ท่านแม่ทัพยื่นกระพรวนให้กับองครักษ์ฝาน หลังจากพิจารณาอยู่ชั่วครู่องครักษ์ฝานก็เอ่ยขึ้น
"ฝีมือการแกะสลักงดงามเช่นนี้นอกจากสำนักแกะสลักแห่งวังหลวงในแคว้นต้าชิงของเราคงไม่มีที่อื่นแล้ว"
"ใช่เป็นฝีมือจากช่างในวังไม่ผิดแน่"
"ของที่ทำประณีตอีกทั้งยังดูน่าสนใจเช่นนี้อาจจะเป็นของราชวงศ์หรือสนมนางใดก็ได้"
"สิบสาม ชื่อนี้หากไม่ใช่ชื่อเจ้ากระต่ายตัวที่สิบสามก็ต้องเป็นชื่อของคนในราชวงศ์ เจ้าดูว่ามีผู้ใดที่น่าจะเป็นเจ้าของทุกคนย่อมรู้ว่าฝ่าบาทไม่ชอบให้มีสัตว์เลี้ยงในวังเพียงใด หากรู้ว่ามีคนแอบขัดคำสั่งคงได้โดนลงโทษเป็นแน่"
"เช่นนั้นท่านแม่ทัพจะสนใจทำไมขอรับ เรื่องหยุมหยิมภายในวัง" องครักษ์ฝานมองว่าผิดวิสัยของหยางเอ้อหลางนัก
"จู่ๆ ก็อยากรู้ขึ้นมาว่าเจ้าของกระต่ายแรงเยอะผู้นั้นมีใบหน้าอย่างไรเจ้าส่งข่าวไปยังเจ้าของว่าข้ามีกระพรวนอยู่ในมือแต่ต้องการส่งมอบให้เจ้าของตัวจริงเท่านั้น ผู้อื่นข้าไม่พบหากของสิ่งนี้สำคัญจริงเขาย่อมมาพบข้าด้วยตัวเอง"
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของหยางเอ้อหลางเคร่งขรึมลง กระพรวนที่ถืออยู่ในมือยิ่งมองดูยิ่งคุ้นตาคล้ายกับเขาเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน เพียงแต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นจากที่ใดสัญชาตญาณของเขาทำให้เขาไม่อาจปล่อยวางเรื่องนี้ได้
"องค์หญิงข่าวดีเพคะพบแล้วเพคะกระพรวนผู้พิทักษ์"
อาชิงวิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม องค์หญิงสิบสามเงยหน้ามองครั้นเห็นว่าเป็นอ๋องฉางอันที่ก้าวเท้าตามอาชิงมาอย่างสง่างามใบหน้าพลันแย้มยิ้ม
"พี่ใหญ่พบแล้วหรือเจ้าคะ"
"ใช่ไม่คิดว่าแผนของเจ้าจะได้ผลเร็วเช่นนี้ ฉลาดเสียจริงสิบสามของพี่" ท่านอ๋องฉางอันระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
"แปลว่าข้าจะได้กระพรวนคืนจริงๆ แล้วใช่หรือไม่"
"เพคะ มีคนผู้หนึ่งติดต่อคนของเรามาว่าพบของแล้วและต้องการคืนให้ท่านด้วยตนเองอีกสองวันคือวันนัดพบเพคะ" อาชิงรีบตอบด้วยความตื่นเต้น
"เอ๋ให้ข้าไปพบเขาด้วยตนเองหรือ" องค์หญิงชี้นิ้วมาที่ตนเอง รู้สึกแปลกประหลาดนัก
"เพคะ"
"เหตุใดคนผู้นี้จึงเรื่องมากเช่นนี้ แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นกระพรวนของข้าจริงๆ"
องค์หญิงสิบสามขมวดคิ้วหมุ่น คนผู้นั้นไยจึงไม่รับเงินแล้วส่งมอบกระพรวนเสีย
"ไม่ต้องห่วง พี่ใหญ่จะเป็นผู้ออกหน้าไปรับกระพรวนให้เจ้าเอง ส่วนเป็นของจริงหรือไม่นั้นคนของเราตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นของจริง"
องค์หญิงสิบสามกระตุกแขนเสื้อของอ๋องฉางอันแล้วเอ่ยขึ้น
"พี่ใหญ่เป็นพี่ชายที่แสนดีของข้าจริงๆแต่ว่าข้าก็อยากพบคนผู้นั้นข้าติดตามไปด้วยได้หรือไม่"
นางทำท่าทางออดอ้อนอย่างน่ารัก ฉางอ๋องเพียงแต่ดันหน้าผากของนางที่กำลังซบประจบลงบนลำแขนของเขาออกห่างตนเองแล้วเอ่ยขึ้น
"ไม่ได้เจ้ารออยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่าอย่าสร้างเรื่องเลยให้ใหญ่โตจนผู้คนผิดสังเกตเลย"
องค์หญิงสิบสามเม้มปาก นางแค่จะไปดูห่างๆอีกทั้งพี่ใหญ่ก็มีองครักษ์อยู่มากมายองค์หญิงสิบสามจึงคิดว่าคงไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้น"พี่ใหญ่เช่นนั้นข้าออกนอกวังกับท่านแล้วรออยู่ที่ไกลๆ จะได้หรือไม่ ถือโอกาสออกไปเที่ยวเล่นท่านช่วยทูลขอฮองเฮาให้ข้าหน่อยอยู่ในนี้อึดอัด มานานแล้ว สวนหน้าตำหนักข้าก็ดูจนเบื่อแล้วด้วย""ตอนเจ้ากลายร่างยังเที่ยวเล่นไม่พออีกหรือ" "ตอนนั้นข้าถูกหินจันทราครอบงำไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดควบคุมตนเองยังลำบากท่านจะเหมารวมว่าข้าออกไปเที่ยวเล่นไม่ได้ นะเพคะพี่ใหญ่ข้าสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมที่สุด"นางออดอ้อนเขาอีกครั้ง ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองอ๋องฉางอันอย่างใสซื่อ แม้ใจในจะเป็นกังวลแต่ในที่สุดอ๋องฉางอันก็ยอมพ่ายแพ้แก่นาง"ก็ได้เช่นนั้นเจ้ารออยู่ที่เหลาน้ำชาข้าจะไปพบคนผู้นั้นค่อยกลับมารับเจ้าดีหรือไม่""เพคะดียิ่งขอให้ได้ออกจากวังหลวงเถิด ให้รอที่ไหนก็ย่อมได้"องค์หญิงสิบสามตื่นเต้นนักที่จะได้ไปเที่ยวเล่นนอกวังที่เปรียบเหมือนกรงขังแห่งนี้ การเป็นองค์หญิงนั้นมีกฎข้อห้ามมากมายถึงนางจะเป็นองค์หญิงที่ไม่มีใครใส่ใจด้วยมารดาเป็นเพียงธิดาเทพธรรมดาผู้หนึ่งหากเปรี
ช่างอาภรณ์จากห้องตัดเย็บยอบกายพึงพอใจกับถุงเงินในมือเป็นอย่างยิ่ง นางเพิ่งเข้าวังความจริงไม่มีองค์หญิงหรือพระสนมผู้ใดไว้ใจให้ตัดเย็บอาภรณ์ให้จึงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่มากเมื่อองค์หญิงสิบสามเรียกใช้งานจึงดีใจยิ่ง อาภรณ์ชุดนี้นางก็ตั้งใจตัดเย็บอย่างดีที่สุดด้วยหารู้ว่าอาภรณ์สีแดงสดเช่นนี้ไม่มีช่างคนใดกล้าหาเรื่องใส่ตัวตัดเย็บให้คนในวังใส่ คงมีเพียงคนใหม่อย่างนางที่ไม่รู้เรื่องเท่านั้น"สีแดงหรือ เจ้าไม่กลัวหรือว่าจะไม่เป็นที่พอพระทัยของไทเฮาและฮองเฮา" อ๋องฉางอันเห็นอาภรณ์สีแดงแล้วไม่สบายใจ แต่น้องหญิงของเขาดูเหมือนจะไม่รู้สึกสิ่งใดเลยองค์หญิงสิบสามยิ้มซุกซน"ข้าตั้งใจเอง""เหตุใดจึงหาเรื่องใส่ตัวนัก""พี่ใหญ่ท่านฟังข้า เหตุผลนั้นมีอยู่สองประการ ประการแรกเป็นเพราะพี่หญิงใหญ่มีน้ำใจมอบผ้าไหมสีแดงงดงามนี้ให้ข้าจึงไม่อาจปฏิเสธได้ ประการที่สองแน่นอนทั้งไทเฮาและฮองเฮาสองพระองค์ที่ไม่โปรดสีฉูดฉาดจนเป็นที่รู้กันโดยทั่ว แต่ก็ไม่ได้มีกฎข้อห้ามข้อไหนระบุไว้ว่าหากใส่สีแดงนี้แล้วมีความผิด เมื่อไม่มีกฎลงโทษก็ย่อมไม่มีความผิด อีกทั้งวันนั้นข้ารู้ดีว่าฝ่ายในต้องการหาคู่ครองให้บรรดาองค์หญิง หากข้าทำให
ตั้งแต่กลับจากตำหนักองค์หญิงสิบสามอ๋องฉางอันก็มีอาการนอนไม่หลับ ภาพน้องสาวในอาภรณ์สีแดงคอยตามหลอกหลอนเขาอยู่ตลอดเวลา ร่างกายเหงื่อออกจนผิดปกติ อ๋องฉางอันรู้สึกว่าตนเองคงไม่สบายเสียแล้วจึงให้องครักษ์เรียกท่านหมอมาดูอาการ"ทูลท่านอ๋องอาการภายในเป็นปกติเพียงแต่จิตใจอาจสับสนไปบ้าง ช่วงนี้ท่านพบเจอสิ่งใดที่กระทบจิตใจหรือไม่""ไม่มี ไม่มีเรื่องอันใด"เขาพยายามครุ่นคิดไปมาแต่ก็คิดไม่ออก สิ่งที่พูดไม่ได้คือในใจมักจะคิดถึงน้องหญิงในอาภรณ์สีแดงตลอดเวลา เขาคิดว่าเป็นสิ่งนี้ที่ผิดปกติ หรือว่าฤทธิ์ของหินจันทราจะทำให้เขาพลอยมีอาการประหลาดไปด้วยเรื่องนี้เขาจึงไม่อาจบอกท่านหมอได้เพราะเกี่ยวพันไปถึงองค์หญิงสิบสาม"เช่นนั้นข้าน้อยจะสั่งยาคลายกังวลให้ท่านอ๋อง ดื่มสักวันสองวันจิตใจจะสบายร่างกายดีขึ้น""ขอบคุณท่านหมอ"ครั้นถึงยามค่ำอ๋องฉางอันพยายามข่มตานอนหลังจากได้ยาคลายกังวลจากท่านหมอแล้วเขารู้สึกดีขึ้น กระนั้นในฝันของเขายังมีองค์หญิงสิบสามมาหลอกหลอน เขาตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยหัวใจที่เต้นระทึกในฝันนั้นแสนหวานแต่กลับทำให้เขาหวาดกลัว แท้จริงแล้วภายในใจของเขากำลังคิดสิ่งใดกันแน่ ความสับสนเช่นนี้เกิดขึ้นมาได้
เหล่าขุนนางสกุลใหญ่หลายคนนั้นด้วยเรื่องต้องการหยางเอ้อหลางเป็นบุตรเขยถึงกับเขม่นกันอยู่ในที แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องกังวลกว่าสิ่งใดนั่นคือการปรากฎกายเข้ามาร่วมอวยพรของคนในวัง องค์หญิงใหญ่หลินฉีผู้ดำรงตำแหน่งกู้หลุนก่งจูอันเป็นที่รักยิ่งของฝ่าบาทได้เสด็จมาถึงโดยนำสานส์อวยพรของไทเฮามาร่วมอวยพรด้วยตนเองการเสด็จขององค์หญิงใหญ่หลินฉีสร้างความตะลึงให้บรรดาคุณชายที่เข้าร่วมงานกันไม่น้อย นางงดงามอ่อนหวาน ท่วงท่าที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีจึงสูงส่งทุกย่างก้าว นางสวมเสื้อคลุมสีม่วงอมชมพูขับเรือนร่างให้งดงามผิวพรรณประดุจหยกขาวเนื้อดีไร้ตำหนิ อีกทั้งร่างกายนั้นยังมีกลิ่นหอมยั่วยวนอ่อนๆ ลอยตามร่างอรชร ใบหน้าคมปนหวานดวงตาดำขลับกลมโต ริมฝีปากยามแย้มยิ้มชวนให้หัวใจสั่นไหว นับเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นต้าชิงสมคำร่ำลือการมาถึงขององค์หญิงผู้สูงส่งทำให้ฮูหยินชราถึงกับลุกจากเก้าอี้เพื่อต้อนรับนาง องค์หญิงผู้นี้มาในนามตัวแทนของไทเฮาจะทำให้นางไม่พอใจไม่ได้เป็นอันขาด การกล่าวต้อนรับนางจึงเป็นทางการและเกรงใจยิ่งหลังจากองค์หญิงใหญ่กล่าวคำอวยพรอีกทั้งมอบสานส์อวยพรจากไทเฮาให้แก่ฮูหยินชราด้วยพิธีการที่เ
จนถึงในวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าปรีดานัก การทำบุญของสกุลหยางครั้งใหญ่กินเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ทั้งนี้เพื่อเป็นการทำบุญให้แก่วิญญาณของสกุลหยางที่ล่วงลับยังถือโอกาสทำบุญทำทานแก่ ผู้เร่ร่อนไปในตัว ฝ่าบาททรงสนับสนุนเต็มที่ ขอเพียงชดเชยให้สกุลหยางได้บ้างหากพวกเขาจะจัดงานเอิกเริกยิ่งกว่างานในวังจะเป็นไรการทำบุญครั้งใหญ่ในวันเกิดฮูหยินชราเพื่อคนสกุลหยางที่ตายในสนามรบทั้งหมดเท่านี้จึงนับว่าน้อยเกินไป พระองค์จึงพระราชทานเงินเพื่อร่วมทำบุญในทุกปีอีกด้วยเรื่องนี้จึงช่วยสร้างชื่อเสียงแห่งความเมตตาของฮ่องเต้ที่ไม่ทอดทิ้งสกุล หยางจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วราษฎรแซ่ซ้องสรรเสริญยิ่งเมื่อมีผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่เหล่าขุนนางสกุลใหญ่จึงยิ่งมั่นใจว่า สกุลหยางในพระทัยฝ่าบาทว่าสำคัญเพียงใดจึงยิ่งต้องการเกี่ยวดองกับพวกเขาเพื่อสร้างฐานอำนาจให้ได้หยางเอ้อหลางร่วมกับบิดามารดาและขุนพลสกุลหยางจากบ้านไปทำสงครามตั้งแต่อายุสิบเจ็ดปีในครานั้นเขายังเป็นเพียงหนุ่มน้อยวัยเยาว์อ่อนด้อยประสบการณ์ แปดปีต่อมาเขากลับมาด้วยภาพของท่านแม่ทัพหนุ่มผู้กุมอำนาจเหนือกองทัพนับห้าแสนนาย พร้อมช
องค์หญิงสิบสามรู้ข่าวเรื่องการทำบุญครั้งใหญ่ของจวนแม่ทัพจึงส่งให้คนมาจับจองพื้นที่ รู้มาว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นคุณหนูสวี่ที่จับจองไว้ และนับเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุด องค์หญิงสิบสามจึงให้คนส่งภาพวาดของท่านอ๋องฉางอันไปให้คุณหนูสวี่เพื่อแลกเปลี่ยนคุณหนูในห้องหอการออกจากบ้านก็ลำบากยิ่งเมื่อมีคนเสนอภาพวาดท่านอ๋องฉางบุรุษรูปงามที่มีอันดับเบียดชิดกับหยางเอ้อหลางจนไม่อาจจัดตำแหน่งระหว่างสองคนนี้ได้ นับเป็นภาพซึ่งหาดูได้ยากไปให้คุณหนูสวี่จึงไม่ปฏิเสธกลับรับไว้ด้วยใบหน้าแดงซ่านยินยอมยกพื้นที่จับจองตรงนี้ให้นางแต่โดยดีก่อนจะแอบเก็บภาพวาดเอาไว้เหมือนเป็นสมบัติล้ำค่าอีกทั้งยังมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเมื่อวันนี้เป็นวันที่พี่ชายของนางนัดหมายกับคนผู้นั้นเพื่อรับกระพรวนคืนทั้งพี่ชายยังช่วยขออนุญาตองค์ฮองเฮาให้นางออกจากวัง หลังจากบุรุษร่างใหญ่ผู้นั้นไปแล้ว สตรีทั้งสองก็เริ่มนำอุปกรณ์ออกมาลงมือวาดภาพอย่างตั้งใจทุกกิริยาท่าทางของหยางเอ้อหลางถูกองค์หญิงสิบสามบันทึกไว้ในกระดาษอย่างคล่องแคล่ว เขาแย้มยิ้ม เขาเช็ดเหงื่อ ใบหน้าอันอ่อนโยนที่ยากจะเห็นได้ ในฐานะจิตรกรแล้วองค์หญิงสิบสามทำหน้าที่ได้ดียิ่ง นอกจากนั้นนางย
หลังได้กระพรวนคืนนางมีแผนการต่อซึ่งหากสำเร็จนางจะได้รับเงินก้อนโตต่อชีวิตคนในตำหนักให้กินดีอยู่ดีอีกหลายเดือนเลยทีเดียว มุมปากขององค์หญิงสิบสามมีรอยยิ้มชั่วร้ายจางๆ เกิดขึ้นการหากินกับแม่ทัพหยางนับว่าไม่เลวเลยทีเดียวสตรีทั้งสองจึงช่วยกันเก็บภาพลงในกระบอกอย่างระมัดระวัง ด้านหน้ากระบอกเขียนชื่อคุณชายแต่ละจวนไว้อย่างคล่องแคล่วความจริงองค์หญิงสิบสามไม่รู้หรอกว่าคุณชายแต่ละท่านเป็นคนจากตระกูลใดแต่เพราะอาศัยความสอดรู้ของชาวบ้านแถวนั้นที่รู้จริงรู้ชัดยิ่งกว่าเจ้าตัว ข่าวลือจากจวนต่างๆ ไม่อาจหลุดพ้นการนินทาของชาวบ้านไปได้ วันนี้นางจึงอาศัยชาวบ้านที่มารับบริจาครู้ข้อมูลอย่างครบถ้วน แต่ที่ทำให้นางติดตรึงใจคือเรื่องของแม่ทัพหยางเอ้อหลาง“แม่ทัพผู้นี้ใบหน้าหล่อเหลาแต่ความจริงจิตใจโหดเหี้ยมนัก บิดามารดาตายในสงครามต่อหน้าต่อตาเป็นผู้อื่นคงบ้าไปแล้วแต่เขายังคงใบหน้าเรียบเฉยนำทัพออกรบสังหารผู้คนได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ด้านในใจของเขานั้นอันตรายและน่ากลัวนัก”“ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านแม่ทัพนิยมบุรุษเพศเป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ เห็นองครักษ์ข้างกายของเขาหรือไม่ดูงดงามยิ่งกว่าสตรี ผู้นั้นคือบุรุษอุ่นเตียงของเขา
องค์หญิงสิบสามตามโจรชั่วมาจนถึงสุดกำแพงเปลี่ยวห่างไกลผู้คน โจรผู้นั้นไม่คิดว่าสตรีบอบบางที่เขาขโมยของจะวรยุทธ์ดีเพียงนี้เขาถูกนางไล่เตะไปหลายทีแต่โจรผู้นี้ยังเร็วอยู่มาก ใช้พลังหลบหนีสุดชีวิตถึงวรยุทธ์โจรร้ายจะไม่ได้เรื่อง แต่กลับหลบหนีได้ว่องไวยิ่ง จวบจนสามารถหลอกล่อนางมาจนถึงแหล่งกบดานของพวกเขา ของที่เขาขโมยมาคงมีค่ามากนางจึงไม่สนใจสิ่งใดเสี่ยงตายตามมาถึงที่นี่องค์หญิงสิบสามไล่ต้อนคนร้ายมาจนถึงมุมกำแพง ระหว่างทางนางแอบหยิบไม้กวาดด้ามยาวของชาวบ้านติดมือมาด้วย เมื่อประชิดตัวโจรผู้นั้น นางไม่เอ่ยคำใดให้มากความ เงื้อมือวาดแขนฟาดไม้กวาดลงตรงกลางศีรษะคนร้ายอย่างแรงคนผู้นั้นร้องออกมาด้วยเสียงอันดังก่อนจะยกมือกุมศีรษะตนเอง หลังจากนั้นองค์หญิงสิบสามก็ฟาดไม้กวาดลงไม้ยั้งมือจนโจรผู้นั้นนอนหมดเรี่ยวแรง ครั้นเห็นเลือดไหลหยดลงมาราวสายน้ำก็ตกใจหวาดกลัวแทบสิ้นสติลนลานคลานถอยหลังชิดกำแพงราวสุนัขจนตรอก“แม่นางข้ายอมแล้ว ยอมท่านแล้วเอาของท่านคืนไปแล้วได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถิด”องค์หญิงสิบสามเดินไปจนชิดร่างของคนผู้นั้น นางนั่งยองๆ ดึงกระเป๋าผ้าของตนคืนมาก่อนจะตรวจดูสิ่งล้ำค่าของตนด้วยความระมัดระวังจนค
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี