“บังอาจ!!!”
เสียงพูดคุยจอแจหยุดลงทันควัน ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจดังเฮือกตกใจหัวใจแทบร่วงอยู่ที่พื้น แต่เมื่อหันมากับพบชินอ๋องเชื้อพระวงศ์ระดับสูงผู้ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับฮ่องเต้ตวาดเสียงดังขึ้นกลางวง เหล่าเจ้าของเสียงนินทาทั้งหลายลูบอกอย่างโล่งใจ ทันทีที่พบว่าเป็นผู้ใด ต่างปรับสีหน้าท่าทางไม่ใส่ใจผู้มาใหม่เช่นเดิม ก่อนหน้านี้พวกเขากลัวว่าจะเป็นผู้อื่น ล่วงเกินเบื้องสูงท่านอื่น แต่เป็นคนผู้นี้… เหอะ ๆ ผู้ไม่อาจหยุดปากเหล่าสหายเสเพลที่ร่วมดื่มกินเที่ยวเล่นของคนผู้นี้ได้ และเปิดหัวข้อสนทนาที่หมิ่นประมาทเชื้อพระวงศ์ของราชอาณาจักรซีเว่ยที่มีเพียงผู้เดียวที่สามารถเอ่ยปากนินทาได้ต่อ คือ…ชินอ๋องมู่หรงเยี่ยหยางแห่งราชอาณาจักรซีเว่ย ชินอ๋องผู้นี้เป็นทายาทสายตรงเพียงคนเดียวของชินอ๋องมู่หรงหลงหมิงกับพระชายาเอกป๋ายหยู่ถงที่ประสบเคราะห์กรรม ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์กบฏแถบคาบสมุทรชิงไห่เมื่อสิบปีก่อน เขารับสืบทอดตำแหน่งของบิดาตั้งแต่เยาว์วัยไม่รู้ความ และเป็นเพียงผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมออกประพาสครั้งโน้น เนื่องจากบิดาเป็นน้องชายแท้ ๆ โดยสายเลือดที่มีพระมารดาคนเดียวกันกับอดีตไท่จื่อ [1] มู่หรงเพ่ยจวินที่ตอนนี้ผู้คนต่างคาดว่าสิ้นลมไปตั้งแต่เยาว์วัย แต่สวรรค์ยังคงปรานีให้เด็กหนุ่มเหลือญาติสนิทอีกคน อย่างฉีอ๋องมู่หรงหย่งสือผู้เป็นน้องชายอีกคนของมู่หรงหลงหมิง ที่ตอนนี้เป็นฮ่องเต้บนบัลลังก์มังกรแห่งราชอาณาจักรซีเว่ย คอยคุ้มกะลาหัวให้ท่านอ๋องผู้ว่างงานผู้นี้ หลังเหตุการณ์ครานั้น ทำให้อ๋องน้อยน่ารักผู้เป็นที่รักของทุกคนเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าอย่างสิ้นเชิง จากเด็กที่ร่าเริง สนุกสนาน กลายเป็นเด็กเงียบขรึมไม่พูดไม่จากับผู้ใด เป็นดั่งเรือใบไม้ล่องลอยเพียงลำพัง ทุกคนรอบข้างต่างอดสงสารไม่ได้ และคิดว่าท่านอ๋องน้อยผู้นี้คงวิปลาส สติหลุดลอยไปกับภาพพระบิดาและพระมารดาที่ถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา ทำให้ปิดกั้นตัวเองจากผู้อื่น โศกนาฏกรรมในตอนนั้นกว่าจะหาตัวของอ๋องน้อยพบ ก็อีกสองปีต่อมาสภาพของเด็กชาย ก็ใกล้เส้นชีวิตขาดอยู่รอมล่อ เด็กน้อยถูกฉุดแย่งเยื้อออกมาจากขอบเหวห้วงอเวจี ร่างกายทรุดโทรมซูบผอม เนื้อตัวสกปรกมอมแมน จนยากจะแยกได้ว่าเขา คือเชื้อพระวงศ์องค์น้อยที่ถูกตามหา มีเพียงสร้อยหยกขาวกรงเล็บมังกรที่คล้องอยู่บนคอ เป็นเครื่องพิสูจน์ยืนยันว่าพระองค์ คือ มู่หรงเยี่ยหยาง และใบหน้าที่ฮ่องเต้มู่หรงหย่งสือและไทเฮาหลิวอี้หงไม่เคยลืมเลือน ใบหน้าที่เป็นตัวแทนพี่ชายและลูกชายของพวกเขา เยี่ยหยางกลายเป็นเด็กเงียบขรึมอยู่หลายปี จนทุกคนรอบข้างต่างกังวลเป็นห่วง จนห้าขวบเริ่มตีคน เจ็ดขวบดื่มเหล้า เก้าขวบกล้าเหยียบหอโคมเขียวโคมแดง กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มเกเร เป็นคนเหลาะแหละ ดูไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวที่สุด นำหน้าเหล่าคุณชายที่วัน ๆ เอาแต่กินเล่นผลาญเงินทอง เป็นยอดคุณชายเสเพล สำมะเลเทเมา ที่ผู้คนในเมืองหลวงต่างด่าลับหลัง บางคราก็โพล่งต่อหน้าเจ้าตัว สร้างข่าวคราวชื่อเสียงเสียหาย จนไม่มีหน้าให้เสียได้อีก ไม่ว่าจับปลา ชนไก่ แข่งลูกเต๋า ตีจิ้งหรีด ทุบตีเตะคนโดยไม่รู้สึกรู้สา ไม่มีความเกรงกลัว เขาล้วนทำมาแล้วทุกสิ่ง ความสามารถด้านนักเลงอันธพาล เขากลับเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในใต้หล้า เหล้านารีแดงยันพยัคฆ์คำรามไม่อาจทำให้เด็กชายดื่มแล้วเมามายแม้แต่น้อย คอทองแดงเหมือนยกซดน้ำแกง ชินอ๋อง-มู่หรงเยี่ยหยางเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในหมู่ของพวกเสเพลในเมืองหลวง โจรผู้ร้าย นักต้มตุ๋นหลอกลวงกับชิดเชื้อสนิทสนมท่านอ๋องผู้นี้ดังสหาย นักเลงอันธพาลไม่มีใครที่ไม่เคยเสวนากับเขา คำว่าตัวบัดซบที่ดีเป็นอย่างไร คงมีแค่ชินอ๋องมู่หรงเยี่ยหยางเท่านั้นที่สามารถอธิบายได้ถึงแก่นแท้ของความหมายได้ แต่ถึงแม้เขาจะเลวร้ายบัดซบถึงแก่นเพียงใด ผู้คนด่าว่าสาดเสียเทเสียเพียงใด ก็ไม่เคยมีใครตายในน้ำมือฝ่าเท้าของชินอ๋อง ทำให้ฮ่องเต้ได้แต่จนใจ ปิดตาข้างหนึ่งหลับตาอีกข้างโบกมือปล่อย ๆ เขาไปอย่างช่วยไม่ได้[1] องค์ไท่จื่อ หรือ หวงไท่จื่อ (皇太子) เป็นตำแหน่งองค์รัชทายาทมีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์คนถัดไป มักมีคำเรียกแทนตัวเองว่า “เปิ่นไท่จื่อ”
เอ๊ะ? เมื่อกี้อีกฝ่ายบอกว่าเขาเป็นน้องชาย ก็หมายความว่าอีกคนเป็นพี่ชายที่ท่านแม่เอ่ยถึงงั้นหรือ“ท่านคือ?”“อ่ะแฮ่ม...ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้ง น้องชายของข้า”เยี่ยหยางกล่าวยิ้มกว้างต้อนรับน้องชายอย่างอารมณ์ดี ปัดความบาดหมางส่วนตัวระหว่างเขากับเฉิงเยว่ทิ้งทันที ราวกับเรื่องที่ปะทะคารมกันไม่เคยเกิดขึ้นจูเฉิงเยว่ “...”“เจ้าไม่เชื่อ?” เยี่ยหยางเห็นน้องชายเงียบไปก็ถามกลับ ก็ได้คำตอบที่ปวดใจมาแทนว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อแม้แต่น้อย“นี่เจ้าดู” คนเป็นพี่ลากน้องชายหมาด ๆ มายืนหน้ากระจกเทียบ “สีผมเราสองคนก็เหมือนกัน สีตาก็ด้วย นี่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลเราเลยนะ”“ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้มีสีผมสีตาประหลาดอย่างนี้” เฉิงเยว่แย้ง“ก็ได้ ๆ ข้าจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าฟัง” เยี่ยหยางพูดเสียงเล็กเสียงน้อยกับน้องชายอย่างอ่อนโยนจากนั้นรินน้ำชาให้ตัวเองและน้องชาย เตรียมสนทนายืดยาวให้อีกฝ่ายยอมรับเขาให้ได้ เขาอยากมีน้องชายตั้งแต่อยู่ระนาบมนตราแล้ว แต่ท่านพ่อไร้ความสามารถ ให้กำเนิดน้องน้อยของเขาไม่ได้ ไม่คิดว่าจะมีน้ำยาตอนนี้“จักรวาลกว้างใหญ่มีระนาบปริภูมินับพันนับหมื่นดวง ระนาบหวู่เซียนคือระนาบยุทธที่อำนาจปราณ
เจ้าตัวเลยพิสูจน์โดยถลกแขนเสื้อขึ้นไม่เกรงใจเจ้าบ้านบาดแผลยาวจากคมกระบี่ค่อย ๆ สมานตัวเองเห็นชัดด้วยตาเปล่า ดวงตากลมโตเบิกตากว้างอย่างตกใจยารสชาติห่วยนรกแตก แต่มีประสิทธิภาพดีเกินคาด คงไม่มีโอสถใดเยี่ยมยอดเท่านี้ มันสามารถรักษาบาดแผลได้ในพริบตาเฉิงเยว่มองหน้าเส้าหยางอย่างมึนงง สายตาเต็มไปด้วยคำถาม ว่า ทำไมต้องช่วยเขามากมายอย่างนี้“คุณชายจู คงมีคำถามอยากถามข้า”เยี่ยหยางถาม เขาไม่ต้องเสแสร้งปกปิดตัวตน เผยบุคลิกเป็นตัวเอง ออกมา “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเองมีพลังอย่างอื่นนอกจากปราณยุทธ”“ข้ารู้ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร”“คุณชายมองตัวเองในยามนี้ก่อน” เยี่ยหยางร่ายเวทเรียกกระจกส่องทั้งตัวให้เฉิงเยว่ได้มองตัวเองทั้งตัวดูท่าเจ้าตัวจะไม่รู้ว่า นอกจากตัวเองมีพลังเวทแล้ว แม้แต่รูปลักษณ์ก็ยังเปลี่ยนไปเฉิงเยว่มองภาพสะท้อนนิ่งงึนงัน มือยกจับเส้นผมที่เคยเป็นสีเข้มกับกลายเป็นสีเงินยวงขาวสว่างทั่วทั้งศีรษะ ดวงตาสีฟ้าแทนที่ดวงตาเข้มที่เคยมีนับสิบปีไม่ มันเกิดอะไรขึ้นกับเข
“จุ๊ ๆ ไม่ต้องรีบอยากตาย เดี๋ยวข้ามีเรื่องสนทนาอย่างสนิทสนมกับพวกเจ้า”บุคคลที่สวมหน้ากากตัวสูงกว่า กล่าวกับพวกมันที่เหลือรอดห้าคน ด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมแผ่ไอเย็นทั่วร่าง จนไม่มีใครกล้าขยับตัวปิดปากเงียบ กลัวว่าหากเผลอส่งเสียงจะกลายเป็นนกถูกเกาทัณฑ์ตัวแรกพวกมันมองเพื่อนร่วมอาชีพอีกคนชิ่งตายด้วยสีหน้าอิจฉาแม่ง! หนีตายไปสบายก่อนใครเพื่อนเลยเยี่ยหยางหลังจากข่มขู่มือสังหารเสร็จ ก็หันไปหาจูเฉิงเยว่ที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ไป“คุณชายข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า หวังว่าจะไม่ปฏิเสธ” เขาเอ่ยกับคุณชายจูเฉิงเยว่ “สภาพเจ้าตอนนี้คงไปพบใครลำบาก มากับข้า”ส่วนเฉิงเยว่เหนื่อยจนพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอมให้อีกฝ่าย ตัวเขาคาดไม่ถึงว่าคนที่มาช่วยคือเส้าหยาง โชคดีที่อีกฝ่ายยื่นมือมาช่วย แม้เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่เคยคุยกันอย่างสนิทสนมก็ตามทันทีที่จูเฉิงเยว่พยักหน้าตกลง เยี่ยหยางก็ร่ายคาถาเคลื่อนย้ายพริบตาอีกหน นำทั้งคนทั้งศพของเหล่านักฆ่า กลับไปที่เขาเพิ่งจากมาอีกครั้ง“อ๊ะ! อาหยางลืมสิ่งใด?”
และผลลัพธ์ก็คือระเบิดโทสะของจูเฉิงเยว่ที่ไม่มีใครล่วงรู้ เพราะผู้ลองดีต่างไปรายงานตัวกับยมบาลกันทุกคนเรียบร้อย สำหรับบางคนการมีโทสะ อาจทำให้ขาดสติ แต่สำหรับเฉิงเยว่โทสะในเรื่องนี้กลับทำให้เขาสงบอารมณ์ สงบนิ่งจนน่ากลัว ประสาททั้งห้าเปิดรับสัมผัส แววตานิ่งเย็นยะเยือกพร้อมทำลายพวกมันหารู้ไม่ว่า ได้ก้าวข้ามขีดอารมณ์ของทายาทตระกูลจูให้แล้ว ลมไร้ที่มาโหมกระหน่ำจากทุกทิศทาง ล้อมรอบกลุ่มมือสังหารสองกลุ่มที่ส่งคนมามากกว่างานอื่น ๆ พวกมันต่างมองหน้ากันอย่างมึนงง ข่าวลือในสมาคมนักฆ่าเกี่ยวกับคุณชายตัวประหลาดผู้นี้เห็นทีจะเป็นจริง พวกมันต้องรีบจบงานนี้ ก่อนที่ชีวิตของมันจะต้องจบลงที่นี่เอง ท่าทีกวนโทสะเหยื่อเปลี่ยนเป็นลงมือสังหารอย่างจริงจังเคร่งเครียดมากขึ้น คมอาวุธพุ่งเข้ามาทุกทิศทางเล็งเข้าที่จุดตาย จูเฉิงเยว่รู้สึกถึงพลังบางอย่างไหลเวียนในร่างกาย เอ่อล้นเต็มไปด้วยพลัง ความรู้สึกที่รุนแรงยิ่งกว่าพลังข
พวกเขาทุกคนที่เป็นคนของสมาคมเหวินชา ต่างเป็นคนที่อาหยางเลือกเองกับมือ ถูกสั่งสอนฝึกฝนจนกลายเป็นยอดคน แม้ว่าอาหยางของเขาจะเป็นแค่เด็ก แต่ความรู้และประสบการณ์กลับมากมายมหาศาลอาหยางต้องประสบเหตุการณ์เช่นใดที่บีบบังคับให้ต้องเติบโตเลี้ยงตัวเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะเติบโตมาด้วยกันช่วงหนึ่ง และรู้จักครอบครัวเบื้องหลังตี้ตี่ แต่เขาคิดว่ามันต้องมีเรื่องราวมากกว่าที่เขารู้ หวังว่าน้องน้อยของเขาจะใช้ชีวิตเฉกเช่นคนปกติทั่วไป อย่าได้เจ็บปวดเช่นพี่ชายคนนี้เลยจูเฉิงเยว่เมื่อสะกดรอยตามชินอ๋องไม่ทัน เขาก็ย้อนกลับไปที่จุดมุ่งหมายเดิม ที่ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาถึงยามเซินแล้ว จะให้ท่านแม่รอนานไม่ใช่ความคิดที่ดี“สบายดีหรือไม่ คุณชายจูเฉิงเยว่?”คุณชายน้อยตระกูลจูถึงกลับกลอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย ที่ต้องพบกับพวกโตแต่ตัวแต่ไร้สติปัญญาอีกแล้ว พวกมันราวสิบคนปิดบังหน้าตาเยี่ยงโจรหาเรื่องคนตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน ช่างอาจหาญยิ่งนัก เขาไม่อยากเสียเวลากับคนพวกนี้ยิ่งกว่าอ๋องจอมบัดซบคนนั้นสักอีก“ถอยออกไปตอนนี้ ข้าจะยังไม่เอาเรื่องพวกเจ้า” จูเฉิ
ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาริเริ่มลงมือทำหลังจากแน่ใจว่าต้องติดอยู่ต่างถิ่นคือ หาเงินและหลักแหล่งที่มั่นคง“อาหยาง!!!”เสียงร้องอย่างดีใจของกู้ซีเจ๋อ ผู้รับหน้าที่ดูแลกิจการทั้งหมดแทนเยี่ยหยางร้องอย่างคิดถึงคนที่หายหน้าหายตาไปนาน เขาไม่เห็นเงาหัวนายท่าน ‘เส้าหยาง’ หัวหน้าสมาคมการค้าเหวินชาจนแทบลืมว่ามีตัวตน ยังดีที่เส้นผมสีสว่างเด่นบอกเอกลักษณ์ที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางลืม จะมีใครที่มีเส้นผมสีนี้ตั้งแต่ยังไม่แก่เฒ่ากันบ้าง ถ้าไม่ใช่เจ้านายที่นึกได้ว่าตัวเองก็มีงานต้องทำ“ระงับอารมณ์ตื่นเต้นที่คิดถึงน้องรักหน่อยพี่”ดวงตาสองสีมองไปที่พี่ชายนอกสายเลือดของเขาด้วยดวงตาหยอกเย้ากู้ซีเจ๋อ ที่ทำหน้าที่แทนเจ้าของกิจการได้อย่างดีเยี่ยม สมกลับที่คนเป็นน้องวางใจทิ้งงานให้แบบไม่ต้องเป็นห่วง“ข้าไม่ได้ตื่นเต้นคิดถึงเจ้า แต่คิดว่าเมื่อไหร่เจ้าจะเอางานตัวเองกลับไปสะสางสักที ข้าแทบจะจมกองบัญชีตายอยู่แล้ว” กู้ซีเจ๋อมองหน้าน้องชายที่เคยน่ารักอย่างขุ่นเคืองเยี่ยหยางเจอกับกู้ซีเจ๋อโดยบังเอิญเมื่อสิบปีก่อน