แชร์

บทที่ 583

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
ทันใดนั้นเองมือข้างหนึ่งก็ยื่นมาจากด้านข้าง ออกแรงดึงฟางอวี่ไว้

“อาอวี่ เจ้าเด็กนี่อย่างกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง ไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่?”

ฟางอวี่เงยหน้า ยิ้มขอบคุณชายวัยกลางคนตรงหน้า และกล่าวว่า “ลุงหลี่ ข้าไม่เป็นไร”

ลุงหลี่กับฟางอวี่รู้จักกันบนเกาะหมัวกุ่ย ไม่กี่ปีมานี้ก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จึงมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาก

ก่อนหน้านี้ยามที่เกิดความวุ่นวายบนเกาะ ฟางอวี่ฉวยโอกาสหลบหนีออกไป ลุงหลี่ไม่รู้ว่าเขาหนีออกไปสำเร็จจริง ๆ หรือถูกฝังร่างอยู่ในทะเลไปแล้ว จึงเป็นห่วงเขามาโดยตลอด

ดังนั้นยามที่เห็นฟางอวี่กลับมาเกาะหมัวกุ่ยอีกครั้ง ในใจลุงหลี่ก็ทั้งดีใจทั้งกังวล

เพียงแต่ก่อนหน้านี้ยุ่งมาก และฟางอวี่ยังติดตามขุนนางมาที่เกาะ ที่ผ่านมาลุงหลี่จึงหาโอกาสคุยกับฟางอวี่ไม่ได้

ตอนนี้เมื่อได้พบหน้ากัน ลุงหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ตอนแรกเจ้าหนีออกไปแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงกลับมาที่เกาะหมัวกุ่ยกับคนพวกนั้นอีกเล่า?”

ฟางอวี่เล่าเรื่องที่ตัวเองประสบหลังหลบหนีออกไปจากเกาะหมัวกุ่ย

ยามนั้นเขาพบกระแสน้ำวนในทะเล สหายที่หลบหนีออกจากเกาะหมัวกุ่ยด้วยกันล้วนถูกฝังอยู่ในทะเล มีเพียงเขาที่แม้จะเกือบเอาช
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 584

    เขารู้ว่าพวกสหายที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ในใจก็วิตกกังวลเหมือนเขาดังนั้นทันทีที่ลุงหลี่หลับมาถึงกระท่อม ก็มีสหายตรงเข้ามาหาการพูดคุยของลุงหลี่กับฟางอวี่เมื่อครู่ มีคนเห็นไม่น้อยดังนั้นยามนี้จึงมีคนเข้ามาสอบถามข่าวคราวคนที่เข้ามา หลังจากลุงหลี่กระซิบไปไม่กี่ประโยค ก็จากไปอย่างพึงพอใจแทบทุกคนที่เข้ามาถามไถ่ ล้วนเริ่มด้วยคำว่า “ข้าจะบอกเจ้า แต่เจ้าอย่าเอาไปบอกคนอื่นเชียว” ก่อนจะปิดท้ายอีกครั้งว่า “เรื่องนี้ข้าจะไม่บอกคนอื่นเด็ดขาด”อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นความลับยิ่งใหญ่เพียงใด แต่หากพูดออกไปแล้ว ก็จะไม่ใช่ความลับอีกต่อไปดังนั้นเรื่องที่มีอ๋องท่านหนึ่งอยู่บนเกาะหมัวกุ่ย จึงแพร่กระจายจากหนึ่งไปสิบ จากสิบไปร้อย ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ จนแพร่ไปสู่กลุ่มคนงานทุกคนทว่าทุกคนต่างก็แอบแพร่กระจายข่าวอย่างลับ ๆ ไม่มีผู้ใดทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตแม้จะเป็นเช่นนี้ สถานะท่านอ๋องของเซียวจิ่งอี้ กลับทำให้คนเหล่านี้รู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังทำให้ความเชื่อใจที่พวกเขามีต่อเซียวจิ่งอี้เพิ่มสูงขึ้นมากนี่คือสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงอยากเห็นตราบใดที่คนเหล่านี้มีความเชื่อใจต่อเซ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 585

    อวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนความคิด และถามว่า “เช่นนั้นพวกเราจะออกเดินทางเมื่อไร?”ก่อนออกเดินทาง นางยังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องทำ“ข้ามาเพราะมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้า หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว พวกเราจะออกจากเกาะหมัวกุ่ย”อวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ส่งเสียง และรอให้เซียวจิ่งอี้พูดต่อเซียวจิ่งอี้หยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนบนเกาะเริ่มเพิ่มจำนวนการผลิตขี้ผึ้งเทพเซียนมากขึ้น ขี้ผึ้งเทพเซียนที่ผลิตครั้งนี้ เป็นปริมาณการซื้อขายที่มากกว่าครั้งก่อนสามเท่า”“ข้ากับจั่วเยี่ยนไต่สวนพวกผู้นำแล้ว จากที่พวกเขาสารภาพ ราชครูผู้นั้นเป็นคนส่งข่าวมาว่า ให้พวกเขาทำเช่นนี้”“หากขี้ผึ้งเทพเซียนจำนวนมากขนาดนี้ แพร่กระจายเข้าสู่ตลาด ผลที่ตามมาย่อมอันตรายอย่างยิ่งยวด”“พรุ่งนี้เป็นวันที่พ่อค้าชาวญี่ปุ่นที่พวกเขาร่วมมือด้วยจะมารับสินค้า”“ข้ากับจั่วเยี่ยนหารือกันแล้ว จึงวางแผนจะหลอกพ่อค้าชาวญี่ปุ่นเหล่านั้นให้ขึ้นมาบนเกาะก่อน จากนั้นฉวยจังหวะที่พวกพ่อค้าชาวญี่ปุ่นเหล่านั้นไม่ทันตั้งตัว จัดการพวกเขาในคราวเดียว!”อวิ๋นฝูหลิงได้ยิน ก็เข้าใจแผนของเซียวจิ่งอี้นางปรบมือพลางกล่าวว่า “ท่านจะใช้กลยุท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 586

    ถึงอย่างไรเหมืองทอง เหมืองเงิน เหมืองทองแดง และเหมืองเหล็กที่นางเคยได้ยินก่อนหน้านี้ ก็ล้วนมีค่ามากยิ่งไปกว่านั้นอวิ๋นฝูหลิงยังเก็บหินกำมะถันพวกนี้มาด้วย ราวกับของล้ำค่ายิ่ง สิ่งนี้ต้องมีค่ามากเป็นแน่ดวงตาทั้งสองข้างของนางเป็นประกาย “พระชายา ข้าจะพาคนไปหาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”อวิ๋นฝูหลิงยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้เหยากวงไม่ต้องรีบร้อนนางมองไปทางเซียวจิ่งอี้ และถามว่า “หากบนเกาะมีเหมืองกำมะถันอยู่จริง ข้าสามารถขุดได้ตามใจหรือไม่? หินกำมะถันที่ขุดออกมาทั้งหมดจะเป็นของข้าหรือไม่?”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เขตทะเลทั้งหมดที่เกาะหมัวกุ่ยไม่มีเจ้าของ ตราบใดที่มีความสามารถในเอาไปได้ มันย่อมเป็นของคนที่พบเจอ!”อวิ๋นฝูหลิงได้ยิน จิตใจก็สงบลงโดยพลัน“ครั้งนี้เจอสมบัติเข้าแล้วจริง ๆ การเดินทางครั้งนี้ทำเงินได้มากทีเดียว!”เซียวจิ่งอี้รู้ว่ากำมะถันสามารถใช้เป็นยาและทำยาลูกกลอนได้ทว่าฮ่องเต้ในอดีตของแคว้นต้าฉี ต่างไม่ชื่นชอบยาลูกกลอน ดังนั้นการกินยาลูกกลอนจึงไม่เป็นที่นิยม กำมะถันในท้องตลาดส่วนมากก็ไหลเวียนผ่านร้านขายยาเซียวจิ่งอี้คิดว่าอวิ๋นฝูหลิงต้องการกำมะถัน เพื่อใช้ในการเป็นวัตถุ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 587

    ทางด้านอวิ๋นฝูหลิงพาคนบนเกาะหมัวกุ่ยไปหากำมะถัน ทางฝั่งเซียวจิ่งอี้พาคนไปซุ่มโจมตีตรงทางเข้าเกาะ หลังจากรออยู่นาน ในที่สุดบนท้องทะเลก็มีการเคลื่อนไหวเห็นเพียงเรือใหญ่สองลำค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาช้า ๆ บนทะเล มุ่งตรงใกล้มาทางเกาะหมัวกุ่ยเรื่อย ๆพานชางอี้ลอบกลืนน้ำลาย ถูมือ ข่มกลั้นความตึงเครียดและความหวาดกลัวในก้นบึ้งหัวใจความรู้สึกราวกับถูกแมลงนับพันกัดแทะหัวใจยามที่ยาพิษออกฤทธิ์เมื่อคืน ความรู้สึกที่อยู่ไม่สู้ตาย เขาไม่อยากประสบอีกครั้งแล้วขอเพียงทำตามที่คนผู้นั้นบอก หลอกพวกพ่อค้าชาวญี่ปุ่นขึ้นไปบนเกาะได้ หน้าที่ของเขาก็เสร็จสิ้น ถึงตอนนั้นก็จะได้รับยาถอนพิษเมื่อก่อนเรื่องการต้อนรับเหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่น ก็เป็นหน้าที่ของเขาวันนี้ตราบใดที่เขาทำเหมือนปกติ ไม่หลุดพิรุธ ทำให้เหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่นขึ้นเกาะโดยไม่สงสัย ก็นับว่าหน้าที่เสร็จสิ้นแล้วคิดมาถึงตรงนี้ พานชางอี้ก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ จึงสงบใจลงได้หลายส่วนเมื่อเห็นเรือใหญ่ทอดสมอตรงชายฝั่ง พานชางอี้ก็สบตากับคนทางด้านซ้ายด้านขวา และพาคนไปต้อนรับทันทีคนเหล่านี้ล้วนกินยาพิษเข้าไปเมื่อคืนหลังผ่านความทรมานยามที่ยาพิษออกฤทธิ์ ยาม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 588

    หลังจากได้ยินคำพูดของเซียวจิ่งอี้ ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ ในใจทั้งรู้สึกแปลกใจทั้งสงสัยอย่างไรก็ตามไม่รอให้เขาได้เอ่ยปาก ก็มีคนของหน่วยกระบี่เงามาปิดปากเขา และพาตัวไปไต่สวนคนที่ขึ้นเกาะมากับโยชิดะ ล้วนถูกเซียวจิ่งอี้พาตัวไปโดยไม่มีข้อยกเว้นส่วนคนอื่นที่คอยคุ้มกันเรืออยู่ ก็ถูกจั่วเยี่ยนพาคนขึ้นเรือไปจับตัวไว้ทั้งหมดเมื่อจั่วเยี่ยนส่งคนมาแจ้งข่าว บอกว่าคนญี่ปุ่นเหล่านั้นไม่มีตกหล่นไปแม้แต่คนเดียว ถูกจับตัวไว้ทั้งหมดแล้ว เซียวจิ่งอี้จึงเพิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอกพานชางอี้ที่อยู่ด้านข้างได้ยินว่าเหล่าพ่อค้าชาวญี่ปุ่นถูกจับตัวไว้ทั้งหมดแล้ว ก็ก้าวมาข้างหน้าอย่างใจกล้า กล่าวว่า “ใต้เท้า เรื่องที่ท่านสั่งพวกข้าน้อยล้วนทำสำเร็จลุล่วงแล้ว ยามนี้เหล่าคนญี่ปุ่นถูกจับตัวไว้หมดแล้ว เรื่องยาถอนพิษที่ท่านรับปากไว้ก่อนหน้านี้...”เดิมทีเซียวจิ่งอี้ก็ไม่คิดจะผิดคำพูดเรื่องนี้อยู่แล้วหากเขาคิดจะลงโทษคนพวกนี้ ก็มีวิธีอีกมากยิ่งไปกว่านั้นหากปล่อยคนเหล่านี้ไว้ บางทีอาจมีประโยชน์อยู่บ้างเขาให้ยาถอนพิษพานชางอี้โดยไม่พูดอะไรพานชางอี้เห็นเซียวจิ่งอี้รักษาคำพูด ก็ถือยาถอนพิษไว้ ด้วยสีหน้าร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 589

    หลังจากจ้าวเสวียซือได้ยินการวิเคราะห์ของเซียวจิ่งอี้ ก็เข้าใจโดยพลัน“คนแคว้นเยว่เจ้าเล่ห์จริงๆ!”ก่อนหน้านี้ยามที่พวกเขาสืบสวนคดีขี้ผึ้งทอง ก็สืบพบว่าขุนนางน้อยใหญ่ของแคว้นจินโจว เกือบครึ่งล้วนยุ่งเกี่ยวกับขี้ผึ้งทองแม้แต่ทางด้านกองทหารรักษาการณ์ของจินโจว ก็ยังมีผู้นำทัพที่ดูดขี้ผึ้งทองเช่นกันยามนั้นพวกเขายังไม่ทันได้จัดการเรื่องนี้ เซียวจิ่งอี้ก็หายตัวไปขณะที่สะกดรอยตามพ่อค้าชาวญี่ปุ่นด้วยเหตุนี้ความสนใจหลังจากนั้นของพวกเขา จึงหันเหมาอยู่ที่การค้นหาร่องรอยของเซียวจิ่งอี้ทั้งหมดยามนี้เมื่อจ้าวเสวียซือหวนนึกขึ้นมาได้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นยะเยือกยามนี้ก็จินโจว เริ่มจากเมืองสู่แคว้น หากขุนนางระดับสูงล้วนติดสารเสพติดอย่างขี้ผึ้งทอง เมื่อการเสพติดออกฤทธิ์แล้ว คนแคว้นเยว่ที่ครอบครองขี้ผึ้งทอง ย่อมมีตัวตนราวกับเป็นเทพถึงครานั้นไม่ว่าคนแคว้นเยว่ต้องการทำอันใด ผู้ที่ติดสารเสพติดย่อมล้วนทำตามโดยไม่มีเงื่อนไขเช่นนั้นหากชาวแคว้นเยว่คิดจะโค่นล้มแคว้นต้าฉี และก่อตั้งแคว้นเยว่ขึ้นมาใหม่ มิใช่ว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ หรือ?จ้าวเสวียซือรู้ว่าอาการยามที่ติดยาเสพติดเป็นอย่างไร ยามนั้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 590

    พวกเขาไม่มีเครื่องมือ จึงขุดเหมืองกำมะถันไม่ได้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมหรือแสงแดดตามธรรมชาติหรือไม่ บริเวณโดยรอบของเหมืองกำมะถันจึงมีหินกำมะถันกระจายตัวอยู่จำนวนมากอวิ๋นฝูหลิงวางแผนว่าวันนี้จะเก็บหินกำมะถันเหล่านี้ไปให้หมดก่อน เมื่อกลับไปรวบรวมคนกับเครื่องมือแล้ว ค่อยเริ่มขุดเหมืองกำมะถันแห่งนี้การเก็บครั้งนี้ พวกเขาเก็บจนพระอาทิตย์ตกอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าเริ่มมืดแล้ว จึงเพิ่งเรียกทุกคนกลับพวกลูกพี่อู๋ล้วนถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก เพื่อทำเป็นกระเป๋าใส่หินกำมะถันที่เก็บมากลุ่มคนถือถุงหนัก ๆ ที่ทำจากเสื้อตัวนอก เดินกลับไปยามที่พระอาทิตย์ตกดินเมื่ออวิ๋นฝูหลิงกลับมาที่ห้อง ก็พบว่าเซียวจิ่งอี้กลับมาแล้วเขากำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ถือพู่กันเขียนบางสิ่งอยู่เซียวจิ่งอี้ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็เงยหน้ามองไปทางอวิ๋นฝูหลิงเขาวางพู่กันในมือลง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กลับมาแล้วหรือ วันนี้เก็บสิ่งใดได้บ้างหรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แสดงสัญญาณให้พวกเหยากวงถือสัมภาระเข้ามาในห้องอวิ๋นฝูหลิงคลายเชือกที่มัดสัมภาระไว้ และหยิบหินกำมะถันออกมาเขย่าไปทางเซียวจิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 591

    เซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงรู้ซึ้งถึงจุดนี้ดี ดังนั้นจึงเข้าใจกันโดยปริยายว่าจะไม่พูดถึงเรื่องที่โจรสลัดกลุ่มนั้นจัดแจงให้ไปขุดแร่กำมะถันในเมื่อกำหนดวันออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว อวิ๋นฝูหลิงจึงฉวยโอกาสก่อนที่จะไปจากที่นี่ รีบเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนเกาะหมัวกุ่ยแห่งนี้สิ่งแรกที่จะต้องจัดการก็คือทุ่งดอกอิงซู่ผืนใหญ่ผืนนั้นบนเกาะหมัวกุ่ยอวิ๋นฝูหลิงหาไหดินเผามาจำนวนหนึ่งมาได้ นำคนไปขุดย้ายมาบางส่วน ซึ่งส่วนนี้จะนำกลับไปที่เมืองหลวงอย่างเปิดเผย เพื่อทำการศึกษา ยามขุดย้าย นางอาศัยจังหวะที่คนอื่นไม่ทันสังเกต แอบลูบแล้วหยิบใส่เข้าในมิติไปไม่น้อยมีของพวกนี้เก็บไว้ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ หากต่อไปคิดจะปลูกต้นอิงซู่มากน้อยเท่าไรก็ปลูกได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีดอกอิงซู่มาปรุงยาไม่พอดอกอิงซู่ที่เหลือในทุ่งนั้น ไม่มีเวลาให้ขุดไปได้ทั้งหมด อวิ๋นฝูหลิงจึงให้คนเผาทิ้งทั้งหมดไม่เพียงคอยอยู่ดูคนเผาเท่านั้น หลังเผาเสร็จแล้วยังตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งวันข้างหน้าจะได้ไม่มีคนใช้ทุ่งดอกอิงซู่แห่งนี้มาทำเรื่องชั่วช้าอีกหลังจัดการเรื่องทุ่งดอกอิงซู่แล้วเสร็จ อวิ๋นฝูหลิงจึงคว้าอีเต้อน้อยเล่

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status