Share

บทที่ 243

Author: หลันซานอวี่
พ่อบ้านวั่นจึงกระซิบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบให้นายท่านสี่วั่นฟังคร่าว ๆ

ครั้นนายท่านสี่วั่นได้ฟัง ก็แทบจะกระอักโลหิตเพราะถูกพวกเขาทำให้โมโห

มีแต่พวกโง่เขลาไม่มีสมองทั้งนั้น!

ในเมื่อขอร้องผู้อื่น เช่นนั้นก็ต้องพูดเจรจาด้วยน้ำเสียงดี ๆ และเหมาะสม เสนอราคาซื้อราคาขายอันเหมาะสม เพื่อให้อีกฝ่ายยอมตัดใจยอมสละให้

เจ้าจะไม่เจรจาแล้วลงมือแย่งชิงมาเลยก็ใช่ว่าจะทำมิได้ แต่เจ้าจักต้องมีปัญญา มีความสามารถมากพอที่จะกดดันอีกฝ่ายจนอยู่หมัดให้ได้

แต่นี่พ่อบ้านวั่นกับเจ้าสิบเก้าจากบ้านสายรองทั้งพูดจาโน้มน้าวให้อีกฝ่ายตัดใจสละของรักให้ไม่ได้ อีกทั้งพอลงมือกับเขาก็ถูกอีกฝ่ายสั่งสอนกลับมาอย่างน่าอเนจอนาถ

เป็นพวกไร้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่!

แถมยังเลือกมาลงมือในหอสกุลวั่นของเขาอีก นี่ถ้าหากทำข้าวของอันใดเสียหายไป สุดท้ายแล้วคนที่ได้รับความเสียหายมิใช่ว่ายังเป็นสกุลวั่นของพวกเขาอย่างนั้นหรือไร?

คุณชายวั่นหรือก็คือวั่นจื้อซินผู้ที่อยู่ในลำดับศักดิ์ที่สิบเก้าของสกุลวั่นผู้นั้นก้าวเข้าไปด้านหน้านายท่านสี่วั่น แล้วกล่าววาจาประจบเอาใจ “ท่านลุงสี่ หลานเพียงเจตนาดี อยากช่วยเหลือสกุลวั่นอย่างเต็มท
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Wilawan
ลงเพิ่มเยอะๆ หน่อยค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 244

    สกุลวั่นต้องการดีเสือสดใหม่ไปช่วยชีวิตคุณชายน้อยในเมื่อวันนี้ได้เจอแล้ว เช่นนั้นย่อมต้องคิดหาวิถีทางเอามาอยู่ในมือให้ได้ มิเช่นนั้นจะพลาดโอกาสนายท่านสี่วั่นประสานมือคารวะ ท่าทางยิ่งทวีความสุภาพ “ท่านผู้มีเกียรติสองสามท่านนี้ สกุลวั่นของข้าต้องการเสือตัวเป็น ๆ จริง หากพวกท่านยินยอมสละให้ สามารถพูดเงื่อนไขมาได้ทุกอย่าง...”นายท่านสี่วั่นยังไม่ทันพูดจนจบประโยค อวิ๋นฝูหลิงก็พูดขึ้นมาทั้งที่ขมวดคิ้วว่า “พวกเจ้าแต่ละคนฟังภาษาคนมิรู้เรื่องหรือไร?”“บอกไปหลายครั้งแล้วว่าลูกเสือน้อยตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของลูกชายข้า ต่อให้เจ้าจะยกภูเขาทองทั้งลูกมากองให้ พวกข้าก็ไม่ให้”“เอาแต่ส่งเสียงหึ่ง ๆ ราวกับแมลงวันไม่หยุดหย่อน หนวกหูเหลือเกิน จะกินข้าวให้สบายใจสักมื้อก็ทำไม่ได้”“ได้ยินว่าหอสกุลวั่นเป็นเหลาอาหารอันดับหนึ่งของเขตปกครองจินโจว พวกเจ้าต้อนรับแขกที่มาอุดหนุนถึงประตูเช่นนี้ ข้าว่าหอสกุลวั่นนี้ก็มิได้เลิศเลอกว่าใครเขาหรอก!”ครั้นลูกค้าคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างได้ยินวาจาเช่นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงเข้า ก็อดเผยสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัย ทั้งยังแฝงไปด้วยความตื่นเต้นอยู่ด้วยในทีออกมาไม่ได้คนพวกนี

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 245

    นายท่านสี่วั่นเห็นว่าพวกเซียวจิ่งอี้ไม่เพียงแต่ไม่หวาดกลัวสกุลวั่นเลยแม้แต่นิดเท่านั้น ฝ่ายนั้นกลับลงมือกับลูกหลานสกุลวั่นโดยไม่ลังเลเสียด้วยซ้ำไป ในใจเขาทั้งตระหนกทั้งเดือดดาลความอยากอาหารของอวิ๋นฝูหลิงถูกทำลายเสียจนหมดสิ้น ยามนี้จะให้กินอะไรก็กินไม่ลงแล้วอวิ๋นฝูหลิงลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “แต่ละคนช่างไม่รู้จักตระหนักตนกันเลย แค่พวกเจ้าไม่กี่คนก็ถือว่าเป็นตัวแทนสกุลวั่นแล้วหรือ!”“หากวันนี้ผู้ที่เอ่ยปากเป็นผู้นำตระกูลวั่น บางทีข้าอาจจะลองพิจารณาดูสักหน่อย”“หมาแมวอย่าวพวกเจ้าไม่กี่คนยังจะมาทำตัวกร่างสร้างปัญหาอยู่ข้างนอกโดยอ้างชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของสกุลวั่นอีก ทำให้สกุลวั่นต้องเสื่อมเสียเกียรติจริงๆ!”ยามที่เข้ามาในเขตปกครองจินโจว เซียวจิ่งอี้ได้เล่าให้อวิ๋นฝูหลิงฟังแล้วว่า สกุลวั่นเป็นตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของเขตปกครองจินโจวความมั่นคงของตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งตระกูลนี้มิได้มาจากเส้นทางขุนนางหรือกิจการการค้า ทว่ามาจากการขนส่งทางชลมารคท่าเรือจินโจวเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของต้าฉี ยามนี้ได้สกุลวั่นคอยควบคุมดูแลอิทธิพลของสกุลวั่นย่อมไม่ธรรมดาอย่างไรก็ตาม วั่นหงผู้ท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 246

    เขามองไปทางเซียวจิ่งอี้และคนอื่น ๆ “แม้ว่าญาติผู้น้องของข้าจะเป็นฝ่ายทำผิดก่อน แต่ท่านลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้ ก็อาจจะเกินกว่าเหตุไปสักหน่อยกระมัง!”อวิ๋นฝูหลิงมองสำรวจวั่นเฉิงอย่างละเอียดลออไม่ได้บอกว่านายน้อยผู้นี้เป็นโรค จำเป็นต้องใช้ดีเสือมาทำกระสายยาหรอกหรือ?ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ได้ต่างจากคนปกติทั่วไปเลยสักนิด ท่าทางมิเหมือนคนป่วยด้วย?“สกุลวั่นสั่งสอนบุตรหลานในสกุลให้ดีไม่ได้ ข้าจึงลงมือช่วยสั่งสอนแทนให้ สกุลว่าควรจะขอบคุณข้าต่างหากจึงจะถูก!”“หากสกุลวั่นไม่พอใจอันใด ก็ให้บิดาเจ้ามาพูดกับข้าด้วยตนเอง!”ครั้นเซียวจิ่งอี้พูดจบ มือข้างหน้าก็อุ้มอวิ๋นจิงมั่ว มืออีกข้างก็จับมืออวิ๋นฝูหลิงไว้ ก่อนจะเตรียมตัวจากไปวั่นเฉิงตะลึงจนตาค้างไปชั่วขณะเขาไม่เคยพบเห็นคนที่อวดดีขนาดนี้มาก่อน“หยุด ห้ามไปไหน!”“ไป ไปขวางพวกไว้!”คนสกุลวั่นรีบเข้าไปขวางทางเซียวจิ่งอี้และคนอื่น ๆ โอบล้อมกลุ่มของพวกเขาไว้เทียนเฉวียนพร้อมคนอื่นรีบชักกระบี่ แล้วเข้าไปล้อมรอบพวกเซียวจิ่งอี้ทั้งสามคนเอาไว้ทั้งสองฝั่งรีบมองคุมเชิงกันทันที สถานการณ์ใกล้จะปะทุอยู่รอมร่อครั้นแขกเหรื่อรอบ ๆ ที่มาดูความคึกคั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 247

    อวิ๋นฝูหลิงฝังเข็มลงไปหลายเข็ม อาการโรคลมชักของวั่นเฉิงที่เกิดกำเริบขึ้นมานั้นทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัดยิ่งเหล่าคนสกุลวั่นที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันหุบปากเงียบ แต่ละคนเบิกตากว้างราวกับถูกใครบีบคอก็ไม่ปานกระทั่งอวิ๋นฝูหลิงฝังเข็มจนแล้วเสร็จ วั่นเฉิงที่เดิมทีอาการโรคลมชักกำเริบจนสูญเสียสติสัมปชัญญะก็ค่อย ๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมาอวิ๋นฝูหลิงถอนเข็มที่ฝังอยู่ตามร่างกายของวั่นเฉิงออก นำเก็บเข้าห่อเข็ม“นายน้อยวั่น ต่อไปพยายามรักษาใจให้สงบนิ่งเข้าไว้ หากอารมณ์รุนแรงเกินไปจะทำให้อาการกำเริบได้ง่าย ถึงขั้นทำให้อาการทรุดหนักลงกว่าเดิม!”หลังทิ้งคำกำชับเรื่องอาการ อวิ๋นฝูหลิงจึงหมุนกายเดินออกไปนายท่านสี่วั่นพร้อมด้วยคนอื่น ๆ โอบล้อมเข้ามาข้างกายวั่นเฉิง“นายน้อย รู้สึกอย่างไรบ้าง?”วั่นเฉิงเม้มปาก ไม่เอื้อนเอ่ยคำพูดใดเมื่อครู่นี้เขาก็อาการกำเริบขึ้นมากะทันหันอีกแล้วผ่านไปครู่ใหญ่ วั่นเฉิงจึงออกคำสั่งไปว่า “กลับจวน”บุรุษวัยกลางคนผู้มีใบหน้าเหลี่ยมและสั้นผู้นั้นรีบรับคำ แล้วพาคนช่วยกันคุ้มกันวันเฉิงออกไปจวนสกุลวั่นครั้นวั่นหงผู้นำตระกูลวั่นได้ฟังบ่าวรับใช้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในหอสก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 248

    ผู้นำตระกูลวั่นมาเยือนถึงหน้าประตูด้วยตนเองเช่นนี้ เกิดกว่าครึ่งนั้นมาเพื่อร้องขอการรักษาอวิ๋นฝูหลิงล้างหน้าล้างตาแล้วเสร็จ จึงกินมื้อเช้าพร้อมกับอวิ๋นจิงมั่วหลังมื้ออาหาร เซียวจิ่งอี้ถึงร่วมทางมากับอวิ๋นฝูหลิงด้วย “ข้าไปพบผู้นำตระกูลวันพร้อมกันกับเจ้าด้วย”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า มอบหมายให้ลูกพี่อู๋แลคนอื่น ๆ คอยดูแลอวิ๋นจิงมั่วให้ดีหลังจากที่เมื่อวานวั่นหงผู้นำตระกูลวั่นถามยืนยันจากบุตรชายแล้ว วันนี้ทันทีที่ฟ้าสาง เขาจึงเดินทางมาที่โรงเตี๊ยมซื่อฟางด้วยตนเองรออยู่หนึ่งชั่วยามกว่า ก็ยังไม่ได้พบท่านหมอหญิงต้นเรื่องนายท่านสามสกุลวั่นอดโอดครวญออกมาไม่ได้ “ท่านหมอวิชาแพทย์สูงส่งอันใดกัน ถึงได้ทำตนวางมาดเสียใหญ่โตเช่นนี้?”นายท่านสามสกุลวั่นผู้นี้เป็นพี่น้องร่วมท้องมารดาเดียวกันกับวั่นหงทว่าเขามีความสามารถธรรมดา ไร้ใจทะเยอทะยาน วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่นสนุกเคราะห์ดีที่เขานั้นรู้จักประมาณตน ทั้งยังรักใคร่กลมเกลียวกับพี่น้องอย่างวั่นหง จึงพอใจที่เขาเป็นเพียงนายท่านรองเจ้าสำราญ ทั้งยังไม่สอดมือเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องต่าง ๆ ในตระกูลเมื่อวานเขาได้ยินว่าวั่นเฉิงอาการกำเริบ จึงรีบรุดไปเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 249

    แม้ว่าวั่นหงจะประหลาดใจ ด้วยไม่เคยได้ยินว่าอี้อ๋องเสกสมรสพระชายาเมื่อใด ทว่าที่หอสกุลวั่นเมื่อวานนี้ คนสกุลวั่นที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนได้ยินเซียวจิ่งอี้เรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าฮูหยินวั่นหงคิดว่าบางทีตัวเขาเองอาจจะได้รับข่าวสารไม่ไวพอ กระทั่งเรื่องที่อี้อ๋องมีพระชายาแล้วเขาก็ยังไม่รู้เรื่องเพียงเรียกว่า ‘พระชายา’ ก็ทำให้ปรากฏรอยยิ้มขึ้นในด้วยตาของเซียวจิ่งอี้แล้วครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นคนพวกนี้คุกเข่าคารวะ ก็รู้สึกไม่เคยชินเท่าไรนักยิ่งไปกว่านั้น วั่นหงถึงขั้นจำเซียวจิ่งอี้ได้ ทั้งยังเปิดเผยฐานะของเขาออกมาอีกต่างหากอวิ๋นฝูหลิงมองเซียวจิ่งอี้เล็กน้อยเซียวจิ่งอี้จับมือนางไว้ แล้วช่วยพูดแทนนางว่า “ทุกคนลุกขึ้นมาเถิด!”ดวงตาเฉียบแหลมของวั่นหงเห็นการกระทำของเซียวจิ่งอี้เข้า ในใจจึงยิ่งให้ความสำคัญกับอวิ๋นฝูหลิงเพิ่งขึ้นเป็นเท่าตัวดูแล้วพระชายาอี้อ๋องจะมีรักลึกซึ้งกับอี้อ๋องเป็นอย่างยิ่ง“เมื่อวานนี้ ลูกหลานและบ่าวรับใช้ในสกุลทำตัวหยาบคายต่อท่านอ๋องกับพระชายา กระหม่อมพาพวกเขามาขอรับโทษด้วยตนเอง ท่านอ๋องกับพระชายาทรงลงโทษพวกเขาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”นายท่านสี่และวั่นจื้อซินคุกเข่าลงบนพื้นจ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 250

    ทันใดนั้นก็มีบ่าวรับใช้ยกหีบของกำนัลเข้ามาเป็นทิวแถวของพวกนี้ล้วนเป็นวั่นหงกับฮูหยินวั่นตั้งใจเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เพื่อมอบเป็นของกำนัลแทนการขอบคุณให้แก่อวิ๋นฝูหลิงหากอวิ๋นฝูหลิงเป็นเพียงท่านหมอธรรมดา ๆ ผู้หนึ่ง เช่นนั้นของกำนัลแทนคำขอบคุณเหล่านี้ย่อมนับว่าพรั่งพร้อมเป็นอย่างยิ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้นางเห็นใจแล้วเต็มใจเสนอตัวไปตรวจอาการให้เองได้ทว่าพอวันนี้ได้รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นถึงพระชายาอี้อ๋อง ของกำนัลแทนคำขอบคุณนี้ก็ออกจะดูน้อยนิดไปสักหน่อยแต่จะให้กลับไปเตรียมของกำนัลแทนคำขอบคุณให้ใหม่ในยามนี้ ก็ไม่ทันกาลเสียแล้วหากไม่มอบของกำนัลแทนคำขอบคุณให้ แต่เอ่ยปากขอร้องเชิญคนเขาไปมือเปล่า ก็ยิ่งดูไม่จริงใจมากพอวั่นหงทำอะไรไม่ได้มากนัก ทำได้เพียงมอบของกำนัลที่ตระเตรียมไว้แล้วให้ไปก่อน พลางคิดว่าหลังจากนี้ค่อยส่งมามอบให้เพิ่มเติมอีกหนึ่งชุดอวิ๋นฝูหลิงมองของกำนัลแทนคำขอบคุณที่วั่นหงมอบให้ยามนี้หีบของกำนัลถูกเปิดออกแล้ว สิ่งของด้านในนอกจากจะเป็นผ้าไหมแพรพรรณกับทองแท่งเงินแท่งแล้ว ยังมียาสมุนไพรล้ำค่าจำพวกโสม โชวูและอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงลอบคิดอยู่ในใจว่าสมแล้วที

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 251

    อย่างไรก็ตาม ผู้นำตระกูลสกุลวั่นมาคิดบัญชีกับพวกเขาถึงบ้านด้วยตัวเอง นี่เป็นเรื่องใหญ่แล้วทุกคนในโรงเตี๊ยมต่างชะเง้อศีรษะรอดูเรื่องสนุกทว่าพวกเซียวจิ่งอี้เช่าเรือนทั้งหลังและมีการเฝ้ายามอย่างเข้มงวด คนที่ไม่เกี่ยวข้องล้วนเข้าไปไม่ได้แม้คนในโรงเตี๊ยมไม่สามารถเข้าเรือนของพวกเซียวจิ่งอี้ แต่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ต่อให้ใหญ่ก็ใหญ่ไม่ถึงไหน ถ้าหากในเรือนทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่โตจริงๆ คนที่อยู่นอกเรือนก็สามารถได้ยินได้ดังนั้นทุกคนเอาแต่จ้องไปที่เรือน พยายามฟังเสียงจากข้างในเรือนใครจะรู้ว่าผ่านไปพักใหญ่ ก็ไม่ได้ยินเสียงลงมือทุบตีสุดท้ายกลับเห็นผู้นำตระกูลสกุลวั่นเชิญเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงขึ้นรถม้าของบ้านตัวเองอย่างนอบน้อมถ่อมตน มุ่งหน้าไปยังทิศทางเรือนหลักของสกุลวั่นแล้วชั่วขณะ ทุกคนงงงวยยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นต่างพากันคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่การคาดเดาของคนอื่นไม่สำคัญสำหรับอวิ๋นฝูหลิง สิ่งเดียวที่นางคิดในเวลานี้คืออาการป่วยของวั่นเฉิงฮูหยินวั่นรออยู่ที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อได้ยินว่าสามีเชิญคนมาจริงๆ ก็อดมองข้างนอกด้วยความดีใจไม่ได้พลันเมื่อมองไป ฮูหยินวั่นอดไม่ได้ที่จะตก

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status