Share

บทที่ 415

Author: หลันซานอวี่
ถนนชิงหลวนเป็นถนนเส้นที่คึกคักและมีชีวิตชีวาที่สุดในเมืองบูรพา

พระชายาองค์ชายห้ายินดีนำร้านค้าบนถนนชิงหลวนมาลงทุน ก็เห็นได้ถึงความจริงใจแล้ว

เจี่ยงซื่อกล่าวตามว่า “ข้ายินดีจ่ายห้าพันตำลึง”

วั่นซื่อก็กล่าวเช่นกันว่า “ข้าก็จะจ่ายห้าพันตำลึง”

หลังทั้งสองคนพูดจบ พระชายาองค์ชายห้าก็กล่าวอีกว่า “พวกเราจะลงทุนร้านค้ากับเงิน เจ้าใช้สูตรที่ทำก็พอ”

“เรื่องกำไร เจ้าเอาไปสี่ส่วน พวกเราสามคนขอคนละสองส่วน เป็นอย่างไร?”

คิดไม่ถึงว่าหลังจากอวิ๋นฝูหลิงได้ยินกลับส่ายศีรษะ

พระชายาองค์ชายห้าคิดว่านางไม่พอใจเรื่องส่วนแบ่ง ก็คิดว่าตัวเองเสียเปรียบแล้ว และกำลังจะพูด ทว่ากลับคาดไม่ถึงว่าอวิ๋นฝูหลิงจะกล่าวออกมาก่อน

“พวกท่านแบ่งกันเช่นนี้ ตัวเองจะเสียเปรียบเกินไป”

“เอาเช่นนี้เถอะ ร้านของพี่สะใภ้ห้าอยู่บนถนนชิงหลวน คิดว่ามูลค่าย่อมไม่น้อยกว่าห้าพันตำลึง พี่สะใภ้ห้าใช้ร้านนั้นเป็นการลงทุนก็พอ”

“พี่เจี่ยงกับพี่วั่นก็ทำตามที่พวกท่านว่า ออกทุนคนละห้าพันตำลึง”

“ข้าจะลงทุนสองพันตำลึง และจะจัดการเรื่องช่องทางการจัดการสินค้าทั้งหมด ทั้งยังรับรองด้วยว่าทั้งแคว้นต้าฉีจะมีเพียงร้านของพวกเราที่ได้รับสินค้า”

“กำไ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 416

    นางคิดว่าร้านนี้ทำเลและสภาพแวดล้อมดี หากอวิ๋นฝูหลิงชอบ นางก็สามารถเอาร้านนี้มาเป็นทุนได้ร้านค้าของพระชายาองค์ชายห้าไม่ได้อยู่หน้าถนน แต่ต้องเดินเข้าไปช่วงหนึ่งทว่าถนนสายนี้ก็มีความรุ่งเรือง แม้ตำแหน่งร้านค้าของพระชายาองค์ชายห้าจะมิได้ดีที่สุดบนถนนเส้นนี้ แต่ก็ถือว่าดีมากทีเดียวทั้งร้านค้ามีห้าประตู พื้นที่กว้างขวางมากอวิ๋นฝูหลิงเข้ามา ก็เห็นชั้นไม้จำนวนมากตั้งอยู่ในโถงหลักชั้นหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงได้ยินว่าก่อนหน้านี้ที่นี่เป็นร้านค้าผ้า จึงเดาว่าชั้นไม้เหล่านี้คงใช้เพื่อเก็บผ้าร้านค้าน่าจะทำความสะอาดแล้ว จึงสะอาดมากอวิ๋นฝูหลิงเดินจากชั้นหนึ่งไปถึงชั้นสาม ทั้งยังไปดูในสวนด้านหลังคราหนึ่ง ร้านนี้ควรออกแบบตกแต่งอย่างไร ในหัวก็มีความคิดไว้แล้วอวิ๋นฝูหลิงพกดินสอถ่านกับกระดาษติดตัวมาด้วย ตอนนี้จึงหาโต๊ะเก้าอี้ และร่างแบบสองสามภาพออกมาโดยพลันพระชายาองค์ชายห้ามองอวิ๋นฝูหลิงถือสิ่งที่เหมือนถ่านสีดำแท่งหนึ่งในมือ วาดเขียนลงบนกระดาษเพียงขีดเขียนไม่กี่ครั้ง องค์ประกอบภายในร้านค้าก็ปรากฏบนกระดาษ จนอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจเจี่ยงซื่อซึ่งอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นภาพของอวิ๋น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 417

    วั่นซื่อเพิ่งจะเผยสีหน้าตระหนักได้ออกมาในใจอดไม่ได้ที่เลื่อมใสอวิ๋นฝูหลิงเป็นอย่างยิ่งพระชายาอี้อ๋องมีวิธีการหาเงินเช่นนี้ ช่างเก่งกาจจริงๆ!ทั้งสี่คนนั่งพูดคุยกันครู่หนึ่งส่วนใหญ่เป็นอวิ๋นฝูหลิงที่พูด ขณะที่พวกพระชายาองค์ชายห้าฟัง โดยที่บางครั้งก็เสริมความเห็นของพวกนางบ้างเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่าย อวิ๋นฝูหลิงก็ตัดสินใจเรื่องการตกแต่งร้านค้า ทั้งยังวาดแบบร่างเสร็จแล้วด้วยเรื่องการตกแต่ง อวิ๋นฝูหลิงไม่มีเวลามาคอยดูด้วยตัวเองพวกพระชายาองค์ชายห้าทั้งสามคนจึงรับหน้าที่นี้ไปหลังจากเสร็จธุระ ทั้งสี่คนก็หาร้านอาหารใกล้ ๆ เพื่อกินข้าวด้วยกัน ทั้งยังนับว่าเป็นการฉลองการร่วมมือกันทำการค้าของพวกนางด้วยหลังมื้ออาหาร ทั้งสี่คนก็กลับไปที่จวนของตนหลังจากอวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจวนอี้อ๋อง ก็เพิ่งนึกได้ว่าต้องส่งเหยากวงไปทางฝั่งโรงงานสบู่พรุ่งนี้สักคราหนึ่ง เพื่อให้สวี่ตงเตรียมพวกสบู่หอมและครีมบำรุงผิวกายไว้ห้าสิบชิ้น และส่งไปที่จวนองค์ชายห้าพวกสบู่หอมห้าสิบชิ้นนี้ เป็นของที่ให้พระชายาองค์ชายห้านำไปประชาสัมพันธ์ในแวดวงของสตรีสูงศักดิ์พระชายาองค์ชายห้าถนัดเรื่องร่ายรำด้วยแขนเสื้อยาว แล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 418

    “สกุลอวิ๋นหมายความว่าอย่างไรกัน?”“การประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ในครั้งนี้ยังจะจัดอยู่หรือไม่?”“ได้ยินว่าการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยคุณหนูใหญ่สกุลอวิ๋น”“แค่เด็กสาวคนเดียว จะรับหน้าที่สำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร?”“การประชุมใหญ่แวดวงแพทย์เป็นประเพณีซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่รุ่นนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋น วันนี้ไม่ใช่ว่าจะถูกทำลายด้วยมือของเด็กสาวผู้นั้นหรือ?”ขณะที่ทุกคนพูดคุยซุบซิบกันอย่างสนุกปาก ทันใดนั้นประตูใหญ่ของอวิ๋นเทียนย่วนก็ถูกคนเปิดออกมาจากด้านในอย่างกะทันหันอวิ๋นฝูหลิงสวมชุดสีม่วงอ่อน มีเครื่องประดับไข่มุกหลายชิ้นอยู่บนศีรษะ ทั้งตัวนางดูสง่างามและสูงศักดิ์เหยากวงถือดาบในมือ ยืนสงบอยู่ด้านข้าง อยู่ในท่าทางปกป้องเงียบ ๆโอวหยางหมิงพาทั้งเด็กและผู้อาวุโสของสกุลโอวหยางมา ขณะที่นายท่านผู้เฒ่าหางพาทุกคนในสกุลหางมา ทั้งยังมีพวกสวินเส้าคังและลูกศิษย์สกุลอวิ๋นทุกคน ซึ่งต่างยืนอยู่ด้านหลังอวิ๋นฝูหลิงกวาดตามองแล้ว ก็พบกับผู้คนจำนวนมากนอกประตูอวิ๋นเทียนย่วน ฝูงชนที่เดิมทียังส่งเสียงเจื้อยแจ้ว เงียบลงโดยพลันเห็นพวกโอวหยางหมิงซึ่งต่างยืนอยู่ด้านหลังอวิ๋นฝูหลิง ด้วยท่าทางสนับสนุน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 419

    อวิ๋นฝูหลิงมองไปทางทุกคนรอบหนึ่ง และเอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ “ปู่ทวดของข้าสร้างการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ขึ้นมา เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นของเหล่าสหายร่วมวงการ และพัฒนาทักษะแพทย์”“แรกเริ่มก็เชิญเพียงสหายสนิทซึ่งมีแนวคิดเหมือนกัน มาวินิจฉัยโรค และดูการจ่ายยาเท่านั้น”“พัฒนามาถึงยามนี้ เหมือนต้นกล้าเล็ก ๆ ต้นหนึ่ง ซึ่งเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า ในวงการแพทย์เต็มไปด้วยคนมีความสามารถ ซึ่งเหนือกว่าแรกเริ่มมาก”“ข้าคือผู้สืบทอดสกุลอวิ๋น ไม่กล้าลืมความปรารถนาของบรรพบุรุษ”“ยามนี้ในอวิ๋นเทียนย่วนได้มีการจัดตั้งหอเก็บตำราแห่งหนึ่งขึ้น ในหอเก็บตำรามีตำราแพทย์ทุกชนิดซึ่งสกุลอวิ๋นของข้าได้รวบรวมไว้ ทั้งยังมีการตรวจชีพจรและใบสั่งยาที่ท่านปู่ทวดกับท่านพ่อของข้าเคยเขียนด้วย”“ระหว่างการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นสถานะทางสังคม จะเป็นชายหญิงเด็กหรือคนแก่ ขอเพียงมีความสนใจด้านการแพทย์ ทุกคนย่อมเข้ามาอ่านได้!”เมื่ออวิ๋นฝูหลิงพูดเช่นนี้ ทุกคนก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งตำราแพทย์ของสกุลอวิ๋น ถือเป็นสมบัติล้ำค่าหาใดเปรียบในวงการแพทย์มีคนมากมายที่อยากเห็นแต่กลับไม่ได้เห็นสกุลอวิ๋นมีความสามารถมากพอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 420

    มีสกุลแพทย์ตั้งกี่มากน้อยที่อาศัยเพียงสูตรหนึ่งหรือสองใบ เพื่อดำรงชีวิตไม่ว่าสกุลไหนก็เอาทักษะแพทย์และสูตรลับของสกุลเก็บไว้เป็นความลับ ไม่ให้คนนอกเห็นง่าย ๆอวิ๋นฝูหลิงกลับตรงกันข้าม ต้องการนำตำราแพทย์มาจัดแสดงเพื่อให้คนนอกได้อ่านตามใจถ้ามิได้เสียสติแล้วจะเป็นสิ่งใดได้?จนกระทั่งยามนี้ พวกโอวหยางหมิงจึงเพิ่งจะตระหนักได้ถึงการมองการณ์ไกลและความใจกว้างของอวิ๋นฝูหลิงอวิ่นฝูหลิงนำตำราแพทย์ออกมา ซึ่งเป็นผลประโยชน์มากพอที่จะดึงดูดความสนใจของแพทย์ ใครจะยังกล้ามาตั้งคำถามถึงสถานะของอวิ๋นฝูหลิงได้อีก?ยิ่งไปกว่านั้นหากได้อ่านตำราแพทย์ของสกุลอวิ๋น พูดในด้านของความรู้สึก คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ได้รับความสัมพันธ์ของสกุลอวิ๋น ทั้งยังได้รับการสั่งสอนของสกุลอวิ๋น และถือว่าเป็นลูกศิษย์ของสกุลอวิ๋นไปครึ่งตัวแล้วด้วยหลังจากนี้หากผู้ใดพูดไม่ดีต่ออวิ๋นฝูหลิง หรือพูดไม่ดีต่อสกุลอวิ๋น ย่อมไม่ต้องให้คนสกุลอวิ๋นออกหน้า คนรอบข้างก็สามารถถ่มน้ำลายคนละคำพูดใส่เขาจนตายได้แล้วเมื่อได้รับบุญคุณจากสกุลอวิ๋น กลับยังมาด่าทอสกุลอวิ๋น นี่มิใช่ว่าเป็นการเนรคุณหรือ?ยิ่งไปกว่านั้นตำราแพทย์ที่นำออกมาก็เป็นเพียง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 421

    อวิ๋นฝูหลิงหยิบตำราแพทย์ของสกุลอวิ๋นออกมา ทำให้กลุ่มคนที่เดิมทีอยากก่อเรื่องในการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ต้องเงียบกริบภายในชั่วพริบตาท่านหมอทั่วทั้งใต้หล้าล้วนไม่มีใครไม่อยากฉวยโอกาสนี้ เข้าไปหอตำราของสกุลอวิ๋นเพื่อชื่นชมให้เป็นบุญตาสักครั้งหากพัฒนาฝีมือการแพทย์ของตนให้รุดหน้า หรือได้ศึกษาตำรายาสักสองสามอย่างได้ ไม่เพียงแต่ตนเองเท่านั้น กระทั่งวงศ์ตระกูลก็ยังได้รับผลประโยชน์ใหญ่หลวงไปด้วยแม้อวิ๋นฝูหลิงจะแจ้งไว้เป็นที่ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่า ตำราแพทย์ในหอตำราไม่อาจคัดลอกได้ แต่พวกเขาใช้สมองจดจำไว้ได้นี่นายิ่งไม่ต้องกล่าวถึงคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเลย แค่ได้เห็นผ่านตาก็ไม่มีวันลืมเลือนแล้วในช่วงเวลาเช่นนี้ หากมีใครอยากจะก่อเรื่อง แล้วเกิดไปยั่วโทสะของอวิ๋นฝูหลิง จนถึงกับปิดหอตำรา ทำให้กระทบต่อผลประโยชน์ของคนอื่น ๆ ในแวดวงแพทย์แล้ว ทุกคนต้องมีน้ำโหอย่างแน่นอนดังนั้นเหล่าตระกูลที่ต้องการจ้องจับผิดอวิ๋นฝูหลิง ลากให้สกุลอวิ๋นร่วงหล่นลงจากตำแหน่งผู้นำแวดวงแพทย์ แล้วเหยียบย่ำสกุลอวิ๋นไว้ ไม่เป็นแต่ไม่อาจลากสกุลอวิ๋นลงมาจากบัลลังก์ได้ แต่กลับทำได้แต่กะพริบตามองอวิ๋นฝูหลิงเสริมชื่อเสียงส

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 422

    “คุณหนูใหญ่ สกุลเซี่ยไม่ได้มาจริง ๆ ด้วยขอรับ!”อวิ๋นฝูหลิงเลิกคิ้ว ลอบคิดในใจว่าน่าสนใจสกุลเซี่ยถือดีว่ายาสมุนไพรของตนเองขายได้แน่นอน ไม่จำเป็นต้องมาคบค้าสมาคมทำการค้าถึงการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์อย่างนั้นสิ?หรือว่าไม่เห็นสกุลอวิ๋นอยู่ในสายตา และยิ่งไม่เห็นอวิ๋นฝูหลิงทายาทของสกุลอวิ๋นผู้นี้อยู่ในสายตาสินะ?นึกถึงตอนนั้นที่สกุลอวิ๋นประคับประคองสกุลเซี่ย สอนวิธีปลูกสมุนไพรแก่พวกเขา ทว่าเพียงสกุลเซี่ยหันหน้าไปทางอื่นก็ทำเป็นไม่รู้จักกันเสียแล้ว ขุดรากถอนโคนกำลังคนในสวนสมุนไพรไปสร้างกิจการเองต่างหากคนอกตัญญู กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาเช่นนั้น ไม่คิดเลยว่าจะเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ สวรรค์ช่างไม่มีตาเอาเสียเลยครั้นอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงบุญคุณความแค้นระหว่างเซี่ยกับอวิ๋นสองสกุลแล้ว พลันหัวเราะเสียงเย็นเยียบออกมา “ในเมื่อสกุลเซี่ยดูแคลน เช่นนั้นการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ในภายภาคหน้าก็ไม่จำเป็นต้องส่งเทียบเชิญไปให้สกุลเซี่ยอีก!”ในเมื่อสกุลเซี่ยไม่ไว้หน้ากัน กล้าวางมาต่อหน้านาง เช่นนั้นก็อย่ามาโทษนางแล้วกันว่าตัดทางหนีทีไล่ของพวกเขาสกุลเซี่ยกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานเช่นนี้ สิ่งที่พวกเขาพึ่งพามิใช่ว่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 423

    นายท่านอู๋ปรบมือดังฉาด กล่าวเห็นด้วย “เป็นเช่นที่ว่านี้เลย!”อวิ๋นฝูหลิงฟังความนัยระหว่างที่พวกเขาพูดไปพูดมานี้ ดูเหมือนว่าหลัก ๆ จะอยู่ที่เรื่องยา จึงอดคาดเดาอยู่ในใจไม่ได้หนึ่งเค่อถัดมา ก็ได้ยินนายท่านเจิ้งถอนหายใจออกมาเบาแล้วกล่าวว่า “พวกเราเปิดโรงหมอรักษาคน จะขาดยาได้ที่ไหนกัน?”“หากไม่มียา จะไปจัดยารักษาโรคให้คนไข้ได้อย่างไร?”“น่าชังที่สกุลเซี่ยเป็นคนกลางในแวดวงแพทย์ ไม่นึกเลยว่าจะขึ้นราคายาไปถึงสองเท่า!”“หากไม่เห็นด้วย ก็ต้องยุติความร่วมมือ!”นายท่านประจำร้านค้ายาที่เหลือก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน มีความไม่พอใจเจือในน้ำเสียงอยู่หลายส่วน“สกุลเซี่ยอาศัยว่าพวกเขามีเคล็ดลับในการปลูกสมุนไพรต่างหาก!”“หาดูทั่วทั้งต้าฉีแล้ว ก็มีแต่สมุนไพรของสกุลเซี่ยนี่แหละที่มีหลากหลายชนิด ทั้งยังมีจำนวนมาก”“เดิมทีราคายาก็สูงมากอยู่แล้ว ประชาราษฎร์เจ็บไข้ได้ป่วยตั้งมากมายเพียงไร แต่เพราะราคายาสูงลิ่วจึงไม่อาจจัดหยูกจัดยาได้ ก็ได้แต่กัดฟันฝืนทนกันไป” “หากราคายายังสูงขึ้นอีกเรื่อย ๆ เช่นนี้...”การที่จะเป็นผู้ดูแลในร้านค้ายาได้นั้น เจ้าตัวจะต้องชัดแจ้งในหลักการแพทย์ ถึงขั้นที่เจ้าตัวจักต้องเ

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status