกพี่เฉยเลยเหรอคะ” “ครับ” เขาตอบด้วยหน้าตาเรียบเฉย แต่หูแดงจาง ๆ แบบดูออกชัดเจน “เรียกให้ฟังสิ” เพชรพลอยกลอกตาอย่างจำยอม “พะ… พี่คิณ…” คิรินทร์ยิ้มมุมปากทันที ยิ้มที่ทำเอาหัวใจเธอเต้นแรงแบบควบคุมไม่ได้ “ดีขึ้นเยอะ” เขาพูดเสียงนุ่ม เพชรพลอยรีบลุกขึ้นจากเตียงเหมือนหนี “งั้นหนู—เอ่อ ฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ!” แต่ยิ่งรีบเท่าไหร่ หน้าเธอก็ยิ่งแดงจัดจนคิรินทร์หัวเราะเบาๆ ไม่นานเสียงน้ำในห้องน้ำก็ดังขึ้น…คิรินทร์ที่ยังนอนอยู่บนเตียงชะงัก เพราะเสียงละอองน้ำกระทบผิวดังแผ่ว ๆ ทำให้ภาพเมื่อคืนแวบขึ้นมาทั้งหมด ในหัวของเขาจินตนาการตอนที่เพชรพลอยอาบน้ำ เขารีบยกมือขึ้นจับหน้าผาก “โธ่เว้ย… ตั้งสติสิคิรินทร์…” แต่ยิ่งคิดห้าม หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงจนเขาต้องลุกขึ้นนั่ง สูดหายใจลึกหลายครั้ง ก่อนจะส่ายหัวเหมือนไล่ความคิดฟุ้งซ่าน หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ ทั้งคู่ก็แต่งตัวเรียบร้อยมาพร้อมกัน เพชรพลอยสะพายกระเป๋า ใบหน้าแดงนิด ๆ เพราะความเขินที่ยังไม่หายคิรินทร์ยื่นมือออกมาให้เธอจับเธอชะงักก่อนจะวางมือบนมือเขา “งั้นคุณ—” เพชรพลอยเผลอพูดออกมา คิรินทร์ลืมตา ทันที ขมวดคิ้วเข้าหากัน “เมื่อกี้ว่าไงนะ?” เพชรพลอยชะงัก “เอ่อ… ฉันหมายถึง—” คิรินทร์จับคางเธอเบา ๆ ให้หันมามอง “บอกให้เรียกพี่ แล้วก็ให้แทนตัวเองว่าหนู… ทำไมยังเรียกคุณ-ฉันอยู่ล่ะ” เพชรพลอยหน้าแดงเป็นสีชมพู “ก็… ฉัน—” “หนู” เขาแก้คำให้เธอทันที “…หนูชินค่ะ” “ก็ต้องเริ่มฝึกตั้งแต่วันนี้” เขาพูดเรียบ ๆ “เพราะต่อไปนี้ พี่เป็นคนของหนูแล้ว จำไว้” คำว่า พี่ ที่เขาเรียกตัวเองทำเอาเธอหน้าแดงจนหูร้อน รีบลุกจากเตียงแทบจะสะดุดผ้าห่มหนีเข้าไปในห้องน้ำทันที คิรินทร์หัวเราะเบา ๆ แต่ชอบท่าทางเขินของเธอจนอดมองตามไม่ได้ “พี่จะไปส่งหนูที่บ้านแม่พี่ แล้วจะไปจัดการเรื่องพวกเมื่อคืนต่อ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพชรพลอยพยักหน้า “ค่ะ… ระวังตัวด้วยนะคะ” คิรินทร์ยิ้มอ่อนลง “หนูเองก็เหมือนกัน พี่จะให้การ์ดเฝ้าไม่ห่างอีก” พอถึงหน้าบ้าน เพชรพลอยลงจากรถ เขาโค้งตัวลงเปิดประตูให้เหมือนสุภาพบุรุษเต็มขั้น ก่อนเธอเดินเข้าไป เขารั้งข้อมือเธอเบา ๆ “เย็นนี้พี่จะกลับมารับ” เพชรพลอยใจสั่น “ค่ะ…” คิรินทร์มองเธอจนลับสายตาก่อนสายตาของเขาจะเปลี่ยนเป็นดุดันทันทีเมื่อหันกลับไปขึ้นรถ “ไปที่โกดังเถ้าแก่คนนั้น” เขาสั่งคนสนิทเสียงเย็น แววตาเขาในตอนนี้ไม่ใช่แค่โกรธแต่เป็นโทสะที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เพชรพลอยปลอดภัย วันนี้…จะเป็นวันที่ไม่มีใครกล้ามาทำร้ายผู้หญิงของเขาได้อีกแม้แต่ปลายเล็บ --- ที่โกดังเก่าแก่ ในโกดังที่เถ้าแก่คนนั้นใช้เก็บของ เถ้าแก่และลูกชายทำหน้าเสียสีเมื่อเห็นคิรินทร์เดินเข้ามาพร้อมลูกน้องชุดดำหลายคน คิรินทร์เดินช้า ๆ มาหยุดตรงหน้าดวงตาเย็นเฉียบจนทั้งโกดังเงียบสนิท “เมื่อคืนลูกนายตั้งใจจะทำอะไรกับคู่หมั้นของฉัน” เสียงทุ้มต่ำแต่กดดันจนคนฟังตัวชา ลูกชายเถ้าแก่สะดุ้งเฮือก “มะ… ไม่ได้—” “อย่าโกหก” คิรินทร์พูดอย่างเฉียบคม “กล้องวงจรปิดมีทั้งหมด ฉันให้ลูกน้องเก็บไว้แล้ว” เขาก้าวเข้าไปใกล้จนเถ้าแก่หน้าซีดเผือด “ฟังให้ดีนะ ตั้งแต่นาทีนี้ ถ้านายหรือพ่ออีกับครอบครัวนายเข้าใกล้เพชรพลอยอีกแม้แต่ก้าวเดียว… ฉันจะทำให้นายไม่มีสิทธิ์เดินอยู่ในวงการธุรกิจอีก” เถ้าแก่ตัวสั่น รีบคุกเข่าขอโทษคิรินทร์แค่ปรายตามองก่อนพูดเย็นชาว่า “ดี… จำให้ขึ้นใจ” หลังจัดการทุกอย่าง เขาก็รีบกลับบ้านทันที ----- ในบ้านใหญ่ของครอบครัวคิรินทร์เพชรพลอยกำลังช่วยแม่คิรินทร์เตรียมของในครัวแม่คิรินทร์กำลังตั้งใจปั้นขนมไทยสีสวย ๆ อยู่หน้าเตาเพชรพลอยมองอย่างสนใจ ก่อนถามออกมา “คุณแม่ทำอะไรเหรอคะ ดูน่าทานมากเลย” แม่คิรินทร์ยิ้มอย่างเอ็นดู “ขนมช่อม่วงจ้ะ เห็นลูกชายบอกว่าชอบกิน แม่เลยจะทำไว้รอพอดี ถ้าแม่บ้านทำเขาจะไม่ยอมกินจ้ะ” เพชรพลอยพยักหน้า “หนู… หนูขอลองทำด้วยได้ไหมคะ?” แม่คิรินทร์ยิ่งยิ้มกว้าง “ได้สิลูก มานี่ แม่จะสอน” เพชรพลอยลงมือทำอย่างตั้งใจแม้มือจะยังเก้ๆ กังๆ แต่เธอตั้งใจจนแม่คิรินทร์แอบมองด้วยสายตาเอ็นดู หลังทำเสร็จ เพชรพลอยรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย จึงไปนั่งพักที่โซฟาในห้องนั่งเล่นไม่นานเธอก็เผลอหลับไปท่าทางหลับอย่างสงบเหมือนลูกแมวตัวน้อย แม่คิรินทร์เดินมาดูแลเห็นก็ยิ้ม “เด็กคนนี้น่ารักจัง เหนื่อยแล้วก็มานอนหลับแบบนี้” ไม่นานพ่อคิรินทร์กลับมาจากบริษัท เห็นรองเท้าของลูกชายไม่อยู่ แต่เห็นเพชรพลอยหลับอยู่บนโซฟาแทน จึงหัวเราะเบา ๆ “คงช่วยแม่ทำงานบ้านจนเหนื่อยล่ะสิ” "ป่าวหรอกค่ะ เธอมาช่วยฉันทำขนม" พ่อคิดรินทร์ขำ เสียงประตูหน้าบ้านเปิดเบาๆ คิรินทร์เดินเข้ามาในบ้าน สายตาเขาไปสะดุดกับร่างบางที่นอนขดตัวบนโซฟา ชายหนุ่มยิ้มทันที รอยยิ้มอ่อนโยนที่แทบไม่เคยให้ใครเห็น แม่คิรินทร์เข้าไปกระซิบ “ช่วยแม่ทำขนมน่ะ เห็นเหนื่อย ๆ แล้วก็มานั่งพัก พอหันมาอีกทีหลับไปแล้ว” คิรินทร์พยักหน้า ก่อนจะเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้พ่อกับแม่ฟังอย่างละเอียด สองสามีภรรยาหน้าตึงขึ้นมาทันที พ่อว่า “งั้นคืนนี้ให้เพชรพลอยกับลูกค้างที่บ้านนี่แหละ ปลอดภัยกว่า” แม่ก็เห็นด้วยแต่ก่อนคิรินทร์จะเดินไปอุ้มเพชรพลอย แม่คิรินทร์เอียงตัวมากระซิบเบา ๆ “เอ่อ… ลูก… แม่ถามตรง ๆ นะ” แม่กระแอมเบา ๆ “เราสองคน… เคยมีอะไรกันหรือยัง?” คิรินทร์ชะงัก หน้าเขาแดงขึ้นชัด “เอ่อ… แม่…” พ่อคิรินทร์หัวเราะ “ฮ่า ๆ แค่ตอบมาก็พอ จะได้นอนห้องเดียวกันแบบไม่ต้องเกร็ง” คิรินทร์หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม “ก็… เคยครับ” แม่คิรินทร์ยิ้มอ่อน “งั้นคืนนี้พาเขาไปนอนที่ห้องของลูกเลยนะ จะได้ไม่ต้องเก้อ ๆ เขิน ๆ” คิรินทร์หลุบตา ไม่กล้าสบหน้าใคร ก่อนจะก้มลงอุ้มเพชรพลอยขึ้นในวงแขนอย่างเบามือที่สุด “พี่จะพาไปนอนบนเตียงนะ” เขากระซิบเบา ๆ แม้เธอจะยังหลับอยู่ แล้วเดินขึ้นบันไดไปยังห้องของเขา โดยมีพ่อแม่ยืนมองตามพร้อมรอยยิ้มพอใจคิรินทร์ค่อย ๆ อุ้มเพชรพลอยขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเอง แขนแข็งแรงของเขาประคองร่างบางราวกับสิ่งมีค่าที่ต้องปกป้องอย่างถึงที่สุด เขาใช้ไหล่ดันประตูเบา ๆ แล้วเดินไปยังเตียงขนาดคิงไซส์กลางห้อง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของผู้หญิงในอ้อมแขนนั้นทำให้หัวใจเขาเต้นถี่ขึ้นแบบควบคุมไม่อยู่ “เหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อคืน แล้วยังเจอเรื่องบ้า ๆ พวกนั้นอีก…” เขาพึมพำเบา ๆ ขณะวางเธอลงบนเตียง เพชรพลอยอยู่ในสภาพหลับลึก ริมฝีปากเล็กเม้มเบา ๆ เหมือนเด็กที่กำลังฝันอะไรบางอย่าง คิรินทร์มองเธอไม่ละสายตา ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมให้และเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาปรกแก้มออกด้วยปลายนิ้วที่แสนอ่อนโยน “ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้นะ…” เขาหลุดยิ้มโดยไม่รู้ตัว หลังจากที่คิรินทร์อุ้มเพชรพลอยขึ้นไปวางบนเตียงของตัวเองเรียบร้อย เขาค่อย ๆ ดึงผ้าห่มให้เธออย่างเบามือ ก่อนจะก้มลงหอมหน้าผากเธอเบา ๆ อย่างกลั้นไม่ให้เธอตื่น แล้วจึงเดินลงมาชั้นล่าง เมื่อคิรินทร์ลงมาถึงห้องนั่งเล่น พ่อกับแม่ยังนั่งรออยู่ ทั้งคู่มองหน้าเขาเหมือนรู้ว่าเขามีเรื่องในใจ “คิน มีอะไรจะเล่าเพิ่มอีกมั้ยลูก” แม่ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแต่จริงจัง คิรินทร์ถอนหายใจยาว นั่งลงตรงข้ามพ่อแม่ “มีครับ… แล้วมันหนักกว่าที่เราคิด” พ่อเอนตัวพิงพนัก โฟกัสเต็มที่ “เกี่ยวกับญาดา?” คิรินทร์พยักหน้า สีหน้าเคร่งขึ้นทันที “คินรู้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทำลายโปรเจ็กต์ของเพชรพลอย…คือญาดาเองครับ เธอส่งคนเข้าไปปั่นป่วนในทีมของพลอย หวังจะทำให้พลาดจนโดนไล่ออก” แม่อุทานเบา ๆ “เด็กคนนี้…ทำไมถึงได้ทำอะไรแบบนั้น…” คิรินทร์ขมวดคิ้วแน่นขึ้น น้ำเสียงแข็งกว่าเดิม “สิ่งที่น่าแปลกคือ คนของญาดารู้ข้อมูลภายในบริษัทเราเร็วเกินไป เหมือนมีคนส่งเอกสารให้เขาโดยตรง ไม่ใช่แค่ข่าวลือทั่วไป” พ่อหรี่ตา “หมายความว่า…พ่อของญาดาอาจเกี่ยว?” คิรินทร์พยักหน้า “ผมยังไม่แน่ใจ 100% แต่ผมเริ่มสืบเงียบ ๆ แล้วครับ สิ่งที่พบคือ…บริษัทของบ้านญาดาเหมือนจะรู้ตัวเลขต้นทุน รายจ่ายโปรเจ็กต์ และกำหนดการภายในของพวกเราแบบละเอียดมากเกินกว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ” แม่ส่ายหน้าอย่างผิดหวัง “คิดจะใช้ข้อมูลบริษัทคนอื่นมาทำธุรกิจตัวเองงั้นเหรอ… แบบนี้เรียกว่าฉ้อโกงแล้วนะคิน” คิรินทร์ตอบเสียงเรียบแต่เย็น “ครับ และถ้ายืนยันหลักฐานได้จริง ผมจะยุบบริษัทนั้นทันที” พ่อขมวดคิ้วขึ้น “คินคิดจะจัดการจริง ๆ หรือ?” “ครับ ผมจะทำให้ถูกตามกฎหมายทั้งหมด ไม่ใช่เพราะเรื่องหมั้น แต่เพราะพวกเขาทำให้บริษัทเราตกอยู่ในความเสี่ยง และอีกอย่าง—” เขาหยุด หายใจลึกเหมือนกลั้นโทสะแบบผู้บริหารที่เริ่มหมดความอดทน “เพชรพลอยทำโปรเจ็กต์การตลาดแล้วพาบริษัทเรายอดพุ่งขึ้นเกือบเท่าตัวในสองเดือน เรานำบริษัทอื่นขาด ตลาดก็ขยายเร็ว แต่กลับมีคนเล่นงานเธอจากด้านหลัง ผมรับไม่ได้ครับ” แม่มองลูกชายด้วยความภูมิใจและเอ็นดู “แม่เห็นนะ คินเปลี่ยนไปมากตั้งแต่มีพลอยในชีวิต แม่ดีใจที่ลูกปกป้องคนที่ควรปกป้อง” พ่อพยักหน้าช้า ๆ “แล้วลูกคิดจะเริ่มยังไง?” คิรินทร์เท้าศอกบนหัวเข่า โน้มตัวมาข้างหน้า “ผมจะเริ่มจากตรวจสอบสัญญาความร่วมมือย้อนหลังทั้งหมดระหว่างบริษัทเราและบริษัทของญาดา ตรวจสอบเส้นทางข้อมูล ถ้ามีหลักฐานถูกส่งออกไปจริง ผมจะส่งฟ้องทันที” พ่อยิ้มบาง ๆ แบบคนที่รู้ว่าลูกชายตัวเองเอาจริง “ลูกนี่…ได้พ่อมาเต็ม ๆ” แม่แตะไหล่ลูกชายเบา ๆ “แล้วเพชรพลอยล่ะลูก เธอจะรู้เรื่องนี้มั้ย?” คิรินทร์ส่ายหน้า “ยังไม่ตอนนี้ครับ ผมไม่อยากให้เธอเครียด เธอเหนื่อยมากแล้วเมื่อคืน… ผมอยากให้เธอพักก่อน เดี๋ยวทุกอย่างผมจัดการเอง” พ่อกับแม่มองหน้าแล้วยิ้มเล็ก ๆ อย่างพอใจ เหมือนเห็นว่าลูกชายโตขึ้นจริง ๆ พ่อเอ่ยถามแบบทีเล่นทีจริง แต่ยังแฝงความห่วงใยเหมือนเดิม “แต่พูดจริง ๆ นะคิน เห็นอุ้มพลอยขึ้นไปเมื่อกี้… เอ่อ… ลูกกับเขา…?” คิรินทร์หน้าแดงนิด ๆ แบบที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับเขาเป็นนัก “ผม…ไม่ตอบได้ไหมครับพ่อ” แม่หัวเราะเบา ๆ “แค่ระวัง ไม่ให้เธอท้องก่อนแต่งก็พอ แต่อย่างว่า…ถ้าเกิดขึ้นจริงพ่อแม่ก็เลี้ยงเด็กได้นะ” คิรินทร์ยกมือจับท้ายทอยตัวเอง “แม่ครับ…” น้ำเสียงอายจนพ่ออดหัวเราะไม่ได้ แต่ทันใดนั้น สีหน้าเขาก็กลับจริงจังอีกครั้ง “คืนนี้ผมจะเริ่มวางแผนเต็มตัว เรื่องญาดา…ผมจะไม่ยอมปล่อยให้ทำร้ายคนของผมอีกแล้ว” แม่ยิ้มอบอุ่น “แม่อยู่ข้างลูกเสมอนะ” พ่อพยักหน้า “จัดการไปอย่างที่ควรทำซะคิน ถ้าคนทำผิดก็ต้องรับผิด” คิรินทร์หายใจลึก กำมือแน่นอย่างแน่วแน่ “ครั้งนี้…ผมจะไม่อ่อนให้อีกแล้ว”ข่าวลือในบริษัทแพร่กระจายเร็วกว่าที่เพชรพลอยคิดแค่การที่เธอไม่มาทำงานหนึ่งวันเพราะอาการแฮงค์หนักหลังฉลองกีฬาสี กลับถูกต่อเติมเรื่องราวจนกลายเป็นคำถามที่ทุกคนไม่กล้าถามตรงๆ แต่กลับซุบซิบกันไม่หยุด“หรือว่า…เพชรพลอยไปอยู่กับท่านประธานที่คอนโด?”คำถามนั้นลอยไปถึงหูของผู้ใหญ่เร็วกว่าที่คิรินคาดไว้และในเช้าวันหนึ่ง เขาถูกเรียกเข้าไปพบท่านประธาน—พ่อของเขา—ในห้องทำงานที่เงียบขรึมกว่าทุกครั้ง“ข่าวมันเริ่มแรงแล้วนะคิรินทร์” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น “ถ้าลูกคิดจะจริงจัง ก็ต้องชัดเจน”คิรินทร์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ อย่างคนตัดสินใจแล้ว“ผมชัดเจนมานานแล้วครับพ่อ”---สุดสัปดาห์ถัดมา พนักงานทั้งบริษัทถูกประกาศว่าจะได้ไปฉลองโบนัสสิ้นปีที่ทะเลเพชรพลอยเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดเพียงว่าเป็นทริปพักผ่อนธรรมดา เธอเดินเล่นอยู่ริมชายหาดยามเย็น แสงแดดสีส้มสะท้อนผิวน้ำระยิบระยับอย่างสวยงาม“วิวสวยจังค่ะพี่คิน” เธอยิ้ม พลางหยิบกล้องขึ้นมาเตรียมถ่ายภาพเก็บไว้“ถ่ายสิหนู” คิรินทร์ตอบเสียงนุ่ม ยืนอยู่ข้างหลังเธอเพชรพลอยย่อตัวลงเล็กน้อย จัดมุมกล้องให้เห็นเส้นขอบฟ้า ทะเล และท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนสี แต่ก่อนที่เธอจะ
สนามกีฬาของบริษัทเต็มไปด้วยเต็นท์สีสด เสียงพนักงานจากทุกบริษัทที่เข้าร่วมแข่งดังครึกครื้น ทุกคนสวมเสื้อทีมสีของแผนกตัวเองเพิ่มความคึกคัก เพชรพลอยในชุดกีฬาสีทีม แก้มขึ้นสีจากทั้งแดดและตื่นเต้น เธอสูดลมหายใจลึก พนักงานแผนกตัวเองเดินมาตบไหล่ให้กำลังใจไม่ขาด คิรินทร์ยืนอยู่ข้างสนามตามตารางแข่งของเธอทั้งวัน มือในกระเป๋ากางเกงกำแน่นทุกครั้งที่เธอลงแข่งขันชนิดต่าง ๆ เขาไม่ได้พูด แต่ทุกคนรู้… เขาเป็นห่วงเธอสุดหัวใจ *** สนามแรก การแข่งขันวิ่งผลัด 4×100 เมตรกำลังจะเริ่มแดดยามเช้าส่องลงมาเต็มแรงจนพื้นลู่วิ่งสะท้อนแสงระยิบเพชรพลอยยืนวอร์มอยู่กับทีมในชุดกีฬาสีแผนกของเธอ ผิวขาวอมชมพูตัดกับแดดแรงจนเหมือนสว่างขึ้นเองเอวบางๆ กับท่ายืดเส้นทำให้คนแถวสนามมองจนลืมหายใจ คิรินทร์ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง แอบกลืนน้ำลายเบา ๆ แล้วหลบสายตาไปอีกทางแต่ก็ยังแอบมองอยู่ดี --- ฝ่ายบริษัทคู่แข่งยืนซุบซิบกันกลุ่มผู้ชายจากบริษัทญาดาและอีกสองบริษัทยืนมองเพชรพลอยแบบไม่ละสายตา “เฮ้ย ผู้หญิงคนนั้น… ของบริษัทไหนวะ?” “ไม่รู้ แต่โคตรเก่ง ดูตอนวอร์มดิ ท่าวิ่งเป๊ะมาก” “สเปกกูชัด ๆ เลย… ขาวสวย ผอมเอวบาง—” “ถ้าชนะจะขอไลน์เลยว่
หลังจากมื้อค่ำสุดหรูจบลง เพชรพลอยและพลอยใสยังรู้สึกอิ่มเอมจากรอยยิ้มและความเอ็นดูของครอบครัวคิรินทร์ แม่ของคิรินทร์ส่งซิกให้เพชรพลอยรู้ว่าไม่ต้องเกรงใจเรื่องค่าใช้จ่าย ทำให้เพชรพลอยหน้าแดงเล็กน้อย “เอาล่ะ ฉันพาพลอยใสไปส่งก่อนนะคะ” เพชรพลอยบอกพลอยใส พลอยใสยิ้มกว้าง แอบเขินที่ได้ไปส่งบ้านกับเพชรพลอยเองฃ คิรินทร์ยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมแต่แฝงความห่วงใย “พี่ไปเป็นเพื่อน” ขณะนั่งรถไปยังบ้านของพลอยใส บรรยากาศในรถเงียบสงบ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น คิรินทร์เล็กน้อย ๆ โอบไหล่เพชรพลอยจากด้านหลัง เธอเผลอยิ้มในใจ ไม่อยากยอมรับแต่ก็อุ่นใจ เมื่อถึงบ้านของพลอยใส คิรินทร์ลงจากรถช่วยถือของให้พลอยใสและเพชรพลอย พลอยใสยกมือไหว้เขาเล็กน้อยด้วยความเกรงใจ แต่สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม “ขอบคุณนะคะ” พลอยใสเอ่ยเสียงเบา เขาพยักหน้าเบา ๆ แอบเหลือบมองเธอแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่ว “ไปเถอะ เดี๋ยวเจอหน้ากันพรุ่งนี้ที่บริษัท” คิรินทร์หันมามองเพชรพลอยที่นั่งเบาข้างหลังแล้วยิ้มมุมปาก "ส่วนพวกเราก็กลับบ้านได้แล้ว เพชรพลอยพยักหน้า แล้วหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้สบตาเขาในตอนนั้น --- บ้านคิรินทร์
เพชรพลอยขยับตัวบนเตียงนุ่ม ก่อนจะลืมตาขึ้นช้า ๆ แสงแดดยามเช้าสะท้อนผ่านม่านบาง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย…นี่ไม่ใช่ห้องเธอ ผ้าปูที่นอนสีเข้ม เตียงกว้าง กลิ่นน้ำหอมผู้ชายลอยอ่อน ๆ เธอผุดลุกขึ้นนั่งทันที “นี่… ห้องใครเนี่ย… คุณ—” คำว่า “คุณ” ยังไม่ทันหลุดปากจบดี คิรินทร์ที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผมที่ยังเปียกนิด ๆ ก็หันมา เขายิ้มมุมปาก “ใครคือคุณ พูดใหม่สิ” เพชรพลอยชะงัก หน้าแดง “เอ่อ… ฉัน—” “เพชรพลอย” เขาขมวดคิ้วอย่างเอาเรื่องแต่แฝงความเอ็นดู “ พี่คิณ พูดแบบนี้ ” เพชรพลอยหน้าแดงกว่าเดิม รีบก้มหน้า “ค่ะ… พี่คิณ” คิรินทร์ยิ้มพอใจ ท่าทางเหมือนเจ้าแมวยักษ์ที่ได้ของเล่นคืน “ดีมาก ต่อไปนี้อย่าเผลอเรียกว่าคุณอีกล่ะ เข้าใจมั้ยคะ?" “ค่ะ…” เธอตอบเบา ๆ แทบไม่กล้าสบตา “งั้นฉัน—เอ่อ… หนูไปล้างหน้าก่อนนะคะ!” เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแทบจะสะดุดพรม ทำเอาคิรินทร์หัวเราะเบาๆ กับความลนลานน่ารักๆ ของเธอ --- ตัดมาที่ชั้นล่าง แม่ของคิรินทร์นั่งรออยู่บนโซฟาเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเพชรพลอยจะลงมาช้าเพราะเขิน เมื่อเพชรพลอยเดินลงมา เธอก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ตื่นแล้วเหรอลูก เมื่อคืนเหนื
เสียงประตูห้องนั่งเล่นบ้านญาดาปังลงอย่างแรง ตามด้วยเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่กำลังฟิวส์ขาดจนแทบหยุดไม่ได้ ญาดาปล่อยตัวลงนั่งกับพื้น โยนแจกันราคาแพงทิ้งลงกระเบื้องจนแตกกระจาย “ทำไมต้องเป็นฉัน! ทำไมเขาถึงเลือกอีผู้หญิงจน ๆ คนนั้นแทนฉัน!!!” แม่ของเธอเข้ามาห้าม “ญาดา…ใจเย็นก่อนลูก เรื่องมัน—” “ไม่ต้องมาบอกให้ใจเย็น!!! แม่เห็นไหมว่าเขาทำอะไร? เขาไปเลือกผู้หญิงต่ำต้อยกว่าเรา! นังนั่นมันต้องทำของใส่แน่ๆ ไม่งั้นคิรินทร์จะไม่เปลี่ยนใจแบบนี้!!!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคลั่งแค้นล้วนๆ ดวงตาที่เคยมั่นใจ กลับเต็มไปด้วยความอาฆาตรุนแรง “ฉันจะไม่ยอมให้มันแต่งงานกัน…ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม” เธอบอกลูกน้องของตัวเองทันทีให้ไป “จัดการ” เพชรพลอยและนั่นคือจุดเริ่มต้นของความเลวร้ายทั้งหมด… --- ด้านคิรินทร์ — ทำทุกทางเพื่อกวาดความยุ่งยากออกจากชีวิตเพชรพลอย ในเวลาเดียวกันคิรินทร์นั่งคุยกับพ่อแม่ของเพชรพลอยที่บ้านเล็ก ๆ ย่านชานเมือง ทุกอย่างเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา “ผมจะไม่ยุ่งกับเพชรพลอยอีกครับ ถ้านั่นคือสิ่งที่ท่านต้องการ แต่ผมจะขอเคลียร์หนี้ทั้งหมดให้…รวม 2 ล้านบาท และให้เงินไปตั้งตัวอีก
หลังจากออกมาจากห้องประธานคิราวงศ์ คิรินทร์ยังคงจับมือเพชรพลอยไว้ไม่ปล่อย ความแน่วแน่ในดวงตาเขายังคงเหมือนเดิม แต่สำหรับเพชรพลอย—โลกทั้งใบกำลังหมุนรวดเร็วเกินไปจนเธอตั้งตัวไม่ทัน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อไม่ถึงสองชั่วโมงก่อน เธอยังเป็นแค่พนักงานธรรมดาคนหนึ่งที่กำลังจะถูกไล่ออกแต่ตอนนี้เธอกลับเดินเคียงข้างลูกชายท่านประธาน…ด้วยสถานะว่าที่คู่สมรสในอีกไม่นาน เพชรพลอยแทบไม่กล้าหายใจแรง กลัวว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นเพียงภาพฝันที่พร้อมจะสลายหายได้ทุกเมื่อ “คะ…คุณคิณ เรากำลังจะไปไหนกันต่อคะ” “ไปพบแม่ครับ” เขาตอบราบเรียบ “ต้องบอกให้แม่รู้เรื่องถอนหมั้นด้วย แล้วก็…เรื่องของเรา” เพชรพลอยรีบชะงัก “เดี๋ยวก่อนค่ะ—” แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงเข้มของท่านประธานกลับดังขึ้นจากด้านหลัง “ไปพร้อมกันนั่นแหละ จะได้ไปกินข้าวด้วยกันเลย” ทั้งคู่หันกลับไปเห็นท่านประธานเดินตามออกมาพร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ ที่เต็มไปด้วยความหมาย ซึ่งทำให้เพชรพลอยหน้าแดงขึ้นมาอย่างอาย ๆ คิรินทร์เดินเข้าไปดึงมือเธอให้อยู่ข้างเขาเหมือนเดิม “ตามนั้นครับ” --- พนักงานทั้งบริษัทซุบซิบกันระง







