"แล้วเจ้ากับข้าจะมัวช้าอยู่ทำไมคนหาทั่วแปลงผักไม่พบอาจจะหล่นที่ไหนสักแห่งในจวนเราจะรวยแล้วครานี้"
สาวใช้ทั้งสองเร่งรีบจนไม่ทันระวังว่ามีร่างสูงของคนผู้หนึ่งกำลังก้าวเท้าเข้ามาจนเดินชนเข้าไปเต็มๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นพวกนางจึงเห็นว่าเป็นผู้ใด ต่างคุกเข่าลงท่าทางลุกลี้ลุกลนนัก
"ค่ะท่านแม่ทัพ"
"ใช่เป็นท่านแม่ทัพ พวกเจ้าเร่งรีบจนไม่ดูตาม้าตาเรือเช่นนี้มีเรื่องสำคัญอะไรว่ามา"
องครักษ์ฝานที่ยืนด้านข้างยกมือกอดอกถามด้วยสายตาดุดัน มองสองสาวใช้อย่างตำหนิพวกนางเร่งรีบจนชนเข้ากับแม่ทัพหยางผู้ตัวโตราวกับภูเขาผู้นี้ได้อย่างไร
หยางเอ้อหลางมองพวกนางด้วยใบหน้าเคร่งขรึมสองสามวันมานี้ในจวนอันเงียบสงบของเขาดูเหมือนว่ากำลังมีเรื่องวุ่นวายอยู่ภายใน พวกบ่าวไพร่ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดสายตาล้วนสอดส่ายหาบางสิ่ง เขาผู้เป็นนายเห็นแล้วก็นึงสงสัยยิ่งนัก
"พวกเจ้าเร่งรุดไปที่ใด"
เสียงขรึมของท่านแม่ทัพทำเอาสาวใช้ตอบตะกุกตะกัก
"ระเรียน ทะท่านแม่ทัพ พวกบ่าวเร่งรีบไปหากระพรวนอันหนึ่งเจ้าค่ะ"
"กระพรวนหรือ" องครักษ์ฝานเอ่ยถาม
"เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพคงไม่รู้ ด้านนอกมีเศรษฐีท่านหนึ่งประกาศว่าทำกระต่ายหลุดออกมาและกระต่ายตัวนั้นทำกระพรวนประจำตัวหลุดหายหากผู้ใดพบแล้วนำไปคืนมีรางวัลให้ถึงพันตำลึง เงินมากมายเช่นนี้จึงทำให้ทุกคนพยายามหาของเจ้าค่ะ"
หยางเอ้อหลางมองสองสาวใช้ด้วยสายตาเย็นชาเรียบนิ่ง ก่อนที่จะแค่นเสียงออกมา
"เพราะกระต่ายอ้วนตัวนั้นจึงทำให้พวกเจ้าคิดว่ากระพรวนอยู่ในจวนเช่นนั้นหรือ"
"เจ้าค่ะ แต่บ่าวทั้งสองยังไม่ทันได้ค้นหาเหมือนผู้อื่นนะเจ้าคะ ขอท่านแม่ทัพได้โปรดเมตตา"
พวกนางก้มหน้าตอบเสียงอ่อน ท่านแม่ทัพหยางเป็นบุรุษที่ชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่ง การที่พวกนางทำเรื่องเช่นนี้ในจวนให้วุ่นวายคงทำให้เขาไม่พอใจอยู่มาก ไม่แน่อาจลงโทษพวกตนก็เป็นได้
"ไร้สาระ"
ท่านแม่ทัพเอ่ยขึ้น คำพูดของสาวใช้ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าเขามีกระพรวนอันหนึ่งที่หลุดมาจากกระต่ายตัวอ้วนจริงๆ เสียด้วย
"ท่านแม่ทัพคงไม่ทำโทษบ่าวใช่หรือไม่เจ้าคะ" สาวใช้ผู้หนึ่งยิ่งหวาดกลัว แม่ทัพหยางผู้นี้แม้จะหล่อเหลายิ่งแต่สายตาว่างเปล่าอีกทั้งยังดุดันทำให้พวกนางตัวสั่นแล้ว
"พวกเจ้าไปเถิด อย่าก่อเรื่องให้วุ่นวาย" ท่านแม่ทัพเอ่ยขึ้นก่อนจะพยักหน้าให้สองสาวใช้แล้วหลีกทางให้พวกนาง
“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”
เมื่อได้รับอนุญาตบ่าวทั้งสองจึงรีบเดินราวกับวิ่ง ไม่อยู่เกะกะสายตาผู้เป็นนายให้มีโมโหอีก
"องครักษ์ฝานสั่งพ่อบ้านฉีควบคุมบ่าวไพร่ให้ดี ให้พวกเขาเลิกหากระพรวนเถิดในจวนข้าหลายวันมานี้วุ่นวายเกินไปแล้ว"
"ขอรับ"
หยางเอ้อหลางเดินเข้ามาในเรือนนอนด้านข้างเตียงนอนของเขาพร้อมกับหยิบกระพรวนสีเงินที่วางอยู่ใต้หมอนขึ้นมาดู จนบัดนี้ตนเองยังไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองนักจะเก็บกระพรวนไร้ค่านี้ไว้ด้วยเหตุอันใด เพียงแต่ความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อได้สัมผัสมันทำให้นึกถึงความทรงจำที่ขาดหายไปเมื่อนานมาแล้ว
ตอนนั้นที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนความทรงจำบางอย่างขาดหายไป คงเป็นเพราะเสียงกระพรวนที่ยังติดอยู่ในความทรงจำขณะนั้นทำให้เขาคล้ายจะนึกเรื่องบางเรื่องออก เมื่อตั้งใจดูอย่างละเอียดอีกครั้งเขาพบอักษรสลักคำว่า สิบสาม ตัวเล็กๆ อยู่บนกระพรวน อักษรนี้ไม่ใช่ว่าช่างธรรมดาจะสามารถสลักได้งานฝีมือระดับนี้เห็นทีจะมีเพียงช่างแกะสลักในวังหลวงเท่านั้นยิ่งมองยิ่งคุ้นตานัก จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งที่เขาลืมไปแล้วแต่นึกไม่ออกว่าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่
"ท่านแม่ทัพสั่งการเรียบร้อยขอรับ"
เป็นองครักษ์ฝานที่เข้ามาในห้องเขามองกระพรวนในมือของท่านแม่ทัพจึงเข้าใจได้ว่าเหตุใดแม่ทัพของเขาจึงสั่งให้บ่าวไพร่เลิกค้นหาให้วุ่นวายอีก
"ที่แท้สิ่งนี้อยู่ในมือท่าน ท่านคิดจะมอบให้เจ้าของแล้วนำเงินรางวัลหนึ่งพันตำลึงหรือขอรับ"
"กล่าวเหลวไหล"
"หรือท่านไม่ได้ตั้งใจคืนกระพรวนนี้ให้แก่เจ้าของกันเล่า"
"ดูท่าว่ากระพรวนอันนี้จะสำคัญมาก มีราคาถึงหนึ่งพันตำลึงคงเป็นของล้ำค่าทางจิตใจของคนผู้นั้นเจ้าดู"
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล