Share

บทที่ 292

Author: หลันซานอวี่
อวิ๋นฝูหลิงก้าวเดินอย่างแผ่วเบา พลางกล่าวกับหลิงโหยวว่า “แค่คนเฝ้าประตูผู้หนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดคุยกับเขาหรอก”

หลิงโหยวพยักหน้า และรีบนำคนเข้าไปโดยพลัน หลังจากนั้นก็แยกกันยืนอยู่ทั้งสองฝั่ง

อวิ๋นฝูหลิงหยุดฝีเท้า เงยหน้ามองป้ายที่แขวนอยู่บนประตูหลักของจวนจี้ชุนโหว

เซียวจิ่งอี้จับมืออวิ๋นฝูหลิง และกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว เดิมทีสิ่งนี้เป็นของเจ้าอยู่แล้ว แค่ถึงเวลาที่ควรนำกลับมาเท่านั้น”

อวิ๋นฝูหลิงยิ้มพลางพยักหน้าให้เซียวจิ่งอี้

นางมิได้กลัว

นางรอคอยวันนี้อยู่ รอคอยมาเนิ่นนานแล้ว

อวิ๋นฝูหลิงยืดหลังตรง ก้าวข้ามธรณีประตู เดินเข้าไปในประตูหลักอย่างผ่าเผย

นายท่านผู้เฒ่าหางกับโอวหยางหมิงเดินตามหลังอวิ๋นฝูหลิงอยู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวา ราวกับเป็นเทพผู้พิทักษ์สององค์

เมื่อคนเฝ้าประตูเห็นเช่นนั้น ก็รีบวิ่งไปรายงานที่สวนด้านหลังโดยพลัน

อวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่ที่โถงหลัก รอพวกอวิ๋นกานซงอยู่เงียบ ๆ

ประตูหลักของจวนจี้ชุนโหวเปิดกว้าง โดยไม่มีความตั้งใจที่จะปิดบังแม้แต่น้อย

การกระทำนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้คนให้หยุดเดิน แม้แต่คนที่อาศัยอยู่ข้างเคียง ก็ยังมีคนใช้ออกมาถามไถ่ข้อมูล หากมีเรื่องน่าส
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Lalipatr Saokaew
น่าจะลงให้จบๆนะคะแบบนี้คนอ่านคาใจ
goodnovel comment avatar
Ngamta Suwanmale
ทำไมต้องให้อ่านเรื่องอื่นแบบไม่มีทางเลือก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 293

    เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อวิ๋นกานซงก็จิตใจสงบลงโดยพลันบนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มผุดขึ้นมา ประสานมือให้โอวหยางหมิงกับนายท่านผู้เฒ่าหางพลางกล่าวว่า “ท่านผู้เฒ่าทั้งสองท่านทำให้ข้าสับสนแล้ว ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าท่านผู้เฒ่าทั้งสองท่านหมายความว่าอย่างไร?”กล่าวจบ ก็ยังพูดกับอวิ๋นฝูหลิงว่า “แม่นางอวิ๋น ก่อนหน้านี้เจ้ากับข้าเคยพบกันในวังหลวงเพียงครั้งเดียว ทั้งยังมิได้สนิทชิดเชื้อกันถึงเพียงนั้น”อวิ๋นฝูหลิงคาดเดาไว้ก่อนแล้วว่าอวิ๋นกานซงจะต้องใช้อุบายเช่นนี้นางเอนหลังบนเก้าอี้ และพยายามกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ความหมายของท่านคือข้ามิใช่อวิ๋นฝูหลิงคุณหนูใหญ่แห่งจวนจี้ชุนโหว แต่เป็นเพียงตัวปลอมใช่หรือไม่?”“แน่นอนว่าเจ้าเป็นตัวปลอม!” เสียงแหลมสูงของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นมาอย่างกะทันหันพวกฮูหยินรองอวิ๋นมิได้มีฝีเท้าที่เร็วเท่าอวิ๋นกานซง ในยามนี้จึงเพิ่งรีบเร่งไล่ตามมาจนทันทันทีที่นางเข้ามา ก็ได้ยินคำพูดของอวิ๋นกานซง ยามนี้ก็โชคดีที่มีความคิด จึงคิดตรงกันกับอวิ๋นกานซงเช่นกัน“ทุกคนต่างรู้ดีว่าอวิ๋นฝูหลิงตายไปตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว เจ้ามาจากที่ใด จึงได้กล้าวิ่งโร่เข้ามาหลอกลวงจวนโหวของพวกเรา?”อวิ๋

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 294

    โอวหยางหมิงกับนายท่านผู้เฒ่าหางจ้องมองอวิ๋นกานซงด้วยสายตาเฉียบแหลมอันเย็นชานายท่านผู้เฒ่าหางกระแทกไม้เท้าลงบนพื้นอย่างรุนแรง“หรือคิดว่านางสูญเสียพ่อแม่ไปหมดแล้ว จึงกลายเป็นเด็กกำพร้าโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิง จนพวกเจ้าจะมารังแกได้?”“เหอะ คิดว่าพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องตายกันไปหมดแล้วหรือ?”“กล้ามารังแกยัยหนูฝูหลิง ข้าจะทำให้พวกเจ้าต้องนึกเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิต!”นายท่านผู้เฒ่าหางเดินทางเข้าเมืองหลวงมาครานี้ ก็เพื่อมาสนับสนุนอวิ๋นฝูหลิงโดยเฉพาะน่าเสียดายที่ศิษย์พี่รองสือฉีหลินออกเดินทางไปทั่วสารทิศ ยามนี้ไร้ซึ่งข่าวคราว ส่วนศิษย์น้องสี่ก็อยู่ห่างไกลถึงซีหนาน จึงไม่อาจเดินทางมาได้ทันเวลาดังนั้นวันนี้จึงมีเพียงเขากับศิษย์พี่ใหญ่ที่มาแม้จะเป็นเช่นนั้น น้ำหนักของคำพูดของสองคนนี้ ก็ทำให้อวิ๋นกานซงทนรับไม่ไหวแล้วอวิ๋นกานซงเห็นอวิ๋นฝูหลิงนำหลักฐานยืนยันตัวตนออกมา อีกทั้งยังมีการสนับสนุนจากหลิงโหยว โอวหยางหมิง และนายท่านผู้เฒ่าหาง อุบายที่จะบอกว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นตัวปลอมจึงใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปเขาเปลี่ยนอุบายโดยพลัน ท่าทีที่มีต่ออวิ๋นฝูหลิงก็กลายเป็นความรักใคร่และมีเมตตา“เจ้าคือฝูหล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 295

    อวิ๋นกานซงรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าไม่อาจถูกอวิ๋นฝูหลิงจูงจมูกได้ ไม่อย่างนั้นนางจะกุมอำนาจในการคุมสถานการณ์ตอนนี้เขาจึงชิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ฝูหลิง ในเมื่อตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว ไม่สู้เข้าไปพักผ่อนในเรือนเสียหน่อยจะดีกว่ากระมัง หากมีเรื่องอันใดก็ค่อยพูดคุยกันคราวหลัง”“เรือนของเจ้าอารองยังเก็บไว้ให้เจ้าอยู่ ทั้งยังมีคนไปทำความสะอาดอยู่เสมอด้วย”“อีกเดี๋ยวจะให้อาสะใภ้รองของเจ้าจัดงานเลี้ยง เชิญญาติมิตรมา และประกาศข่าวการกลับมาของเจ้า”กล่าวจบก็มองไปทางอวิ๋นซานหู และแสร้งทำเป็นดุนาง “เจ้าลูกคนนี้ร่างกายไม่แข็งแรง กลับไม่ยอมพักฟื้นอยู่ที่ชนบท และวิ่งโร่มาทำอันใดถึงที่นี่กัน?”อวิ๋นหลิงจือได้ยินก็กำหมัดแน่น เรือนของอวิ๋นฝูหลิงเป็นเรือนที่ดีที่สุดในจวนจี้ชุนโหวนอกจากเรือนหลัก ซึ่งถูกนางครอบครองมานานแล้วยามนี้เมื่ออวิ๋นฝูหลิงกลับมา อวิ๋นกานซงไม่แม้แต่จะหารือกับนาง ก็คิดจะยกเรือนคืนให้อวิ๋นฝูหลิงเสียแล้วเช่นนั้นนางจะทำอย่างไรเล่า?อวิ๋นฝูหลิงมองอวิ๋นกานซงด้วยรอยยิ้มนางไม่เชื่อว่าอวิ๋นกานซงจะใจดีถึงเพียงนี้อวิ๋นหลิงจืออยากได้เรือนของนางมานานแล้ว นางจากไปนานถึงเพียงนี้ หากเรือนหลั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 296

    “เป็นท่านพ่อท่านแม่ของข้าที่ต้องการแย่งชิงทรัพย์สมบัติของสกุลอวิ๋นมา จึงจงใจวางเพลิงเพื่อให้อวิ๋นฝูหลิงตาย...”อวิ๋นซานหูยังไม่ทันพูดจบ เส้นเลือดที่หน้าผากของอวิ๋นกานซงก็โป่งพองขึ้นมา พลางตะโกนเสียงดังว่า “หุบปาก เจ้ามันลูกเนรคุณ เห็นอยู่ว่าเจ้าป่วยจนสับสน จึงมาพูดจาเหลวไหลต่อหน้าฝ่าบาทอี้อ๋อง!”“ใครก็ได้ รีบมาพานางไปเสีย และส่งกลับไปคุมตัวที่ชนบท!”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวออกมาโดยพลัน “ข้าก็อยากเห็นว่าผู้ใดจะกล้า!”นางมองอวิ๋นกานซง ด้วยสายตาเย็นชา “อารอง มิใช่ว่าท่านรู้สึกอับอายจนโกรธ ถึงได้กินปูนร้อนท้องเช่นนี้หรือ?”“ยามนั้นข้ากำลังนอนหลับในห้องอยู่ดี ๆ ก็เกิดไฟไหม้อย่างกะทันหันขึ้นกลางดึก ไม่เพียงแต่ประตูหน้าต่างทั้งหมดถูกลงกลอนปิดสนิทจากภายนอก ทว่ายังมีกลิ่นน้ำมันในกองไฟด้วย”“หากไม่ใช่เพราะมีคนจุดไฟ วางแผนเอาชีวิตข้า เกรงว่าแม้แต่คนโง่ก็คงไม่เชื่อ!”“โชคดีที่สาวใช้ข้างกายข้าในยามนั้นเสี่ยงชีวิตปกป้องข้า นางจึงสามารถช่วยข้าออกมาได้”“ไม่เช่นนั้น เกรงว่าข้าคงถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว”แม้โอวหยางหมิงกับนายท่านผู้เฒ่าหางจะรู้เรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงต้องออกมาร่อนเร่ข้างนอกอยู่แล้ว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 297

    อวิ๋นหลิงจือได้ยินประโยคที่ชิวหมิงต๋าพูดว่า ‘หลังจากถูกโบยหนึ่งร้อยครั้งจะต้องถูกประหาร’ ก็ตัวอ่อนยวบ จนทรุดลงไปนั่งบนพื้น ราวกับก้อนโคลนไม่ว่านางจะเฉลียวฉลาดเพียงใด แต่ก็เป็นเพียงสตรีบอบบางผู้หนึ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอำนาจของราชวงศ์ ก็ถูกทำให้ตกตะลึงโดยพลัน และเต็มไปด้วยความหวาดกลัวภายในใจนางคว้าชายเสื้อของอวิ๋นกานซงทันที และกล่าวทั้งน้ำตาว่า “ท่านพ่อ ข้าไม่อยากตายเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากตาย...”เรื่องพวกนี้แม้จะเป็นฝีมือของนาง แต่นางก็ทำเพื่อพวกเขา และเป็นการทำตามคำสั่งของบิดามารดาพวกเขาไม่อาจปล่อยให้ทั้งสกุลติดร่างแหไปกันหมดได้ทางรอดในตอนนี้ มีเพียงผลักคนผู้หนึ่งออกไปรับโทษขอเพียงคนผู้นั้นรับความผิดทั้งหมดไว้ พวกเขาก็มีความหวังที่จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ความคิดของอวิ๋นหลิงจือหมุนวนอย่างรวดเร็ว ก่อนสายตาจะกวาดไปทางเซี่ยงซื่อผู้เป็นฮูหยินรองอวิ๋น โดยที่ก้นบึ้งในดวงตาเต็มไปด้วยความชั่วร้ายครอบครัวของพวกเขายังต้องการพ่อซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวมาค้ำจุน เขาจะล้มลงไม่ได้เด็ดขาดด้วยเหตุนี้ จึงมีเพียงการทิ้งเซี่ยงซื่อเท่านั้นขอเพียงผ่านพ้นอุปสรรคนี้ไปได้ พ่อในฐานะหมอหลวงก็ได้ส

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 298

    อวิ๋นกานซงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง และไม่อาจทนฟังต่อไปได้อีก“อวิ๋นฝูหลิง เจ้าเลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว!”“ข้าเป็นลูกชายคนรองของท่านแม่ จะไม่ใช่สายเลือดสกุลอวิ๋นได้อย่างไร!”อวิ๋นฝูหลิงแค่นเสียงหัวเราะ “คำพูดนี้ท่านคงจะเอาไว้ให้หลอกคนอื่น และเอาไว้ให้หลอกตัวเองมากที่สุดเหมือนกัน!”“ความจริงในยามนั้นเป็นเช่นไร มิใช่ว่าจะไม่มีผู้ใดรู้”นางยกมือขึ้นชี้ไปทางโอวหยางหมิงกับนายท่านผู้เฒ่าหาง“สองท่านนี้เป็นศิษย์สายตรงของท่านปู่ทวดข้า ทั้งยังเป็นศิษย์พี่ของท่านย่าข้าด้วยพวกเขาจึงย่อมรู้พื้นเพของท่านดีที่สุด!”โอวหยางหมิงเอ่ยโดยพลัน “ศิษย์น้องของข้ามีลูกชายเพียงคนเดียว คือพ่อของอวิ๋นฝูหลิง จะมีลูกชายคนที่สองมาจากที่ใดกัน?”นายท่านผู้เฒ่าหางก็พยักหน้าตาม “ความจริงเป็นเช่นนี้!”อวิ๋นกานซงเห็นว่าตัวตนของตัวเองถูกปฏิเสธ แม้นี่จะเป็นความจริง แต่เขาก็ไม่อาจยอมรับได้เด็ดขาด และยิ่งไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณะได้อีกด้วยไม่เช่นนั้นทุกสิ่งในสกุลอวิ๋น ย่อมล้วนไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเขาอีกเขาอดไม่ได้ที่จะคำรามออกมา “พวกท่านล้วนเป็นพวกเดียวกับอวิ๋นฝูหลิง ย่อมต้องพูดเข้าข้างอวิ๋นฝูหลิงอยู่แล้ว”อวิ๋นฝูหลิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 299

    เมื่อเผชิญหน้ากับเสียงคำรามของอวิ๋นกานซง สีหน้าของอวิ๋นฝูหลิงกลับไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยนางคิดเรื่องนี้มานานแล้วนางย่อมรู้ว่าแม้จะมีคำให้การของอวิ๋นซานหู แต่ก็เป็นเพียงคำให้การฝ่ายเดียว หลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกอวิ๋นกานซงถูกตัดสินโทษได้ทว่าจุดประสงค์ของนางมิใช่เรื่องนี้การถูกขังคุก การเนรเทศ และการตัดศีรษะล้วนยังไม่เพียงพอ หากมีจุดจบเช่นนี้ย่อมง่ายดายเกินไปสำหรับพวกเขานางต้องการทำให้อวิ๋นกานซงสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียง!นางต้องการทำให้เซี่ยงซื่อเป็นทุกข์ และมีชีวิตที่เหลืออย่างน่าเวทนา!นางอยากให้แผนของอวิ๋นหลิงจือสูญเปล่า และไม่สมหวังในสิ่งที่ต้องการ!หลังจากประสบกับความทุกข์ระทมทุกรูปแบบ ก็ตายไปอย่างน่าเวทนาแม้ว่าคำให้การของอวิ๋นซานหูจะไม่สามารถทำให้พวกอวิ๋นกานซงถูกตัดสินโทษโดยตรงได้ แต่กลับสามารถฉีกหน้ากากจอมปลอมของครอบครัวพวกเขาออก และทำลายชื่อเสียงของพวกเขาที่สั่งสมมาหลายปีได้ถึงอย่างไรอวิ๋นซานหูก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของอวิ๋นกานซง คำพูดจากปากของนาง จะเป็นคำโกหกได้อย่างไร?แม้คนทั้งโลกจะสงสัย แต่ก็มีเพียงความสงสัยหนึ่งส่วน และความเชื่ออีกเก้าส่วนเกรงว่าครอบค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 300

    ฉวยโอกาสนี้เปิดเผยตัวตนที่เป็นลูกนอกสมรสของเขา และเรียกเขาว่าคนเนรคุณ ซึ่งนับตั้งแต่นี้ไปชื่อเสียงของเขาย่อมถูกทำลาย ทั้งยังถูกคนด่าทออีกด้วยเป็นเขาที่ประเมินอวิ๋นฝูหลิงต่ำเกินไป!ทรัพย์สินสกุลอวิ๋นมีอยู่ไม่น้อย แค่เงินสินเดิมที่แม่ของอวิ๋นฝูหลิงนำติดตัวมาก็ค่อนข้างมากแล้ว จึงไม่อาจนับได้หมดในเวลาเพียงชั่วครู่ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากทรัพย์สมบัติเหล่านี้ ยังมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นคือสำนักช่วยชีพในเมื่อนางมาเพื่อสะสางบัญชี เช่นนั้นทางด้านสำนักช่วยชีพ ก็ย่อมถูกจัดการด้วยเช่นกันอวิ๋นฝูหลิงลุกขึ้นมากล่าวว่า “ทางด้านนี้เกรงว่าคงต้องใช้เวลาจัดการสักระยะ ทุกคนตามข้ามาเถอะ ยังมีอีกเรื่องที่ต้องตัดการ”กล่าวจบ ก็พูดกับเซียวจิ่งอี้ด้วยว่า “ทิ้งองครักษ์บางส่วนของท่านไว้ที่นี่ คอยเฝ้าคนในจวนจี้ชุนโหวไว้ให้ดี คนในจวนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าออก ทุกคนต้องอยู่ที่เดิม จนกว่าจะตรวจสอบทรัพย์สินเสร็จ”“วางใจเถอะ วันนี้ข้าพาคนมามากพอ ที่จะจัดการล้อมที่นี่ไว้อย่างแน่นหนาได้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ทั้งยังมองไปทางพวกอวิ๋นกานซง และถามว่า “เช่นนั้นควรทำอย่างไรกับพวกเขา?”อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองอวิ๋นกานซง

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status