Share

บทที่ 175

Penulis: หลันซานอวี่
อวิ๋นฝูหลิงนอนไม่หลับทั้งคืน

เช้าวันรุ่งขึ้น นางต้องไปเปลี่ยนยาให้เซียวจิ่งอี้

เมื่อมาถึงเรือนที่เซียวจิ่งอี้พักอยู่ ก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาดังมาจากในเรือน

องครักษ์หน้าประตูเมื่อเห็นนาง ก็เข้าไปรายงานโดยพลัน

ผ่านไปไม่นาน เทียนเฉวียนก็ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง

ผู้ที่ออกมาพร้อมเขา ก็คือท่านเจ้าเมืองถัง

ท่านเจ้าเมืองถังมีท่าทีหวั่นเกรงเป็นอย่างมาก หลังออกมาจากห้อง ก็ยังใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก

หลังจากอวิ๋นฝูหลิงโค้งคำนับท่านเจ้าเมืองถัง ก็ตามเทียนเฉวียนเข้าไป

ในห้องนอกจากเซียวจิ่งอี้แล้ว จ้าวเสวียซือก็อยู่ด้วย

เมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิง ใบหน้าของจ้าวเสวียซือก็เผยรอยยิ้มออกมา และประสานมือทักทายนาง

“แม่นางอวิ๋น รบกวนเจ้าช่วยเปลี่ยนยาให้ท่านอ๋องด้วย”

อวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนี้ก็แปลกใจ

แม้นางจะไม่ได้พูดคุยกับจ้าวเสวียซือมากนัก แต่ก็มองออกว่าแม้ภายนอกคนผู้นี้จะดูเป็นคุณชายเจ้าสำราญ แต่แท้จริงก็ยังมีความผ่าเผยอยู่เต็มใบหน้า

ก่อนหน้านี้จ้าวเสวียซือปฏิบัติต่อนาง อย่างมากก็สุภาพด้วยในฐานะหมอผู้มีทักษะแพทย์ยอดเยี่ยมผู้หนึ่ง

ต่างจากในวันนี้โดยสิ้นเชิง ที่ในมารยาทแฝงไปด้วยความเคารพอยู่หลายส่ว
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 176

    เซียวจิ่งอี้ก็ก้มมองบาดแผลบนหน้าอกของตนเช่นกัน และพบว่าบาดแผลสมานจนตกสะเก็ดแล้ว ก็อดแปลกใจไม่ได้ก่อนหน้านี้ยามที่อยู่ชายแดนเหนือ มิใช่ว่าไม่เคยได้รับบาดเจ็บ ในกองทัพยิ่งได้รับบาดเจ็บมานับไม่ถ้วนทว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเห็นบาดแผลสมานตัวเร็วเช่นนี้มาก่อนเขาเงยหน้ามองอวิ๋นฝูหลิง และถามว่า “เจ้าใช้ยาอะไรกับข้า?”ในใจอวิ๋นฝูหลิงก็รู้สึกแปลกใจเช่นกันก่อนหน้านี้เพื่อช่วยเซียวจิ่งอี้ นางจึงใส่หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณหยดหนึ่งลงไปในยาต้มโดยตรงคิดไม่ถึงว่าหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณไม่เพียงแต่ช่วยล้างพิษบนร่างของเซียวจิ่งอี้ ทว่าแม้แต่บาดแผลก็ยังดีขึ้นเร็วกว่าที่นางคาดไว้โชคดีที่บาดแผลเพียงแค่ตกสะเก็ด มิใช่หายดีเป็นปกติอย่างรวดเร็วจนทำลายกฎของธรรมชาติ หาใช่ว่าไม่เห็นแม้แต่บาดแผลในชั่วพริบตาเดียว มิเช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงคงไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรดูเหมือนว่าหลังจากนี้ยามที่ใช้หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณ คงต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้อวิ๋นฝูหลิงแสร้งทำเป็นพูดอย่างสงบ “เป็นผงโสมซานซี ก่อนหน้านี้ที่เขาเฟิ่งลั่วข้าก็ใช้มันเป็นยารักษาแผลห้ามเลือดให้ท่าน”“แต่ข้าปรับปรุงมันเล็กน้อย ประสิทธิภาพจึงดีขึ้นกว่าก่อนห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 177

    เซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงมีท่าทางพยายามหลบเลี่ยง ก็รู้สึกว่าทุกคำที่นางพูดล้วนเป็นคำแก้ตัวนางไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากอยู่ข้างกายเขาเซียวจิ่งอี้รู้สึกอึดอัด จนบีบมืออวิ๋นฝูหลิงแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัวจนกระทั่งอวิ๋นฝูหลิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาจึงเพิ่งตั้งสติได้ และรีบปล่อยมือโดยพลัน“ขอโทษ ข้าทำเจ้าเจ็บ”เซียวจิ่งอี้เผยสีหน้างุ่นง่านออกมา และรีบตรวจสอบอาการบาดเจ็บที่ข้อมือของอวิ๋นฝูหลิง“ข้าไม่เป็นไร” อวิ๋นฝูหลิงกำลังจะถอนมือกลับไปหลังจากดึงกลับ เซียวจิ่งอี้ก็ส่งเสียงโอดครวญออกมาทันทีอวิ๋นฝูหลิงเงยหน้า ก็เห็นรอยเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลบนอกของเขาอวิ๋นฝูหลิงตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะหลงลืมตัวตนองค์ชายเจ็ดของเขาไป และบ่นออกมาโดยไม่รู้ตัว“บนตัวท่านยังมีแผลอยู่ อย่าขยับตัวมั่วซั่ว!”“ตอนนี้อาการกำลังดีขึ้น แต่แผลเปิดอีกแล้ว ท่านคิดจะทรมานตัวเองหรือ?”“เหตุใดจึงไม่ฟังกันบ้าง?”“การที่พบคนไข้อย่างท่าน เป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยใจที่สุดของหมอ!”อวิ๋นฝูหลิงบ่น ขณะที่ทายาพันผ้าพันแผลให้เซียวจิ่งอี้ใหม่อีกคราท่าทางเหมือนยามที่นางพบคนไข้เหล่านั้นที่ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 178

    อวิ๋นฝูหลิงพูดต่อ “แต่หากท่านต้องการพาเขาไป จิงมั่วจะต้องเต็มใจ”“ข้าจะไม่บังคับให้เขากลับไปเมืองหลวงกับท่าน”“หากจิงมั่วอยากอยู่กับข้า ข้าก็หวังว่าท่านจะไม่บังคับเขา!”นี่คือสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงใคร่ครวญอยู่นานเมื่อคืน จนเพิ่งผุดความคิดใหม่ขึ้นมานางจะไม่ขวางเซียวจิ่งอี้ในการพาอวิ๋นจิงมั่วกลับไปในเมื่ออวิ๋นจิงมั่วเป็นบุตรชายทางสายเลือดของเซียวจิ่งอี้ เช่นนั้นการจะนำเขากลับไปสู่สถานะเชื้อพระวงศ์ก็เหมาะสมแล้วมีเพียงนางกับเซียวจิ่งอี้ที่แยกทางกัน อวิ๋นจิงมั่วอยากใช้ชีวิตอย่างไร ก็ล้วนเป็นตัวเขาที่ต้องเลือกเองแม่เขาจะอยากอยู่กับตนครึ่งปี และอยู่กับเซียวจิ่งอี้อีกครึ่งปี เขาก็สามารถเลือกทั้งสองบ้านได้ตามใจ ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองทว่าความยินดีในแววตาของเซียวจิ่งอี้กลับหายไปอย่างรวดเร็ว“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“เจ้าไม่เต็มใจจะเป็นพระชายาอ๋องของข้า และไม่เต็มใจจะอยู่กับข้าหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงมองดวงตาของเซียวจิ่งอี้โดยตรง และพูดออกมาสามพยางค์อย่างช้า ๆ “ไม่เต็มใจ!”ก่อนหน้านี้เซียวจิ่งอี้คิดแค่ว่าอวิ๋นฝูหลิงอาจจะโกรธเขาอาจจะตำหนิที่เขาปกปิดตัวตนแต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า อวิ๋นฝูหลิงจ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 179

    เซียวจิ่งอี้ราวกับได้รับรู้สิ่งใหม่ ๆ จนตกตะลึงและพูดไม่ออกอยู่นานก่อนหน้านี้แม้เขาจะไม่ได้เปิดเผยตัวตนกับอวิ๋นฝูหลิงตรง ๆ และอยากหลอมรวมไปในชีวิตประจำวันของพวกเขาแม่ลูกอย่างเงียบ ๆแต่ในใจลึก ๆ เขาก็ยังคิดว่าหลังจากอวิ๋นฝูหลิงรู้ตัวตนของเขาแล้ว อาจจะแสดงความรู้สึกโกรธเหมือนหญิงสาวตัวน้อยหลังจากนางสงบอารมณ์ลง ก็ย่อมยอมกลับไปเมืองหลวงกับเขาอย่างว่าง่าย และเป็นพระชายาอี้อ๋องของเขาเขาไม่เคยคิดเลยว่า อวิ๋นฝูหลิงจะไม่เต็มใจจริง ๆไม่ใช่การแง่งอนและมิใช่กลยุทธ์แสร้งปล่อยให้เป้าหมายตายใจเพื่อจับกุมให้อยู่หมัดเขามองท่าทีของอวิ๋นฝูหลิงออก ว่าทุกสิ่งนางล้วนพูดออกมาจากใจจริงในใต้หล้านี้มีสตรีที่ปฏิเสธเขาอยู่!คาดไม่ถึงว่าจะมีสตรีกล้าปฏิเสธเขา!เซียวจิ่งอี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาโดยพลันไม่รู้ว่าหัวเราะให้กับความกล้าของอวิ๋นฝูหลิง หรือหัวเราะให้กับการที่ประเมินตัวเองสูงเกินไปกันแน่อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเสียงหัวเราะของเซียวจิ่งอี้ จึงเพิ่งตระหนักได้เมื่อครู่นางแสดงความรู้สึกแท้จริง ด้วยการพูดออกไปในอึดใจเดียวแต่เมื่อตั้งสติได้แล้ว จึงเพิ่งตระหนักได้ว่ายามนี้บุรุษที่อยู่เบื้องหน้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 180

    บนใบหน้าของอวิ๋นฝูหลิงปรากฏเส้นขีดสีดำนางตัดสินใจว่าเมื่อกลับไปจะตีพวกลูกพี่อู๋เสียหน่อยต้องเป็นพวกเขาที่พูดเรื่องไร้สาระเป็นแน่ เด็กถึงได้ฟังจนเรียนรู้ไปเช่นนี้อวิ๋นฝูหลิงคุกเข่าลง ก่อนจะดึงอวิ๋นจิงมั่วมาถาม “เหตุเจ้าจึงวิ่งมาที่นี่ได้? แล้วมาตั้งแต่เมื่อใด?”อวิ๋นจิงมั่วจิ้มนิ้ว ก่อนจะพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าอยากมาเจอท่านลุง ก็เลยให้พี่เหยากวงพาข้ามาขอรับ”“ข้าได้ยินพวกท่านทะเลาะกัน”“ทะเลาะกันไม่ดีนะขอรับ พวกท่านไม่ทะเลาะกันได้หรือไม่?”“ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ท่านลุงได้รับบาดเจ็บ ท่านแม่ยอมให้ท่านลุงหน่อยเถอะขอรับ...”เหยากวงยืนอยู่นอกประตู เพราะได้ยินเสียงโต้เถียงกันด้านใน จึงจงใจอยู่ห่าง ๆ และไม่กล้าเข้ามาอวิ๋นฝูหลิงได้ยิน ก็รู้สึกอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูกเจ้าเด็กหน้าเหม็นนี่ช่างลำเอียงไปทางเซียวจิ่งอี้เสียจริง!รู้หรือไม่ว่าผู้ใดเก็บอึเก็บปัสสาวะและเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่?นางแอบต่อว่า ขณะที่มองอวิ๋นจิงมั่วเอามือเล็กเท้าเอว พลางดุเซียวจิ่งอี้“ท่านลุง ท่านอย่ารังแกท่านแม่ของข้านะขอรับ!”“ไม่อย่างนั้นมั่วมั่วจะไม่ชอบท่านแล้ว!”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าโดยพลัน และอธิบายว่า “

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 181

    อวิ๋นฝูหลิงยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้รบกวนการทำความรู้จักกันของสองพ่อลูกอวิ๋นจิงมั่วร้องไห้สะอึกสะอื้นระบายความรู้สึกออกมากระทั่งอวิ๋นจิงมั่วเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของเซียวจิ่งอี้ ดวงตาของเขาแดงก่ำจากการร้องไห้ ทว่าดวงหน้าเล็ก ๆ กลับเผยความเขินอายออกมาเล็ก ๆเขามิใช่เด็กเล็ก ๆ แล้ว แต่กลับกอดท่านพ่อร้องไห้จนเสียงขึ้นจมูกเสียอย่างนั้นขืนเหล่าสหายรู้เข้า ต้องล้อจนเขาอับอายขายขี้หน้าเป็นแน่กลางวัน สามคนหนึ่งครอบครัวกินข้าวด้วยกันเป็นครั้งแรกที่อวิ๋นจิงมั่วได้รู้ซึ้งถึงความหมายของการกินข้าวพร้อมกับท่านพ่อท่านแม่อย่างแท้จริง จึงตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุดเขามองเซียวจิ่งอี้ที่นั่งอยู่ทางขวามือของเขา แล้วก็หันไปมองอวิ๋นฝูหลิงที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ รับรู้ได้เพียงแค่ว่าตนเองนั้นเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางดีอกดีใจของบุตรชายแล้ว ทั้งคู่จึงเข้าใจตรงกันทันทีโดยที่ไม่ต้องพูดว่าไม่ควรพูดเรื่องอันใดก็ตามที่ฟังแล้วไม่เสนาะหูขึ้นมาพวกเขาให้ความร่วมมือกับบุตรชายสุดความสามารถ สวมบทบาทเป็นบิดามารดาที่ดีกระทั่งยามค่ำ อวิ๋นจิงมั่วดึงดันจะนอนกับเซียวจิ่งอี้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 182

    เขากำลังนั่งอยู่ข้างหน้าเตียง คอยเฝ้าอวิ๋นจิงมั่วไปพลาง หยิบตำราขึ้นมาอ่านไปพลางอวิ๋นฝูหลิงเห็นภาพตรงหน้านี้แล้ว ถึงกับเหม่อลอยไปชั่วขณะโฉมหน้าด้านข้างของบุรุษโฉมงามช่างเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างจริง ๆนี่มันความงามระดับไหนกันนะ เป็นความงดงามที่นางไม่ต้องเสียเงินก็เชยชมได้แน่หรือ?ส่วนเจ้าก้อนซาลาเปาก้อนน้อย ๆ บนเตียงก็ช่างนุ่มนิ่มน่ารักน่าชังไม่มีใครเทียบอวิ๋นฝูหลิงอดยกมือกุมหน้าอกไว้ไม่ได้ นางรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นระรัวจนแทบจะกระเด็นกระดอนออกมาบุรุษที่หน้าตาตรงตามรสนิยมของนางขนาดนี้ เหตุใดถึงต้องเป็นองค์ชายด้วยนะ?หากเป็นเพียงคุณชายจากครอบครัวขุนนางธรรมดา ๆ ละก็ ไม่แน่ว่าเมื่อวานนี้นางอาจจะหักห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่ก็ได้ทว่ากับราชวงศ์นั้นไม่เหมือนกัน จะต้องมีกฎเกณฑ์มากมายรออยู่แน่นอนหากน้องตกลงยอมเป็นพระชายาอี้อ๋อง เกรงว่าวันข้างหน้าคงจะไม่ต่างอะไรกับวิหคปีกหัก ถูกขังไว้ในกรงทองเป็นแน่จะเป็นเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด!นางตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะเป็นหมอเทวดาที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วล้าให้ได้ระหว่างหน้าที่การงานกับบุรุษนั้น แต่ไหนแต่ไรมานางก็เลือกหน้าที่การงานมาเป็นอันดับแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 183

    อวิ๋นฝูหลิงได้ให้คนนำความไปแจ้งแก่นายท่านหางแล้วดังนั้นเหล่าคนไข้ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาต่อหลังจากวันประลองวิชาแพทย์ ล้วนได้รับการแจ้งให้มารับการตรวจโรคอีกครั้งที่สำนักผิงอันอวิ๋นฝูหลิงเป็นคนที่หากได้เริ่มทำอะไรแล้วต้องทำต่อจนเสร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนไข้ของนาง นางต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุดกระทั่งอวิ๋นฝูหลิงตรวจอาการให้เหล่าคนไข้ที่มารับการตรวจอีกครั้งเสร็จแล้ว นายท่านหางก็มาถึงได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ เขาประสานมือให้อวิ๋นฝูหลิงพลางกล่าว “แม่นางอวิ๋น ท่านปู่ของข้าอยากพบเจ้าสักครั้ง ไม่รู้ว่าเจ้าจะสะดวกหรือไม่?”ตั้งแต่ครั้งที่ประลองวิชาแพทย์แล้วได้พบกับนายท่านผู้เฒ่าหางในวันนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็เดาได้ว่าจะต้องเจอกับเรื่องเช่นนี้นางเองก็อยากพบหน้านายท่านผู้เฒ่าหางอยู่พอดีอวิ๋นฝูหลิงได้พบนายท่านผู้เฒ่าหางในเรือนหลังหนึ่งที่นายท่านหางซื้อไว้ในหัวเมืองเดิมทีนายท่านผู้เฒ่าหางอยากจะมาพบอวิ๋นฝูหลิงตามลำพังสักครั้งหลังจากจบการประลองวิชาแพทย์ในวันนั้นใครจะไปรู้ว่าอยู่ดี ๆ ก็มีมือลอบสังหารโผล่เข้ามาเสียอย่างนั้นและอี้อ๋องก็มาออกราชการที่เจียงโจวโดยปิดบังสถานะ ทั้งยังต้องธนูของมื

Bab terbaru

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status