LOGIN“จักจี้” ปานดวงใจหัวเราะยามรับสัมผัสสุดสยิว มือเล็กไต่ไล้บนหน้าอกเปลือยเขา “คุณจูบไม่เป็นเหรอ”
พยัคฆ์ขบกรามแน่น หันขวับไปมองยังสมุนสองคนที่ยืนรออยู่ตรงมุมหนึ่งของผับ...เป็นอันรู้กัน
“ฉันเป็นนักจูบ”
“จริงอะ” เธอแหงนหน้าหัวเราะอีกครั้ง “ฉันว่าไอ้คุณสมบัตินี้ต้องให้คนอื่นเขายกย่องนะ ไม่ใช่มายกหางตัวเองแบบนี้” นิ้วเรียวยาวจิ้มบนหน้าอกเขา กระแทกแรงๆ สองสามครั้ง
มือหนากระตุกโบบนคอของเธอ ผ้าคลุมของแวมไพร์ทิ้งตัวลงพื้นทันใด
เธอน่ากลืนกินยิ่งกว่าเดิม ผิวพรรณขาวผ่อง ไหล่กลมกลึงต้องแสงไฟ ปานดวงใจกระตุกไหล่ไล่จมูกโด่งคมที่กำลังฝังลงมาแถวรักแร้
“ฉันมีเงินก้อนหนึ่งเหลือเฟือสำหรับการเที่ยวรอบโลก เธอรับคำท้าไหม”
“เงินน่ะไม่หิว แต่เมย์กระหายชัยชนะ”
“นี่คือคำตอบว่ารับคำท้าใช่ไหม” พยัคฆ์ต้องการคำตอบที่ชัดเจน
“Yes เมย์ชอบของรางวัล ชอบความท้าทาย ฮ่าๆๆๆ”
“ฉันคิดไม่ผิด งั้นมาพิสูจน์กันว่าฉันเป็นนักจูบจริงไหม กล้าจูบกับฉันหรือเปล่าล่ะ”
“ทำไมจะไม่กล้า จูบเสร็จก็ล้างปาก ทำออกบ่อยปายยย แล้วกติกาคืออะไร แค่อยากได้คำยืนยันว่าเฮียเป็นนักจูบตัวยงอะเหรออออ”
“ใครมีอารมณ์ก่อนคนนั้นแพ้”
“โอ๊ย สบายบรื๋อ แข่งกับครายไม่แข่ง มาแข่งกับคนตายด้านแบบเมย์ เฮียเตรียมเงินให้เมย์เลยยยยย”
“งั้นเรามาสนุกกัน”
“โอเค สนุกแน่ๆ”
เขายกนิ้วก้อยขึ้น ปานดวงใจเกี่ยวนิ้วก้อยกับเขาทันควัน มั่นใจว่าเกมนี้เธอไม่มีทางแพ้
เขาเหนี่ยวร่างเล็กหลบพนักงานเสิร์ฟที่ถือเครื่องดื่มเดินมา จากนั้นก็ทำท่าจะช้อนเธอขึ้นอุ้ม
“คุณเสือคะ” เสียงผีพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งขัดจังหวะ พลางมองเพื่อนที่เมาแอ๋พูดอ้อแอ้ซุกอยู่ตรงอกชายหนุ่ม
“ครับ”
“พี่มารีเป็นลมค่ะ” พนักงานตะโกนแข่งกับเสียงดนตรี น้ำเสียงมีความตื่นตกใจเจือปนอย่างเห็นได้ชัด
*********
ชั้นบนสุดของโรงแรมที่ราคาแพงระยับทุกตารางนิ้ว ร่างที่อ่อนเปลี้ยถูกวางลงบนเตียงคิงไซซ์
แน่นอนว่าพยัคฆ์ไม่ได้เป็นแค่ลูกค้าของผับกึ่งร้านอาหาร แต่เขายังเป็นลูกค้าระดับวีวีไอพีของโรงแรม ชายหนุ่มเช่าห้องนี้แบบเหมาเดือน แม้ว่าลูกคลื่นจะเกลี้ยกล่อมให้เขาอยู่ฟรีในฐานะเพื่อนสนิทที่หัวหกก้นขวิดมาด้วยกัน แต่เขาก็ยืนกรานจะจ่ายทุกบาททุกสตางค์
หญิงสาวพยุงตัวขึ้นนั่ง ตาสะลึมสะลือมองไปด้านนอก เธอลุกขึ้นและเซน้อยๆ ตอนเดินไปเกาะกระจกมองวิวจากมุมสูง เธอไม่เคยขึ้นมาสูงถึงขนาดนี้ แต่พอหันกลับมาอีกทีก็พบว่าภายในห้องมืดลง ก่อนที่ผนังห้องจะสว่างวาบ ด้วยฉากของบรรยากาศวันฮัลโลวีน
พนักงานเสิร์ฟในชุดผีเดินผ่านมา เธอจึงคว้าเครื่องดื่มมาเทลงคอ รสชาติของมันเป็นอย่างไรตอนนี้เธอไม่รู้แล้ว แต่เวียนหัวสิ้นดี
เอวบางถูกจับรัดเข้าหาลำตัวหนาก่อนที่เธอจะล้มลงไปกองกับพื้น
เธอแหงนหน้ามองคนพยุง สมองประมวลผลได้อยู่เธออยู่กับพยัคฆ์ จากนั้นเขาก็ทิ้งเธอไว้กับเหล่านักเต้นแล้ววิ่งไปหามารี มีคนสองคนพยุงเธอออกมา
เธอจ้องหน้าเขาตอนแสงในห้องส่ายมากระทบใบหน้าเขา
“เธอว่าเธอตายด้าน?” เสียงเขาทุ้มละมุนจัง
ปานดวงใจเอานิ้วดันริมฝีปากเขาไว้ก่อนที่จะลงมาถึงปากตัวเอง “ช่ายยย”
“ฉันอยากจะรู้ว่าเธอด้านจริงไหม งั้นฉันขอเพิ่มกติกา ถ้าใครมีอารมณ์ก่อน จะต้องถอดทีละชิ้น แล้วก็เริ่มเกมใหม่”
เธอไม่รู้ว่าเกมมันจะสิ้นสุดที่ใด เริ่มไม่เข้าใจกติกาที่เพิ่มเข้ามา แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงพยักหน้าง่ายๆ
ทั้งสองหยิบเครื่องดื่มที่มีคนเดินมาเสิร์ฟขึ้นดื่ม สาวเจ้าตาลายยืนแทบไม่อยู่เพราะแอลกอฮอล์ที่กินเข้าไปมาก โลกเริ่มหมุนเหวี่ยงเธอลงบนเตียง ฉากวันปล่อยผีถูกเปลี่ยนเป็นกลีบกุหลาบซึ่งมาพร้อมอโรม่ากลิ่นกุหลาบสุดโรแมนติก
ความหนักอึ้งน่าอึดอัดกักขังอิสระของเธอไว้ ปานดวงใจปรือตามอง พอเห็นว่าเป็นร่างกำยำก็พยายามดิ้นให้หลุดพ้น แต่ไม่เป็นผล นอกจากร่างกายจะโดนทาบทับไว้ สองแขนยังถูกยึดไว้เหนือศีรษะด้วยมือหนาเพียงข้างเดียว
ความอดทนเท่าปลายก้อยของพยัคฆ์ขาดผึงยามเห็นอกสล้างสะท้านขึ้นลงใกล้ตาในบรรยากาศที่เขาเนรมิตขึ้นมา ไม่ใช่ฉากสยองขวัญสั่นประสาท ขอบคุณลูกคลื่นเพื่อนรักที่ตอบสนองแผนการอันแยบยลที่เขาวางมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
กลิ่นรสที่เพิ่งได้ลิ้มลองในผับทำให้เลือดเสือพลุ่งพล่านเล่นนอกกติกา เขาจูบลงบนหน้าอกเธอ
“ขี้โกง” หญิงสาวบริภาษ หากสะท้านตัวสั่นยามถูกกระตุ้น
“นี่ก็เรียกว่าจูบ” พยัคฆ์เถียง
“ไม่ ที่ปาก เมย์หมายถึงที่ปาก”
“ได้”
แล้วโดยไม่ทันตั้งตัว พยัคฆ์ก็ประกบปากช่างจ้อ ปานดวงใจร้องอึกอักเมื่อลิ้นของเขากวาดต้อนเข้ามาในโพรงปากเพื่อหาลิ้นของเธอ หญิงสาวพลิกลิ้นหลบ พยายามประคองสติให้ได้ทั้งที่แอลกอฮอล์ส่งผลมากขึ้น เธอหลับตาปี๋กับแสงสีที่สะท้อนไปมา มันพาให้ร่างกายวิงเวียนอ่อนล้า ขณะที่ความรู้สึกข้างในตอนนี้เริ่มมีชีวิตชีวา มันตอบรับการทาบทับของร่างใหญ่ที่อยู่ไม่สุข
พยัคฆ์รู้สึกว่าอะไรๆ ก็เกะกะไปหมด เขาเบียดบดสะโพกขณะที่ริมฝีปากต่อสู้กับการต่อต้านของเธอ
ชายหนุ่มกัดริมฝีปากล่างของปานดวงใจ ดูดมันแรงๆ ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปภายในปากอีก เสียงครางเบาๆ ของเธอดังเล็ดลอด เพียงแค่ได้ยิน เจ้าเสือในกางเกงเขาก็ร่ำร้องขออิสระ ปานดวงใจบิดส่ายอย่างทรมานอยู่ใต้ร่าง ชั่วเสี้ยวนาทีที่เผลอไผลปล่อยอารมณ์เตลิด ลิ้นของเธอก็ถูกเขาดูดดึง ความเสียวซ่านวูบวาบวิ่งปราดไปทั่วเนื้อตัวราวถูกไฟชอร์ต
พยัคฆ์คำรามกระหยิ่ม แต่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหว่างขาของเธอ ตาคมมองภาพสาวน้อยหอบหายใจอารมณ์ค้าง
อิสรภาพที่ไม่ต้องการยามนี้ทำให้หญิงสาวเผยอเปลือกตามอง เขาเลิกคิ้วยิ้มมุมปากราวส่งสัญญาณบอกว่าเธอแพ้ในเกมแรก
หากขอยุติเกมที่เพิ่งเริ่มก็เสียฟอร์ม ปานดวงใจมั่นใจว่าเกมต่อไปเธอไม่มีทางแพ้แน่ๆ อีกอย่างเครื่องแต่งกายของเธอก็หลายชิ้น เมื่อใคร่ครวญดีแล้วปานดวงใจจึงยกมือไปที่ติ่งหู
พยัคฆ์โน้มตัวมาส่ายนิ้วชี้ไปมาตรงหน้าเธอ แม้สติของปานดวงใจจะไม่เต็มเต็งแต่ความเจ้าเล่ห์ฝังอยู่ในดีเอ็นเอ สาวน้อยคงจะคิดว่าถอดต่างหูข้างหนึ่ง อีกเกมก็ถอดอีกข้าง จากนั้นก็สร้อยคอ แล้วอะไรอีกล่ะ ลำดับต่อไปก็คงไม่พ้นถุงน่อง
“ฉันแพ้” เขาเป็นฝ่ายยอมรับเสียอย่างนั้น “ฉันถอด”
“เห็นหมายยย บอกแล้ว เมย์มานตายด้าน” ปานดวงใจยิ้มอย่างเมาๆ สายตาพร่าเลือนเห็นเขาลุกไปข้างเตียง
“หลับตา” เขาสั่ง
“อิโธ่ จะหลับเพื่อ?” ปานดวงใจเน้นเสียงเป็นคำถาม แล้วต่อความเสียเอง “อันแรกที่เฮียจะถอดก็คงไม่พ้นเข็มขัด”
“มั่นใจซะเหลือเกินนะ” ชายหนุ่มจับที่เข็มขัดจริงๆ
“นี่คราย เมย์ที่ผ่านศึกบนเตียงมาโครมๆ นะ” เธออวด
พยัคฆ์ปลดหัวเข็มขัด ตาจับจ้องร่างอรชรยกขาข้างหนึ่งชันเข่ากัดนิ้วมองเขาขณะรูดสายหนังสีดำออกจากกางเกง หากมองไม่ผิดเขาคิดว่าเห็นความเปียกชื้นเป็นหย่อมตรงเป้าของเธอ เขาไม่หยุดเพียงแค่นั้น จบจากเข็มขัดเขาก็ปลดกระดุมรูดซิปกางเกงตัวนอก พยัคฆ์ดันมันลงไปตามท่อนขาแข็งแกร่ง
ดวงตาปรือปรอยของอีกฝ่ายพลันเบิกโพลง เมื่อเห็นท่อนลำเหยียดใหญ่พาดตัวอย่างอึดอัดอยู่ในกางเกงใน
“ใจเย็นๆ สาวน้อย ตอนนี้มันคันคนละอย่างกับเมื่อกี้แล้ว ฉันรู้ว่าเธอยังไม่เคย เลยแยกแยะไม่ออก ว่าคันธรรมดากับคันอยากมีผัวมันต่างกัน” พยัคฆ์สะกดกลั้นตัวเองไม่ให้โจนทะยานตามคำเรียกของเธอ “ตอนนี้เธอคันอย่างหลัง”“อ๊า” เสียงหวานมาพร้อมเสียงกระเส่า เขาดึงมือเล็กมาจับแก่นกายตัวเอง“ฉันอยากดูเธอเริงระบำ พร่างพราวอยู่ใต้ร่างฉัน...ด้วยสิ่งที่เธอกำลังจับ”“ระ...เริง...ระบำด้วยไอ้นี่น่ะเหรอ มันท่อไอเสียแทรกเตอร์ชัดๆ” ความใหญ่โตของมันทำให้ลูกเศรษฐีชาวไร่ส้มเปรียบเทียบสิ่งที่อยู่ในมือกับสิ่งใกล้ตัว“ฉันอยากได้เธอ” เขาตัวสั่นเมื่อแก่นกายถูกมือบางลูบ พยัคฆ์ขยับเข้าออกถี่ๆ อีกครั้ง ต่างคนต่างเสียวซ่านสุกงอมด้วยอารมณ์“เสียว ฮือ เสียว”“ฉันก็เสียว เอากันก่อนเดี๋ยวค่อยแก้ไข รับรองไม่ท้อง” เขากระซิบและแยงลิ้นเข้าไปเลียในร่องหู เพิ่มความเสียวซ่านจนร่างบางกระตุกเกร็ง จากนั้นก็กระแทกลงไปมิดลำมีอารมณ์ขนาดนี้ใครมันจะถอย เขาสะอาด เธอก็สด หมดปัญหาเรื่องโรค“โอ๊ย เจ็บบบบบบบบ” เสียงร้องหลง อ้าปากกว้าง ท้องน้อยสั่นระรัวสุดทานทนกับความเสียวซ่านที่แปลบปลาบด้วยความเจ็บ“คืนนี้อดทนหน่อย แล้วพรุ่งนี้ฉันจะปลอบเธอในฐานะท
“เฮียถอดสองชิ้นเลยเหรอ” สติกลับมาชั่วคราว ความรวดร้าวข้างในแผลงฤทธิ์เพียงแค่เห็นสิ่งนั้น ความเสียวพุ่งไปกองรวมตัวกันไปที่ท้องน้อย ปานดวงใจทบทวนกฎกติกา เกมนี้มีแค่จูบนี่นา เธอหลับตาลงรอเกมถัดไป ปากพ่นคำพูดไม่น่าฟัง “เล็กกว่าผัวเก่าเมย์อีก ขนาดมันตัวเล็กกว่าเฮียนะ”ปานดวงใจคิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้ไอ้เสือยักษ์ในกางเกงนั่นฝ่อลงเมื่อโดนบูลลี่“พูดแบบนี้เดี๋ยวต้องโดนของแข็งตีปาก”“ฮ่าๆๆๆๆๆ ขี้แพ้ชวนตี ไอ้เบบี๋เอ๊ย”ทว่าเขาก็เจ้าเล่ห์พอๆ กับเธอนั่นแหละ เสือยังไงก็ยังเป็นเสือ ต่อให้เอาลายพาดกลอนออก มันก็ยังเรียกว่าเสือ“เสือไม่ขี่ลิง”“หือ เล่านิทานเหยออออ เก็บไว้เล่าให้ลูกเฮียฟังเถ้อะ”“ฉันหมายถึงฉันเลือกที่จะถอดกางเกงในต่างหาก” เปลือกตาบางเผยอขึ้น ริมฝีปากอ้ากว้างเมื่อพยัคฆ์ก้าวขึ้นมาบนเตียงโดยที่ท่อนล่างเปลือยไปหมด“โอ้แม่เจ้า ไม่ใส่เหรอ” เธอยันตัวขึ้นเพื่อมองหากางเกงเขา“ใส่สิ”“ฮะ เฮียตั้งใจ ถะ ถอดกางเกงในใช่เปล่า ฮะ เฮียถอดแล้วนี่ ไป อะ เอาๆๆๆ กางเกงตัวนอกมาสะใส่สิ” ปานดวงใจพูดตะกุกตะกัก ตาจ้องมองพญาเสือโคร่งที่กระดกหัวทักทายเธอ“หมายถึงใส่อย่างอื่น”“ใส่อะไร”“เดี๋ยวรู้”สองมือหนาผ
“จักจี้” ปานดวงใจหัวเราะยามรับสัมผัสสุดสยิว มือเล็กไต่ไล้บนหน้าอกเปลือยเขา “คุณจูบไม่เป็นเหรอ”พยัคฆ์ขบกรามแน่น หันขวับไปมองยังสมุนสองคนที่ยืนรออยู่ตรงมุมหนึ่งของผับ...เป็นอันรู้กัน“ฉันเป็นนักจูบ”“จริงอะ” เธอแหงนหน้าหัวเราะอีกครั้ง “ฉันว่าไอ้คุณสมบัตินี้ต้องให้คนอื่นเขายกย่องนะ ไม่ใช่มายกหางตัวเองแบบนี้” นิ้วเรียวยาวจิ้มบนหน้าอกเขา กระแทกแรงๆ สองสามครั้งมือหนากระตุกโบบนคอของเธอ ผ้าคลุมของแวมไพร์ทิ้งตัวลงพื้นทันใดเธอน่ากลืนกินยิ่งกว่าเดิม ผิวพรรณขาวผ่อง ไหล่กลมกลึงต้องแสงไฟ ปานดวงใจกระตุกไหล่ไล่จมูกโด่งคมที่กำลังฝังลงมาแถวรักแร้ “ฉันมีเงินก้อนหนึ่งเหลือเฟือสำหรับการเที่ยวรอบโลก เธอรับคำท้าไหม”“เงินน่ะไม่หิว แต่เมย์กระหายชัยชนะ”“นี่คือคำตอบว่ารับคำท้าใช่ไหม” พยัคฆ์ต้องการคำตอบที่ชัดเจน“Yes เมย์ชอบของรางวัล ชอบความท้าทาย ฮ่าๆๆๆ”“ฉันคิดไม่ผิด งั้นมาพิสูจน์กันว่าฉันเป็นนักจูบจริงไหม กล้าจูบกับฉันหรือเปล่าล่ะ”“ทำไมจะไม่กล้า จูบเสร็จก็ล้างปาก ทำออกบ่อยปายยย แล้วกติกาคืออะไร แค่อยากได้คำยืนยันว่าเฮียเป็นนักจูบตัวยงอะเหรออออ”“ใครมีอารมณ์ก่อนคนนั้นแพ้”“โอ๊ย สบายบรื๋อ แข่งกับครายไม่
“แด่ค่ำคืนนี้เฮีย ปลดปล่อยทุกฉิ่งทุกอย่างออกมา แล้วลืมมันให้หมด”“หึๆ ปลดปล่อยทุกอย่างเลยใช่ไหม” เขามองตาเธอ “เธอจะทำให้ฉันลืมมันให้หมด?”“แม่นเจ้า” เธอตอบ ลงท้ายด้วยภาษาบ้านเกิดเขาหัวเราะ หยิบแก้วมาชนกับเธอ ก่อนจิบเครื่องดื่มดีกรีแรง 96% ตามรสชาติของมันนุ่มละมุนไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่เธอบอก แต่เขารู้ฤทธิ์เดชของมันดี“เอาทิชชูไหม” ดูเธอจะไม่แยแสกับของเหลวที่ไหลลงมา เป็นเขาเสียเองที่ไม่อาจละสายตาไปได้ เขายังอยากนั่งอยู่ในบรรยากาศนี้ให้ตลอดรอดฝั่งจึงต้องขอความร่วมมือให้เธอช่วยจำกัดมันออก“ไม่อะเฮีย” ปานดวงใจปฏิเสธ จู่ๆ ก็ลุกออกจากโต๊ะพยัคฆ์มองตามด้วยความสงสัย แวมไพร์สาวแวะดื่มกับนักพนันหนุ่มที่ยื่นแก้วให้ระหว่างที่เธอเดินผ่าน เจ้าสาวขอบคุณด้วยการยื่นหน้าเข้าไปจะกัดลำคอพวกนั้น แต่ก็ถอยออกมาและเต้นยั่วๆ โยกๆ แบบที่เขาเห็นประจำ แต่คราวนี้เขารู้สึกว่ามันเป็นภาพบาดตา บาดความรู้สึกปานดวงใจกลับมาพร้อมกับน้ำหวานสีแดง“ตะกี้เฮียว่าเหล้าเปื้อนคอใช่ปะ”“อือ” เขามองเธอเทน้ำหวาน ตามด้วยเหล้า“เมย์เลยเพิ่งนึกได้ว่าแวมไพร์ต้องกินเลือดจะได้ฉมจริง”พยัคฆ์มองน้ำหวานผสมเหล้าไหลลงมาจากมุมปากสองข้าง ใจเต้น
บรรยากาศภายในผับกึ่งร้านอาหารคืนนี้สุดสะพรึง พยัคฆ์นึกว่าตนเองก้าวเข้ามาในบ้านผีสิง บนผนังรอบด้านกลายเป็นฉากสยองขวัญ ด้านหนึ่งเป็นผนังบ้านไม้ผุพัง อีกด้านเป็นฉากปราสาทรกเรื้อด้วยวัชพืชพาดพัน“โอ้” เขาสะดุ้งเมื่อก้มลงมองพื้น มันเป็นจอภาพที่มีหนอนตัวเป้งชอนไชน่าขยะแขยงพยัคฆ์ขนลุกซู่ พนักงานเสิร์ฟอยู่ในชุดผีสารพัดชนิด แฟรงเกรนสไตล์กำลังมิกซ์เครื่องดื่มอยู่ที่บาร์ ผีแม่ชีเยื้องย่างหน้าบึ้งตึงเสิร์ฟเครื่องดื่ม ส่วนอีกด้านเป็นเฟรดดี้ ครูเกอร์“พับผ่าสิ ฮัลนิบาลก็มา ไม่ใช่ผี แต่น่ากลัวกว่าผีซะอีก” พยัคฆ์ลูบแขนตัวเองขณะเดินสวนกับชายร่างใหญ่ แปลงร่างเสียจนจำไม่ได้ว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟคนไหนเขาเดินไปนั่งที่ประจำ แวมไพร์สาวผิวขาวกำลังเป็นที่สนใจของลูกค้า เธอเดินนวยนาดเสิร์ฟเครื่องดื่มให้หนุ่มๆ เสร็จก็ค้อมตัวเข้าหาลูกค้า ทำทีจะกัดต้นคอให้จมเขี้ยวปลอม แต่ยืดตัวขึ้นมาก่อนที่จะโดนตะปบ ชุดตัวนั้นช่างเซ็กซี่ ตัวเสื้อเกาะอกจนต่ำ กระโปรงพองๆ สั้นเหนือเข่า รองเท้าส้นสูงมีสายพันไปมาจนถึงใต้เข่า ทั้งหมดเป็นสีดำ ยกเว้นผ้าคลุมที่เป็นสีแดงแวมไพร์สาวเต้นยั่วแขกทีละโต๊ะ เขามองเพลินเหมือนถูกสะกดจนกระทั่งแม่ค้าง
“ข้าวแห้งทะเล” ปานดวงใจบอกชื่ออาหาร “ไม่มีอยู่ในเมนูเหมือนกัน เมย์ทำเอง มันเหมือนข้าวต้มทะเล แต่ข้าวไม่เละและไม่มีน้ำ”“ฉันไม่ได้สั่ง ใครใช้ให้เปลี่ยนเมนู ฉันจะกินข้าวผัดปู” เขาดันชามออกไปไกลๆ“เฮีย มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะไปรำลึกถึงรสชาติเดิมๆ หรือสิ่งเดิมๆ ที่เคยทำร่วมกัน” ปานดวงใจยืนค้อมตัวปลอบเขา“แล้วเธอทำได้? ไม่เคยมีสักวูบหนึ่งเลยเหรอที่เธอเคยนึกถึงเรื่องเก่าๆ” เขาท้าทาย ค้นหาความจริงภายใต้กรอบแว่นอันโต“เมย์ก็ไม่ใช่พระอรหันต์เนาะ แต่เมย์ก็ไม่ฟูมฟายแบบเฮีย”“ฉันดูฟูมฟายเหรอ ฉันแค่อยากกินข้าวผัดปู แล้วที่ต้องบอกมารีเพราะเขาเป็นผู้จัดการร้าน ลูกค้าจะกินอาหารนอกเมนูก็ต้องบอกเขาไม่ใช่เหรอ”“โอเคๆ เมย์ผิดเองที่คิดไปไกล เฮียรอแป๊บนะ ถือว่าลูกจ้างทำกินกันเอง ไม่ต้องบอกพี่มารีหรอก” ปานดวงใจเดินส่ายหัวกลับไปที่ครัว“เป็นไงมั่งเมย์” หมิง เพื่อนร่วมงานในครัวที่วิ่งวุ่นหยิบจับจานชามใส่สเต๊กร้องถาม“เวรกรรมอะไรของเมย์ก็ไม่รู้อะ เอาแต่ใจ แบบนี้มั้งพี่มารีเลยตัดใจง่าย ความหล่อความแซ่บทะลุทะลวงไม่ช่วยอะไร ถ้าเป็นคนเอาแต่ใจ” ปานดวงใจว่าพลางเปิดตู้แช่แข็ง หยิบเนื้อปูม้าแกะออกมา“อีบ้า พี่มารีเข







