(ทางด้าน...ตำหนักเย็นเรือนของฮวาอิง)
ทั้งสองลัดเลาะกลับเข้าตำหนักเย็น แสงอาทิตย์ลอดผ่านกิ่งไม้สูง กระทบผืนผ้าสีหม่นของชุดชาวบ้านที่สองนางสวมอยู่
เสียงย่ำเท้าหนัก ๆ หยุดลงเมื่อถึงศาลาไม้หลังเรือนของตน ฮวาอิงยกชายแขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นจึงกอดอกนั่งลงบนม้านั่งด้วยใบหน้าแสดงความกังวลออกมาชัดเจน
“คุณหนู เราจะเอาอย่างไรต่อดีเจ้าคะ?” ซูเม่ยนั่งตาม ตาคิ้วขมวดแน่น
ฮวาอิงหลุบตาลงเล็กน้อย พลางหยิบพัดเก่า ๆ จากอกเสื้อออกมากางแล้วพัดเบา ๆ
“ข้าก็กำลังคิดอยู่ ซูเม่ย หากเราปล่อยไว้เช่นนี้ ช่องทางทำมาค้าขายของเราก็พังกันพอดี”
“คุณหนูเจ้าคะ หรือพวกเขาจะเป็นขุนนางจากวัง?” ซูเม่ยเอ่ยเสียงเบาลง
ฮวาอิงหรี่ตาลงก่อนจะพับพัดช้า ๆ วางลงตัก
“เจ้าจำตอนที่ข้าเริ่มขายขนมได้หรือไม่? คนที่เฝ้ามองข้าไม่ใช่โจร ไม่ใช่พวกนักเลงตลาด แต่ดู...นิ่งเกินไป มีวินัยเกินไป เหมือนพวกที่ฝึกการสะกดรอยมาอย่างดี”
“ทหาร? องครักษ์?” ซูเม่ยเบิกตากว้าง
ฮวาอิงยิ้มบาง ๆ เงียบไปครู่ ซูเม่ยเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าหนักใจ
“หากเขามาจากวัง...บางที พวกเขาอาจเป็นคนที่มีอำนาจมากก็ได้ คุณหนูหรือเราควรหนีไปให้ไกลดีเจ้าคะ?”
ฮวาอิงส่ายหน้าไปมา
“ไม่...ข้าแบกรับเมืองซ่างผิงอยู่ หากทำเช่นนั้น จะกระทบต่อเมืองเกิดมิใช่หรือ เอาเป็นว่าเราจักไม่หนี แต่...ข้าต้องรู้ว่าพวกเขาคือใคร ต้องการอะไร เพื่อที่ข้าและเจ้าจะได้ระวังตัวมากขึ้น”
“คุณหนูจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”
ฮวาอิงยกยิ้มจาง ๆ ในดวงตาเจือความเย็นเฉียบ
“เพราะข้ายังไม่รู้จุดประสงค์ที่แน่ชัดของพวกเขา จะทำการบุ่มบ่ามมิได้ ดังนั้นเราจะสร้าง ข่าวลวง ข้าจะให้เจ้าพูดให้ได้ยินไปทั่วตลาดว่า วันพรุ่งเราจะย้ายแผงไปฝั่งของตลาดอีกด้าน”
“แล้วแผงร้านขนมของคุณหนู?” ซูเม่ยเบิกตากว้าง
“ตั้งที่เดิม แต่เปลี่ยนเวลาช้าลงสองเค่อ เสื้อผ้าก็ต้องเปลี่ยนทั้งหมด หากคนพวกนั้นโผล่ที่ตลาดอีกฝั่งจริง เราจะรู้แน่ว่ากำลังถูกสะกดรอย และติดตามด้วยจุดประสงค์อื่น ไม่ใช่จับโจร หรือตรวจคนเข้าเมืองตามปกติ”
“บ่าวจะบ่นเสียงดังตามร้านน้ำชาให้ทั่วเลยเจ้าค่ะคุณหนู” ซูเม่ยพยักหน้าตาม
“ฮ่า...ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้เก่งนักนะเรื่องเช่นนี้” ฮวาอิงหัวเราะลั่น
ฮวาอิงกับซูเม่ยสบตาก่อนจะยิ้มรับกับแผนการที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่ง
เช้ารุ่งอรุณยามสาย ฮวาอิงและสาวใช้ของตน ลุกขึ้นทำขนมชั้นดังเดิม กลิ่นขนมในถาดนึ่งลอยอบอวลในอากาศ ก่อนจะหอบไปตั้งแผงลอยอย่างไม่เร่งรีบนัก เหตุเพราะเลื่อนเวลาเปิดแผงออกไปกว่าสองเค่อ ทว่าลูกค้าขาประจำหลายคนยังคงเวียนกันไม่ขาด แม้ฮวาอิงจะให้ซูเม่ยประกาศข่าวลวงเรื่องย้ายแผงขายไปแล้วก็ตาม
ฮวาอิงในชุดชาวบ้านสีสันสดใสกว่าครั้งไหน มีผ้าคลุมไหล่ทับ แววตาใต้ผ้าคลุมศีรษะจับตามองทุกการเคลื่อนไหวรอบตัวอย่างนิ่งสงบ
ในขณะเดียวกัน ซูเม่ยที่กำลังตักขนมใส่ห่อใบตองเล็กให้ลูกค้าอย่างคล่องแคล่วนั้น เงาของชายบุรุษก็ปรากฏหน้าร้านอีกครา
บุรุษหน้าตาคุ้นเคย (หวังอ๋อง) ยืนตัวตรง เสื้อตัวยาวสีเข้มสะอาดเกลี้ยง ขลิบผ้าบริเวณแขน เป็นงานฝีมือที่แม้จะเจตนาเรียบง่าย แต่กลับบ่งบอกฐานะไม่ใช่สามัญชน
ดูท่าครั้งนี้คงตั้งใจเปิดเผยตัวตนสินะ
“ข้ามาแล้ว...แม่นางหลินหยาง” หวังอ๋องเอ่ยพลางส่งยิ้ม ดวงตาคู่นั้นทอดมองฮวาอิงราวกับเคยสนทนามานับสิบครา ฮวาอิงวางถาดขนมชั้นลงช้า ๆ ก่อนเอ่ยตอบด้วยเสียงเรียบ
“คุณชายจากวัง มีธุระอันใดเจ้าคะ?”
หวังอ๋องหัวเราะราวกับมองว่า นางกำลังหยอกเย้า เพราะตอนนี้หวังอ๋องมั่นใจแล้วว่า ฮวาอิงคงรู้แล้วว่าตนคืนที่ที่นางช่วยไว้คราก่อน
“ข้าเพียงติดใจขนม...หรืออาจติดใจคนทำ”
ฮวาอิงคิ้วขมวดเล็กน้อย แต่ยังไม่ตอบในทันที นางเพียงปรายตาไปทางถาดขนมแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“หากคุณชายอยากกิน ข้าจักขายให้ เพราะข้าไม่ได้ทำแจกแต่อย่างใด คำชมไม่อาจลดราคาได้หรอกเจ้าคะ”
“โหดร้ายนัก” หวังอ๋องหัวเราะเบา ๆ รับห่อขนมชั้นจากซูเม่ย พลางหยิบชิ้นหนึ่งชิมอย่างตั้งใจ “รสชาติเหมือนเดิมไม่มีผิด แต่รูปร่างเหมือนจะละเอียดขึ้นนะ”
“ขนมมันก็เหมือนคนเจ้าค่ะ ต้องพัฒนาบ้าง ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่” คำพูดของฮวาอิงดูเรียบ แต่ปลายเสียงแฝงน้ำหนักประหลาด จน หวังอ๋องสัมผัสได้
“อืม...ข้าเห็นด้วย” บุรุษหนุ่มเอ่ยเสียงต่ำลงเล็กน้อย “โดยเฉพาะกับคนในเงา ที่ควรเปล่งประกาย” ดวงตาทั้งสองประสานกันนั่งงัน
ซูเม่ยที่อยู่ไม่ไกลมองทั้งคู่ ไม่แม้แต่จะเอ่ยเสียง แต่ภาพเบื้องหน้ากลับรู้สึกรับรู้ได้ถึงแรงเชือดเฉือนทางอารมณ์ที่รุนแรงดั่งสายฟ้าฟาด
“คุณชายพูดประหลาดยิ่ง ไม่สิ ข้าต้องเรียกท่านว่าอันใด วันก่อนเป็นคนต่างแดนมอซอ วันนี้เป็นคุณชายผู้สง่า”
“ฮ่า... เอาเถอะ ข้าขอรับขนมยี่สิบชิ้นแล้วกันแม่นาง” หวังอ๋องรับขนม หยิบถุงเงินวางไว้ ก่อนเดินจากไป เหมือนคุณชายธรรมดา แต่ทุกอย่างก้าวของเขากลับ มั่งคง เงียบงัน และ จงใจที่จะเดินแวะร้านของนางร้านเดียว
ฮวาอิงเริ่มมั่นใจแล้วว่า บุรุษหนุ่มคนนั้นคือคนที่นางเคยช่วยไว้จริง ๆ แต่นางยังไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์ที่คนผู้นั้นเข้ามาปรากฏตัวต่อหน้านาง อีกทั้งยังสะกดรอยอีกจนทำให้รู้สึกอึดอัด และระแวงไปเสียหมด
ค่ำวันนั้น หลังจากกลับมายังตำหนักเย็น ฮวาอิงนั่งไขว่ห้างบนเบาะ ท่ามกลางแสงจากตะเกียงจุดอยู่เพียงดวงเดียวในห้อง ความเงียบสงบมีเพียงเสียงปลายพู่กันขูดกระดาษเบา ๆ บนหน้ากระดาษหยาบ มีอักขระแปลกประหลาด ภาษาจากโลกเดิมที่นางเขียนบันทึกไว้เตือนความจำของนาง
ผู้ชายคนนั้นมาที่แผงขนมฉันอีกแล้ว
เขาต้องเป็นคนจากในวังหลวงแน่
เขากำลังเล่น เกม กับฉันเหรอ น่าสนใจดีนี่
ฮวาอิงวางพู่กันลง ก่อนพิงหลังกับเสาไม้เก่าที่อยู่ด้านหลัง เงยหน้ามองเพดานผุ ๆ ด้วยสีหน้าครุ่นคิดในใจเงียบงัน
หากข้าไม่ทันเกม ครั้งหน้า เขาอาจจะรู้ความจริงว่า ข้าคือ ฮวาอิงบุตรีของเจ้าเมืองซ่างผิง จากตำหนักเย็นแน่ ไม่สิข้าว่าบางทีคนผู้นั้นอาจรู้แล้วก็ได้ว่าข้าคือผู้ใด
ฝากเป็นกำลังใจ กดเข้าคลอเลคชั่นให้กันด้วยนะคะ
ตอนที่ 37ขนมสอดไส้ แด่ฮองเฮาณ ห้องรับรองหลักตำหนักมิ่งหลัน ถูกจัดเตรียมอย่างสวยงามสำหรับถวายอาหารและขนมหวาน ตามรับสั่งของฮองเฮาชุดภาชนะลายครามพิเศษถูกนำออกมาใช้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อต้อนรับองค์รัชทายาท ผู้เสด็จมาเยือนโต๊ะไม้สลักสวยงามประดับด้วยดอกไม้สดจากสวน กลิ่นหอมของน้ำเก๊กฮวยในจอกอบอวลลอยฟุ้งหอมฮวาอิงยืนนอบน้อมอยู่ในมุมห้องกับเฟยเทียนด้านหนึ่ง ในเครื่องแต่งกายเรียบร้อย สะอาดสะอ้านไม่อวดตน รอบกายคือบรรดานางใน ขันที ที่คอยจัดเตรียมอาหารมื้อพิเศษนี้โดย ขนมสอดไส้ ถูกวางเด่นบนจนหยกขาวฮองเฮาเสด็จพร้อมด้วยรัชทายาทที่เดินตามมาติด ๆ พระพักตร์ของฮองเฮาผู้สูงศักดิ์ยังคงสงบนิ่ง แต่สายพระเนตรมักกวาดมองรอบด้านด้านองค์รัชทายาท ชายหนุ่มรูปงามผู้มีสายตาเยือกเย็น แต่ลึกในแววตานั้นกลับแฝงด้วยนัยยะบางอย่างราวกับมีความในใจ เขามองฮวาอิงครู่หนึ่ง ด้วยความรู้สึกคล้ายกำลังพินิจบางอย่าง... ก่อนจะหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าทั้งฮองเฮา และรัชทายาทรับประทานอาหารกันอย่างเงียบ ๆ พระพัก
ตอนที่ 36ขนมที่ห่อด้วยใจฮวาอิงลืมตาตื่นท่ามกลางความเวียนศีรษะ และไอเล็กน้อย ที่ยังหลงเหลืออยู่“คุณหนูยังไม่หายดี อย่าลุกเลยเจ้าค่ะ นอนพักผ่อนก่อน” ซูเม่ยที่กำลังยกยาเข้ามา วางถาดแล้วรีบมาประคองฮวาอิงไว้แค่ก...แค่ก ฮวาอิงไอเบา ๆ มือแตะหน้าผากตนเองแล้วส่ายหน้า “ข้าดีขึ้นแล้ว เพียงแต่มึนนิดหน่อย ไม่ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ”“แต่คุณเพิ่งกินยาได้เพียงครั้งเดียวเมื่อคืน...วันนี้ให้ข้าจัดการแทนเถิดนะเจ้าคะ หรือไม่ก็แจ้งท่านเฟยเทียนว่าขอเลื่อนวันถวายขนมไปก่อน ข้าเชื่อว่าฮองเฮาทรงเข้าใจ”ฮวาอิงยังคงส่ายหน้า“ข้าไม่อยากให้ฮองเฮาต้องรอคอยคนอย่างข้าเลย ข้ายกให้ใครทำขนมสอดไส้นี้ไม่ได้หรอกมันซับซ้อน และยังไม่ได้สอนใคร” เสียงพูดของนางแม้เบาบาง ทว่าแฝงความดื้อรั้นและแน่วแน่“แม่นางฮวาอิงฟื้นแล้วงั้นหรือ? แต่จากที่ข้าดูสภาพแล้ว แม่นางไม่ควรฝืนนะ” เฟยเทียนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าครุ่นคิด นางส่งสายตามองฮวาอิง ประเมินนางที่นอนซมแล้วยังดูซีดเซียวอยู่นักฮวาอิงประสานมือโค้งให้อย่างอ่อนน้อม“ท่านเฟยเทียน ข้าเคยสัญญากับฮองเฮา ว่าจะรับผิดชอบขนมถวายเมื่อวันก่อน มาวันนี้ข้าคงไม่อาจละทิ้งหน้าที่ได้ ข้าขอทำเถอะเจ้าค่
ตอนที่ 35กลิ่นอุ่นยังมิจางสายฝนเริ่มซา กลายเป็นเพียงละอองโปรยปราย ชะใบไม้ให้กลายเป็นสีเขียวเข้มชุ่มฉ่ำ กลิ่นฝนผสมกลิ่นไม้จากบ้านเรือนเก่าเคล้าคลอในอากาศ ขณะสองร่างใต้ร่มคันเดียวกันก้าวเดินช้า ๆ ไปตามตรอกถนนสายหนึ่งหนิงอ๋องถือร่มอยู่ด้านซ้าย ฮวาอิงยืนอยู่ด้านขวา ระยะห่างระหว่างไหล่ทั้งสองไม่เกินหนึ่งฝ่ามือ ทว่ากลับไม่มีใครรู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย“เด็กชายคนนั้นชื่อเสี่ยวเป่า” เสียงทุ้มนุ่มของเขาดังขึ้น “พ่อของเขาเคยร่วมรบด้วยกันที่ชายแดนตะวันตกเมื่อนานมาแล้ว บัดนี้เจ็บเรื้อรัง ไม่อาจรบแนวหน้าได้อีกต่อไป”ฮวาอิงเงยหน้ามองเขาเล็กน้อย“ท่านเป็นถึงแม่ทัพสูงสุด กลับรู้จักพวกเขาโดยตรงเลยหรือเจ้าคะ?”“ไม่หรอก...ทหารเป็นหมื่นเป็นแสนข้าจะรู้จักหมดได้เยี่ยงไร เพียงแต่ข้าอ่านบันทึกประจำวันว่ามีเหตุการ์ณใดบ้างเกิดขึ้นก็เท่านั้น” หนิงอ๋องเงียบไปครู่ก่อนเอ่ยต่อ“แม่ของเสี่ยวเป่า เคยเขียนจดหมายขอบคุณกองบัญชาการหลังได้รับเบี้ยยังชีพ ข้าเห็นชื่อเลยจำได้...ไม่คิดเลยว่าคนที่ทำเพื่อชาติ กลับต้องแบกภาระทางบ้านไปด้วย จะให้ข้าปล่อยไปได้เยี่ยงไรจริงไหม ประจวบเหมาะวันนี้มีเวลาว่างจึงอยากหาของขวัญให้ลูกชายเขา”
ตอนที่ 34ร่มคันเดียวกลางฝนยามเช้าในเมืองหลวงวันนี้ ลมโชยแผ่วอ่อนให้ได้กลิ่นหอมจากร้านน้ำชาริมทางลอยแตะจมูก ช่วยปลุกบรรยากาศให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นท้องฟ้าวันนี้โล่งโปร่งไร้เงาเมฆฝนเหมือนหลายวันก่อน พ่อค้าแม่ค้าต่างจัดของขึ้นแผงกันอย่างคึกคัก เสียงเจรจาต่อรองราคายังคงเช่นเดิม พานทำให้ความรู้สึกของฮวาอิง นึกถึงช่วงที่ต้องปลอมตัวเป็น หลินหยาง ขายขนมไทยก่อนหน้านั้นวันนี้ฮวาอิงออกมาซื้อวัตถุดิบเพื่อทำขนมถวายแด่ฮองเฮา นางสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์สมฐานะตำแหน่งพิเศษมากขึ้น เพียงแต่ยังคงสวมผ้าปิดหน้าลายดอกเหมยไม่เผยใบหน้ามากนักส่วนซูเม่ยเดินอยู่ข้าง ๆ ถือตะกร้าไม้ไผ่สำหรับใส่วัตถุดิบ ทั้งที่นางมีตำแหน่งสูงในครัวหลวงและสามารถเอ่ยสั่งให้คนครัวออกมาซื้อได้ แต่นางกลับไม่ทำและประสงค์จะออกมาเดินตลาดเพื่อเลือกวัตถุดิบด้วยตนเอง“วันนี้ คุณหนูจะทำขนมอันใดถวายแด่ฮองเฮาเจ้าคะ?” ซูเม่ยเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี“ขนมสอดไส้” ฮวาอิงหันใบหน้าตอบซูเม่ย“เป็นขนมอย่างไรเจ้าคะ ข้าไม่เคยได้ยินอีกแล้ว”“เป็นขนมที่ข้าชอบมาก กลิ่นหอมใบเตยนวลกะทิและน้ำตาลเคี่ยว ด้านในสอดใส่มะพร้าวคั่วน้ำตาล เป็นขนมที่ดูธรรมดาแต่ทำให้คนกินแทบ
ตอนที่ 33คำสั่งเหนือใครเบื้องหน้าคือ สถานที่ประทับของฮ่องเต้ผู้มีอำนาจคับจักรวรรดิอวิ๋นชวน หวังอ๋องและฮวาอิงเดินอยู่บนลานหินหน้าตำหนักมังกรหยกอย่างสงบนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงกดดันที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กลุ่มขันทีในชุดเต็มยศเดินเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบฮวาอิงเดินตามหลังหวังอ๋องอย่างเงียบเชียบ ใต้เสื้อคลุมไหมสีขาวนวลตา มือเรียวซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ ปลายนิ้วเรียวเกร็งไว้ไม่ให้สั่น เพราะไม่ว่านางจะกล้าเพียงใด หรือเคยปะทะฝีปากกับอ๋องผู้มากอำนาจมานักต่อนักแต่...วันนี้คือการเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ผู้เป็นเจ้าของจักรวรรดิทั้งผืน ในฐานะองค์หญิงซ่างผิงผู้คิดวิธีถนอมเสบียงแด่เหล่ากองทัพฮวาอิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ชะลอฝีเท้าเล็กน้อย ก่อนจะย่ำเท้าก้าวต่อไป หวังอ๋องที่เดินนำหน้าหันมองนางเพียงครู่ ก่อนจะพยักหน้าให้นางตามตนมาเมื่อประตูบานไม้แกะสลักมังกรเบิกกว้าง เสียงขันทีอาวุโสก็เปล่งเสียงสูงกังวาน“หวังอ๋องแห่งราชวงศ์อวิ๋นชวน พร้อมองค์หญิงแห่งเมืองซ่างผิง ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”ภายในตำหนักมังกรหยก สงบ เงียบ ให้ความรู้สึกเย็นเยียบจนถึงขั้วหัวใจ ใต้เพดานสูง มังกรห้าตัวเลื้อยพันเสาตำหนักดั่งคอยค้ำจุนแผ่นดินพ
ตอนที่ 32ก่อนรุ่งอรุณแห่งผลลัพธ์ยามซื่อ ค่ำคืนที่ลมพัดแผ่วเบาเย็นสบาย แสงเทียนจากโคมส่องภายในเรือนรับรองที่จัดไว้ให้เฉพาะสำหรับนาง ทั้งเรือนเงียบเชียบ มีเพียงเสียงพู่กันเสียดสีกับกระดาษ และเสียงเดินไปมาของสาวใช้คนสนิทอย่างซูเม่ยฮวาอิงนั่งหลังตรงอยู่ตรงกลางห้องในชุดเรียบง่าย ผมถูกรวบขึ้นสูงอย่างลวก ๆ มีปิ่นไม้สอดไว้หลวม ๆ เท่านั้นในมือนางคือพู่กันด้ามเรียว ที่ขีดเขียนรายงานเบื้องต้นไปบางส่วนแล้ว บัดนี้เหลือเพียงหน้าสุดท้าย หน้าแห่งการสรุปผล ที่จะถูกส่งให้หวังอ๋องในยามเช้าซูเม่ยยกน้ำชาอุ่น ๆ มาวางไว้ข้าง ๆ นาง ก่อนจะเดินนั่งใกล้ไม่ห่างนัก คอยเปลี่ยนน้ำหมึกให้ และเฝ้าดูผู้เป็นนายเขียนลงกระดาษทีละตัวอักษรอย่างตั้งใจวันที่เจ็ดของการทดสอบการถนอมอาหารเสบียง ฮวาอิงเม้มปากนิด ใบหน้าคิ้วขมวดหน่อยแสดงถึงความตั้งใจเพื่อให้เขียนออกมาให้ดีที่สุดผลการถนอมเนื้อสดโดยหมักเกลือกับตากแดดให้แห้ง ยังคงคุณค่าทางรสชาติได้อย่างดี เมื่อนำไปลองทำเป็นอาหารพร้อมปรุงในภาวะฉุกเฉิน สามารถนำไปทอดหรือย่างได้โดยไม่เสียรสเนื้อ กลิ่นและสัมผัสยังคงใกล้เคียงกับเนื้อสดยามปรุงสุก แถมความอร่อยยังเหมาะที่จะกินกับข้าวสวยร