ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตรวจสอบร่างขององค์หญิงชิงอินยิ่งตรวจสอบมากเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นเท่านั้นนางไม่เข้าใจจริง ๆเห็นได้ชัดว่าองค์หญิงชิงอินและสาวใช้ถูกวางยาพิษในท้องพระโรงตำหนักไท่อี๋เหตุใดสาวใช้ถูกวางยาพิษสลายชีพ ทว่าองค์หญิงชิงอินกลับถูกวางยาพิษอู่โถวเล่า?มือสังหารสามารถสังหารคนด้วยยาพิษเพี
แม่ทัพผู้นี้อารมณ์ร้อนรุนแรง โมโหง่ายและเสียงดังด้วย โหวกเหวกโวยวายเสียจนน่าหงุดหงิด“หากท่านยืนกรานว่าองค์หญิงชิงอินยังไม่สิ้นใจ ข้าก็เชื่อว่ายาลูกกลอนร้อยบุปผาของพวกท่านมีฤทธิ์ชุบชีวิตคนตายได้ ทว่าโปรดเข้าใจให้ชัดเจนด้วยว่า หากองค์หญิงชิงอินยังมีโอกาสรอดชีวิตเพียงศูนย์จุดศูนย์ศูนย์หนึ่ง ก็ไม่ต่างอ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์แทบไม่อยากจะเชื่อนางได้ตรวจสอบศพขององค์หญิงชิงอินอย่างถี่ถ้วน ศพไม่มีสัญญาณชีพแล้วและร่างกายก็เย็นลงแล้วด้วยมนุษย์สามารถรักษาอุณหภูมิร่างกายให้คงที่ได้นั้น เนื่องจากระบบเผาผลาญของร่างกายสร้างความร้อนอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เซลล์ที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งและรอบคอบเพื่อสร้างความร้อนผ่
“ดูจากท่าทีที่น่าสมเพชของเจ้าแล้ว คุกเข่าไปหาได้มีประโยชน์อันใดไม่” ฮ่องเต้ตรัสออกมา “เข้ามาตรวจดูศพขององค์หญิงชิงอินเสีย เจ้าคงรู้ดีว่า หากตามหาฆาตกรตัวจริงไม่พบจักมีสิ่งใดรั้งรออยู่” “เสด็จพ่อเพคะ พระองค์ยอมเชื่อในตัวลูกหรือ?” “หรือว่า เราสมควรส่งเจ้าเข้าไปขังในคุกดีล่ะ? อย่าทำให้เราผิดหวังเชี
“เสด็จพ่อ เกิดอะไรขึ้นเพคะ? การตายขององค์หญิงชิงอินเกี่ยวข้องอันใดกับศิษย์พี่กันแน่เพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังมิทันได้ขออภัย ก็รีบเอ่ยถามออกมาตามตรง “พระองค์ย่อมรู้ดีกว่าหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ ว่าศิษย์พี่มิมีทางทำเรื่องแบบนี้...” ยังมิทันที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์จะพูดจบ นางก็หันไปเห็นศพขององค์หญิงชิงอินที่
“ข้าบอกให้ไปเรียกผู้ที่รับผิดชอบของพวกเจ้ามา เจ้าไม่ได้ยินหรือไง?” น้ำเสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์ค่อย ๆ ดังขึ้น พูดตัดองครักษ์ขึ้นมาในทันที “ที่นี่เป็นแคว้นราชวงศ์ตง พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาขวางทางอยู่ที่นี่กัน? ที่ข้าให้เกียรติพวกเจ้า นั่นเป็นเพราะความเศร้าโศกจากการสิ้นใจขององค์หญิงชิงอิน อย่าให้ข้าต้องใช