ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองกลุ่มคนน่ารำคาญเหล่านั้นเดินจากไป พลางสูดลมหายใจเข้าลึกอารมณ์ของนางเดิมยังถือว่าไม่เลวหากแต่หลังจากได้เจอกับสถานการณ์ยุ่งเหยิงวุ่นวายนี้เข้า ต่อให้ไม่เสียเปรียบ ก็ยังรู้สึกรำคาญใจอยู่บ้างพูดให้ละเอียดก็คือ นอกจากในวันตรุษที่ไม่มีใครกล้าก่อเรื่องเดือดร้อนขึ้นในครานั้นแล้ว ทุกครั้
หวงกุ้ยเฟยมีโทสะอยู่เต็มทรวงอกนางอยากจะฉีกฉินเหยี่ยนเย่ว์ออกเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นยิ่งนัก ทว่า โอกาสไม่เอื้ออำนวย นางจึงทำได้เพียงยอมไกล่เกลี่ยประนีประนอมหวงกุ้ยเฟยแทบจิกเล็บเข้าไปในเนื้อ โดยหวังจะคั้นเอาเลือดออกมา“เสด็จแม่ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ทำเกินไปแล้ว เป็นเพียงชายารองคนหนึ่ง หางชี้ขึ้นฟ้าหมดแล้ว เร
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินเข้าไปหาท่านหญิงอวี้ฉยง และดึงมือของนางออกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องได้ยินเพียงเสียงแกร๊บ และนิ้วมือของท่านหญิงอวี้ฉยงที่ห้อยลงก็กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม“ก็เป็นเพียงการเคลื่อนตัวเท่านั้นเอง ทำให้กลับคืนตำแหน่งเดิมก็จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ แล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“ท่านหญิงหวา
พระพันปีเผลอก้าวถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัวสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ฉินเหยี่ยนเย่ว์เหงื่อออกชุ่ม มือกุมตรงหน้าอกไว้แน่น ด้วยความเจ็บปวดมากจนรู้สึกราวกับว่าจะขาดอากาศหายใจลงได้ทุกเมื่อ“หมอหลวง หมอหลวง” ถึงแม้ว่าพระพันปีจะเกลียดฉินเหยี่ยนเย่ว์ ทว่านางกลับไม่สามารถยืนดูคนตายโดยไม่ช่ว
ท่านหญิงหวาถงถูกทรมานด้วยความเจ็บปวดจนแทบจะบ้าคลั่งแล้ว ไม่ง่ายเลยที่นางจะรอให้หมอหลวงมาถึงได้ และโบกมืออย่างสุดกำลังเหล่าหมอหลวงจ้ำก้าวมาถึง ทำความเคารพพระพันปีก่อนพระพันปีโบกมือ บอกเป็นนัยให้พวกเขาไปรักษาท่านหญิงหวาถงหมอหลวงทั้งสองผลัดกันตรวจชีพจรของท่านหญิงหวาถงพวกเขาจ้องมองไปที่ท่านหญิงหวาถง
หวงกุ้ยเฟยสะอึก “เจ้าทำเกินไปแล้ว!”“ทำเกินไปหรือ? นี่ยิ่งน่าตลกกว่าอีก หากพวกพระองค์จะต้องใส่ร้ายหม่อมฉันให้ได้ หม่อมฉันก็ทนไม่ได้ที่จะถูกเอาเปรียบเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “หม่อมฉันบอกได้เลย ครั้งนั้นที่พวกพระองค์เพิ่งเห็นไป เป็นเพียงแค่ผิงเหยี่ยคว้ามือหม่อมฉันไปตบหน้าตัวนางเอง และใส่ร้ายว่าหม่อม