ท่านอามิได้เมามาย เฝ้ามองนางวางจอกสุราลงบนโต๊ะ นางออกไปเรียกบ่าวรับใช้คนใหม่ให้เข้ามาจัดวางสำรับอาหารเย็น ให้พวกเขาดูแลเสื้อผ้า เรือนหลังนี้ให้สะอาดเอี่ยม นางผลักประตูที่เปิดอ้ากว้างกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง
“ข้าไปตักน้ำอาบไว้ให้ท่าน บ่าวทั้งสองคน ข้าขออนุญาตสอนงานพวกเขา...” “ตามใจเจ้า ข้าจะไปห้ามอะไรได้ เจ้าอยากมาเจ้าก็โผล่มาทุกวัน ให้ข้ารำคาญใจ” “หมดหน้าที่ของข้าเมื่อไร ข้าคงไม่มารบกวนใจท่าน เพียงแต่ข้าอาจถือโอกาสส่งอาหารมานาน ๆ ครั้งหากว่าท่านอยากกินฝีมือข้า จะไม่ให้ผู้ใดนำมา” นางเห็นบ่าวรับใช้วางอาหารไว้ให้ท่านอาเรียบร้อยดี จึงนั่งลงบนพื้นเยียบเย็น ท่านอาขมวดคิ้วมุ่นมองนางว่านางจะทำอะไร กระทั่งเห็นนางสะบัดแขนเสื้อขึ้นหยิบเข็มเงินที่ซ่อนไว้ จิ้มลงไปทุกอัน ตัดอาหารชิ้นเล็กเพื่อชิมมันก่อน ปฏิบัติต่ออาหารราวกับว่าท่านอาเป็นกษัตริย์ นางหันไปบอกท่านอาที่กอดไหสุรา นั่งนิ่งอึ้งมองนางอย่างไม่เชื่อสายตาตน “เผื่อมีผู้ลอบวางยาพิษท่านอา เจียลี่ยินดีสละชีวิต เพื่อทดแทนบุญคุณท่าน” -------------------------- หลังจากคืนนั้นหวังเฟยมิได้ร่ำสุราลดน้อยลง ราวกับว่าการเมามายได้กลายเป็นกิจวัตรของเขาไปเสียแล้ว หลังมื้ออาหารเช้าของท่านอา เจียลี่นำสุราขวดใหม่เข้ามาให้เขา หลังบ่าวรับใช้ทั้งสองกลับไปทำงานที่โรงถลุงแร่ ท่านอาอยู่เพียงลำพังในห้องรับรองแขกกว้างขวางเมื่อนางมาถึง เขาสวมเสื้อผ้ามีราคาอย่างผู้ดี เสื้อผ้าขาวสะอาดรับกับผิวสีน้ำผึ้งสมชายชาตรี ถึงจะซูบผอมกว่าเมื่อหลายเดือนก่อนเพราะพิษรักทำร้ายจิตใจ ใบหน้าคร้ามคมที่มีหนวดแซมเทากลับแลดูมีชีวิตชีวา “นี่เป็นค่าสุรา... เจ้าไม่ต้องนำเงินของเจ้าไปซื้อสิ่งใดให้ข้า เป็นถึงคนใหญ่คนโตของราชสำนัก ข้าได้รับเงินเดือนมากกว่าเจ้าหลายเท่า” หวังเฟยยื่นถุงผ้าให้นาง เหรียญเหล็กกลมทำให้มันหล่นตุบลงบนโต๊ะ ตามน้ำหนักของมัน “ข้าไม่มีเรื่องให้ใช้เงิน ข้าวปลาอาหารในบ้านข้า ท่านย่าเป็นผู้จับจ่ายให้ทุกคนในบ้าน ข้าแทบจะไม่ต้องรับผิดชอบอะไร” “ข้าให้เจ้านำเงินไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับเสียใหม่ เจ้านำไปซื้อของของเจ้าเสีย ไยเจ้าไม่รับเงินข้า” “ท่านอาเป็นผู้มีพระคุณของสกุลเยี่ย ชั่วชีวิตนี้คงชดใช้ท่านไม่หมด ข้าไม่อาจรับ...” นางเงียบไป เห็นใบหน้าเข้มเครียดของเขากำลังต่อว่านางเรื่องมากนัก นางมีเหตุผลประหลาดพิสดารของนางให้เขาครุ่นคิดไปกับนางอยู่เสมอ “เงินมากมายของท่านอา เคยให้กับท่านอาหญิงไว้ครั้งหนึ่ง นางนำไปซื้อข้าวปลาอาหาร ประทังชีวิตพวกข้าทั้งครอบครัว ข้ารอดตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะท่านอา... ข้ารับไว้ไม่ได้จริง ๆ เจ้าค่ะ” นางยกมือทั้งสองขึ้นประสานกัน ก้มศีรษะ ท่านอาก็ปรามนาง ไม่ยอมให้นางคารวะเขาอีก เมื่อนางทำมันทุกเช้าค่ำที่พบเขา นางยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตนเป็นชายชราอาวุโส “ความรู้สึกที่ข้ามีต่อลี่จิ่นยามนี้ คือชิงชังนางเข้ากระดูกดำ แต่ถึงข้าจะเคียดแค้นท่านอาหญิงของเจ้าอย่างไร มันก็ไม่สมควรถ้าข้าจะมาลงที่เจ้า เป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก” หวังเฟยส่ายหน้าไปมา เหนื่อยหน่ายจะต่อรองกับนาง เขาวางถุงเงินนั้นไว้บนโต๊ะ คิดว่านางอาจเปลี่ยนใจรับเงินของเขาในภายหลัง ด้วยความเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนและเชื่อฟัง เจียลี่กำลังจะอายุครบสิบแปดปี มารดาของนางอายุสามสิบห้าปีเท่ากันกับเขา โดยทั่วไปหญิงสาวล้วนออกเรือนกันแล้ว พวกนางมีสามีตั้งแต่อายุสิบห้าปี รู้เรื่องราวใต้เตียงบนเตียงเป็นอย่างดี เขาก็คงไม่อยากให้เจียลี่ดำเนินรอยตามท่านอาหญิงของนางผู้ไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่ออกเรือน ไม่ทำสิ่งใดนอกจากแต่งตัวสวยลวงหลอกผู้ดีมีเงิน ไล่ตามหนุ่มเศรษฐีไปวัน ๆ เมื่อการบ้านการเรือนของเจียลี่นับว่าไม่น้อยหน้าบุตรสาวผู้อื่นในเมือง นางทำงานเก่ง ทำกับข้าวอร่อย นางมีสติปัญญาฉลาดเฉลียว ปัญหาของนางมีเพียงเรื่องเดียว “ข้าเป็นอย่างที่ท่านพูด อย่างที่พวกเขาพูด อย่างที่ใคร ๆ ปฏิบัติต่อข้า ไม่ผิดในเรื่องนี้ ข้าเป็นเพียงหญิงพิการ...” นางเงียบไป ก้มหน้าลงมองชายผ้าสีเขียวอ่อนที่คลุมข้อเท้า นางชิดปลายเท้าเข้าหากันอย่างกระดากอาย “ไม่มีค่าในสายตาผู้ใด” “พูดอะไรของเจ้า แลเห็นว่าเดินได้คล่องแคล่ว แม้ไม่ว่องไว ใครใช้ให้เจ้าวิ่งกระโดดตีลังกา แสดงวิทยายุทธ เป็นสตรีควรก้าวเดินเชื่องช้า เรียบร้อยดังผ้าพับไว้ ก็ถูกต้องแล้ว เจ้าใช่ขาพิการจริง ๆ เสียเมื่อไร” ท่านอาไม่ชอบสีหน้าของนาง กลายเป็นผู้ไร้ความมั่นใจผิดจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เขาเดินไปคว้าไหสีน้ำตาล หยิบจอกสุราส่งให้นางริน อนุญาตนางให้จิบสุรา ชื่นชมทัศนียภาพด้านหน้าเรือนกว้างขวางเป็นเพื่อนเขา “... ผู้คนพูดกันตั้งแต่ข้ายังเล็ก ข้าก้าวขาเดินไม่เหมือนผู้อื่น ข้าเดินเหมือนแมวย่อง หากใครไม่รู้จักข้า ก็จะไม่รู้ว่าข้อเท้าซ้ายของข้ามีปัญหา” นางพูดเรื่องการเดินของนาง ทั้งที่ไม่เคยถามนางมาก่อนเลยสักครั้ง แก้มแดงปลั่งของนางหลบเลี่ยงเขา เมื่อสบประสานสายตา นางก้มหน้าลงอย่างเจียมตน วางจอกสุราลงบนโต๊ะ เขายังคงยืนจ้องหน้านาง เจียลี่ยิ่งประหม่าอาย “อื้ม... ข้ามีความคิดว่าเจ้าช่างงดงามอ่อนหวาน ถึงขั้นว่าอาจเป็นหญิงงามล่มเมืองได้ แต่ดูสภาพของเจ้าสิ” ‘หญิงพิการ’ ‘ยัยขาเป๋’ ‘มิน่า... ถึงเข้าวังไม่ได้’ ‘ดูขาเจ้าสิ ฮ่า ๆ’ นางปิดตาลงเมื่อถ้อยคำมากมายดังก้องในโสตประสาท มิอาจหยุดความคิดลงสักชั่วขณะ เสียงหัวเราะเยาะนางเนิ่นนานนับสิบปี นางถูกรังแกเป็นประจำ หวังเฟยมิได้หมายความเช่นเดียวกับที่นางคิด ในชุดสีสันสดใสปกปิดมิดชิด มีรอยขาดเพียงเล็กน้อยหากไม่มองใกล้ ๆ ไม่สามารถเห็นว่ามันเคยขาด เจียลี่เป็นหญิงประหยัด รู้จักเก็บออม นางเย็บปักทำงานฝีมือของนางได้ดี ตามความนิยมของชุดเซินอี ซึ่งเป็นการนำเสื้อและกระโปรงเย็บเข้าด้วยกัน ปิ่นปักผมดอกไม้ของนางก็เข้ากับใบหน้าสวยหวาน ริมฝีปากอมแดงอมชมพูของนางแลดูนุ่มนิ่ม น่าลิ้มลองชิมกว่าอาหารของนางเสียอีก“ท่านว่าบ้านเมืองแตกแยกวุ่นวาย มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ? ท่านอาพอจะบอกสตรีอย่างข้าได้หรือไม่ เผื่อว่าข้าอาจหาทางเอาตัวรอดได้ในยามคับขัน”“บ้านเมืองร้อนเป็นไฟ แตกแยกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย ราชวงศ์ไม่สามารถปกครองบ้านเมือง ราชสำนักก็อ่อนแอ ผู้ครองแคว้นไร้ซึ่งคุณธรรม ข้าควรได้อยู่กับเจ้า เป็นตายร้ายดี ขอให้ได้ฝังศพข้างเคียงกัน”“ข้าก็อยากอยู่กับท่านอาเจ้าค่ะ แม้ข้าจะเป็นหญิงต่ำต้อย ขาพิการ...”“เจ้ามีความคิดเช่นนั้นก็คงไม่แปลก พวกชั่วช้าคอยกรอกหูเจ้า รังแกเจ้าแต่เล็กจนโต ข้าเองก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเจ้ามากนัก หากว่าข้าไม่ผ่านมาพบเจ้า”ต่อจากไปนี้จะไม่มี...หวังเฟยไม่ได้กล่าวคำนั้นกับนาง เพียงตั้งใจเป็นมั่นเหมาะว่าจะเฝ้าติดตามหญิงสาวข้อเท้าไม่ดีผู้นี้ไปเรื่อย ๆ ที่ใดมีเขา ก็มีนาง จนกว่าชีวิตจะหาไม่--------------------------หญิงร่างผอมบางเนื้อตัวมอมแมม นั่งโงนเงนบนหลังอานม้า นางบ่นพึมพำว่านางรอดตายแล้ว นางรู้สึกเหมือนกำลังนอนเล่นในเปลแกว่งไกวไปมาใต้ลมเยียบเย็นที่ลูบแก้มนางอย่างอ่อนโยน ไม่นานนักก็ผล็อยหลับไป หวังเฟยเฝ้ามองนางงีบหลับในอ้อมแขน น่าเอ็นดูนัก เขาลักลอบจูบแก้มนาง ขมับนาง บังคับม
“อยู่เล่นกับพวกข้าก่อน วันนี้ข้าไม่ได้เอาขี้วัวมาทาเจ้า ข้ารับปากว่าจะไม่ฝังหญิงพิการขาเสียไว้ในกับดักสัตว์ ให้เจ้าเน่าตายในหลุม ข้ามีของเล่นที่น่าสนใจกว่า...”“เป็นผู้ดีมีสกุลแท้ ๆ ไยพวกเจ้าไม่ได้รับการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนดีได้” นางต่อว่าด้วยท่าทีก้าวร้าว พวกเขากลับหัวเราะเป็นเรื่องสนุก เด็กชายวัยสิบสามนับว่าตัวโตมากพอมีความคิดสรรหาวิธีรังแกนาง แถมมากันถึงแปดคน ล้อมรอบนางไม่ให้นางหนี เหลียงฟางซินได้เหล็กปลายแหลมมาหนึ่งอัน หยิบออกมาจากชายเสื้อที่ซุกซ่อนไว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“เจียลี่... วันนี้ข้าได้ลักลอบดูตำราเพศสตรี เพียงไม่เคยพบเห็นของจริง หอนางโลมข้าก็ยังเข้าไม่ได้ ท่านพ่อไม่ให้ข้าไปแน่ เจ้าคงไม่ใช่สตรีเหนียมอายใช่ไหม? ข้าล่ะนึกอยากรู้ว่าหญิงพิการจะมีรูเล็ก ๆ นั่นหรือไม่”สิ้นเสียงหัวเราะร่าเริง เด็กชายสองคนพลันล้มไปต่อหน้าต่อตา ชายเสื้อสีขาวสะอาดของผู้ดีร่างอวบถูกลากไปกับพื้นดิน แท่งเหล็กแหลมกระเด็นจากมือของเหลียงฟางซินไปอยู่ใต้เกือกอาชาสีน้ำตาล ตัวเขาก็ถูกลากไปกับเกือกม้านั้นด้วยชายร่างกำยำควบม้าถีบหน้าพวกเขาไม่สนว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เด็กชายอันธพาลร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด เม
เจียลี่นั่งหมอบอยู่บนพื้นหญ้า คารวะท่านปู่ท่านย่าเป็นใหญ่โตราวคำนับฮ่องเต้ นางก้มหน้าผากแนบพื้น สองมีแปะผืนหญ้าจนผู้ใหญ่ขอให้นางลุก โดยเฉพาะท่านย่า ได้ใจอ่อนกับหลานสาวไปเสียทุกที ถึงเจียลี่อาจไม่เป็นที่รักที่สุด พวกเขารู้แก่ใจดีว่าหากนางจะไม่ต้องออกเรือน ให้นางทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด นางไม่ยินดีตบแต่งกับหนุ่มผู้ดีคนไหนในเมือง ขอแค่นางได้ทำงานเก็บเงินเที่ยวเตร็ดเตร่ไปวัน ๆบ่าวรับใช้บ้านท่านอาหวังเรียกขานนางว่า ‘นายหญิง’ หากเมื่อพบลี่จิ่นกลับเรียกแม่นางสกุลเยี่ยอย่างให้ความเคารพ เฉกเช่นผู้สูงศักดิ์ทั่วไปถึงพวกเขาจะเคารพนอบน้อมเท่าไร ก็ยังไม่เท่ากับที่พวกเขาเคารพนายหญิงเจียลี่น่าประหลาดใจนัก น้องสาวของนางได้พบบ่าวรับใช้บ้าน ก็ว่าแปลกกระนั้นเจียลี่ยังไม่เข้าใจบ่าวรับใช้ หลายครั้งหลายคราพวกเขาไม่ยอมบอกว่าตนคิดสิ่งใด นางเคยได้ยินว่าหากเป็นในวังหลวง อาจถึงขั้นต้องจับพวกเขาไปทรมานทีเดียว บ่าวถึงจะยอมแพร่งพรายความลับของเจ้านาย แต่จะว่าไปแล้ว บ่าวผู้รักศักดิ์ศรีไม่ยอมพูดก็มี พวกเขายินยอมการถูกทรมานจนตายไปกับความลับของเจ้านาย กระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตาย กัดลิ้นตายเองก็มี“ข้าจะไป
หัวใจของนางเต้นระส่ำระสาย เมื่อท่านอามอบสัจวาจาว่าจะมาสู่ขอนางให้เร็วที่สุด เขายังต่อว่านางไม่ให้พูดถึงท่านอาหญิงด้วยจุมพิตแสนหวาน กระชับกอดเอวนางอย่างหวงแหน ไม่ยอมให้นางออกจากเรือนง่ายดายนักมารดาและคนทางบ้านตำหนินางเรื่องเวลา ทำไมนางจึงมาทำงานช้า ถึงแม้ว่าจะมีบ่าวล่วงหน้าไปที่ร้านผ้าก่อน ก็นางเคยทำตัวเหลวไหลเสียเมื่อไร‘ท่านอานะท่านอา ข้าเกือบโดนทำโทษ แถมโดนหักหวนเฉียน[1]ไปตั้งเยอะ’ นางบ่นในใจ หากด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ความร้อนวูบวาบยังคงฝังติดบนเรือนกาย การถูไถประสาชายหญิงทำให้นางเพิ่งรู้ว่าท่อนแข็งขึงหน้าตาประหลาดนั่นทำอะไรได้ เขามอบความสุขสมให้นางเท่าไรมันยังแปลกที่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ มาเป็นที่หนึ่งสำหรับนางเสมอ วันนี้นางโดนหักเงินกลับอารมณ์ดี ยิ้มแก้มปริ คนในบ้านทักนางอย่างสงสัยว่ามีเรื่องดีอะไรหรือเปล่า ขณะบ่าวรับใช้มารอรับนางพร้อมรถม้า บ่าวชายสองคนยังคงเป็นคนเดิม นางเข้าไปเจรจากับพวกเขาอย่างสุภาพ ขอให้อดทนอยู่กับเจ้านายเถิด ท่านหวังเฟยอารมณ์ดีบ้างร้ายบ้าง เดี๋ยวก็หาย เขาจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ตราบใดที่ผู้คนรอบกายไม่ทอดทิ้งเขาให้โดดเดี่ยวเดียวดายกลับมาถึงเรือนไม้กว้างขวางในยามเซิน
เมื่อท่านอาหนุ่มแทรกมือเข้าบีบเคล้นเต้าเต่งตึง ไม่ยอมให้นางห้ามปรามเขาได้อีก ฝ่ามืออีกข้างจับมือของนางสอดประสานทุกปลายนิ้ว เขาก้มหน้าจูบนางซ้ำ ๆ ให้นางหลงใหลในวังวนเสน่หา นางไม่แม้จะเอ่ยห้ามปรามเขาด้วยความหวาดกลัว หากให้การต้อนรับท่านอาไม่ต่างจากนางบำเรอร่างสูงใหญ่กำยำ มิใช่ชายขี้เมา ไร้สตรีเหลียวแล ไร้เรี่ยวแรงเหมือนคนป่วยอย่างเมื่อหลายเดือนก่อน วัน ๆ เขาเฝ้ากอดแต่ไหเหล้า คนในบ้านสกุลเยี่ยหัวเราะเยาะเย้ยลับหลังว่าเขาจะยังใช้การได้หรือเปล่า ถึงส่งเจียลี่ไปดูแล นางงามเท่าไรก็คงไม่สามารถทำให้ความเป็นชายของเขาแข็งขึงขึ้นมาได้หวังเฟยลบคำสบประมาทเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง เขาก้มหน้าลงดื่มด่ำยอดปทุมถัน ทั้งซ้ายขวาอย่างเท่าเทียม มือบีบเคล้นเนินอกเต่งตึง ด้วยความระมัดระวังเอาใจนาง ไม่ให้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย กระทั่งสตรีร่างเล็กรับรู้ได้ถึงบางสิ่ง ผงาดรอนางอยู่เหนือหน้าท้อง น้ำเปียกฉ่ำไม่รู้ว่าเป็นน้ำในอ่างหรืออย่างไรแน่“ท่านอา... ร่างกายข้าฝืนทนไม่ไหวอีกแล้วเจ้าค่ะ ท่านไม่ควรรังแกข้า...” ริมฝีปากสีชาดที่เม้มสนิทคลายออก เพื่อเอ่ยคำขอร้องเขาอย่าได้กลั่นแกล้งนาง ให้นางต่อสู้กับความรู้สึกประหลาดมากมา
ที่ผ่านมาท่านอาไม่เคยแตะต้องนางแม้ปลายผม กระทั่งถ้อยคำรื่นหูของเขา หาใช่เสียงตะคอกโวยวายเพราะความเมา นางไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน“เจ้าอย่าทิ้งข้าไปเลยนะเจียลี่ รอข้าสักหน่อย ข้าจะไปสู่ขอเจ้ามาอยู่กับท่านอาขี้เมาทุกวัน...”หวังเฟยรู้ว่าโรคทางใจได้รับการเยียวยารักษาเป็นอย่างดี เขาจึงมิใช่ท่านอาคนเดิมเห็นใบหน้าตกใจของนาง เรียวปากอิ่มสีชาดเม้มปิดสนิทแน่น พาให้เป็นสุขโดยไร้สาเหตุ นางลุกขึ้นไปเรียกบ่าวให้ต้มน้ำ เตรียมน้ำอุ่นให้เขาอาบ ถังไม้ลอยด้วยดอกไม้หอม เขาแสร้งทำโวยวายเรียกคนดูแลให้เข้ามา“มีอะไรเจ้าคะ ท่านอา... น้ำร้อนไปหรือ?”เจียลี่ไม่ทันได้ระวังตัว ร่างกำยำลุกขึ้นมาคว้าเอวนางกอดเข้าหมับ นางร้องวี้ดว้ายตกใจ ยันแผงอกกว้างไว้ด้วยแรงน้อยนิด หน้าตาตื่นตระหนกเงยขึ้นมองฝ่ายรุกเร้า เขาไม่ได้ถอดเสื้อผ้าแต่ยังอยู่ชุดที่เกือบจะหลุดก็ไม่ยอมหลุด“ข้าไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนแล้ว ท่านอาทำอะไรน่ะ” นางก็กลัวว่าจะเปียกไปด้วยกับเขาที่ลงไปแช่น้ำทั้งเสื้อผ้าไม่ยอมถอด ตาหลุบมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ“เจ้ามี ข้าเห็นว่าเจ้านำเสื้อผ้ามาเผื่อทุกครั้ง ข้าชอบทำเสื้อผ้าของเจ้าเลอะเทอะ”“วันนี้ข้าไม่ได้นำติดมือมา ตั้ง