รถม้าเคลื่อนมาจอดที่หน้าตำหนักจวนอ๋องแล้ว มู่หรงเสี่ยวหมิงรีบจัดการเสื้อผ้าของตนเองให้เข้าที่ ก่อนจะปรายตามองฉินมู่หลานด้วยสายตาโกรธเคือง
"เจ้าเห็นหรือไม่ว่ามันเลอะ!!!"
"หม่อมฉันก็บอกแล้วว่าจะดูดออกให้ พระองค์ก็เล่นตัวนี่เพคะ"
"มู่หลาน ฝากไว้ก่อนเถอะ!!! ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าลวนลามข้าได้เป็นครั้งที่สอง"
"เพคะ"
"พระชายาเอก!!! ฮือ พระชายาเอก!"
ฉินมู่หลานหันไปมองสาวใช้นางหนึ่งที่วิ่งเข้ามากอดนางเอาไว้ พร้อมกับร้องไห้ปานจะขาดใจ
"เจ้าเป็นใครกัน?"
"หม่อมฉันหลิงหลิง สาวใช้คนสนิทของพระชายาอย่างไรเล่าเพคะ"
"อ้ออออ"
ไม่รู้จักหรอก อ้อ ไปก่อน!!!
"พาพระชายาเอกไปพักในเรือน อีกครู่หมอหลวงจะเข้าไปตรวจดูอาการ"
"เพคะท่านอ๋อง"
หลิงหลิงพยุงฉินมู่หลานเข้าไปในเรือนอย่างระมัดระวัง พระชายาเอกของนางเจ็บป่วยมาตั้งแต่ยังเด็ก ร่างกายจึงค่อนข้างบอบบางไม่น้อย
"พี่หญิง ฟื้นแล้วหรือเพคะ ข้าเป็นห่วงพี่หญิงแทบแย่"
ฉินมู่หลานหันไปมองสตรีน้อยนางหนึ่ง ที่วิ่งเข้ามาจับมือของนางเอาไว้ด้วยสายตาห่วงใย
"ถวายพระพรพระชายารองเพคะ"
พระชายารองหรือ?
ฉินมู่หลานหันไปมองมู่หรงเสี่ยวหมิง ก่อนจะลอบเบ้ปากน้อยๆ
เมียเยอะซะด้วย ร้ายกาจไม่เบา!!!
เสี่ยวเยี่ยนจื่อส่งยิ้มอ่อนหวานให้ฉินมู่หลานด้วยสายตาที่ไร้เดียงสา แต่ฉินมู่หลานกลับมองนางกลับด้วยสายตาที่เรียบเฉย
"ถ้าเสแสร้งแล้วมันเหนื่อย เจ้าก็เป็นตัวของตัวเองเถิดนะ"
เสี่ยวเยี่ยนจื่อยืนอ้าปากค้างอยู่กับที่ ในขณะที่ฉินมู่หลานพยักหน้าให้หลิงหลิงพานางกลับเรือน
นางสัมผัสได้ถึงความไม่จริงใจของสตรีน้อยนางนั้นได้อย่างชัดเจน รอยยิ้มที่งดงาม แววตาดูเหมือนไร้เดียงสา แต่หากสังเกตดูดีดีจะพบกับความอิจฉาริษยาอยู่ในนั้น
เหมือนกับพี่สาวของนาง ที่ใช้ปืนยิงนางจนถึงแก่ชีวิต โดยไม่คิดถึงความเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันมาเลยแม้แต่น้อย
ไม่นานนักก็มีท่านหมอมาตรวจดูอาการของนางอย่างละเอียด ร่างนี้อ่อนแอไม่น้อย นางต้องทนดื่มยาต้มขมนี้ลงคออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ท่านแม่ทัพฉินบิดาของฉินมู่หลานส่งของบำรุงมากมายมาที่ตำหนักชินอ๋องจนนางเองกินใช้ไม่หมด จึงได้ให้หลิงหลิงนำไปแบ่งเอาไว้ที่เรือนท่านอ๋อง ให้นางกำนัลต้มให้เขาดื่มเพื่อบำรุงร่างกายด้วย
เสี่ยวเยี่ยนจื่อกลับไปที่เรือนด้วยความขุ่นเคืองไม่น้อย แต่ก่อนฉินมู่หลานรักเอ็นดูนางเหมือนน้องสาวมาตลอด แต่ทว่าวันนี้สายตาที่มองนางกลับดูห่างเหินและเย็นชา หรือว่าฉินมู่หลานจะไปล่วงรู้สิ่งใดมา
"เยี่ยนจื่อ"
"ท่านอ๋อง"
เมื่อพบว่าเป็นมู่หรงเสี่ยวหมิงที่มาหานางถึงเรือน ใบหน้างอง้ำเมื่อครู่ก็กลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง
"วันนี้ข้าจะมาค้างกับเจ้า ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกเจ้าก่อน"
"ไม่เลยเพคะท่านอ๋อง เชิญท่านอ๋องนั่งพักให้หายเหนื่อยสักครู่เถิดเพคะ"
เสี่ยวเยี่ยนจื่อเทชาร้อนอย่างดีใส่ถ้วยส่งให้แก่มู่หรงเสี่ยวหมิง ก่อนจะคอยดูแลปรนนิบัติเรื่องสำรับยามเย็นให้แก่เขา
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ท่านอ๋องกับนางจะได้ร่วมหลับนอนด้วยกัน
มู่หรงเสี่ยวหมิงเองก็พยักหน้าให้นางอย่างอ่อนโยน อย่างไรเสียนางก็เป็นถึงหลานสาวฝั่งมารดาของไทเฮาผู้เป็นเสด็จแม่ของเขา
เสี่ยวเยี่ยนจื่อมีศักดิ์เป็นญาติผู้น้องของเขา นางเป็นบุตรสาวของฮูหยินเอกตระกูลเสี่ยว มารดาของนางเป็นน้องสาวของเสด็จแม่ของเขา
หลังจากรับสำรับเย็นเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเยี่ยนจื่อก็ปรนนิบัติมู่หรงเสี่ยวหมิงให้อาบน้ำ ก่อนที่นางจะมานั่งรอเขาบนเตียงนอน
มู่หรงเสี่ยวหมิงมองเสี่ยวเยี่ยนจื่อที่สวมชุดนอนปกปิดถึงลำคอพลางมองเขาด้วยสายตาเขินอาย
เขาทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างกายของนาง เสี่ยวเยี่ยนจื่อก้มหน้างุด ใบหน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสบตากับมู่หรงเสี่ยวหมิง
เขาค่อยๆ ยื่นมือไปเพื่อจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออก แต่ทว่าเสี่ยวเยี่ยนจื่อกลับบิดกายหลบหนีจากเขา
"ท่านอ๋อง เยี่ยนจื่ออายเพคะ "
อายอีกแล้ว!!!
"เช่นนั้นเจ้าก็นอนอายไปเถิด ข้าจะไปอ่านตำราต่อ"
มู่หรงเสี่ยวหมิงสะบัดชายเสื้อเดินออกมาจากเรือนนอนของเสี่ยวเยี่ยนจื่อด้วยความหงุดหงิดใจ
ระหว่างทางสายตาของเขาก็พบเข้ากับฉินมู่หลานกำลังยืนรับลมอยู่ริมระเบียงทางเดินที่เรือนนอนของนาง
เมื่อสังเกตดีดีเขาก็พบว่า วันนี้นางสวมชุดนอนบางเบา เผยให้เห็นเนินอกที่ใหญ่ล้นทะลักออกมา
นางนมใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ? เหตุใดเขาจึงไม่เคยเห็นมาก่อน
ฉินมู่หลานรับรู้ได้ว่าถูกมู่หรงเสี่ยวหมิงจับจ้องอยู่ นางจึงค่อยๆ ยกชายกระโปรงของตนเองให้สูงขึ้นเผยให้เห็นเรียวขาขาวนวลเนียนของนาง มู่หรงเสี่ยวหมิงราวกับถูกดึงดูดสายตาโดยไม่รู้ตัว เขาจ้องมองนางอย่างไม่อาจละสายตาได้เลยแม้แต่น้อย
"อื้อออ วันนี้ยังไม่ได้บริหารนมเลย ไม่ได้เสียแล้ว เดี๋ยวหย่อนยานไปจะเสียของเปล่าๆ!!!"
ฉินมู่หลานค่อยๆ ใช้มือเรียวงามบีบเคล้นคลึงยอดอกงามของตนเอง จนเนินอกของนางแทบจะล้นทะลักออกมานอกชุดนอนที่บางเบาตัวนั้น เรียวขางามค่อยๆ ยกขึ้นเหยียบบนเก้าอี้ ก่อนจะเด้งเอวขึ้นลงเป็นจังหวะ
มู่หรงเสี่ยวหมิงขมวดคิ้วมุ่น
นางกำลังทำสิ่งใดกัน?
แต่จะว่าไปก็น่าดูไม่น้อย!
"อุ๊ย!!! ท่านพี่อ๋อง"
ฉินมู่หลานแกล้งทำเป็นตกใจเมื่อได้พบกับมู่หรงเสี่ยวหมิง เขาค่อยๆ เดินมาหานางก่อนจะจ้องมองนางด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้
"เจ้าทำสิ่งใดอยู่ เหตุใดจึงต้องแอ่นเอวขึ้นลง แล้วจับเอ่อ... จับ"
"อ้อ หม่อมฉันบริหารทรวงอกน่ะเพคะ"
"หืม?"
"หม่อมฉันกลัวมันหย่อนยานน่ะเพคะ จึงต้องดูแลเสียหน่อย อื้อออ อ่าส์!!!"
ฉินมู่หลานขยับเด้งเอวงามให้ขึ้นลงอย่างถี่เร่าพร้อมกับส่งเสียงหวานครางกระเส่า มู่หรงเสี่ยวหมิงมองตามเอวงอนงามของนางที่เด้งขึ้นเด้งลงอย่างไม่ละสายตา
เหมือนสตรีในภาพวาดเหล่านั้นเลย หากเขาควักแท่งมังกรออกมารูดชักแล้วปล่อยพิษของมันราดรดบนตัวนางคงจะดีไม่น้อย
ความคิดช่างอุบาทว์สิ้นดี!!!
"ดึกดื่นป่านนี้ไม่รู้จักหลับจักนอน ออกมาส่ายเอวเด้งขึ้นเด้งลง เจ้านี่ช่างหน้าไม่อายมากขึ้นทุกวัน"
"ท่านพี่อ๋องระวังเพคะ!!!"
"มู่หลาน!!! โอ๊ะ อื้อหือ!!!"
ฉินมู่หลานมองไปเห็นเสี่ยวเยี่ยนจื่อกำลังวิ่งมาทางที่นางกับมู่หรงเสี่ยวหมิงยืนอยู่ จึงยื่นมือไปดึงร่างของเขาเข้ามาหาตัวนาง แล้วกดศีรษะของเขาเข้ามาแนบกับเนินอกงามของนาง ใบหน้าของมู่หรงเสี่ยวหมิงซุกลงไปในร่องอกของนางจนเขาแทบหายใจไม่ออก เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของนางลอยมาเตะจมูก ช่างสร้างความตื่นเต้นแก่เขาไม่น้อย
"ท่านอ๋องเพคะ!!!"
"โอ๊ะ น้องหญิง ขออภัยเจ้าด้วย พอดีว่าท่านอ๋องกำลังเสวยนมอยู่"
เขาอุ้มร่างบางของฮองเฮาผู้เป็นที่รักเข้ามาในตำหนัก ก่อนจะวางนางลงบนโต๊ะเสวยอาหาร สองแขนใหญ่สอดเข้าไปที่ใต้เรียวขางามของนาง กอดรัดเอวบางเอาไว้ ฉินมู่หลานจึงใช้สองมือจับขอบโต๊ะเอาไว้ เพื่อรอรับความหรรษาที่เขาจะมอบให้แก่นางมู่หรงเสี่ยวหมิงกระแทกกระทั้นลำแท่งใหญ่ยักษ์เข้ามาในร่องรูของนางจนเกิดเสียงดังตับตับตับ โต๊ะไม้สั่นสะเทือนตามแรงบดเบียดเสียดสีของคนทั้งสอง ฉินมู่หลานใบหน้าบิดเบี้ยว ส่งเสียงหวานครวญครางไม่เป็นภาษา มู่หรงเสี่ยวหมิงโน้มใบหน้าลงไปจูบนางอย่างหนักหน่วง ลิ้นร้อนสอดแทรกบดเบียดเกี่ยวกระหวัดพัวพันกับลิ้นชื้นของนางอย่างเสน่หา ไฟแห่งความปรารถนาของคนทั้งคู่กำลังลุกโชนสว่างเจิดจ้า ไร้วี่แววที่จะมอดดับลง มีแต่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ"อ๊าส์!!! มันแน่นไปหมดเพคะ อื้ออออ!!! หม่อมฉันจุกเหลือเกินเพคะ!!!""ซี้ดดดด สุดยอดมาก ข้าเสียวเหลือเกิน โอ้วว!!!"เขาช้อนร่างของนางขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วจึงพานางลงไปนอนหงายบนเตียง อ้าขานางออกจนกว้าง ก่อนจะบดเบียดแท่งเอ็นร้อนเข้ามาในซอกหลืบดอกไม้งามจนมิดลำ เขาขยับแท่งแก่นกายกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเร็วแรง จนกลีบกุหลาบบวมแดงไปหมดตับตับตับเขาโน้มใบหน้าลงไ
ฉินมู่หลานดีดนิ้วมือจนเกิดเสียงดังเปาะ เหล่านางกำนัลต่างรีบนำผ้าขาวมาล้อมรอบบริเวณระเบียงด้านนอกจนมิดชิด และนำฟูกนอนมาวางเอาไว้ก่อนจะออกไปรอที่ด้านนอกตำหนักจนหมด ตอนนี้จึงมีเพียงแสงจันทร์ที่ทอแสงลงมานางค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกายจนสิ้น แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหามู่หรงเสี่ยวหมิง ดึงทึ้งเสื้อผ้าของเขาออกเช่นกัน และลูบไล้ฝ่ามือลงไปบนแผงอกล่ำสันของเขาด้วยความหลงใหล สายตาของนางมองต่ำลงไปที่ลำแท่งมังกรขนาดใหญ่ที่แข็งชูชันรอคอยให้นางเล่นสนุกกับมันนางย่อตัวลงไปนั่งที่พื้น ก่อนจะใช้มือขาวเรียวงามจับแท่งเอ็นร้อนของเขารูดชักขึ้นลง ลิ้นอุ่นร้อนม้วนเลียที่ปลายหัวสีชมพูจนฉ่ำแฉะ แล้วจึงครอบริมฝีปากลงไปกลืนกินลำแท่งแก่นกายที่ใหญ่ยาวจนมิดลำ พร้อมกับขยับศีรษะขึ้นลงอย่างเร็วแรงและถี่เร่า"ซี้ดดดด!!! อ่าส์!!!"เขากดศีรษะของนางเอาไว้ แล้วกระแทกลำแท่งเอ็นร้อนเข้าออกในโพรงปากสวยของนางอย่างเอาแต่ใจอ๊อก อ๊อก"โอ้ววว มู่หลาน ซี้ดดด!!! จะแตกแล้ว!!!"ฉินมู่หลานเร่งขยับศีรษะให้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น ไม่นานนักน้ำรักสีขาวขุ่นก็พุ่งล้นทะลักผ่านเข้ามาในลำคอของนาง ฉินมู่หลานเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยกลัวว่าน้ำรักของสามีอันเ
รัชศกเสี่ยวหมิงปีที่ 1ฮ่องเต้มู่หรงเสี่ยวหมิง ทรงขึ้นครองราชย์ราชสมบัติ และสถาปนาพระชายาเอกนามว่าฉินมู่หลานขึ้นเป็นฮองเฮา เขาไม่รับพระสนมใดใดเพิ่มอีกเลยแม้แต่คนเดียวฉินมู่หลานกำลังยืนรับลมอยู่ที่ตำหนักเฟิ่งหวง นางสวมชุดฮองเฮาสีแดงสด ปักลายมังกรเหยียบเมฆาม้าสวรรค์ หงส์คู่มังกร สวมทับด้วยแถบเซียะเพ่ยสีแดงปักลายหงส์ฟ้าสิบสองตัว บริเวณแขนเสื้อทำเป็นทรงกว้างปักลายมังกรทอง มงกุฎหงส์บนศีรษะประดับด้วยหงส์พิลาสสามตัว บริเวณท้ายมงกุฎ ด้านบนคือหงส์พิลาสข้างละหนึ่งตัว ห้อยระย้าแปดพฤกษ์ ที่เป็นลูกปัดร้อยทรงสี่เหลี่ยมสลับกับตารางเรียงครบแปดชั้นวันนี้อากาศค่อนข้างดีไม่น้อย นางจึงออกมาเดินเล่นเสียหน่อย"เจ้าท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว ไม่ควรออกมาเดินรับลมเช่นนี้"ฉินมู่หลานหันไปมองมู่หรงเสี่ยวหมิงที่สวมชุดมังกรทองเดินเข้ามาหานาง และประคองโอบไหล่นางให้เดินกลับเข้าไปในตำหนักด้วยกัน"อากาศอบอ้าวเพคะ อยากออกมารับลมเสียหน่อยเพคะท่านพี่ฝ่าบาท""เจ้าใกล้คลอดแล้ว เกิดไม่ระวังขึ้นมาจะเป็นอันตรายได้""รู้แล้วเพคะ เลิกบ่นเสียที โอ๊ะ!ท่านพี่ฝ่าบาท""มู่หลาน!!! เจ้าเป็นอะไร?""น้ำคร่ำแตกเพคะ น้ำคร่ำแตก!!!"ฉินมู่หลานช
ฉินเหยาเซียวง้างคันธนูขึ้นมาเตรียมจะยิงมันเข้ามาที่ฉินมู่หลานและมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยสายตาโกรธเกลียด นางเกลียดมันทั้งสอง คนที่ควรอยู่ในอ้อมกอดของมู่หรงเสี่ยวหมิงควรจะต้องเป็นนางเพียงเท่านั้น!!!นักฆ่าของนางถูกทหารของฝ่าบาทฆ่าตายจนหมดสิ้นแล้วนางไม่ยอม!!! มันจะต้องไม่จบลงเช่นนี้ ไม่มีทาง!!!ฉึก!!!มู่หรงเสี่ยวหมิงกอดฉินมู่หลานเอาไว้แน่น หากจะต้องตายเขาก็พร้อมที่จะยอมตายไปพร้อมกับนางทั้งสองค่อยๆ ลืมตาขึ้นไปมอง ลูกธนูที่พุ่งตรงมาเมื่อครู่ไม่ได้ปักลงมาที่เขาทั้งสอง แต่ทว่ามันกลับพุ่งแทงทะลุหน้าอกของฉินเหยาเซียว นางกระอักเลือดออกคำโต สายตาจ้องมองมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยสายตาเว้าวอน ก่อนจะล้มลงกับพื้น นางสิ้นใจตายทั้งที่ดวงตายังเบิกโพลงจ้องมองมาที่ฉินมู่หลานและมู่หรงเสี่ยวหมิงด้วยความเกลียดชัง"เสี่ยวหมิง""เสด็จพี่ โอ๊ย!!!"มู่หรงเสี่ยวเฉินเป็นคนฆ่าฉินเหยาเซียวด้วยมือของเขาเอง เขามองนางที่ล้มลงตายอยู่บนพื้นด้วยสายตาที่เจ็บปวด"ท่านพี่อ๋องท่านบาดเจ็บ ให้ข้าพยุงท่านเถิดเพคะ"ฉินมู่หลานค่อยๆ ประคองร่างของมู่หรงเสี่ยวหมิงให้ค่อยๆ เดินไปพร้อมกับนาง"โอ๊ย!!!""มู่หลาน!!! มู่หลานเจ้า เลือด!!!"ฉินมู่
ฉินมู่หลานหันไปมองเสี่ยวเยี่ยนจื่อด้วยสายตาที่สงสัยไม่น้อย ตอนนี้องครักษ์เงาของตำหนักชินอ๋องกำลังล้อมนางกับเสี่ยวเยี่ยนจื่อเอาไว้ตรงกลาง คอยคุ้มกันความปลอดภัยให้แก่พวกนางทั้งสอง"เจ้ามาได้เช่นไร?""หลิงหลิงนางกำนัลของเจ้าไปแจ้งข้าที่จวนว่าเจ้าหายตัวไปกลางดึก ปกติเจ้าจะลุกขึ้นมาเรียกนางให้เข้าไปปรนนิบัติทุกคืน แต่เมื่อคืนเจ้ากลับเงียบหายพอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเจ้าหายตัวไป นางจึงรีบมาหาข้าที่จวน""แล้วองครักษ์เงาเล่าเจ้าไปพาพวกเขามาได้เช่นไร?""องครักษ์เงาแท้จริงแล้วเป็นทหารฝีมือดีที่ไทเฮาทรงบ่มเพาะเอาไว้ กลุ่มหนึ่งตามท่านพี่ไป อีกกลุ่มคอยอารักขาตำหนักชินอ๋องเอาไว้ ไทเฮาทรงมอบพวกเขาให้กับท่านพี่มู่หรงเสี่ยวหมิง หลิงหลิงบอกว่าเห็นหย่งเยี่ยมีท่าทีลับๆ ล่อๆ จึงแอบตามนางมา ตอนที่ข้าไปถึงองครักษ์กำลังฟื้นคืนสติ พวกเขาถูกวางยานอนหลับ""นางเป็นนักฆ่าที่ฮองเฮาเลี้ยงดูเอาไว้ ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน""โหดเหี้ยมจริงๆ แล้วยังคิดไม่ซื่อต่อข้ากับไทเฮาอีกด้วย""นางกำลังส่งคนไปฆ่าท่านพี่อ๋อง""จริงหรือ เรารีบหนีกันก่อนเถิด!!!""คิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือนังสารเลว!!!"ฉินเหยาเซียวง้างคันธนูเตรียมยิงเข้ามาที่
"เหตุใดพระองค์ถึง...."ฉินเหยาเซียวปรายตามองฉินมู่หลานด้วยสายตาเย็นชา ในแววตานั้นไม่มีแม้แต่ความเอ็นดูรักใคร่หลงเหลือต่อนางเช่นแต่ก่อนอยู่เลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าฉินมู่หลานไม่ใช่หลานสาวร่วมสายเลือดเดียวกันกับนาง"แปลกใจมากเลยหรือ ที่เป็นข้า?"ฉินมู่หลานไม่ตอบสิ่งใด นางค่อยๆ พยุงร่างตนเองให้ลุกขึ้น แต่ทว่าเพราะฤทธิ์ของยาสลบจึงทำให้นางรู้สึกเวียนหัวและดวงตาพร่ามัวคล้ายจะเป็นลม"เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจะลงมือเร็วเช่นนี้ หากเจ้าไม่ได้ตั้งครรภ์ขึ้นมาเสียก่อน""หมายความว่าอย่างไร? หม่อมฉันไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเกลียดกันเพคะ หม่อมฉันเป็นหลานสาวแท้ๆ ของพระองค์นะเพคะ""หลานสาวหรือ ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าช่างเพ้อฝันไม่เคยเปลี่ยน"ฉินมู่หลานขมวดคิ้วมุ่นมองฉินเหยาเซียวด้วยความสงสัยแรงจูงใจในการลักพาตัวนางมาคือสิ่งใดกันแน่?ฉินเหยาเซียวทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ"ข้าอุตส่าห์วางยาพิษเจ้าทีละนิดมานานแรมปี จนร่างกายของเจ้าอ่อนแอลงทุกวัน ข้าคิดว่าเจ้าจะตกตายไปตั้งแต่วันนั้น แต่เจ้ากลับดวงแข็งฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง ข้าจึงลงมือเป็นครั้งที่สองพยายามเป่าหูเจ้าเรื่องไทเฮ