หยางเอ้อหลางออกจากตำหนักฝ่าบาทพร้อมองครักษ์ฝานและแม่นม ด้วยความสงสัยที่ยังติดอยู่ในใจแม่นมจึงเอ่ยถาม“ท่านแม่ทัพท่านรู้ได้อย่างไรว่าอาภรณ์นั้นเป็นของที่เหวินเฟยตัดให้องค์หญิงด้วยตนเอง”“เผอิญว่าข้าจำเรื่องหนึ่งได้ ตอนที่ข้าใช้กระบี่ตัดอาภรณ์ชุดนั้นเด็กน้อยในตอนนั้นโวยวายบอกเป็นชุดที่ท่านแม่ทำให้ จึงตบตีข้าทั้งที่บาดเจ็บหนักไปหลายที อีกทั้งยังจำได้ว่าชุดที่นางสวมอยู่งดงามยิ่งนัก ย่อมเป็นชุดของชนชั้นสูงเป็นแน่ ในวัดวันนั้นมีองค์หญิงติดตามไปทุกพระองค์ อีกทั้งยังมีสตรีชั้นสูงจากสกุลต่างๆที่ร่วมเดินทาง สตรีมากมายเช่นนั้นจึงค่อนข้างต้องใช้เวลาในการติดตามร่องรอย จนสุดท้ายข้าให้คนติดตามไปที่ร้านผ้าไหมร้านหนึ่งพบว่าเหวินเฟยนิยมผ้าไหมจากร้านนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเช่นนี้องค์หญิงสิบสามจึงน่าจะเป็นสตรีผู้นั้น หลังจากให้คนไปดูประวัติการรักษาราชวงศ์แล้วจึงมั่นใจหลายส่วนว่าคือนาง อีกทั้งของสำคัญที่เหวินเฟยทำย่อมต้องเก็บรักษาไว้จึงให้องครักษ์ฝานไปแอบค้นตำหนักองค์หญิงและนำออกมาเป็นหลักฐาน”“ท่านแม่ทัพข้าเห็นของหายก็ตกใจเป็นอันมาก คราหน้าหากท่านอยากได้สิ่งใดเพียงแต่แจ้งข้าก็เท่านั้น”“ขออภัยท่านแม่นม เพ
หลังจากเขาฆ่าคนผู้นั้นแล้วหยางเอ้อหลางก็ล้มลง เป็นนางที่จับมือเขาไว้แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยไม่ต้องการให้เขาตายอย่างไร้ค่าอยู่ตรงนั้นในตอนนั้นหยางเอ้อหลางถูกทำร้ายอาการสาหัส แต่จู่ๆ พลันมีแสงแห่งกระพรวนปรากฎ เขารู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นแม้จะยังบาดเจ็บอยู่มากก็สามารถยืนหยัดได้ ของวิเศษที่ข้อเท้านางกระพรวนอันนั้นกำลังช่วยรักษาเขาให้พ้นจากความตาย เขาจ้องมองกระพรวนอย่างตกตะลึงดวงตาของเขาในตอนนั้นพร่าเลือนนัก"หลังจากนั้นเล่า ท่านยังจำสิ่งใดได้อีก"หยางเอ้อหลางตั้งใจฟังพลางหัวใจเต้นแรงยิ่งนัก"คนผู้นั้นเหมือนจะใกล้ตายข้าจึงใช้กระพรวนผู้พิทักษ์ช่วยเขา เพราะหวาดกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดว่าเป็นข้าที่ฆ่าองครักษ์ เป็นเรื่องจำใจท่านรู้หรือไม่ เพราะข้าช่วยเขาจึงทำให้แผลของตนเองไม่หายต้องให้ท่านหมอมารักษาอยู่นาน การมีบาดแผลเป็นเรื่องทรมานเป็นอย่างยิ่ง ข้าจึงนับถือท่านอย่างไรเล่าที่บาดแผลเต็มตัวเช่นนี้ยังรอดมาได้"หยางเอ้อหลางหัวเราะไม่ออกแล้วเมื่อรู้ว่าผู้มีพระคุณตัวน้อยจำใจช่วยเขาเพราะหวาดกลัวว่าจะมีผู้อื่นเข้าใจผิด อีกทั้งยังปวดใจว่าเป็นเพราะตนเองถึงทำให้ภรรยาตัวน้อยในยามนั้นต้องทนทุกข์ทรมานเพราะ
แม้นางจะตัวเล็กนักแต่ความอดทนนั้นองค์หญิงสิบสามมั่นใจว่านางมีเหนือกว่าเด็กทั่วไปไม่เช่นนั้นเห็นภาพที่น่าหวาดกลัวเช่นนั้นคงได้เป็นลมล้มพับมาแล้วเพราะแบบนี้หลังจากกลับจากวัดกวนอิมนางจึงรบเร้าให้พี่ใหญ่สอนวรยุทธ์ให้เพื่อป้องกันตนเองจากคนเลวได้หยางเอ้อหลางถอนหายใจตั้งใจจะเล่าความจริงให้นางฟัง อีกทั้งพยายามแก้ต่างให้ตนเอง"สิบสามอักษรที่เขียนลงไป อาจเขียนด้วยหัวใจของคนผู้หนึ่งคำสัญญาที่เต็มไปด้วยเลือดหมายถึงสัจจะที่เขาตั้งใจรักษาไว้จนวันตาย เหตุใดท่านจึงคิดไปถึงยันต์สาปแช่งได้เล่า ท่านไม่อ่านให้ดีๆเสียก่อน" "ท่านพี่ท่านจะโมโหข้าทำไม" องค์หญิงสิบสามค้อนขวับเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ สามีก็เสียงเขียวอีกหยางเอ้อหลางกระแอมออกมาพร้อมปรับสีหน้าแล้วเอ่ยต่อ"ข้าขอโทษ ข้าเพียงแต่คิดว่าเขาคงไม่ได้คิดทำอันตรายท่านแน่ ท่านช่วยชีวิตเขาเพียงนั้น""ท่านพี่ใจหนึ่งข้าคิดว่าเขาเห็นแล้วว่ากระพรวนผู้พิทักษ์วิเศษเพียงใด เขาอาจอยากฆ่าข้าแล้วแย่งกระพรวนไป""องค์หญิงท่านคิดมากแล้วข้าไม่คิดว่าเขามีใจอยากแย่งกระพรวนท่านเป็นอันขาด เหตุใดไม่อ่านอักษรที่เขาเขียนให้ดีเล่า""เฮะ ท่านพี่ท่านกล่าวเรื่องตลกแล้ว ข้ายังเล็กนักอ่า
หยางเอ้อหลางกอดภรรยาอย่างอ่อนโยน“หากเรื่องไม่เป็นดั่งที่ท่านเข้าใจเล่า หากคนผู้นั้นเป็นคนที่อยู่เคียงข้างท่าน ข้าถามท่านว่าท่านจะรู้สึกอย่างไร”องค์หญิงสิบสามหาวจนน้ำตาไหล ไม่ทันได้ฟังในสิ่งที่สามีพูดแม้แต่น้อย“ท่านพี่วันนี้ไม่คุยแล้วได้หรือไม่ ข้าง่วงมากแล้วนอนเถิด”องค์หญิงสิบสามอ้าปากหาวอีกหลายที หยางเอ้อหลางเห็นนางเหนื่อยแล้วจึงเพียงแต่ยิ้มเรื่องความเข้าใจผิดนี้หยางเอ้อหลางต้องแก้ไขให้นางเข้าใจในเร็ววัน องค์หญิงสิบสามดันร่างของสามีให้นอนลงแล้วตนเองก็ทาบทับเขาลงมาอย่างมีความสุข ก่อนที่นางจะหลับหลินฮุ่ยหมินยังเป็นห่วงสามีจึงมีน้ำใจเตือนเขาสักประโยค"ท่านพี่คนอัปลักษณ์ผู้นั้นร่างกายเขาเต็มไปด้วยเลือดดูน่ากลัวมาก ความจริงข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นหรือตายหากเขายังรอดชีวิตเขาอาจจะเข้าสู่วิถีมารไปแล้ว หากท่านบังเอิญพบก็หลีกให้ห่างไกลเขาหน่อยข้าเป็นห่วง" นางกล่าวจบก็วาดแขนโอบรอบเอวของเขาไว้พร้อมแล้วหลับไปทันใดหยางเอ้อหลาง "...."หลายวันต่อมาองค์หญิงสิบสามออกจากวังหลวงหลังโดนฮองเฮาเรียกเข้าเฝ้าด้วยเรื่องที่นางคิดว่าช่างไร้สาระเสียจริง ฮองเฮาเพียงแต่ชวนนางมาดื่มชา ลิ้มรสขนมหวานที่เพิ่งคิดค้
นานแล้วที่หินจันทราไม่ได้เคลื่อนไหวเช่นนี้องค์หญิงสิบสามกัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้ ร่างกายเย็นยะเยือกแต่เหงื่อเม็ดโตกลับผุดขึ้นเต็มดวงหน้า นางเจ็บจนไม่อาจขยับกายได้ ในช่วงเวลาที่องครักษ์ต่างต่อสู้เอาเป็นเอาตายอยู่เบื้องหน้า องค์หญิงสิบสามกลับถูกคลุมร่างด้วยอวนตาข่ายแล้วโดนม้าลากไปอย่างรวดเร็วขาของนางครูดเข้ากับพื้นถนนอันขรุขระเกิดรอยแผลใหญ่เลือดไหลอาบออกมาเป็นทางแม้กระพรวนผู้พิทักษ์จะคุ้มครองให้นางไม่เจ็บปวดมากนักแต่กำลังของกระพรวนอ่อนแรงลงทุกวันซึ่งในข้อนี้เป็นนางที่รู้ดีแต่ไม่เคยบอกกล่าวแก่ผู้เป็นสามีให้เขาไม่สบายใจจวบจนม้าลากร่างของนางออกไปไกลห่างจากเหล่าองครักษ์ที่ติดตามมาช่วยไม่ทัน นางรู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตาร่วงจวบจนม้าตัวนั้นหยุดลงคนผู้หนึ่งพลันปรากฏกายขึ้นเขาพร้อมกับเอ่ยเบาๆ"องค์หญิงสิบสามช่างสมคำร่ำลือ กว่าจะจับท่านได้ไม่ง่ายเลย"เขาสวมชุดดำรูปร่างสูงสมส่วน มีเพียงนัตย์ตาคมที่โผล่พ้นออกมา เสียดายที่มีผ้าปกปิดเอาไว้นางจึงไม่เห็นรูปคิ้วของเขาแต่จากที่ประเมินด้วยสายตาของจิตรกรที่วาดรูปร่างคนมานับไม่ถ้วนเช่นนาง คนผู้นี้ภายใต้ผ้าคลุมนี้ย่อมมีใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นแน่ องค์หญิงสิบสาม
องค์หญิงสิบสามมองคนผู้นี้อย่างถี่ถ้วน ทั้งคิ้วดวงตาและรูปร่างของเขาชี้ไปที่คนผู้หนึ่ง ไป๋อี้ การที่ฮองเฮาและองค์หญิงใหญ่เรียกนางเข้าพบวันนี้เบื้องหลังคงเพื่อล่อนางออกจากจวนแล้วให้ไป๋อี้ผู้นี้จับกุมนางสินะ ช่างเลวทรามทั้งแม่และลูกเสียจริง"เจ็บหรือไม่องค์หญิงสิบสามแผลที่ข้าแทงไปนั้น เพราะข้าไม่อาจสังหารท่านได้จึงได้แต่ข่มใจเอาไว้ แต่หากเจ้ายังคงฤทธิ์มากอย่าหาว่าข้าไม่เตือน สองมือนี้อาจพลั้งสังหารเจ้าได้เช่นกัน"คนผู้นั้นเอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับดึงอาภรณ์ของตนเองจนขาดเป็นเส้นแล้วใช้พันร่างบริเวณแผลที่โดนนางแทง หลังจากนั้นเขาทำเหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป"เจ้าต้องการสิ่งใดจากข้า"ร่างกายของนางสั่นเทาแม้จะฝืนข่มความเจ็บปวดไว้เต็มที่แต่ก็ไม่อาจระงับได้ เมื่อไป๋อี้ขยี้แผลของนางซ้ำลงไปอีก กำลังของกระพรวนผู้พิทักษ์อ่อนแรงลงย่อมหมายถึงความแข็งแกร่งของหินจันทราที่เพิ่มขึ้น มันจะเป็นไปได้อย่างไรนอกจากว่าจะมีหินจันทราอีกก้อนที่อยู่แถวนี้ หินจันทราไม่น่าเชื่อว่านอกจากที่อยู่ในกายนางแล้วจะยังมีอีกคนผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้แล้วดึงบางสิ่งออกมาจากสาบเสื้อองค์หญิงสิบสามเห็นชัดเจนว่าเป็นหินสีเหลืองผ่องอำพ
องค์หญิงสิบสามยังรู้สึกเจ็บที่แผลอยู่มาก ดูเหมือนกระพรวนผู้พิทักษ์จะอ่อนพลังลงเป็นอันมากด้วยพลังของหินจันทราที่มีถึงสองชิ้นเมื่อสักครู่ การฟื้นตัวของนางจึงถดถอยประดุจสตรีผู้หนึ่งที่ไม่มีสิ่งใดคุ้มกันแม้ใบหน้าของนางจะขาวซีดแต่มุมปากกลับยิ้มเยาะหยันการลักพาตัวที่ได้วางแผนไว้เป็นอย่างดีแต่นางกลับหนีรอดไปได้คนที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้นคงเจ็บแค้นแทบกระอักเลือด อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องให้นางได้สะใจอีกประการหนึ่งแม่ทัพหยางก้าวเท้ายาวๆ อุ้มภรรยาตรงไปยังเรือนนอนแล้วยกเท้าข้างหนึ่งถีบประตูห้องให้เปิดออก หลังจากนั้นพาองค์หญิงสิบสามที่อยู่ในวงแขนไปที่เตียง เขาวางนางลงอย่างเบามือใบหน้าเคร่งเครียดคิ้วขมวดเป็นปมตรงกลางส่วนปลายเหยียดออกเป็นเส้นตรง เพียงเขาติดงานราชการจึงปล่อยนางให้กลับจวนกับองครักษ์ไม่คิดว่ามือสังหารจะเตรียมการไว้ดีเพียงนี้กลิ่นคาวโลหิตที่ออกจากกายนางเข้มข้นขึ้น กระพรวนผู้พิทักษ์ของนางฤทธิ์เดชสิ้นแล้วหรือเหตุใดไม่คุ้มครองนางอย่างที่ควรจะเป็น ภายในห้องมืดสนิทเขาไม่ต้องการให้ผู้ใดในจวนรู้ว่าองค์หญิงถูกลอบสังหารจึงกลับมาอย่างเงียบเชียบ หยางเอ้อหลางลุกขึ้นไปจุดตะเกียงมือของเขาสั่นรุนแรง
อาชิงออกไปแล้วหยางเอ้อหลางจึงนั่งลงข้างภรรยา องค์หญิงสิบสามประคองตนให้ลุกขึ้นนั่งพลันแย้มยิ้มสดใส ก่อนจะค่อยๆ ซุกกายเข้าหาอ้อมอกของหยางเอ้อหลางหยางเอ้อหลางโอบเอวของนางแล้วยกมือข้างหนึ่งลูบศีรษะผู้เป็นภรรยาแผ่วเบา เพียงนางทำตัวอ่อนแอเช่นนี้ใจของเขาก็เหลวแหลกแล้ว"ท่านพี่คนที่จับตัวข้าเป็นคนแคว้นเว่ย ข้ามั่นใจว่าเขาคือไป๋อี้ผู้นั้น""เจ้ามั่นใจหรือ”“เจ้าค่ะ ข้ามองคนไม่พลาด”“ไป๋อี้ผู้นั้นต้องการสิ่งใดจากเจ้ารู้หรือไม่”“เขาต้องการนำข้ากลับแคว้นเว่ยไปเป็นธิดาเทพ อีกทั้งยังต้องการแต่งข้าเป็นภรรยา”“คนผู้นั้นข้าจะสับร่างมันให้เลอะอีกทั้งโยนให้พวกไก่กากินซะ”หยางเอ้อหลางกำมือแน่น ไป๋อี้บังอาจทำร้ายภรรยาของเขาอีกทั้งยังต้องการแต่งงานกับนาง หาเรื่องตายโดยแท้ เขาไม่มีทางปล่อยคนพวกนั้นเอาไว้อย่างแน่นอน "ท่านพี่ จับไป๋อี้ได้หรือไม่”องค์หญิงสิบสามคิดว่าคนผู้นั้นย่อมหนีไปได้ การที่วางแผนจับนางอย่างไรเสียพวกมันต้องมีแผนสำรองหากเรื่องไม่เป็นไปตามที่วางแผนเป็นแน่"ไปอี้ผู้นั้นหนีรอดได้ องครักษ์ฝานรายงานว่าพวกมันใช้ดินระเบิด ผู้หนุนหลังให้ไส้ศึกใช้ดินระเบิดจะเป็นผู้ใดได้ เสนาบดีคลังแสงล้วนเป็นคนขอ
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี