“ทำไมเจ้าไม่ลองปรนนิบัติข้าด้วยวิธีอื่น ไม่ดีกว่าหรือ? เจียลี่ งานดูแลความสะอาดให้บ่าวรับใช้ทำไป”
“ท่านอาจะให้ข้าทำอะไร?” คำถามเต็มใบหน้าของนาง หวังเฟยถอนหายใจหนัก “เอาเถอะ เจ้าคงจะไม่รู้เรื่องรู้ราว ให้เจ้าไปว่าจ้างโสเภณีในเมืองมาบำรุงบำเรอข้าดีกว่า” เจียลี่เบิกตากว้างตกใจ นางละล่ำละลักพูด “ ไม่ ๆ ท่านอา ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าพอรู้เรื่องราวระหว่างชายหญิง ข้าเคยอ่านตำรากามารมณ์ด้วย ข้าเพียงเห็นว่าไม่เหมาะ หญิงขาไม่ดีอย่างข้า ไม่คู่ควรกับผู้ดีอย่างท่าน” “อย่างไรถึงจะเหมาะ?” “อย่างไรก็ไม่เหมาะ” ในน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงนั้นไม่ได้กระด้างกระเดื่องต่อท่านอาแม้แต่น้อย นางรู้ว่าเขาอาจโกรธนางและไล่ตะเพิดนางได้ หลังจากที่เหล้าเข้าปากแล้วเขาจะกลายเป็นคนละคนทีเดียว นางรีบแก้ต่าง “ท่านอาหวังเปรียบดังเทวดาของเจียลี่ผู้แสนต่ำต้อย ข้ามิบังอาจ” “เทวดาบ้าบออะไรของเจ้า เลิกพร่ำเพ้อพรรณนาเรื่องบุญคุณนี่เสียที ท่านอาขี้เมาของเจ้าน่ะ...” ร่างสูงโน้มลงหานาง กระซิบข้างหูทีละคำ “อสุรกายจากขุมนรกทีเดียว” กว่าเจียลี่จะเข้าใจท่านอาผู้ไม่ได้ดูแคลนนางเหมือนกับที่ผู้อื่นรังเกียจนาง หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วแรง น้ำเสียงสะเทือนอารมณ์ของเขา ยากเกินต้านทานไหว “ข้าชอบกลิ่นสาวน้อยตัวหอม ๆ อย่างเจ้าซะด้วย” ใบหน้างามแดงซ่านไปจนถึงใบหูโดยไร้สาเหตุ เจียลี่ไม่ได้หลบเลี่ยงท่านอา นางหัวเราะ พูดอึกอัก “คือข้า... พึ่งไปคลุกขี้วัวมา จะหอมได้ยังไงกัน...” “อื้ม... เหม็น... เน่า... เจ้า...” มือหนายกขึ้นขยี้จมูก มองเห็นชายเสื้อด้านล่างมีรอยเปรอะเปื้อนดินโคลน “ไม่กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเสียก่อนมาพบข้า มาถกเถียงข้า... กับกลิ่นขี้วัวของเจ้าทำไม...” “ข้ากลัวท่านกระหายสุรา อาละวาดบ่าวรับใช้ ตะเพิดพวกเขาไปอีก ข้าจึงรีบมา” นางพูดความจริงด้วยรอยยิ้มใสซื่อ ท่านอาถอยหนีนาง โบกมือไล่ หันไปคว้าสุราขึ้นกระดก เพื่อดับกลิ่นเหม็นเน่า ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้ทำให้พื้นเรือนสกปรก เขาผู้หลงมัวมายไปกับสาวน้อย ไยพึ่งได้กลิ่นขี้วัว! -------------------------- “ลูกสาว... น้องเขยเป็นยังไงบ้าง ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม เขากินข้าวกินปลาหรือเปล่า?” มารดากำชับถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อส่งผ้าแพรไหมสีนิลผืนหนึ่งให้สามีภรรยาวัยกลางคน ลูกค้าประจำส่วนใหญ่ไม่ถามมากความเรื่องเนื้อผ้า เมื่อร้านผ้าสกุลเยี่ยนำผ้าชั้นดีมาค้าขายอยู่เป็นนิจ “ดีขึ้น ท่านแม่” “บอกความจริงข้ามาเถอะ ข้าจะได้หาทางช่วยเหลือน้องเขยถูกทาง” เจียลี่ส่ายหน้าไปมา “กินข้าวมากขึ้น แลดูสดใสขึ้น แต่ขี้เมาเหมือนเดิม ท่านอาร่ำสุราต่างน้ำ นำข้าวหมักชั้นดีไปใส่ถังไม้อาบ เอาตัวลงไปแช่ในสุรา” มารดาถอนหายใจด้วยความเป็นกังวล ถือโอกาสคุยเรื่องน้องเขยของนาง สกุลเยี่ยยังคงนับหวังเฟยเป็นเขย เมื่อการรับส่งสินค้าก็ยังต้องผ่านราชสำนัก ความช่วยเหลือของผู้มีอำนาจเป็นเรื่องสำคัญ พวกเขาไม่มีทางเลือกมากนัก ต่อให้หวังเฟยจะกลายเป็นไอ้ขี้เมา ยังคงทำหน้าที่ของตน มีหน้ามีตาในสังคม มีมิตรสหายมากมายมาชักชวนกันไปเมาสุราในวันหยุด กำแพงคันดินล้อมรอบยาวหลายกิโลเมตรครอบคลุมไปทั่วเมือง เป็นศูนย์กลางการค้า โดยเฉพาะในตลาดร้านค้าฝั่งหัวเมืองเหนือ สองข้างทางคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ร้านตัดผ้าลักษณะเป็นบ้านไม้ริมทาง มีแหล่งบันเทิง ร้านอาหาร โรงเตี๊ยม หอนางโลม พื้นที่ทำไร่ไถนาอยู่นอกกำแพงเมือง เมื่อลูกค้าเริ่มทยอยกันออกไป จินเยว่ห่อผ้าไว้สำหรับน้องสาวและน้องเขยอีกสามกอง ส่งให้บุตรสาวกับมือ “เจ้านำเสื้อผ้าชุดใหม่ไปให้เขา ท่านพ่อสั่งให้ช่างเย็บใหม่สามชุด ถ้าหากว่าเขายังไม่พอใจ อาทิตย์หน้าให้มาเอาไปอีก” มารดาฝากบุตรสาวไปเป็นธุระ ด้วยเห็นว่าหวังเฟยเอ็นดูเจียลี่กว่าใคร เป็นไปได้ว่าความบาดหมางใจระหว่างน้องเขยและน้องหญิงจะบรรเทาเบาบางลง มารดาจับมือบุตรสาว ลูบหลังมือของนางด้วยแววตาอ่อนโยน “เจ้าคอยดูแลอาเขยด้วย อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนโปรดของราชสำนัก อาหญิงเจ้าไปขอถอนหมั้นจากเขา ตัดสัมพันธ์อย่างไม่ไยดี อุตส่าห์คบหาดูใจกันมาร่วมปี จะแต่งก็มิยอมแต่ง ผัดวันประกันพรุ่งให้ฝ่ายชายเขาระอาใจ” ทั้งหมดนั้นกลายเป็นหน้าที่ของหลานสาวอย่างนางไปตั้งแต่เมื่อไรกัน? เจียลี่ยิ้มรับคำขอร้องจากมารดาผู้มิได้เอ่ยถึงความผิดของน้องสาวเลย ทว่ายกให้เป็นธุระของบุตรสาว แม้กระทั่งมารดาก็ยังเอาอกเอาใจน้องสาวมากกว่า “ข้าทราบดี ข้าจะระวังไม่ให้ท่านอาโกรธเคืองท่านอาหญิงไปมากกว่าตอนนี้ ท่านแม่ไม่ต้องห่วง” “เจ้ารีบไป อย่าให้สกุลเยี่ยต้องตกที่นั่งลำบาก ไม่วานเจ้าจะขอให้ใครทำ ดังนั้นเจ้าก็ต้องทำ เป็นหน้าที่ของเจ้า เจียลี่” น้ำเสียงเข้มงวดเอ่ยคำสั่งสอน มารดาหันไปเรียกบ่าวรับใช้ให้เตรียมรถม้า บุตรสาวจะได้ออกเดินทาง เจียลี่พยายามหลบเลี่ยงแสงตะวันในยามโหย่ว หมวกถักสานที่มีผ้าขาวบางคลุมปิดใบหน้าให้นางพอมองเห็นทาง จากตลาดร้านค้าเดินทางไปด้วยรถม้า คงถึงที่พักของท่านอาเร็วขึ้น นางให้บ่าวนำทางไป ไม่ได้เดินเท้าเมื่อมีทั้งห่อผ้าและอาหาร ระหว่างทางนางได้พบกับทหารองครักษ์สวนทางออกมา คาดว่าพวกเขาคงไปสนทนาเรื่องโรงงานถลุงแร่โลหะ หวังเฟยเป็นผู้ควบคุมโรงถลุงแร่เหล็กภายใต้การดูแลของราชสำนัก เขามีช่างฝีมือดี มีบ่าวรับใช้เป็นจำนวนมาก เขาเป็นผู้มีอันจะกินในเมืองหลวง แม้กระทั่งแคว้นรอบข้างก็ยังต้องมาซื้อขายอาวุธ เครื่องมือเครื่องใช้ทำจากเหล็ก แม้แต่เงินก้อนทำจากเนื้อโลหะเคลือบทอง หากไม่บอกนางเสียก่อนนางแทบไม่เชื่อว่าชายขี้เมาเป็นสุภาพชนผู้มีความรู้ รายล้อมด้วยมิตรสหายบริวาร เหล่าชนชั้นสูง ขุนนางในราชสำนัก และเสนาบดี ใครจะกล้ามีปัญหากับท่านอาหวัง นอกเสียจากท่านอาหญิงของนาง ‘ก็เห็นอยู่ว่าขี้เมาทั้งคู่ ทำไมถึงได้เลิกรากันได้’“ท่านว่าบ้านเมืองแตกแยกวุ่นวาย มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ? ท่านอาพอจะบอกสตรีอย่างข้าได้หรือไม่ เผื่อว่าข้าอาจหาทางเอาตัวรอดได้ในยามคับขัน”“บ้านเมืองร้อนเป็นไฟ แตกแยกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย ราชวงศ์ไม่สามารถปกครองบ้านเมือง ราชสำนักก็อ่อนแอ ผู้ครองแคว้นไร้ซึ่งคุณธรรม ข้าควรได้อยู่กับเจ้า เป็นตายร้ายดี ขอให้ได้ฝังศพข้างเคียงกัน”“ข้าก็อยากอยู่กับท่านอาเจ้าค่ะ แม้ข้าจะเป็นหญิงต่ำต้อย ขาพิการ...”“เจ้ามีความคิดเช่นนั้นก็คงไม่แปลก พวกชั่วช้าคอยกรอกหูเจ้า รังแกเจ้าแต่เล็กจนโต ข้าเองก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเจ้ามากนัก หากว่าข้าไม่ผ่านมาพบเจ้า”ต่อจากไปนี้จะไม่มี...หวังเฟยไม่ได้กล่าวคำนั้นกับนาง เพียงตั้งใจเป็นมั่นเหมาะว่าจะเฝ้าติดตามหญิงสาวข้อเท้าไม่ดีผู้นี้ไปเรื่อย ๆ ที่ใดมีเขา ก็มีนาง จนกว่าชีวิตจะหาไม่--------------------------หญิงร่างผอมบางเนื้อตัวมอมแมม นั่งโงนเงนบนหลังอานม้า นางบ่นพึมพำว่านางรอดตายแล้ว นางรู้สึกเหมือนกำลังนอนเล่นในเปลแกว่งไกวไปมาใต้ลมเยียบเย็นที่ลูบแก้มนางอย่างอ่อนโยน ไม่นานนักก็ผล็อยหลับไป หวังเฟยเฝ้ามองนางงีบหลับในอ้อมแขน น่าเอ็นดูนัก เขาลักลอบจูบแก้มนาง ขมับนาง บังคับม
“อยู่เล่นกับพวกข้าก่อน วันนี้ข้าไม่ได้เอาขี้วัวมาทาเจ้า ข้ารับปากว่าจะไม่ฝังหญิงพิการขาเสียไว้ในกับดักสัตว์ ให้เจ้าเน่าตายในหลุม ข้ามีของเล่นที่น่าสนใจกว่า...”“เป็นผู้ดีมีสกุลแท้ ๆ ไยพวกเจ้าไม่ได้รับการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนดีได้” นางต่อว่าด้วยท่าทีก้าวร้าว พวกเขากลับหัวเราะเป็นเรื่องสนุก เด็กชายวัยสิบสามนับว่าตัวโตมากพอมีความคิดสรรหาวิธีรังแกนาง แถมมากันถึงแปดคน ล้อมรอบนางไม่ให้นางหนี เหลียงฟางซินได้เหล็กปลายแหลมมาหนึ่งอัน หยิบออกมาจากชายเสื้อที่ซุกซ่อนไว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“เจียลี่... วันนี้ข้าได้ลักลอบดูตำราเพศสตรี เพียงไม่เคยพบเห็นของจริง หอนางโลมข้าก็ยังเข้าไม่ได้ ท่านพ่อไม่ให้ข้าไปแน่ เจ้าคงไม่ใช่สตรีเหนียมอายใช่ไหม? ข้าล่ะนึกอยากรู้ว่าหญิงพิการจะมีรูเล็ก ๆ นั่นหรือไม่”สิ้นเสียงหัวเราะร่าเริง เด็กชายสองคนพลันล้มไปต่อหน้าต่อตา ชายเสื้อสีขาวสะอาดของผู้ดีร่างอวบถูกลากไปกับพื้นดิน แท่งเหล็กแหลมกระเด็นจากมือของเหลียงฟางซินไปอยู่ใต้เกือกอาชาสีน้ำตาล ตัวเขาก็ถูกลากไปกับเกือกม้านั้นด้วยชายร่างกำยำควบม้าถีบหน้าพวกเขาไม่สนว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เด็กชายอันธพาลร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด เม
เจียลี่นั่งหมอบอยู่บนพื้นหญ้า คารวะท่านปู่ท่านย่าเป็นใหญ่โตราวคำนับฮ่องเต้ นางก้มหน้าผากแนบพื้น สองมีแปะผืนหญ้าจนผู้ใหญ่ขอให้นางลุก โดยเฉพาะท่านย่า ได้ใจอ่อนกับหลานสาวไปเสียทุกที ถึงเจียลี่อาจไม่เป็นที่รักที่สุด พวกเขารู้แก่ใจดีว่าหากนางจะไม่ต้องออกเรือน ให้นางทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด นางไม่ยินดีตบแต่งกับหนุ่มผู้ดีคนไหนในเมือง ขอแค่นางได้ทำงานเก็บเงินเที่ยวเตร็ดเตร่ไปวัน ๆบ่าวรับใช้บ้านท่านอาหวังเรียกขานนางว่า ‘นายหญิง’ หากเมื่อพบลี่จิ่นกลับเรียกแม่นางสกุลเยี่ยอย่างให้ความเคารพ เฉกเช่นผู้สูงศักดิ์ทั่วไปถึงพวกเขาจะเคารพนอบน้อมเท่าไร ก็ยังไม่เท่ากับที่พวกเขาเคารพนายหญิงเจียลี่น่าประหลาดใจนัก น้องสาวของนางได้พบบ่าวรับใช้บ้าน ก็ว่าแปลกกระนั้นเจียลี่ยังไม่เข้าใจบ่าวรับใช้ หลายครั้งหลายคราพวกเขาไม่ยอมบอกว่าตนคิดสิ่งใด นางเคยได้ยินว่าหากเป็นในวังหลวง อาจถึงขั้นต้องจับพวกเขาไปทรมานทีเดียว บ่าวถึงจะยอมแพร่งพรายความลับของเจ้านาย แต่จะว่าไปแล้ว บ่าวผู้รักศักดิ์ศรีไม่ยอมพูดก็มี พวกเขายินยอมการถูกทรมานจนตายไปกับความลับของเจ้านาย กระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตาย กัดลิ้นตายเองก็มี“ข้าจะไป
หัวใจของนางเต้นระส่ำระสาย เมื่อท่านอามอบสัจวาจาว่าจะมาสู่ขอนางให้เร็วที่สุด เขายังต่อว่านางไม่ให้พูดถึงท่านอาหญิงด้วยจุมพิตแสนหวาน กระชับกอดเอวนางอย่างหวงแหน ไม่ยอมให้นางออกจากเรือนง่ายดายนักมารดาและคนทางบ้านตำหนินางเรื่องเวลา ทำไมนางจึงมาทำงานช้า ถึงแม้ว่าจะมีบ่าวล่วงหน้าไปที่ร้านผ้าก่อน ก็นางเคยทำตัวเหลวไหลเสียเมื่อไร‘ท่านอานะท่านอา ข้าเกือบโดนทำโทษ แถมโดนหักหวนเฉียน[1]ไปตั้งเยอะ’ นางบ่นในใจ หากด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ความร้อนวูบวาบยังคงฝังติดบนเรือนกาย การถูไถประสาชายหญิงทำให้นางเพิ่งรู้ว่าท่อนแข็งขึงหน้าตาประหลาดนั่นทำอะไรได้ เขามอบความสุขสมให้นางเท่าไรมันยังแปลกที่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ มาเป็นที่หนึ่งสำหรับนางเสมอ วันนี้นางโดนหักเงินกลับอารมณ์ดี ยิ้มแก้มปริ คนในบ้านทักนางอย่างสงสัยว่ามีเรื่องดีอะไรหรือเปล่า ขณะบ่าวรับใช้มารอรับนางพร้อมรถม้า บ่าวชายสองคนยังคงเป็นคนเดิม นางเข้าไปเจรจากับพวกเขาอย่างสุภาพ ขอให้อดทนอยู่กับเจ้านายเถิด ท่านหวังเฟยอารมณ์ดีบ้างร้ายบ้าง เดี๋ยวก็หาย เขาจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ตราบใดที่ผู้คนรอบกายไม่ทอดทิ้งเขาให้โดดเดี่ยวเดียวดายกลับมาถึงเรือนไม้กว้างขวางในยามเซิน
เมื่อท่านอาหนุ่มแทรกมือเข้าบีบเคล้นเต้าเต่งตึง ไม่ยอมให้นางห้ามปรามเขาได้อีก ฝ่ามืออีกข้างจับมือของนางสอดประสานทุกปลายนิ้ว เขาก้มหน้าจูบนางซ้ำ ๆ ให้นางหลงใหลในวังวนเสน่หา นางไม่แม้จะเอ่ยห้ามปรามเขาด้วยความหวาดกลัว หากให้การต้อนรับท่านอาไม่ต่างจากนางบำเรอร่างสูงใหญ่กำยำ มิใช่ชายขี้เมา ไร้สตรีเหลียวแล ไร้เรี่ยวแรงเหมือนคนป่วยอย่างเมื่อหลายเดือนก่อน วัน ๆ เขาเฝ้ากอดแต่ไหเหล้า คนในบ้านสกุลเยี่ยหัวเราะเยาะเย้ยลับหลังว่าเขาจะยังใช้การได้หรือเปล่า ถึงส่งเจียลี่ไปดูแล นางงามเท่าไรก็คงไม่สามารถทำให้ความเป็นชายของเขาแข็งขึงขึ้นมาได้หวังเฟยลบคำสบประมาทเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง เขาก้มหน้าลงดื่มด่ำยอดปทุมถัน ทั้งซ้ายขวาอย่างเท่าเทียม มือบีบเคล้นเนินอกเต่งตึง ด้วยความระมัดระวังเอาใจนาง ไม่ให้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย กระทั่งสตรีร่างเล็กรับรู้ได้ถึงบางสิ่ง ผงาดรอนางอยู่เหนือหน้าท้อง น้ำเปียกฉ่ำไม่รู้ว่าเป็นน้ำในอ่างหรืออย่างไรแน่“ท่านอา... ร่างกายข้าฝืนทนไม่ไหวอีกแล้วเจ้าค่ะ ท่านไม่ควรรังแกข้า...” ริมฝีปากสีชาดที่เม้มสนิทคลายออก เพื่อเอ่ยคำขอร้องเขาอย่าได้กลั่นแกล้งนาง ให้นางต่อสู้กับความรู้สึกประหลาดมากมา
ที่ผ่านมาท่านอาไม่เคยแตะต้องนางแม้ปลายผม กระทั่งถ้อยคำรื่นหูของเขา หาใช่เสียงตะคอกโวยวายเพราะความเมา นางไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน“เจ้าอย่าทิ้งข้าไปเลยนะเจียลี่ รอข้าสักหน่อย ข้าจะไปสู่ขอเจ้ามาอยู่กับท่านอาขี้เมาทุกวัน...”หวังเฟยรู้ว่าโรคทางใจได้รับการเยียวยารักษาเป็นอย่างดี เขาจึงมิใช่ท่านอาคนเดิมเห็นใบหน้าตกใจของนาง เรียวปากอิ่มสีชาดเม้มปิดสนิทแน่น พาให้เป็นสุขโดยไร้สาเหตุ นางลุกขึ้นไปเรียกบ่าวให้ต้มน้ำ เตรียมน้ำอุ่นให้เขาอาบ ถังไม้ลอยด้วยดอกไม้หอม เขาแสร้งทำโวยวายเรียกคนดูแลให้เข้ามา“มีอะไรเจ้าคะ ท่านอา... น้ำร้อนไปหรือ?”เจียลี่ไม่ทันได้ระวังตัว ร่างกำยำลุกขึ้นมาคว้าเอวนางกอดเข้าหมับ นางร้องวี้ดว้ายตกใจ ยันแผงอกกว้างไว้ด้วยแรงน้อยนิด หน้าตาตื่นตระหนกเงยขึ้นมองฝ่ายรุกเร้า เขาไม่ได้ถอดเสื้อผ้าแต่ยังอยู่ชุดที่เกือบจะหลุดก็ไม่ยอมหลุด“ข้าไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนแล้ว ท่านอาทำอะไรน่ะ” นางก็กลัวว่าจะเปียกไปด้วยกับเขาที่ลงไปแช่น้ำทั้งเสื้อผ้าไม่ยอมถอด ตาหลุบมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ“เจ้ามี ข้าเห็นว่าเจ้านำเสื้อผ้ามาเผื่อทุกครั้ง ข้าชอบทำเสื้อผ้าของเจ้าเลอะเทอะ”“วันนี้ข้าไม่ได้นำติดมือมา ตั้ง