ตงฟางหลีพลันส่งเสียงฮึดฮัดออกมา เมื่อเห็นยัยหนูกับหมอสารเลวนี่ยืนอยู่ด้วยกัน เขาก็มิอาจอดกลั้นความโกรธโมโหที่อยู่ภายในใจของตนเองไปได้เขาอยากจะควักลูกกะตาของเจ้าหมอสารเลวที่เอาแต่จ้องมองยัยหนูของเขาออกมา ก่อนจะสับให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วโยนให้หมามันกินเสีย “ท่านอย่ามาหึงหวงไร้สาระนะ” เมื่อฉินเ
จากกลางคืนสู่กลางวัน จากรุ่งอรุณสู่แสงทอง ในที่สุด ก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วขั้นตอนสุดท้าย ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากว่าไม่สำเร็จละก็ มีแต่ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่เท่านั้น “ใกล้จะได้เวลาแล้ว” น้ำเสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์สั่นเครือเล็กน้อย “ข้ารู้สึกตื่นเต้นจัง” ไป๋หลินยวนเหลือบมองนางด้วยคว
กู้เหยียนจือที่ได้ยินทำเอาหัวร้อนขึ้นมาในทันที ตงฟางหลีผู้นี้ช่างพูดจาแทงใจดำยิ่งนัก แขนของเขาถูกฉินเหยี่ยนเย่ว์วางยา ทั้งยังถูกคนใช้เชือกมักเอาไว้แน่นอีก จักประลองได้อย่างไร? ต้องการจะกระทำเขาอยู่ฝ่ายเดียวเช่นนั้นหรือ? “น่าขันยิ่งนัก ข้าแม่ทัพอย่างข้าตอนนี้...” “มิต้องกังวลไป” ตงฟางหลีหยิบกาน
“ความเร็วเครื่องปั่นเหวี่ยงของท่านยังไม่เร็วพอ อันนี้ให้ข้าทำเอง ท่านไปเตรียมอย่างอื่นก่อนเถอะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เตรียมใช้โอกาสจากการเข้าห้องน้ำ ไปใช้เครื่องปั่นเหวี่ยงที่แท้จริงในการแยกตะกอนไป๋หลินยวนจึงปล่อยให้นางทำอย่างไว้วางใจ“ความเป็นกรดไม่เพียงพอ ค่าความเป็นกรดด่างต้องลดลงอีกนิด ต้องเติมกรดเกล
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หาจุดมาโต้แย้งไม่ได้ไป๋หลินยวนพูดไม่ผิด ต่อให้สามารถรักษาชีพจรไว้ได้ อย่างมากสุดองค์หญิงชิงอินก็ฟื้นตัวมีสภาพเป็นเหมือนผักเป็นเพราะรู้ดีว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้ นางถึงได้เรียกหาเทพพิษอย่างไป๋หลินยวนมาช่วย“โอสถหงส์ฟื้นคืออะไรกันแน่?” “คือยาพิษชนิดหนึ่งที่ทำขึ้นจากสมุนไพรที่มีชื
“ยอมแพ้เสียเถอะ” หลังจากไป๋หลินยวนคลำชีพจรขององค์หญิงชิงอิน แล้วพูดออกมาตรง ๆ “ช่วยไม่ได้แล้ว”“กระทั่งท่านยังไม่มีวิธีช่วย?”“เทพต้าหลัวอาจจะช่วยชีวิตนางได้ น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่”“แน่นอนว่าท่านมิใช่เทพเซียน ท่านไม่ต่างอะไรจากจอมมารหรอก”“แม่นางฉินพูดว่าอะไรนะ?” ไป๋หลินยวนหันหน้ากลับไป มองนางด้วยส