LOGIN“แด่ค่ำคืนนี้เฮีย ปลดปล่อยทุกฉิ่งทุกอย่างออกมา แล้วลืมมันให้หมด”
“หึๆ ปลดปล่อยทุกอย่างเลยใช่ไหม” เขามองตาเธอ “เธอจะทำให้ฉันลืมมันให้หมด?”
“แม่นเจ้า” เธอตอบ ลงท้ายด้วยภาษาบ้านเกิด
เขาหัวเราะ หยิบแก้วมาชนกับเธอ ก่อนจิบเครื่องดื่มดีกรีแรง 96% ตาม
รสชาติของมันนุ่มละมุนไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่เธอบอก แต่เขารู้ฤทธิ์เดชของมันดี
“เอาทิชชูไหม” ดูเธอจะไม่แยแสกับของเหลวที่ไหลลงมา เป็นเขาเสียเองที่ไม่อาจละสายตาไปได้ เขายังอยากนั่งอยู่ในบรรยากาศนี้ให้ตลอดรอดฝั่งจึงต้องขอความร่วมมือให้เธอช่วยจำกัดมันออก
“ไม่อะเฮีย” ปานดวงใจปฏิเสธ จู่ๆ ก็ลุกออกจากโต๊ะ
พยัคฆ์มองตามด้วยความสงสัย แวมไพร์สาวแวะดื่มกับนักพนันหนุ่มที่ยื่นแก้วให้ระหว่างที่เธอเดินผ่าน เจ้าสาวขอบคุณด้วยการยื่นหน้าเข้าไปจะกัดลำคอพวกนั้น แต่ก็ถอยออกมาและเต้นยั่วๆ โยกๆ แบบที่เขาเห็นประจำ แต่คราวนี้เขารู้สึกว่ามันเป็นภาพบาดตา บาดความรู้สึก
ปานดวงใจกลับมาพร้อมกับน้ำหวานสีแดง
“ตะกี้เฮียว่าเหล้าเปื้อนคอใช่ปะ”
“อือ” เขามองเธอเทน้ำหวาน ตามด้วยเหล้า
“เมย์เลยเพิ่งนึกได้ว่าแวมไพร์ต้องกินเลือดจะได้ฉมจริง”
พยัคฆ์มองน้ำหวานผสมเหล้าไหลลงมาจากมุมปากสองข้าง ใจเต้นแรงเมื่อลองคิดว่าน้ำสีแดงนั้นเป็นเลือดของเขาที่เธอเพิ่งดูดมาจากลำคอ
ยิ่งมืด แสงไฟก็ยิ่งน้อยลง แต่วิบวับด้วยแสงสีที่สาดตามจังหวะเพลง เหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าหมดไป
“ฉิ่งที่ไม่แน่นอนที่ฉุดคือความรัก ต่อให้รักแทบตาย ถ้าเขาหมดใจ มันก็ไปต่อไม่ได้” ปานดวงใจตะโกนแข่งกับเสียงดนตรีทำนองสยองขวัญ
“พูดจนฉันท่องได้แล้ว” พยัคฆ์ตะโกนกลับ
“เราต้องกลับมารักตัวเอง ต้องมูฟออนให้ได้” เธอไม่ได้บอกเขา แต่บอกกับตัวเอง
เหนือกว่าการที่อยากให้เขาตัดใจจากมารีก็คือ เธออยากจะลืมคนที่ยังคงยืนหนึ่งอยู่ในหัวใจตัวเอง
“เออรู้”
แสงที่สาดมาทางโต๊ะสะท้อนหยาดน้ำข้างริมฝีปาก ลำคอ หากคราวนี้ที่สะดุดตาที่สุดกลับเป็นหยาดน้ำตาบนพวงแก้มของคนข้างกาย ไม่ทันไรเธอก็ทิ้งหัวลงมาพิงหัวไหล่เขาและถอนใจ
พยัคฆ์ก้มมองในจังหวะที่เธอแหงนหน้าขึ้นมา วูบหนึ่งใบหน้าเธอหายไปกับความมืด แล้วเขาก็พลันตกใจเมื่อจู่ๆ ใบหน้าสีขาวก็สว่างพรึ่บขึ้นเพราะแสงไฟ ทว่าแค่เสี้ยววินาทีที่ได้มองเข้าไปในดวงตา เขาก็สัมผัสถึงความรู้สึกมากมายของเธอ มือหนายกขึ้นมาที่ใบหน้าของแวมไพร์สาวหวังปาดน้ำตา
“ไปเต้นกันดีกว่า” เธอดันมือเขาออก คว้าเครื่องดื่มเทเข้าปากแล้วเหนี่ยวเขาให้ลุกขึ้นยืน
พยัคฆ์ลุกตาม ให้เธอจับจูงเข้าไปในดินแดนที่เหล่าผีเดินขวักไขว่ กระทั่งถึงหน้าเวทีที่มีนักร้องแสดงดนตรีสด
“อีเมย์ อีคอทองแดง” เสียงผีตนนั้นตะโกนเมื่อเครื่องดื่มแก้วหนึ่งถูกคว้าไปจากถาดที่ตนถือเสิร์ฟ ตามด้วยอีกแก้วที่ถูกส่งต่อให้พยัคฆ์ เขารับมาดื่มรวดเดียวแล้ววางลงถาด
พยัคฆ์เริ่มมึน แต่อีกคนมึนกว่าจนต้องจับเขาเป็นหลักในจังหวะที่ดนตรีเปลี่ยนเป็นจังหวะสโลว์
“จะฉ้าวววว ปายทำไม แค่คนมันเบิ่ดใจ...วันนี้เรามาพบกันเด้อคนโฉด” ปานดวงใจร้องเพลงลูกทุ่งท่ามกลางเสียงเพลงสากล
“เมาเละแล้ว” พยัคฆ์รวบเอวบางเข้ามาในวงแขน
“โอ๊ย ฉบายมาก” เธอพิสูจน์ให้เขาดูว่าไหว
ปานดวงใจเกาะไหล่เขาไว้เป็นเสา วาดลีลานักเต้นสายยั่วสมเป็นแวมไพร์สาวเจ้าเสน่ห์ มือบางลูบไล้เนื้อตัวชายหนุ่ม จากที่ยืนนิ่งๆ เสาอย่างพยัคฆ์ก็เริ่มขยับตามจังหวะ เต้นเย้าไปกับเธอ
เลือดหนุ่มสูบฉีดมีพลังเมื่อมือบางลูบวนบนแผงอก เชิ้ตที่สวมใส่ให้ความรู้สึกเกะกะ เขาแกะกระดุมเสื้อออกเกือบหมดให้มือนุ่มได้แตะต้อง พยัคฆ์โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ เมื่อปานดวงใจหมุนตัวกลับหลังหันเต้นรูดเสียดสีบั้นท้ายกับเนื้อตัวของเขา จากนั้นเธอก็หันกลับมาอีกที ลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดบนแผงอกทำให้พยัคฆ์วูบวาบ นิ้วเล็กๆ วาดเป็นรูปหัวใจบนหน้าอกเขา ก่อนจะไต่เตาะแตะลงไปยังลอนซิกซ์แพ็ก เธอเซเข้ามาหาเขา แหงนหน้าปรือตาเผยอปากเพราะโดนแอลกอฮอล์แผดเผา
อยากจูบ แค่คิดชายหนุ่มก็โน้มตัวลง แต่สาวเจ้ากลับรูดตัวลงไปเต้นแทบจะติดพื้น
“ยั่วเหรอ” เขายิ้ม
แวมไพร์สาวส่ายสะบัดสะโพกขึ้นมาอีกครั้ง เขาจับเธอไว้ เธอเห็นเขาสนุก สติที่เหลือน้อยก็พาร่างกายเข้าหา ไม่รู้เต้นท่าอะไรไปบ้าง เพื่อนเดินถือเครื่องดื่มผ่านมาก็คว้ามาดื่ม
“จะฉ้าววววไปทำไม มาเต้นให้ลืมมัน” เธอร้องเพลงอีกครั้ง
พยัคฆ์มันเขี้ยวกับความน่ารักของเธอจนทนไม่ไหว มือหนาบีบปากเธอ ก้มลงจะจูบแต่ติดที่เขี้ยวแวมไพร์เป็นอุปสรรค ร่างกายส่วนหน้าเสียดสีเครียดครัดมากขึ้น แอลกอฮอล์ไม่ได้มีผลให้สมรรถภาพของเขาลดลง ซ้ำกระตุ้นความต้องการที่กักเก็บมานาน
มือหนาข้างหนึ่งอ้อมไปแถวบั้นท้าย ดันร่างเธอเข้ามาแนบสะโพก แล้วเลื่อนมือนั้นลงไปที่ขาก่อนจะขยับขึ้นมาใต้กระโปรง ขยำก้นอวบๆ งอนๆ ของเธอที่เด้งไปเด้งมา
ฉากหน้าที่สุขุมถูกกระชาก เผยอสุรกายในกางเกงเริงร่าผงาดเสียดสีกับเธอ สาวน้อยที่มึนเมาหายใจติดๆ ขัดๆ ร่างของเธอจู่ๆ ก็โงนเงนทรงตัวไม่อยู่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขาข้างหนึ่งถูกเขายกแทบจะขึ้นไปพาดเอวหนา
เสื้อเกาะอกแทบจะไม่เก็บทรงขาวอวบ ความอวบนูนและวิบวับด้วยกลิสเตอร์ดึงรั้งใบหน้าเขาลงไป
ความร้อนจากลมหายใจของเขาราวเปลวไฟจุดลงไปในกระแสเลือดผสมแอลกอฮอล์ วูบหนึ่งแสงไฟวาบผ่าน ปานดวงใจมองใบหน้าหล่อที่อยู่ใกล้มาก เส้นเลือดตรงลำคอเขาดึงดูดใจจนต้องกลืนน้ำลาย
“ฉันได้กลิ่นมนุษย์” เสียงนั้นกระเส่ายามสวมบทแวมไพร์ มือบางเลื่อนจากหน้าอกเขาไปยังต้นคอ
“ฉันเป็นอาหารของเธอ” พยัคฆ์ยืดตัวขึ้นพร้อมจับขาเธออีกข้างขึ้น เขาขย่มตัวครั้งเดียว ก็สามารถจับขาของปานดวงใจเข้าล็อกในท่าอุ้มแตง
เรียวแขนเล็กกอดคอเขาเมื่อพยัคฆ์อุ้มเธอหมุนตัวตามเสียงเพลงซึ่งเปลี่ยนเป็นคึกคักอีกครั้ง เขาเหวี่ยงจนเธอหัวหมุน ซุกหน้ากับลำคอเขาที่มีกลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นน้ำหอมยั่วใจ
“เลือดของฉันจะพาเธอดื่มด่ำตลอดราตรีนี้” เสียงของเขาปลุกผีเสื้อในตัวเธอให้พากันกระพือปีก ความซาบซ่านซึมซาบไปทั่วกาย ในที่สุดเธอก็ฝังเขี้ยวลงไปที่ลำคอเขา
“โอ้” เสียงร้องของเขาทำให้สาวน้อยย่ามใจ ฝังคมเขี้ยวลงมากกว่าเดิม
กางเกงเขาแทบปริเมื่อวายร้ายข้างในอยากลิ้มรสสวาทแวมไพร์ พยัคฆ์วางเธอลงหลังจากลำคอเป็นอิสระ แต่แขนยังประคองเธอไว้
หน้าอกของเธอกลับมายั่วตาเขาอีกครั้ง และในที่สุดจมูกคมก็กดลงบนเนินอกข้างหนึ่ง เขากดหน้าซุกไซ้ แค่ดมไม่เพียงพอ ลิ้นร้อนปาดลงบนความนุ่มหยุ่น ในจังหวะที่บรรยากาศมืดเหมือนหลับตาพยัคฆ์ดึงขอบเสื้อของเธอลง สติเกือบแตกดับเมื่อริมฝีปากได้สัมผัสกับยอดอกตึงเต็งแข็งสู้ ลิ้นร้อนตวัดโลมเลียก่อนดึงขอบเสื้อกลับที่เดิม ไฟสว่างวาบอีกครั้ง แต่ความหวามไหวที่เกิดขึ้นทำให้ปานดวงใจทิ้งร่างลงในอ้อมกอดเขา
พยัคฆ์ประคองคนสติไม่เต็มร้อยที่พยายามเต้นต่อไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างบีบปากเธอจนหญิงสาวยอมดันเขี้ยวปลอมออก ริมฝีปากเธอน่าจูบขึ้นเป็นกอง
“ไหนขอลิ้มรสเลือดของฉันในปากเธอหน่อย”
ปานดวงใจแลบลิ้นเลียน้ำลายที่ไหลหลังจากถอดเขี้ยว พยัคฆ์ยิ่งกอดเธอแน่น ก้มลงแตะปลายลิ้นของตัวเองบนปลายลิ้นของเธอ
“ใจเย็นๆ สาวน้อย ตอนนี้มันคันคนละอย่างกับเมื่อกี้แล้ว ฉันรู้ว่าเธอยังไม่เคย เลยแยกแยะไม่ออก ว่าคันธรรมดากับคันอยากมีผัวมันต่างกัน” พยัคฆ์สะกดกลั้นตัวเองไม่ให้โจนทะยานตามคำเรียกของเธอ “ตอนนี้เธอคันอย่างหลัง”“อ๊า” เสียงหวานมาพร้อมเสียงกระเส่า เขาดึงมือเล็กมาจับแก่นกายตัวเอง“ฉันอยากดูเธอเริงระบำ พร่างพราวอยู่ใต้ร่างฉัน...ด้วยสิ่งที่เธอกำลังจับ”“ระ...เริง...ระบำด้วยไอ้นี่น่ะเหรอ มันท่อไอเสียแทรกเตอร์ชัดๆ” ความใหญ่โตของมันทำให้ลูกเศรษฐีชาวไร่ส้มเปรียบเทียบสิ่งที่อยู่ในมือกับสิ่งใกล้ตัว“ฉันอยากได้เธอ” เขาตัวสั่นเมื่อแก่นกายถูกมือบางลูบ พยัคฆ์ขยับเข้าออกถี่ๆ อีกครั้ง ต่างคนต่างเสียวซ่านสุกงอมด้วยอารมณ์“เสียว ฮือ เสียว”“ฉันก็เสียว เอากันก่อนเดี๋ยวค่อยแก้ไข รับรองไม่ท้อง” เขากระซิบและแยงลิ้นเข้าไปเลียในร่องหู เพิ่มความเสียวซ่านจนร่างบางกระตุกเกร็ง จากนั้นก็กระแทกลงไปมิดลำมีอารมณ์ขนาดนี้ใครมันจะถอย เขาสะอาด เธอก็สด หมดปัญหาเรื่องโรค“โอ๊ย เจ็บบบบบบบบ” เสียงร้องหลง อ้าปากกว้าง ท้องน้อยสั่นระรัวสุดทานทนกับความเสียวซ่านที่แปลบปลาบด้วยความเจ็บ“คืนนี้อดทนหน่อย แล้วพรุ่งนี้ฉันจะปลอบเธอในฐานะท
“เฮียถอดสองชิ้นเลยเหรอ” สติกลับมาชั่วคราว ความรวดร้าวข้างในแผลงฤทธิ์เพียงแค่เห็นสิ่งนั้น ความเสียวพุ่งไปกองรวมตัวกันไปที่ท้องน้อย ปานดวงใจทบทวนกฎกติกา เกมนี้มีแค่จูบนี่นา เธอหลับตาลงรอเกมถัดไป ปากพ่นคำพูดไม่น่าฟัง “เล็กกว่าผัวเก่าเมย์อีก ขนาดมันตัวเล็กกว่าเฮียนะ”ปานดวงใจคิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้ไอ้เสือยักษ์ในกางเกงนั่นฝ่อลงเมื่อโดนบูลลี่“พูดแบบนี้เดี๋ยวต้องโดนของแข็งตีปาก”“ฮ่าๆๆๆๆๆ ขี้แพ้ชวนตี ไอ้เบบี๋เอ๊ย”ทว่าเขาก็เจ้าเล่ห์พอๆ กับเธอนั่นแหละ เสือยังไงก็ยังเป็นเสือ ต่อให้เอาลายพาดกลอนออก มันก็ยังเรียกว่าเสือ“เสือไม่ขี่ลิง”“หือ เล่านิทานเหยออออ เก็บไว้เล่าให้ลูกเฮียฟังเถ้อะ”“ฉันหมายถึงฉันเลือกที่จะถอดกางเกงในต่างหาก” เปลือกตาบางเผยอขึ้น ริมฝีปากอ้ากว้างเมื่อพยัคฆ์ก้าวขึ้นมาบนเตียงโดยที่ท่อนล่างเปลือยไปหมด“โอ้แม่เจ้า ไม่ใส่เหรอ” เธอยันตัวขึ้นเพื่อมองหากางเกงเขา“ใส่สิ”“ฮะ เฮียตั้งใจ ถะ ถอดกางเกงในใช่เปล่า ฮะ เฮียถอดแล้วนี่ ไป อะ เอาๆๆๆ กางเกงตัวนอกมาสะใส่สิ” ปานดวงใจพูดตะกุกตะกัก ตาจ้องมองพญาเสือโคร่งที่กระดกหัวทักทายเธอ“หมายถึงใส่อย่างอื่น”“ใส่อะไร”“เดี๋ยวรู้”สองมือหนาผ
“จักจี้” ปานดวงใจหัวเราะยามรับสัมผัสสุดสยิว มือเล็กไต่ไล้บนหน้าอกเปลือยเขา “คุณจูบไม่เป็นเหรอ”พยัคฆ์ขบกรามแน่น หันขวับไปมองยังสมุนสองคนที่ยืนรออยู่ตรงมุมหนึ่งของผับ...เป็นอันรู้กัน“ฉันเป็นนักจูบ”“จริงอะ” เธอแหงนหน้าหัวเราะอีกครั้ง “ฉันว่าไอ้คุณสมบัตินี้ต้องให้คนอื่นเขายกย่องนะ ไม่ใช่มายกหางตัวเองแบบนี้” นิ้วเรียวยาวจิ้มบนหน้าอกเขา กระแทกแรงๆ สองสามครั้งมือหนากระตุกโบบนคอของเธอ ผ้าคลุมของแวมไพร์ทิ้งตัวลงพื้นทันใดเธอน่ากลืนกินยิ่งกว่าเดิม ผิวพรรณขาวผ่อง ไหล่กลมกลึงต้องแสงไฟ ปานดวงใจกระตุกไหล่ไล่จมูกโด่งคมที่กำลังฝังลงมาแถวรักแร้ “ฉันมีเงินก้อนหนึ่งเหลือเฟือสำหรับการเที่ยวรอบโลก เธอรับคำท้าไหม”“เงินน่ะไม่หิว แต่เมย์กระหายชัยชนะ”“นี่คือคำตอบว่ารับคำท้าใช่ไหม” พยัคฆ์ต้องการคำตอบที่ชัดเจน“Yes เมย์ชอบของรางวัล ชอบความท้าทาย ฮ่าๆๆๆ”“ฉันคิดไม่ผิด งั้นมาพิสูจน์กันว่าฉันเป็นนักจูบจริงไหม กล้าจูบกับฉันหรือเปล่าล่ะ”“ทำไมจะไม่กล้า จูบเสร็จก็ล้างปาก ทำออกบ่อยปายยย แล้วกติกาคืออะไร แค่อยากได้คำยืนยันว่าเฮียเป็นนักจูบตัวยงอะเหรออออ”“ใครมีอารมณ์ก่อนคนนั้นแพ้”“โอ๊ย สบายบรื๋อ แข่งกับครายไม่
“แด่ค่ำคืนนี้เฮีย ปลดปล่อยทุกฉิ่งทุกอย่างออกมา แล้วลืมมันให้หมด”“หึๆ ปลดปล่อยทุกอย่างเลยใช่ไหม” เขามองตาเธอ “เธอจะทำให้ฉันลืมมันให้หมด?”“แม่นเจ้า” เธอตอบ ลงท้ายด้วยภาษาบ้านเกิดเขาหัวเราะ หยิบแก้วมาชนกับเธอ ก่อนจิบเครื่องดื่มดีกรีแรง 96% ตามรสชาติของมันนุ่มละมุนไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่เธอบอก แต่เขารู้ฤทธิ์เดชของมันดี“เอาทิชชูไหม” ดูเธอจะไม่แยแสกับของเหลวที่ไหลลงมา เป็นเขาเสียเองที่ไม่อาจละสายตาไปได้ เขายังอยากนั่งอยู่ในบรรยากาศนี้ให้ตลอดรอดฝั่งจึงต้องขอความร่วมมือให้เธอช่วยจำกัดมันออก“ไม่อะเฮีย” ปานดวงใจปฏิเสธ จู่ๆ ก็ลุกออกจากโต๊ะพยัคฆ์มองตามด้วยความสงสัย แวมไพร์สาวแวะดื่มกับนักพนันหนุ่มที่ยื่นแก้วให้ระหว่างที่เธอเดินผ่าน เจ้าสาวขอบคุณด้วยการยื่นหน้าเข้าไปจะกัดลำคอพวกนั้น แต่ก็ถอยออกมาและเต้นยั่วๆ โยกๆ แบบที่เขาเห็นประจำ แต่คราวนี้เขารู้สึกว่ามันเป็นภาพบาดตา บาดความรู้สึกปานดวงใจกลับมาพร้อมกับน้ำหวานสีแดง“ตะกี้เฮียว่าเหล้าเปื้อนคอใช่ปะ”“อือ” เขามองเธอเทน้ำหวาน ตามด้วยเหล้า“เมย์เลยเพิ่งนึกได้ว่าแวมไพร์ต้องกินเลือดจะได้ฉมจริง”พยัคฆ์มองน้ำหวานผสมเหล้าไหลลงมาจากมุมปากสองข้าง ใจเต้น
บรรยากาศภายในผับกึ่งร้านอาหารคืนนี้สุดสะพรึง พยัคฆ์นึกว่าตนเองก้าวเข้ามาในบ้านผีสิง บนผนังรอบด้านกลายเป็นฉากสยองขวัญ ด้านหนึ่งเป็นผนังบ้านไม้ผุพัง อีกด้านเป็นฉากปราสาทรกเรื้อด้วยวัชพืชพาดพัน“โอ้” เขาสะดุ้งเมื่อก้มลงมองพื้น มันเป็นจอภาพที่มีหนอนตัวเป้งชอนไชน่าขยะแขยงพยัคฆ์ขนลุกซู่ พนักงานเสิร์ฟอยู่ในชุดผีสารพัดชนิด แฟรงเกรนสไตล์กำลังมิกซ์เครื่องดื่มอยู่ที่บาร์ ผีแม่ชีเยื้องย่างหน้าบึ้งตึงเสิร์ฟเครื่องดื่ม ส่วนอีกด้านเป็นเฟรดดี้ ครูเกอร์“พับผ่าสิ ฮัลนิบาลก็มา ไม่ใช่ผี แต่น่ากลัวกว่าผีซะอีก” พยัคฆ์ลูบแขนตัวเองขณะเดินสวนกับชายร่างใหญ่ แปลงร่างเสียจนจำไม่ได้ว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟคนไหนเขาเดินไปนั่งที่ประจำ แวมไพร์สาวผิวขาวกำลังเป็นที่สนใจของลูกค้า เธอเดินนวยนาดเสิร์ฟเครื่องดื่มให้หนุ่มๆ เสร็จก็ค้อมตัวเข้าหาลูกค้า ทำทีจะกัดต้นคอให้จมเขี้ยวปลอม แต่ยืดตัวขึ้นมาก่อนที่จะโดนตะปบ ชุดตัวนั้นช่างเซ็กซี่ ตัวเสื้อเกาะอกจนต่ำ กระโปรงพองๆ สั้นเหนือเข่า รองเท้าส้นสูงมีสายพันไปมาจนถึงใต้เข่า ทั้งหมดเป็นสีดำ ยกเว้นผ้าคลุมที่เป็นสีแดงแวมไพร์สาวเต้นยั่วแขกทีละโต๊ะ เขามองเพลินเหมือนถูกสะกดจนกระทั่งแม่ค้าง
“ข้าวแห้งทะเล” ปานดวงใจบอกชื่ออาหาร “ไม่มีอยู่ในเมนูเหมือนกัน เมย์ทำเอง มันเหมือนข้าวต้มทะเล แต่ข้าวไม่เละและไม่มีน้ำ”“ฉันไม่ได้สั่ง ใครใช้ให้เปลี่ยนเมนู ฉันจะกินข้าวผัดปู” เขาดันชามออกไปไกลๆ“เฮีย มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะไปรำลึกถึงรสชาติเดิมๆ หรือสิ่งเดิมๆ ที่เคยทำร่วมกัน” ปานดวงใจยืนค้อมตัวปลอบเขา“แล้วเธอทำได้? ไม่เคยมีสักวูบหนึ่งเลยเหรอที่เธอเคยนึกถึงเรื่องเก่าๆ” เขาท้าทาย ค้นหาความจริงภายใต้กรอบแว่นอันโต“เมย์ก็ไม่ใช่พระอรหันต์เนาะ แต่เมย์ก็ไม่ฟูมฟายแบบเฮีย”“ฉันดูฟูมฟายเหรอ ฉันแค่อยากกินข้าวผัดปู แล้วที่ต้องบอกมารีเพราะเขาเป็นผู้จัดการร้าน ลูกค้าจะกินอาหารนอกเมนูก็ต้องบอกเขาไม่ใช่เหรอ”“โอเคๆ เมย์ผิดเองที่คิดไปไกล เฮียรอแป๊บนะ ถือว่าลูกจ้างทำกินกันเอง ไม่ต้องบอกพี่มารีหรอก” ปานดวงใจเดินส่ายหัวกลับไปที่ครัว“เป็นไงมั่งเมย์” หมิง เพื่อนร่วมงานในครัวที่วิ่งวุ่นหยิบจับจานชามใส่สเต๊กร้องถาม“เวรกรรมอะไรของเมย์ก็ไม่รู้อะ เอาแต่ใจ แบบนี้มั้งพี่มารีเลยตัดใจง่าย ความหล่อความแซ่บทะลุทะลวงไม่ช่วยอะไร ถ้าเป็นคนเอาแต่ใจ” ปานดวงใจว่าพลางเปิดตู้แช่แข็ง หยิบเนื้อปูม้าแกะออกมา“อีบ้า พี่มารีเข







