พลอย ไพลิน เพียงอยากมีชีวิตธรรมดา...หลุดพ้นจากกรงขังที่ครอบครัวสร้างขึ้น แต่โชคชะตากลับโยนให้นางทะลุมิติมาเป็นองค์หญิงไร้ค่าในตำหนักเย็น ‘ขนมไทย’ กลายเป็นสิ่งเดียวที่ยึดให้นางอยู่รอด ทว่า... “ข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์...เหตุใดชะตาข้าถึงหนีไม่พ้น?”
View More- วันวาน –
เสียงล้อรถม้ากระทบหินถนนเมืองหลวงอย่างแผ่วเบา ทว่าในหัวใจของนางกลับดังกึกก้องไม่หยุด
ฮวาอิง เหยียดหลังตรง มือเรียวเกาะขอบหน้าต่างไม้สลักประณีต นางแหวกม่านใช้ดวงตาคู่หวานทอดมองกำแพงวังที่สูงลิบตรงหน้าอย่างไม่อาจละสายตา
“ซูเม่ย...เมืองนี้ใหญ่โตนัก” เสียงนางเอ่ยด้วยถ้อยคำหวานหยดไปยังสาวใช้ของตน
“เจ้าค่ะ คุณหนู ข้าก็ไม่เคยเห็นเมืองที่ใหญ่เพียงนี้เลยเจ้าค่ะ” สาวใช้ของนางเองก็ดวงตาเปล่งประกายไม่แพ้กัน
“นี่เจ้าว่าไหม...หากข้าได้เป็นหนึ่งในสตรีที่ถูกเลือก…ได้เข้าเฝ้าแม้เพียงชั่วขณะ...บางทีชะตาข้าคงเปลี่ยนไปตลอดกาล...ซึ่งข้าหวังไว้เช่นนั้นจริง ๆ นะ...ซูเม่ย เจ้าว่าข้าจะถูกเลือกรึไม่”
“คุณหนูสวยเพียงนี้ ต้องถูกเลือกแน่เจ้าค่ะ”
“ข้าก็หวังไว้เช่นนั้น...ซูเม่ย หากข้าถูกเลือกคงดีต่อเมืองซ่างผิงไม่น้อย” นางยิ้มให้กับสาวใช้ ก่อนจะหันทอดสายตามองออกไปนอกรถม้าอีกครั้ง ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความฝันที่จะได้เป็นสาวงามที่ถูกเลือก เพื่อเมืองซ่างผิงของตน
นางรู้ดีว่าตนไม่ได้เป็นบุตรขุนนางใหญ่ มิได้เกิดจากแคว้นที่มีแต่อำนาจ แต่ความงามนั้นเป็นของนางอย่างแท้จริง งามจนผู้คนทั่วเมืองซ่างผิงต่างเรียกขานว่า ดอกบัวหลงเงา
ถึงกระนั้น...เมื่อถึงเวลาคัดเลือกสาวงาม เพื่อเข้าสู่วังหลวง ชื่อของ ฮวาอิง กลับไม่ถูกจารึกไว้ในบัญชีสาวงามผู้ถูกเลือก
ไม่มีเสียงผู้ใดเอ่ยเรียกชื่อนางเลยแม้แต่น้อย ไม่มีสายตาใดเหลียวแล และไม่มีใครอธิบายว่า เหตุใดความงามของนาง จึงไร้ค่าเช่นนี้
และสุดท้าย ฮวาอิง ก็ถูกส่งไปยัง ตำหนักเย็น ซึ่งคือที่พำนักของ ผู้ไม่ถูกเลือก อาหารประจำวันบางวันก็มิได้มาถึง เสื้อผ้าบางกว่าอากาศในยามราตรี คำพูดที่ได้รับมีแต่เสียงหัวเราะเยาะจากหญิงสาวต่างแคว้นที่มีสถานะไม่ต่างกัน แต่หญิงสาวเหล่านั้นแค่มาจากเมืองที่มีอำนาจมากกว่า
“เจ้าคิดว่าแค่หน้าตาจะพาเจ้าขึ้นเป็นกุ้ยเฟยได้หรือ?” เสียงหัวเราะแค่นเย็น ๆ ดังตามหลังเสมอ
“คิดว่าตนมีใบหน้างดงามแล้วจะมัดใจใครได้งั้นรือ ผิดแล้วเมืองเล็ก ๆ ของเจ้าก็แค่เมืองชายแดนที่ใครก็จำไม่ได้ อำนาจต่างหากที่จะทำให้เจ้าได้รับเลือก อยู่ที่นี่ไปจนตายเถอะ”
ฮวาอิงเงียบไม่ตอบโต้อันใด นอกจากใช้วันเวลาที่หลงเหลือ พร่ำเขียนกลอนลงบนแผ่นไม้เก่าไว้เพื่อระบายเท่านั้น
เสียงฝนโปรยบางเบานอกหน้าต่าง ฮวาอิงซุกกายอยู่ในมุมห้องเก่า ดวงหน้าไร้ชีวา โลหิตไหลซึมจากริมฝีปาก นางเอื้อมมือไปยังกล่องเครื่องประดับจากบ้านเกิดซึ่งมารดาเป็นผู้มอบให้ ภายในกล่องเก็บเครื่องประดับที่ผูกติดความทรงจำอย่างลึกซึ้ง และเอ่ยเบา ๆ
“ข้าขอโทษแด่ผู้คนเมืองซ่างผิง ที่ข้าไม่อาจสร้างคุณแผ่นดินให้บ้านเกิดได้”
นางหลับตาลงช้า ๆ ด้วยแรงเฮือกสุดท้าย...
"ข้าไร้ทางดิ้นรน...แต่หากยังมีใครสักคนได้ใช้ร่างนี้อีกครา… ขออย่าให้นางถูกเหยียบย่ำเช่นข้าเลย" และในขณะดวงจิตของฮวาอิงค่อย ๆ จางหาย ผ้าม่านขาวริมหน้าต่างกลับปลิวแรงขึ้น กล่องเครื่องประดับหล่นลงแตกเผย หยกดอกเหมยสีเลือด เปล่งแสงเพียงครู่เดียวก่อนที่ทุกสิ่งจะดับวูบลง
ปรากฏเป็นเงาแห่งแสงวาบหนึ่ง ทะลุห้วงมิติและทะลวงกาลเวลา เพื่อรอ...ผู้มาแทนที่
ตอนที่ 7เสียงกระซิบในตำหนักเย็น เสียงฝีเท้าของฮวาอิงและซูเม่ยดังแผ่ว เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงหน้าประตูตำหนักเย็นในมุมอับสายตาของคนในวังหลวง นางยังคงสวมชุดผ้าหยาบปลอมตัวเป็น หลินหยาง แม่ค้าขนมชั้น แห่งตลาดในเมืองหลวง ขณะที่ในมือของซูเม่ยแบกตะกร้ากลับมาพร้อมผลกำไรเพียงเล็กน้อยในวันทว่ายังไม่ทันได้ก้าวพ้นประตูบานไม้เก่า กลิ่นความวุ่นวายกลับตลบตึงออกมาจากภายในตำหนักเสียงฝีเท้าผู้คนวิ่งพล่านในตำหนักเย็น ซึ่งปกติควรเงียบงันดั่งป่าช้า ฮวาอิงกับซูเม่ยชะงักฝีเท้า พลันสายตาเหลือบเห็นสาวใช้สองนางของตำหนักอื่นกำลังเปิดประตูห้องเรือนของนางโดยพลการ ค้นข้าวของอย่างไม่เกรงใจ“นั่นเจ้าทำอะไร!” ซูเม่ยร้องตวาด สีหน้าเผือดลงทันทีสาวใช้อีกคนหันกลับมาพร้อมห่อขนมชั้น นางชูขึ้นพลางยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน“เจ้าขโมยของจากโรงครัวหลักตำหนักเย็นแล้วเอาไปทำสิ่งนี้ขายงั้นรือ?”เสียงของนางทำให้คนในตำหนักเย็นหลายคนทยอยกันมุงดู ไม่เว้นแม้แต่ คุณหนูหลี่ บุตรสาวจากเมืองต้าเหอ ซึ่งพำนักที่นี่เช่นกัน นางเป็นคนผิวขาวจัด ดวงตารรีเรียวราวกับงู พริบตาเดียวก็ก้าวเข้ามายืนตรงหน้าฮวาอิง พลางก้มหน้ามองแสยะยิ้มอย่าง
(ทางด้าน...ตำหนักเย็นเรือนของฮวาอิง)ทั้งสองลัดเลาะกลับเข้าตำหนักเย็น แสงอาทิตย์ลอดผ่านกิ่งไม้สูง กระทบผืนผ้าสีหม่นของชุดชาวบ้านที่สองนางสวมอยู่เสียงย่ำเท้าหนัก ๆ หยุดลงเมื่อถึงศาลาไม้หลังเรือนของตน ฮวาอิงยกชายแขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นจึงกอดอกนั่งลงบนม้านั่งด้วยใบหน้าแสดงความกังวลออกมาชัดเจน“คุณหนู เราจะเอาอย่างไรต่อดีเจ้าคะ?” ซูเม่ยนั่งตาม ตาคิ้วขมวดแน่นฮวาอิงหลุบตาลงเล็กน้อย พลางหยิบพัดเก่า ๆ จากอกเสื้อออกมากางแล้วพัดเบา ๆ“ข้าก็กำลังคิดอยู่ ซูเม่ย หากเราปล่อยไว้เช่นนี้ ช่องทางทำมาค้าขายของเราก็พังกันพอดี”“คุณหนูเจ้าคะ หรือพวกเขาจะเป็นขุนนางจากวัง?” ซูเม่ยเอ่ยเสียงเบาลงฮวาอิงหรี่ตาลงก่อนจะพับพัดช้า ๆ วางลงตัก“เจ้าจำตอนที่ข้าเริ่มขายขนมได้หรือไม่? คนที่เฝ้ามองข้าไม่ใช่โจร ไม่ใช่พวกนักเลงตลาด แต่ดู...นิ่งเกินไป มีวินัยเกินไป เหมือนพวกที่ฝึกการสะกดรอยมาอย่างดี”“ทหาร? องครักษ์?” ซูเม่ยเบิกตากว้างฮวาอิงยิ้มบาง ๆ เงียบไปครู่ ซูเม่ยเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าหนักใจ“หากเขามาจากวัง...บางที พวกเขาอาจเป็นคนที่มีอำนาจมากก็ได้ คุณหนูหรือเราควรหนีไปให้ไกลดีเจ้าคะ?”ฮวา
ตอนที่ 6ศึกปะทะเชิงณ แผงขายขนมเล็ก ๆ ของฮวาอิง ที่สวมรอยเป็น หลินหยาง ถูกตั้งขึ้นอย่างคล่องแคล่วเช่นเคย ขนมชั้นตอนนี้มีสีหลากหลาย เรียงรายอย่างประณีตในถาดหวายเล็ก ๆ มีผ้าลายดอกเหมยคลุมไว้กันแมลงตอม ดูสะอาดสะอ้านกว่าใคร“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณหนู...เอ่อ...คุณหลิน” ซูเม่ยกระซิบแผ่ว หลังจากจัดโต๊ะเสร็จเรียบร้อยฮวาอิงพยักหน้าเบา ๆ พลางปรับผ้าคลุมหน้าให้ปิดดวงตาอีกนิด วันนี้นางให้ซูเม่ยสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับตน พร้อมผ้าคลุมหน้าบางเบา เพื่อหลอกตาคนสะกดรอยให้สับสน“จำไว้นะซูเม่ย ถ้ามีใครจ้องมากกว่าหนึ่ง เราจักเก็บแผงแล้วอ้อมกลับไปโรงเตี้ยมร้างดั่งเคย” ฮวาอิงพูดเสียงต่ำ ขณะมือยังคีบขนมวางให้เรียบร้อย“เจ้าค่ะ”เพียงตั้งแผงได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ลูกค้าประจำเริ่มแวะเวียนมาอุดหนุน คนชรา เด็กน้อยร้านน้ำชา หรือแม่ค้าร้านใกล้เคียง ต่างยิ้มให้ ฮวาอิงอย่างคุ้นเคยขณะบรรยากาศคล้ายจะเป็นไปตามปกติ บุรุษแปลกหน้าผู้หนึ่งก็ก้าวมาหยุดยืนหน้าร้าน เขาสวมเสื้อผ้าอาภรณ์เนื้อดี แม้จะพยายามคลุมหมวก แต่ท่วงท่าการเดิน การยืน หรือแม้แต่ท่ายกมือกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายผู้มีฐานะชัดเจน“ขนมนี่...หน้าตาแปลกดีนะ” เขาย่อตัวล
ตอนที่ 5เงาจางกลางตลาด“คุณหนู! ระวังฝั่งขวาเจ้าค่ะ มีคนมองมาอีกแล้ว” เสียงกระซิบแผ่วเบาของซูเม่ยดังข้างหู ดวงตากลมโตของนางเหลือบไปยังชายสองคนในชุดชาวบ้านที่ยืนอยู่หน้าร้านยาจีน แม้แต่นางก็ดูออกว่าพวกเขาไม่ใช่ลูกค้าที่มาซื้อของจริง ๆฮวาอิงก้มหน้าลง แสร้งดูถาดขนมชั้นในมือราวกับไม่ได้สังเกตอะไร แต่ข้างในกลับตึงเครียดไปหมดพวกเขา...ตามมองแบบนี้อีกแล้วนี่ไม่ใช่วันแรกที่นางถูกติดตามแบบนี้ นับตั้งแต่วันที่ช่วยชายบาดเจ็บหลังพงหญ้าแถบหลังเมืองทางกลับตำหนักเย็น ทุกเช้าหลังตั้งแผงขายขนม ก็มักมีสายตากลุ่มคนจับจ้องมาเสมอ ราวกับเงาตามเงียบ ๆ ไม่ได้เข้าใกล้ แต่ก็ไม่ห่างหายไปไหนฮวาอิงไม่แน่ใจว่าการกระทำเช่นนี้ นับเป็นโจรหรือไม่ อยากปล้นขนมหรือเงินทอง แต่นางเป็นเพียงแม่ค้าขายขนมชิ้นละสองอีแปะ สู้ปล้นร้านอื่นคงจะดูคุ้มกว่าหรือไม่นางคิดไม่ตก จวบสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมา ทำให้นางเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบหรือคนผู้นั้นที่เราช่วยไว้ เขาส่งคนมาติดตาม
ตอนที่ 4เงาของโชคชะตาหอระฆังสูงของเมืองหลวงตีระฆังก้องกังวานยามชวี เป็นสัญญาณบอกเวลาให้ชาวเมืองเริ่มเก็บร้านค้า หรือแผงตามตรอกข้างทางในย่านฮวาอิงและซูเม่ยก็ไม่เว้นเช่นกัน หลังจากที่ขนมชั้นหมดเกลี้ยงในเวลาไม่นาน เหลือเพียงส่วนที่จะเก็บไว้กินเอง ทั้งคู่ก็รีบเก็บแผงร้านของตน ภาชนะและผ้าห่อขมวดแบกไว้บนหลังซูเม่ยเพราะนางไม่ยอมให้คุณหนูของตนทำ“วันนี้พวกเราขายดีเกินคาดเลยเจ้าค่ะ! ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณหนูจะทำขนมหวานได้เก่งถึงเพียงนี้ ข้าติดตามคุณหนูมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่เคยเห็นคุณหนูแตะต้องเตาไฟเลยด้วยซ้ำ ว่าแต่...คุณหนูไปร่ำเรียนตอนใดกันเจ้าคะ?” ซู่เม่ยเอ่ยด้วยดวงตาเปล่งประกาย มือทั้งสองจับหูหิ้วตะกร้าสานแบกหลัง“เอ่อ...ข้า...ก็เรียนที่สำนักศึกษาในเมืองซ่างผิงน่ะสิ”“อ่อ...ที่แท้สำนักศึกษามีเรียนนอกตำราด้วยสินะเจ้าคะ บ่าวเป็นเพียงไพร่ มิเข้าใจตำหรับตำราหรอกเจ้าค่ะ”“ฮ่ะ...ฮ่ะ...” ฮวาอิงหัวเราะกลบเกลื่อน“คุณหน
ตอนที่ 3ตลาดเมืองหลวง และขนมชั้นจากแดนไกลแสงแดดยามสายลอดผ่านม่านขาดวิ่นเดิม ๆ ในตำหนักเย็น พลอยในร่างฮวาอิง ตื่นขึ้นด้วยความเคยชินกับโลกใบใหม่นี้แล้วฮวาอิงเดินไปในห้องครัวเก่า ๆ หลังเรือน นั่งคุดคู้หน้าเตาอิฐเล็ก ๆ มองเปลวไฟจากฟืนแห้ง ที่กำลังต้มน้ำแกงแสนจืดชืดอย่างเคยที่ซูเม่ยกำลังทำ“กินแบบนี้ทุกวันมีหวัง ขาดสารอาหารแย่” ฮวาอิงลุกขึ้นเดินไปมาคิดอยู่นาน ก่อนจะมีแผนการบางอย่างผุดขึ้นมาในความคิด อยากกินก็ต้องทำ“ซูเม่ย เจ้าช่วยข้าแต่งตัวที ขอยืมชุดของเจ้าที่เก่าที่สุดเลยนะ”ฮวาอิงเอ่ยต่อสาวใช้ของตน วันนี้นางให้ซูเม่ยช่วยแต่งตัวมอมแมมเป็นหญิงชาวบ้านผิวคล้ำหน่อย เสื้อผ้าสีซีดซอมซ่อ ดึงเชือกผ้าเส้นเล็กผูกปมหยาบ ๆ รวบผมบนศีรษะให้เรียบร้อย เพื่อให้กลมกลืนไปกับผู้คนในยุคนี้“คุณหนูฮวาอิง แน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าจะออกไปข้างนอกในสภาพนี้” ซูเม่ยเอ่ยเบา ๆ ขณะจัดชายผ้าคลุมสีซีดให้แน่นขึ้น“เจ้าคิดว่าข้าแต่งชุดหญิงสาวในเรื
Comments