Share

บทที่ 590

Author: หลันซานอวี่
พวกเขาไม่มีเครื่องมือ จึงขุดเหมืองกำมะถันไม่ได้

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมหรือแสงแดดตามธรรมชาติหรือไม่ บริเวณโดยรอบของเหมืองกำมะถันจึงมีหินกำมะถันกระจายตัวอยู่จำนวนมาก

อวิ๋นฝูหลิงวางแผนว่าวันนี้จะเก็บหินกำมะถันเหล่านี้ไปให้หมดก่อน เมื่อกลับไปรวบรวมคนกับเครื่องมือแล้ว ค่อยเริ่มขุดเหมืองกำมะถันแห่งนี้

การเก็บครั้งนี้ พวกเขาเก็บจนพระอาทิตย์ตก

อวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าเริ่มมืดแล้ว จึงเพิ่งเรียกทุกคนกลับ

พวกลูกพี่อู๋ล้วนถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก เพื่อทำเป็นกระเป๋าใส่หินกำมะถันที่เก็บมา

กลุ่มคนถือถุงหนัก ๆ ที่ทำจากเสื้อตัวนอก เดินกลับไปยามที่พระอาทิตย์ตกดิน

เมื่ออวิ๋นฝูหลิงกลับมาที่ห้อง ก็พบว่าเซียวจิ่งอี้กลับมาแล้ว

เขากำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ถือพู่กันเขียนบางสิ่งอยู่

เซียวจิ่งอี้ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็เงยหน้ามองไปทางอวิ๋นฝูหลิง

เขาวางพู่กันในมือลง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กลับมาแล้วหรือ วันนี้เก็บสิ่งใดได้บ้างหรือไม่?”

อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แสดงสัญญาณให้พวกเหยากวงถือสัมภาระเข้ามาในห้อง

อวิ๋นฝูหลิงคลายเชือกที่มัดสัมภาระไว้ และหยิบหินกำมะถันออกมาเขย่าไปทางเซียวจิ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 591

    เซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงรู้ซึ้งถึงจุดนี้ดี ดังนั้นจึงเข้าใจกันโดยปริยายว่าจะไม่พูดถึงเรื่องที่โจรสลัดกลุ่มนั้นจัดแจงให้ไปขุดแร่กำมะถันในเมื่อกำหนดวันออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว อวิ๋นฝูหลิงจึงฉวยโอกาสก่อนที่จะไปจากที่นี่ รีบเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนเกาะหมัวกุ่ยแห่งนี้สิ่งแรกที่จะต้องจัดการก็คือทุ่งดอกอิงซู่ผืนใหญ่ผืนนั้นบนเกาะหมัวกุ่ยอวิ๋นฝูหลิงหาไหดินเผามาจำนวนหนึ่งมาได้ นำคนไปขุดย้ายมาบางส่วน ซึ่งส่วนนี้จะนำกลับไปที่เมืองหลวงอย่างเปิดเผย เพื่อทำการศึกษา ยามขุดย้าย นางอาศัยจังหวะที่คนอื่นไม่ทันสังเกต แอบลูบแล้วหยิบใส่เข้าในมิติไปไม่น้อยมีของพวกนี้เก็บไว้ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ หากต่อไปคิดจะปลูกต้นอิงซู่มากน้อยเท่าไรก็ปลูกได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีดอกอิงซู่มาปรุงยาไม่พอดอกอิงซู่ที่เหลือในทุ่งนั้น ไม่มีเวลาให้ขุดไปได้ทั้งหมด อวิ๋นฝูหลิงจึงให้คนเผาทิ้งทั้งหมดไม่เพียงคอยอยู่ดูคนเผาเท่านั้น หลังเผาเสร็จแล้วยังตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งวันข้างหน้าจะได้ไม่มีคนใช้ทุ่งดอกอิงซู่แห่งนี้มาทำเรื่องชั่วช้าอีกหลังจัดการเรื่องทุ่งดอกอิงซู่แล้วเสร็จ อวิ๋นฝูหลิงจึงคว้าอีเต้อน้อยเล่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 592

    ช่วงเวลาที่นางจากไปนี้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางเมืองหลวงจะเป็นเช่นไรบ้างพวกท่านลุงหลินกับท่านปู่โอวหยาง จะศึกษาเทียบยาที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าของเดิมออกมาได้ไหม?อวิ๋นฝูหลิงลองนับวันดูแล้ว เกรงว่าคงจะควบคุมเรือนเสินเซียนในเมืองหลวงไม่อยู่เสียแล้วเรื่องขี้ผึ้งเทพเซียน เกินกว่าครึ่งล้วนปิดบังไม่มิด ในเมืองหลวงใกล้จะปะทุออกมาแล้วครั้นนึกถึงเรื่องพวกนี้ อวิ๋นฝูหลิงถึงกับลอบถอนหายใจโชคดีที่ในเมืองหลวงมีฮ่องเต้จิ่งผิงคอยดูแลความสงบด้วยองค์เองอยู่ มาตรแม้นว่าจะเกิดความวุ่นวายไปบ้าง แต่ก็มิได้เกิดเรื่องใหญ่โตอันใดยิ่งไปกว่านั้น ทางเมืองหลวงก็พบเรื่องขี้ผึ้งเทพเซียนค่อนข้างเร็ว มีเทียบยาที่นางทิ้งไว้ให้สองสามเทียบอยู่ โอวหยางหมิงกับหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงก็คงจะได้เรื่องได้ราวอะไรบ้างยังพอควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในขอบเขตได้อยู่ส่วนที่อวิ๋นฝูหลิงเป็นห่วงมากกว่าก็คือที่จินโจวจินโจวเป็นสถานที่ที่มีขี้ผึ้งทองปรากฏโฉมเร็วที่สุด แน่นอนว่าคนที่ได้รับพิษของขี้ผึ้งทองนั้นก็มีมากที่สุดและอาการหนักที่สุดด้วยหากจัดการไม่ดี เกรงว่าอาจจะก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นมาได้ในฐานะที่อวิ๋นฝูหลิงเป็น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 593

    ครั้นเหล่าโจรกบฏเผ่าเยว่พวกนั้นที่ถูกควบคุมตัวอยู่ด้วยกันได้ยินคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง ไหนเลยยังจะกล้าคิดหนีขึ้นมาอีกนับแต่ถูกจับ พวกเขาทั้งกลุ่มล้วนได้สัมผัสกับความร้ายกาจของยาพิษพวกนั้นของอวิ๋นฝูหลิงมาแล้วทั้งสิ้นกระทั่งเฉาเหล่าต้ากับพรรคพวกสองสามคนที่เป็นถึงหัวหน้าก็ถูกยาพิษของอวิ๋นฝูหลิงทรมานจนอยู่ไม่สู้ตาย ท้ายที่สุดพอถามอะไรมา ล้วนสารภาพออกไปเสียสิ้นสภาพร่างกายของพวกเขาในยามนี้ยังคงตกอยู่ในฤทธิ์ยาของอวิ๋นฝูหลิง แต่ละคนล้วนอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงไปทั้งกายบัดนี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงหยิบผงพิษที่ทำให้ผิวคนเน่าเปื่อยจนสิ้นลมได้ออกมาอีก ทุกคนจึงอดก่นด่าอวิ๋นฝูหลิงอยู่ในใจไม่ได้แม่นางผู้นี้รูปโฉมก็งดงามอยู่หรอก แต่ทำไมจิตใจถึงได้อำมหิตเช่นนี้!ไม่ว่าในใจพวกเขาจะด่าทอเช่นไร ทว่ากลับไม่กล้าเผยออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียวแต่ละคนล้วนว่าง่ายราวกับแมวเชื่องหวั่นกลัวก็แต่ว่าตนเองจะเผลอทำอะไรไปเพียงเล็กน้อย แล้วจะถูกเข้าใจผิด นำไปสู่หายนะที่เป็นการพาตนเองไปสู่ความตายหลังจากที่อวิ๋นฝูหลิงตามไปรวมกับเซียวจิ่งอี้ นั่งเรือพ่อค้าญี่ปุ่นออกไปแล้ว เซียวจิ่งอี้ถึงได้เอ่ยถาม “ขวดยาไม่กี่ขวดที

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 594

    ทว่าไฟดวงหนึ่งในบริเวณที่อยู่ไม่ไกลห่างจากคนตระกูลเวินพวกนี้นักสั่นไหวอยู่ท่ามกลางท้องนภาเล็กน้อย ราวกับกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่างเซียวจิ่งอี้เห็นไฟดวงนั้นแล้ว มุมปากพลันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยดูท่าเรื่องที่เขามอบหมายแก่เทียนเฉวียน จะจัดการได้เสร็จเรียบร้อยแล้วในเมื่อเตรียมการทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว เช่นนั้นก็ได้เวลาลงมือสะสางเสียทีเซียวจิ่งอี้พยักหน้าให้จ้าวเสวียซือทันทีจ้าวเสวียซือเข้าใจความนัย รีบพาคนลงไปเตรียมพร้อมคนงานขนย้ายของขึ้นไปบนเรือทีละคน ๆ ทุกครั้งที่มาทำการค้า คนญี่ปุ่นพวกนั้นไม่มีใครอยากทำเรื่องเหน็ดเหนื่อยอย่างการขนย้ายของพวกนี้ด้วยตัวเอง ทั้งยังไม่อยากเปลืองเงินทองจ้างคนดังนั้นงานหนักอย่างการขนย้ายของเหล่านี้ ล้วนเป็นฝั่งตระกูลเวินที่รับผิดชอบคนงานบนเรือทำตามคำสั่ง เข้าไปขนย้ายสินค้าที่ใต้ท้องเรือทว่าทันทีที่เข้าใต้ท้องเรือ ก็ถูกจ้าวเสวียซือนำคนเข้าปราบปรามในทันทีคนเหล่านี้ล้วนเป็นชาวบ้านยากจนที่ใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาตระกูลเวิน ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ขององครักษ์ผู้มีวิทยายุทธ์สูงส่งซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของเซียวจิ่งอี้กลุ่มนั้นได้บนเรือเพิ่งลงมือได

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 595

    ท่ามกลางยามราตรี ดวงไฟสว่างระยิบระยับเรือนใหญ่ตระกูลเวินถูกทหารหาญกลุ่มหนึ่งโอบล้อมไว้อย่างแน่นหนายามนี้เป็นยามดึกสงัด หากมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยท่ามกลางความเงียบสงัดเช่นนี้ย่อมขจรขจายออกไปไกลเหมือนกับความเคลื่อนไหวใหญ่โตด้านนอกเรือนตระกูลเวิน มันยิ่งดูไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัดเพื่อนบ้านที่อยู่รอบ ๆ เห็นเรือนใหญ่ตระกูลเวินถูกกองทหารหลวงล้อมรอบไว้ ท่ามกลางความหวั่นเกรงจึงมีความสงสัยแทรกซึมขึ้นมาเล็กน้อยตระกูลเวินเป็นตระกูลใหญ่ในท้องที่ มีลูกหลานในตระกูลเป็นขุนนางอยู่ในราชสำนัก นับได้ว่าเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลและอำนาจนี่ต้องทำผิดใหญ่โตขนาดไหนกัน ถึงได้ถูกทหารหลวงล้อมเรือนไว้เช่นนี้?ยิ่งไปกว่านั้น กับตระกูลเวินซึ่งเป็นตระกูลใหญ่โตรากฐานมั่นคงเช่นนี้ อีกฝ่ายก็จู่โจมเข้ามาอย่างดุดัน เคลื่อนไหวทหารหาญมามากมาย โอบล้อมเรือนใหญ่ตระกูลเวินไว้ราวกับถังเหล็กก็มิปาน เกรงว่าผู้ที่ออกคำสั่งจักต้องมิใช่คนธรรมดาแน่นอนเพื่อนบ้านที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ตระกูลเวินล้วนใจเต้นไม่เป็นส่ำ ความคิดคาดเดามากมายหลั่งไหลอยู่ในหัวคนเหล่านี้ทางหนึ่งสั่งให้ปิดประตูเรือนอย่างแน่นหนา จะได้ไม่เลินเล่อแล้ว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 596

    เพียงแต่เขายังไม่ได้เคลื่อนไหว ทหารหลวงก็เข้ามาล้อมสกุลเวินไว้เร็วกว่าก้าวหนึ่งแล้วอีกทั้งผู้ที่ออกคำสั่ง ก็คืออี้อ๋องการปล่อยให้อี้อ๋องสอดมือเข้ามายุ่งได้ เกรงว่าผลลัพธ์เลวร้ายที่ตามมาของขี้ผึ้งทอง จะรุนแรงกว่าที่เวินจือเหิงจินตนาการไว้เกรงว่าครานี้แม้สกุลเวินคิดจะหลบเลี่ยง ก็คงไม่ง่ายดายถึงเพียงนั้นแล้วแม้จะบอกว่าหายนะครานี้มีสาเหตุมาจากบ้านรองสกุลเวิน แต่คำว่าสกุลเวินก็ไม่อาจลบออกจากตัวตนได้ เกรงว่าทั้งตระกูลเวินคงได้เข้ามาพัวพันด้วยแล้วหัวใจของเวินจือเหิงดำดิ่งลงเขาลุกขึ้นเข้าไปในห้องหนังสือ หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากช่องลับบนผนังเขายกมือที่เคยลูบกล่องใบนั้นขึ้น ก่อนสายตาจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นหนักแน่นหากต้องการช่วยสกุลเวิน ก็ทำได้เพียงทอดทิ้งบ้านรองอีกทั้งเรื่องเลวร้ายนี้ก็เป็นบ้านรองของตัวเองที่ลงมือทำ จะให้สกุลเวินทั้งหมดถูกฝังไปกับพวกเขาได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้นเวินจือเหิงก็ตรวจสอบพบนานแล้วว่า เรื่องที่เขาถูกวางยาพิษ ก็เป็นฝีมือของเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินแม้จะไม่มีเรื่องพวกนี้ในวันนี้เกิดขึ้น เวินจือเหิงก็ไม่อาจปล่อยเวินเจาไปได้หากกล้ามาทำลายชีวิตของเขา เช

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 597

    แผนการที่ทุ่มเทมาเป็นเวลานาน กำลังจะสูญเปล่าไปเช่นนี้คิดมาถึงตรงนี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างยิ่ง และกัดฟันด้วยความโกรธแค้นตามแผนการเดิมของเขา รอจนราชสำนักของแคว้นต้าฉีพบความผิดปกติของขี้ผึ้งทอง เขาก็ใช้ขี้ผึ้งทองควบคุมขุนนางชั้นสูงส่วนใหญ่ของแคว้นต้าฉี รวมถึงชนชั้นสูงที่ร่ำรวยได้แล้วถึงตอนนั้น ต่อให้ราชวงศ์เซียวต้องการจะต่อต้าน ก็ไม่ทันการแล้วแต่ตอนนี้แผนการของเขาเพิ่งจะเริ่มไปได้ครึ่งทาง ก็ล้มเหลวไปกลางคัน ท่านจอมปราชญ์เหวินจะไม่เจ็บใจได้อย่างไร?นอกจากนี้ในเมื่อเซียวจิ่งอี้เคลื่อนพลกองทหารรักษาการณ์ของจินโจว มาล้อมหอจินอวี้ไว้ คาดว่าคงแอบตรวจสอบอย่างละเอียดเรียบร้อยนานแล้วหอจินอวี้เป็นกิจการของสกุลเวินหอจินอวี้แห่งนี้ถูกปิดล้อมไว้แล้ว เกรงว่าทางฝั่งสกุลเวินก็คงไม่ได้ดีไปกว่ากันนักท่านจอมปราชญ์เหวินอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเวินเจาขึ้นมาตอนนี้ไม่รู้ว่าเวินเจาจะเป็นอย่างไรบ้าง?ถูกคนของเซียวจิ่งอี้จับตัวไปแล้วหรือไม่?เวินเจาเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ของราชวงศ์แคว้นเยว่ทั้งยังเป็นเพราะสถานะราชวงศ์ของเขา ทำให้ท่านจอมปราชญ์เหวินสามารถใช้ช

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 598

    เขาอยู่ที่กองทหารรักษาการณ์ของจินโจวแห่งนี้ ก็เป็นเพียงผู้นำทัพซึ่งไม่ได้รับหน้าที่สำคัญ ไม่ง่ายกว่าจะมีโอกาสได้เจออี้อ๋อง หากไม่อาจทำหน้าที่ให้ดีได้ ย่อมทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีไว้ต่อหน้าอี้อ๋องน่าเสียดายที่เขาช้าไปก้าวหนึ่ง ทำให้เทียนเสวียนลงมือก่อน และควบคุมสถานการณ์ได้ทันเวลาผู้นำทัพแอบใคร่ครวญ ตัดสินใจว่าหากมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นอีก เขาจะจัดการให้ทันเวลาแน่นอนไม่ง่ายกว่าจะมีโอกาสได้สร้างความดีความชอบต่อหน้าอี้อ๋อง เขาย่อมต้องคว้าเอาไว้วันนี้มีเขาอยู่ ทั่วทั้งหอจินอวี้ แม้แต่ยุงสักตัวหนึ่งก็อย่าหวังว่าจะหลุดรอดสายตาของเขาไปได้เลย!เดิมทีท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะสร้างความวุ่นวาย เพื่อหาโอกาสหนีออกไปจากหอจินอวี้คิดไม่ถึงว่าคนที่นำกองทหารมาจะลงมืออย่างไร้ปรานี ทำให้คนในหอจินอวี้ตกใจกลัว จนไม่มีใครกล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมอีกแผนการของท่านจอมปราชญ์เหวินล้มเหลว ทั้งหอจินอวี้ถูกปิดล้อมราวกับถังใบหนึ่ง ตอนนี้จึงไม่อาจออกไปได้แล้วท่านจอมปราชญ์เหวินจนปัญญา ทำได้เพียงรอจังหวะเคลื่อนไหวรอดูสถานการณ์ เพื่อหาโอกาสอีกคราท่านจอมปราชญ์เหวินหมุนกายกลับเข้าห้องเขาเพิ่งกลับมาในห้อง ก็ถูกมื

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status