เสี่ยวเยี่ยนจื่อ เมื่อได้เห็นว่ามู่หรงเสี่ยวหมิงและฉินมู่หลานกำลังกอดรัดนัวเนียกันอยู่อย่างแนบชิด อารมณ์โทสะภายในใจก็ยิ่งพลุ่งพล่าน นางลอบกำมือแน่นแต่ยังคงแสร้งตีหน้าไร้เดียงสาและเขินอาย
"ขออภัยพี่หญิงเพคะ น้องไม่ทราบว่าท่านอ๋องจะทรงมาหาพี่หญิงที่นี่"
ฉินมู่หลานยิ้มตาหยี ก่อนจะปล่อยศีรษะของมู่หรงเสี่ยวหมิงให้ออกมาจากร่องอกอวบอิ่มของนาง เขามองนางตาขวาง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ให้เต็มปอด
เกือบตายคาอกแล้วมั้ยล่ะตัวข้า!!!
"โอ๊ะ ท่านพี่อ๋องเสด็จไปที่เรือนน้องเยี่ยนจื่อมาหรือ พี่ไม่รู้ พี่ก็ยืนรับลมอยู่ที่ริมระเบียง จู่ๆ ท่านพี่อ๋องก็วิ่งเข้ามาเสวยนมพี่"
ฉินมู่หลานเอ่ยคำโกหกได้อย่างหน้าตาย มู่หรงเสี่ยวหมิงหันไปมองฉินมู่หลานก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
เจ้าต่างหากที่กดหน้าข้าลงไปในร่องนมของเจ้า!!!
เสี่ยวเยี่ยนจื่อเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะมองมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยสายตาไร้เดียงสา
"ท่านอ๋อง จู่ๆ ท่านก็ออกจากเรือนหม่อมฉันไป หม่อมฉัน"
"เจ้ากลับไปพักเถอะ คืนนี้ข้าจะค้างที่เรือนฉินมู่หลาน"
"เพคะ"
เสี่ยวเยี่ยนจื่อทำได้เพียงตอบรับอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนัก ฉินมู่หลานหันไปมองมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ มู่หรงเสี่ยวหมิงเองก็มองนางด้วยสายตาที่ล้ำลึก
ตายแล้ว!!! บทจะได้กิน ก็ได้กินง่ายๆ เชียว
กินทั้งลำ คิกคิก
ห้องนอน
"เฮ้ออออ"
"ถอนหายใจทำไมกัน!!! อ่านต่อไปสิ!!!"
ฉินมู่หลานปรายตามองมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยแววตาตัดพ้อ
คิดว่าจะได้กินเขาแล้วแท้ๆ
"ท่านพี่อ๋องเพคะ"
"บทสวดพระธรรมขั้นสูง อ่านต่อไป"
ให้ตายเถอะ!!! เขาให้นางอ่านบทสวดมนต์ให้ฟังไปตั้งหลายจบแล้ว
ถ้าอยากจะบวชนัก แล้วจะมีเมียไปเพื่ออะไรกัน!!!
"หม่อมฉันไม่อ่านแล้วเพคะ!!! หม่อมฉันจะนอน"
"ข้าชอบฟังบทสวดเหล่านี้ มันช่วยทำให้จิตใจสงบ ไร้ตัณหาครอบงำ ช่วยให้จิตใจสบาย"
"บวชเถิดเพคะ"
"อย่ามาเถียงข้า!!!"
"เขาเรียกว่าเสนอความคิดเห็นเพคะ"
"จะอ่านหรือไม่!!! ไม่อ่านข้าจะได้กลับไปนอนที่เรือนข้า"
"เดี๋ยวสิเพคะ ท่านพี่อ๋อง"
มู่หรงเสี่ยวหมิงหันไปมองฉินมู่หลานที่ยื่นมือมาดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้ สายตาของนางที่มองเขาดูร้อนแรงเป็นอย่างยิ่ง
"ปล่อยข้า!!!"
"ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอดูหน่อยได้หรือไม่เพคะ?"
"ดูอะไร?"
ฉินมู่หลานชี้ไปที่หว่างขาของมู่หรงเสี่ยวหมิงก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
"ข้าง่วง จะนอนแล้ว!!!"
"จะรีบนอนทำไมกันเพคะ? มาทำ...กันก่อนดีหรือไม่เพคะ"
"มู่หลาน!!!"
"ท่านพี่อ๋องนอน หม่อมฉันขึ้นให้ดีหรือไม่เพคะ? ท่านพี่อ๋อง ท่านพี่อ๋อง!!!"
มู่หรงเสี่ยวหมิงใช้ผ้าห่มคลุมร่างจนมิดชิด ก่อนจะพลิกกายนอนหันไปอีกด้าน เพื่อหนีการรบกวนจากฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานทำได้เพียงส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอด้วยความขัดเคือง
เช้าวันต่อมา ทั้งสองกำลังนั่งรับสำรับเช้าที่โต๊ะอาหาร ฉินมู่หลานมองถ้วยชาที่วางอยู่ตรงหน้าก่อนจะหันไปเอ่ยกับหลิงหลิง
"ข้าไม่ดื่มชา เจ้าไปนำนมอุ่นๆ มาให้ข้า"
"เพคะ"
มู่หรงเสี่ยวหมิงหันมามองฉินมู่หลานเล็กน้อย
"ปกติเจ้าไม่ชอบดื่มนม เจ้าบอกว่ามันเหม็นคาวมิใช่หรือ?"
"หม่อมฉันสุขภาพไม่ดีเพคะ อยากจะลองเปลี่ยนมาดื่มนมดูบ้าง มันก็ไม่ได้คาวมากเพคะ ต้องฝึกดื่มเอาไว้ เผื่อวันหน้าได้ดื่มของที่คาวกว่านี้จะได้ไม่คลื่นไส้เพคะ"
"ของอะไรกันที่คาวกว่านี้?"
ฉินมู่หลานไม่ตอบ เพียงแต่ป้องปากหัวเราะคิกคัก ไม่นานหลิงหลิงก็ยกถ้วยนมสดเข้ามา ฉินมู่หลานสะบัดมือให้หลิงหลิงและเหล่านางกำนัลออกไปจนหมดและสั่งห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามา
"เจ้าไล่พวกนางออกไป แล้วใครจะคอยปรนนิบัติข้ากับเจ้า"
"หม่อมฉันจะปรนนิบัติท่านพี่อ๋องเองเพคะ"
ไม่พูดเปล่า ฉินมู่หลานถอดเสื้อตัวนอกออกจนหมด เหลือเพียงเสื้อตัวในที่บางเบาเพียงเท่านั้น เผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มที่แทบจะล้นทะลักออกมานอกเสื้อ
"มาเพคะ หม่อมฉันรินชาให้นะเพคะ"
ฉินมู่หลานเดินเข้าไปยกกาน้ำชาขึ้นมา แล้วจึงขยับเข้าไปใกล้ๆ กับมู่หรงเสี่ยวหมิง นางก้มตัวลงต่ำให้เนินอกอยู่พอดีกับสายตาของมู่หรงเสี่ยวหมิง
เขาอดไม่ได้ที่จะปรายตาไปมองนาง แล้วจึงพบกับยอดอกอวบอิ่มที่ใหญ่จนล้นทะลัก กำลังส่ายไปมาอยู่ใกล้ๆ กับใบหน้าของเขา
"ลองบีบดูสักหน่อยไหมเพคะ มองอย่างเดียวคงไม่สนุก"
"กลับไปนั่งได้แล้ว ข้าหิวแล้ว"
"หิวนม?"
"หิวข้าว!!!"
ฉินมู่หลานกลับมานั่งที่โต๊ะ ก่อนจะยกถ้วยนมขึ้นมาจิบเบาๆ
"ซี้ดดด นมนี่หวานมากเพคะ อ๊าสส์!!!"
"เจ้าจะครางทำไม เดี๋ยวนางกำนัลที่อยู่ข้างนอกก็ได้ยินหรอก!!!"
"ก็มันแสบคอนี่เพคะ อ๊อก อ๊อก ถุยยย!!!"
"มู่หลานน!!! หยุดเดี๋ยวนี้!"
หลังจากรับสำรับจนอิ่มแล้ว มู่หรงเสี่ยวหมิงก็ออกมาจากเรือนของฉินมู่หลานเดินตรงไปที่ห้องตำราทันที แล้วจึงปิดประตูเอาไว้โดยไม่ได้ลงกลอน เพราะหน้าประตูจะมีองครักษ์เฝ้าอยู่นายหนึ่ง ผู้ใดจะเข้ามาพบเขาต้องรายงานต่อเขาก่อน
เขาหยิบภาพวาดแดนสวรรค์ขึ้นมาเปิดดู แล้วจึงปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจนหมด
เขาใช้ฝ่ามือใหญ่กอบกุมแก่นกายที่แข็งดุนดัน แล้วจึงรูดชักแท่งเอ็นร้อนขึ้นลงอย่างถี่เร่า
"ซี้ดดดดดด!!!"
ความอยากที่สะสมมาค่อนคืนของเขา กำลังจะพุ่งล้นทะลักออกมาแล้ว
ฉินมู่หลานแอบเดินตามมู่หรงเสี่ยวหมิงมาถึงหอตำรา ก่อนจะเดินตรงไปที่หน้าประตู
จะรีบไปไหนกันนะ? นางถามเขาก็บอกแค่เพียงจะมาอ่านตำราพระธรรมเพิ่มความสงบใจ ขอไปดูสักหน่อยเผื่อได้เห็นของดีวับๆ แวมๆ
"ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ พระชายาเอก กระหม่อมต้องกราบทูลต่อท่านอ๋องก่อน พระองค์จึงจะเข้าไปได้พ่ะย่ะค่ะ"
ฉินมู่หลานปรายตามององครักษ์ผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชา
"ข้านัดกับท่านพี่อ๋องเอาไว้ เจ้าหลบไป"
"แต่ว่า...."
"จะหลบดีดีหรือจะหลบด้วยน้ำตา?"
องครักษ์น้อยก้มหน้างุด ก่อนจะยอมหลีกทางให้ฉินมู่หลานอย่างไร้ทางหลีกเลี่ยง
แอ๊ดดด
"ท่านพี่อ๋องเจ้าขาาาา!!!"
"ซี้ดดดด โอ้ววว!!!"
"วร้ายยย น้ำพุ่ง!!!"
เขาอุ้มร่างบางของฮองเฮาผู้เป็นที่รักเข้ามาในตำหนัก ก่อนจะวางนางลงบนโต๊ะเสวยอาหาร สองแขนใหญ่สอดเข้าไปที่ใต้เรียวขางามของนาง กอดรัดเอวบางเอาไว้ ฉินมู่หลานจึงใช้สองมือจับขอบโต๊ะเอาไว้ เพื่อรอรับความหรรษาที่เขาจะมอบให้แก่นางมู่หรงเสี่ยวหมิงกระแทกกระทั้นลำแท่งใหญ่ยักษ์เข้ามาในร่องรูของนางจนเกิดเสียงดังตับตับตับ โต๊ะไม้สั่นสะเทือนตามแรงบดเบียดเสียดสีของคนทั้งสอง ฉินมู่หลานใบหน้าบิดเบี้ยว ส่งเสียงหวานครวญครางไม่เป็นภาษา มู่หรงเสี่ยวหมิงโน้มใบหน้าลงไปจูบนางอย่างหนักหน่วง ลิ้นร้อนสอดแทรกบดเบียดเกี่ยวกระหวัดพัวพันกับลิ้นชื้นของนางอย่างเสน่หา ไฟแห่งความปรารถนาของคนทั้งคู่กำลังลุกโชนสว่างเจิดจ้า ไร้วี่แววที่จะมอดดับลง มีแต่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ"อ๊าส์!!! มันแน่นไปหมดเพคะ อื้ออออ!!! หม่อมฉันจุกเหลือเกินเพคะ!!!""ซี้ดดดด สุดยอดมาก ข้าเสียวเหลือเกิน โอ้วว!!!"เขาช้อนร่างของนางขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วจึงพานางลงไปนอนหงายบนเตียง อ้าขานางออกจนกว้าง ก่อนจะบดเบียดแท่งเอ็นร้อนเข้ามาในซอกหลืบดอกไม้งามจนมิดลำ เขาขยับแท่งแก่นกายกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเร็วแรง จนกลีบกุหลาบบวมแดงไปหมดตับตับตับเขาโน้มใบหน้าลงไ
ฉินมู่หลานดีดนิ้วมือจนเกิดเสียงดังเปาะ เหล่านางกำนัลต่างรีบนำผ้าขาวมาล้อมรอบบริเวณระเบียงด้านนอกจนมิดชิด และนำฟูกนอนมาวางเอาไว้ก่อนจะออกไปรอที่ด้านนอกตำหนักจนหมด ตอนนี้จึงมีเพียงแสงจันทร์ที่ทอแสงลงมานางค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกายจนสิ้น แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหามู่หรงเสี่ยวหมิง ดึงทึ้งเสื้อผ้าของเขาออกเช่นกัน และลูบไล้ฝ่ามือลงไปบนแผงอกล่ำสันของเขาด้วยความหลงใหล สายตาของนางมองต่ำลงไปที่ลำแท่งมังกรขนาดใหญ่ที่แข็งชูชันรอคอยให้นางเล่นสนุกกับมันนางย่อตัวลงไปนั่งที่พื้น ก่อนจะใช้มือขาวเรียวงามจับแท่งเอ็นร้อนของเขารูดชักขึ้นลง ลิ้นอุ่นร้อนม้วนเลียที่ปลายหัวสีชมพูจนฉ่ำแฉะ แล้วจึงครอบริมฝีปากลงไปกลืนกินลำแท่งแก่นกายที่ใหญ่ยาวจนมิดลำ พร้อมกับขยับศีรษะขึ้นลงอย่างเร็วแรงและถี่เร่า"ซี้ดดดด!!! อ่าส์!!!"เขากดศีรษะของนางเอาไว้ แล้วกระแทกลำแท่งเอ็นร้อนเข้าออกในโพรงปากสวยของนางอย่างเอาแต่ใจอ๊อก อ๊อก"โอ้ววว มู่หลาน ซี้ดดด!!! จะแตกแล้ว!!!"ฉินมู่หลานเร่งขยับศีรษะให้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น ไม่นานนักน้ำรักสีขาวขุ่นก็พุ่งล้นทะลักผ่านเข้ามาในลำคอของนาง ฉินมู่หลานเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยกลัวว่าน้ำรักของสามีอันเ
รัชศกเสี่ยวหมิงปีที่ 1ฮ่องเต้มู่หรงเสี่ยวหมิง ทรงขึ้นครองราชย์ราชสมบัติ และสถาปนาพระชายาเอกนามว่าฉินมู่หลานขึ้นเป็นฮองเฮา เขาไม่รับพระสนมใดใดเพิ่มอีกเลยแม้แต่คนเดียวฉินมู่หลานกำลังยืนรับลมอยู่ที่ตำหนักเฟิ่งหวง นางสวมชุดฮองเฮาสีแดงสด ปักลายมังกรเหยียบเมฆาม้าสวรรค์ หงส์คู่มังกร สวมทับด้วยแถบเซียะเพ่ยสีแดงปักลายหงส์ฟ้าสิบสองตัว บริเวณแขนเสื้อทำเป็นทรงกว้างปักลายมังกรทอง มงกุฎหงส์บนศีรษะประดับด้วยหงส์พิลาสสามตัว บริเวณท้ายมงกุฎ ด้านบนคือหงส์พิลาสข้างละหนึ่งตัว ห้อยระย้าแปดพฤกษ์ ที่เป็นลูกปัดร้อยทรงสี่เหลี่ยมสลับกับตารางเรียงครบแปดชั้นวันนี้อากาศค่อนข้างดีไม่น้อย นางจึงออกมาเดินเล่นเสียหน่อย"เจ้าท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว ไม่ควรออกมาเดินรับลมเช่นนี้"ฉินมู่หลานหันไปมองมู่หรงเสี่ยวหมิงที่สวมชุดมังกรทองเดินเข้ามาหานาง และประคองโอบไหล่นางให้เดินกลับเข้าไปในตำหนักด้วยกัน"อากาศอบอ้าวเพคะ อยากออกมารับลมเสียหน่อยเพคะท่านพี่ฝ่าบาท""เจ้าใกล้คลอดแล้ว เกิดไม่ระวังขึ้นมาจะเป็นอันตรายได้""รู้แล้วเพคะ เลิกบ่นเสียที โอ๊ะ!ท่านพี่ฝ่าบาท""มู่หลาน!!! เจ้าเป็นอะไร?""น้ำคร่ำแตกเพคะ น้ำคร่ำแตก!!!"ฉินมู่หลานช
ฉินเหยาเซียวง้างคันธนูขึ้นมาเตรียมจะยิงมันเข้ามาที่ฉินมู่หลานและมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยสายตาโกรธเกลียด นางเกลียดมันทั้งสอง คนที่ควรอยู่ในอ้อมกอดของมู่หรงเสี่ยวหมิงควรจะต้องเป็นนางเพียงเท่านั้น!!!นักฆ่าของนางถูกทหารของฝ่าบาทฆ่าตายจนหมดสิ้นแล้วนางไม่ยอม!!! มันจะต้องไม่จบลงเช่นนี้ ไม่มีทาง!!!ฉึก!!!มู่หรงเสี่ยวหมิงกอดฉินมู่หลานเอาไว้แน่น หากจะต้องตายเขาก็พร้อมที่จะยอมตายไปพร้อมกับนางทั้งสองค่อยๆ ลืมตาขึ้นไปมอง ลูกธนูที่พุ่งตรงมาเมื่อครู่ไม่ได้ปักลงมาที่เขาทั้งสอง แต่ทว่ามันกลับพุ่งแทงทะลุหน้าอกของฉินเหยาเซียว นางกระอักเลือดออกคำโต สายตาจ้องมองมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยสายตาเว้าวอน ก่อนจะล้มลงกับพื้น นางสิ้นใจตายทั้งที่ดวงตายังเบิกโพลงจ้องมองมาที่ฉินมู่หลานและมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยความเกลียดชัง"เสี่ยวหมิง""เสด็จพี่ โอ๊ย!!!"มู่หรงเสี่ยวเฉินเป็นคนฆ่าฉินเหยาเซียวด้วยมือของเขาเอง เขามองนางที่ล้มลงตายอยู่บนพื้นด้วยสายตาที่เจ็บปวด"ท่านพี่อ๋องท่านบาดเจ็บ ให้ข้าพยุงท่านเถิดเพคะ"ฉินมู่หลานค่อยๆ ประคองร่างของมู่หรงเสี่ยวหมิงให้ค่อยๆ เดินไปพร้อมกับนาง"โอ๊ย!!!""มู่หลาน!!! มู่หลานเจ้า เลือด!!!"ฉินมู่
ฉินมู่หลานหันไปมองเสี่ยวเยี่ยนจื่อด้วยสายตาที่สงสัยไม่น้อย ตอนนี้องครักษ์เงาของตำหนักชินอ๋องกำลังล้อมนางกับเสี่ยวเยี่ยนจื่อเอาไว้ตรงกลาง คอยคุ้มกันความปลอดภัยให้แก่พวกนางทั้งสอง"เจ้ามาได้เช่นไร?""หลิงหลิงนางกำนัลของเจ้าไปแจ้งข้าที่จวนว่าเจ้าหายตัวไปกลางดึก ปกติเจ้าจะลุกขึ้นมาเรียกนางให้เข้าไปปรนนิบัติทุกคืน แต่เมื่อคืนเจ้ากลับเงียบหายพอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเจ้าหายตัวไป นางจึงรีบมาหาข้าที่จวน""แล้วองครักษ์เงาเล่าเจ้าไปพาพวกเขามาได้เช่นไร?""องครักษ์เงาแท้จริงแล้วเป็นทหารฝีมือดีที่ไทเฮาทรงบ่มเพาะเอาไว้ กลุ่มหนึ่งตามท่านพี่ไป อีกกลุ่มคอยอารักขาตำหนักชินอ๋องเอาไว้ ไทเฮาทรงมอบพวกเขาให้กับท่านพี่มู่หรงเสี่ยวหมิง หลิงหลิงบอกว่าเห็นหย่งเยี่ยมีท่าทีลับๆ ล่อๆ จึงแอบตามนางมา ตอนที่ข้าไปถึงองครักษ์กำลังฟื้นคืนสติ พวกเขาถูกวางยานอนหลับ""นางเป็นนักฆ่าที่ฮองเฮาเลี้ยงดูเอาไว้ ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน""โหดเหี้ยมจริงๆ แล้วยังคิดไม่ซื่อต่อข้ากับไทเฮาอีกด้วย""นางกำลังส่งคนไปฆ่าท่านพี่อ๋อง""จริงหรือ เรารีบหนีกันก่อนเถิด!!!""คิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือนังสารเลว!!!"ฉินเหยาเซียวง้างคันธนูเตรียมยิงเข้ามาที่
"เหตุใดพระองค์ถึง...."ฉินเหยาเซียวปรายตามองฉินมู่หลานด้วยสายตาเย็นชา ในแววตานั้นไม่มีแม้แต่ความเอ็นดูรักใคร่หลงเหลือต่อนางเช่นแต่ก่อนอยู่เลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าฉินมู่หลานไม่ใช่หลานสาวร่วมสายเลือดเดียวกันกับนาง"แปลกใจมากเลยหรือ ที่เป็นข้า?"ฉินมู่หลานไม่ตอบสิ่งใด นางค่อยๆ พยุงร่างตนเองให้ลุกขึ้น แต่ทว่าเพราะฤทธิ์ของยาสลบจึงทำให้นางรู้สึกเวียนหัวและดวงตาพร่ามัวคล้ายจะเป็นลม"เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจะลงมือเร็วเช่นนี้ หากเจ้าไม่ได้ตั้งครรภ์ขึ้นมาเสียก่อน""หมายความว่าอย่างไร? หม่อมฉันไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเกลียดกันเพคะ หม่อมฉันเป็นหลานสาวแท้ๆ ของพระองค์นะเพคะ""หลานสาวหรือ ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าช่างเพ้อฝันไม่เคยเปลี่ยน"ฉินมู่หลานขมวดคิ้วมุ่นมองฉินเหยาเซียวด้วยความสงสัยแรงจูงใจในการลักพาตัวนางมาคือสิ่งใดกันแน่?ฉินเหยาเซียวทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ"ข้าอุตส่าห์วางยาพิษเจ้าทีละนิดมานานแรมปี จนร่างกายของเจ้าอ่อนแอลงทุกวัน ข้าคิดว่าเจ้าจะตกตายไปตั้งแต่วันนั้น แต่เจ้ากลับดวงแข็งฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง ข้าจึงลงมือเป็นครั้งที่สองพยายามเป่าหูเจ้าเรื่องไทเฮ