เซี่ยหรันเซียนเหมือนจะรู้ว่ามีคนจ้องมองมาทางนาง นางจึงหันไปมอองทางรถม้าที่จอดอยู่ไม่ไกลมากนัก เมื่อเห็นว่าด้านในมีหรูอวี้ที่ยกยิ้มมุมปาก มองมาที่นางราวกับว่ากำลังเยาะเย้ยอยู่ ก็เผลอกรีดร้องออกมา“กรี๊ดดดด จะ เจ้า” นางชี้มือที่ทางหรูอวี้ ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวอย่างน่าหวาดกลัว“พาข้าลงไป” หรูอวี้บอกเสี่ยวซีให้ช่วยประคองนางจ้าวลู่ฉือที่นั่งอยู่บนหลังม้า เห็นหรูอวี้จะเดินลงมานอกรถ เขาจึงลงมารับตัวนางเจ้าหน้าที่ เห็นว่าเซี่ยหรันเซียนจะวิ่งออกมาจากขบวนนักโทษ ไม้ในมือก็ตีลงบนแผ่นหลังของนางจนลงทรุดลงไปอยู่ที่พื้น“หยุดมือก่อน” หรูอวี้เดินเข้าไปใกล้ขบวนของนักโทษ นางหยุดอยู่ตรงหน้าของเซี่ยหรันเซียนที่ยังนั่งกองอยู่ที่พื้น“จะ เจ้า เจ้าจะมาเยาะเย้ยข้าเช่นนั้นรึ” นางกรีดร้องออกมา แต่ก็ไม่อาจจะเข้ามาถึงตัวของหรูอวี้ได้ ด้วยตรงหน้ามีเสี่ยวฟ่านและเสี่ยวซีที่ขวางไว้อยู่“ใช่ ข้าอยากจะมาเห็นสภาพของเจ้าด้วยตาของตนเอง” หรูอวี้ปรายตามองไปที่กงจวิ้นที่หลบอยู่ด้านหลังของฮูหยินรองของตน“พอใจแล้วหรือยัง” นางกรีดร้องออกมา น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างน่าสงสาร“หรันเซียน เป็นตัวเจ้าที่กระทำตัวเองทั้งนั้น ทั
จวนตระกูลเซี่ยหลังจากที่จ้าวลู่ฉือกลับไปก็เกิดเรื่องราวใหญ่โต เมื่อเซี่ยถงวู่ฟื้นขึ้นมาหลังจากที่เขาสลบไป ก็ไปที่จวนของสวีเหมยลี่ทันที“เจ้าไปที่จวนตระกูลจ้าวเพื่ออันใด!!!” เขาบีบต้นแขนของนางไว้แน่น“เหตุใดข้าจะไปไม่ได้ นังหรูอวี้ได้ดีเป็นถึงฮูหยินท่านแม่ทัพ นางต้องช่วยเซียนเซียนของข้าได้” นางกรีดร้องออกมาอย่างไม่ยินยอม“เพ้ย โง่เขลานัก ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วให้อยู่อย่างเจียมตัว แต่เจ้ากับสร้างเรื่องไม่เว้นวัน ดี เช่นนั้นก็จงไปสำนึกตนที่อารามเสีย” เขาผลักตัวของนางออกอย่างรังเกียจ“กรี๊ดดดด ท่านทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องไปหานังหรูอวี้ เพื่อให้ช่วยเซียนเซียนของข้าก่อน” เมื่อนางลุกขึ้นทรงตัวได้ ก็พุ่งเข้าไปทุบตีเซี่ยถงวู่ราวกับคนเสียสติ“เจ้าบ้าไปแล้วรึ!!! โทษของตระกูลกงมีไม่น้อย หากข้าเข้าไปยุ่ง มิใช่จะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปอีกคนรึ”“หึ แต่เซียนเซียนนางเป็นบุตรีของท่าน”“มิใช่ว่าเจ้าสองแม่สองบังคับกงจวิ้น เพื่อให้แต่งเซียนเซียนเข้าจวนตระกูลกงรึ ถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้”“กรี๊ดดดด” นางจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร ว่านางเป็นผู้ที่ตัดสินใจพลาดไปแล้วหากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ คงไม่ข
ตอนนี้ทั้งจ้าวลู่ฉือและหรูอวี้กำลังเป็นที่พอพระทัยของฮ่องเต้ หากรู้ว่าฮูหยินของตนทำให้จ้าวลู่ฉือเกือบจะเสียบุตรไป เขาคงได้ถูกริบตำแหน่งคืนอย่างแน่นอน“ข้าให้เวลาเจ้าสองวัน หากยังมิจัดการสวีเหมยลี่ให้ข้า ข้าจะมาจัดการทั้งตัวเจ้าและนางด้วยตนเอง” จ้าวลู่ฉือเหยียบไปที่อกของเซี่ยถงวู่อีกครั้ง ก่อนจะปรายตามองไปที่สวีเหมยลี่อย่างมุ่งร้าย เขารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนางล้วนแต่ได้ยินก็ต้องมาลองดูกันว่าตระกูลเซี่ยจะจัดการเรื่องนี้ให้เขาเช่นไร“ขะ เข้าใจแล้ว” เซี่ยถงวู่กระอักเลือดออกมา ภายในของเขาคงบอบช้ำไม่น้อยเลยจ้าวลู่ฉือยอมถอยกลับไปรอที่จวน หากอีกสองวันไม่มีคำตอบให้เขา เขาย่อมต้องมาเยือนอีกครั้งอย่างแน่นอนพอกลับไปถึงฟ้าก็มืดสนิทแล้ว ภายในจวนตระกูลจ้าววุ่นวายอยู่ไม่น้อย จนจ้าวลู่ฉือที่เพิ่งกลับมาถึงหัวเสียที่บ่าวไพร่ทำเสียงดัง ด้วยกลัวว่าจะรบกวนหรูอวี้“มีอันใดกัน พวกเจ้าถึงได้วิ่งพล่านเช่นนี้” เรื่องเก่าเขายังมิได้ลงโทษ ก็อยากจะเหมารวมกับเรื่องใหม่ไปด้วยแล้ว“เอ่อ...” พ่อบ้านจ้าวยังมิทันจะได้บอกกล่าว ถึงที่มาของความวุ่นวายด้านหลังก็มีเสียงหัวเราะของบุรุษดังขึ้นเสียก่อน“อาฉือ เจิ้นรึอุตส่าห์จั
ตู้หยวนต้องเดินทางเข้าไปสอบในเมืองหลวง ที่ใกล้จะเกิดขึ้น จึงได้ออกเดินทางไปพร้อมกับกองทัพของจ้าวลู่ฉือด้วยเลยวันที่ออกเดินทางจากเป่ยหาน ตระกูลตู้ต่างก็ออกมาส่งพวกเขาอยู่ที่หน้าประตูเมืองด้วย“ฝากอาหยวนกับอวี้เออร์ด้วยเล่าท่านแม่ทัพ” ตู้เหลียนเอ่ยกับจ้าวลู่ฉือ“เรื่องนี้เจ้ามิต้องเป็นห่วง ข้าจะต้องดูแลทั้งสองคนอย่างดี” แม้ว่าตู้เหลียนจะมีศักดิ์เป็นถึงแม่ภรรยาแล้ว แต่จ้าวลู่ฉือก็ยังเขินอายเกินกว่าจะเรียกนางเช่นนั้นได้“ออกเดินทางเถิด” ตู้เหลี่ยงเอ่ยบอกจ้าวลู่ฉือ เขารู้ดีว่าศิษย์รักของตนไม่ยอมปล่อยให้หลานสาวของตนเป็นอันใดเป็นอันขาดหรูอวี้ยื่นหน้าออกมาจากรถม้า พร้อมทั้งโบกมือให้ครอบครัวของนาง ภายในรถม้ามีป้าจิ้นและเสี่ยวซีนั่งมาด้วยกับนางเด็กหนุ่มทั้งสามก็ติดตามมาด้วย เขาขี่ม้าอยู่รอบรถม้า เพื่อดูแลนางไม่ห่าง นับว่าทั้งสามมีความสามารถไม่น้อย ไม่ว่าจะเรื่องอ่านเขียน พวกเขาก็ล้วนทำได้ดี เรื่องวรยุทธ์แม้จะไม่ถึงขั้นเก่งกาจ แต่ก็นับได้ว่าสามารถดูแลตนเองได้แล้วการเดินทางที่ยาวนานครั้งนี้ ทำให้หรูอวี้เบื่อหน่ายไม่น้อย นางต้องอยู่เพียงในรถม้า กว่าจะเดินทางถึงที่พัก นางก็ได้แต่นั่งๆ นอนๆ“ไม่
หลังจากพิธีกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จลง หรูอวี้นางถูกพาตัวเข้าไปส่งที่ห้องหอ เมื่อร่วมผูกผมเรียบร้อยแล้ว ตัวจ้าวลู่ฉือจำต้องออกไปแจกเสบียงอาหารให้กับชาวบ้านที่มารออยู่ที่หน้าจวน“ข้าต้องออกไปด้วยหรือไม่” หรูอวี้เอ่ยถามออกมา“ไม่ต้องเจ้าค่ะ เจ้าสาวไม่ควรจะออกจากห้องหอ ออกอีกครั้งก็เป็นวันพรุ่งนี้เลยเจ้าค่ะ” ป้าจิ้นเข้ามาอยู่ดูแลหรูอวี้ร่วมกับเสี่ยวซี“อืม เช่นนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด ข้าอึดอัดจะแย่”จ้าวลู่ฉือกลับเข้ามาในห้อง ฟ้าด้านนอกก็มืดเสียแล้ว เมื่อเข้ามาเห็นหรูอวี้นางนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเขาก็ยืนมองนางอยู่นาน“จะมองอีกนานหรือไม่ ท่านไม่นอนรึ” หรูอวี้ปรือตาขึ้นมามองเขาอย่างเกียจคร้าน“ท้องของเจ้าใหญ่โตนัก เช่นนี้จะออกเดินทางได้หรือไม่” เขานั่งลงที่เตียงข้างนาง ลูบท้องที่ใหญ่โตอย่างกังวล“ท่านมิต้องห่วง ข้าออกเดินทางได้” นางจับมือของเขามาวางที่ข้างแก้ม“อวี้เออร์ ลำบากเจ้าแล้ว” เขาก้มลงกดจูบที่ใบหน้าผากของนาง“เหอะ มิใช่ว่าท่านทำให้ข้าลำบากหรือไง รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย ข้าจะนอนต่อแล้ว”“แต่นี่ เป็นคืนเข้าหอ เจ้าจะปล่อยให้ข้านอนได้อย่างไร”“เช่นนั้น ท่านก็ออกไปนอนด้านนอก” นางปาหมอนใส่
จ้าวลู่ฉือรู้ว่า อาจารย์ของตนยอมถอยให้หลายก้าวแล้ว จึงได้ก้มคำนับขอบคุณเขา และรับปากอย่างดีว่าจะไม่ไปที่จวนจนกว่าจะถึงวันรับเจ้าสาว เพื่อไม่ให้นางถูกนินทาไปมากกว่านี้พ่อบ้านตู้ก็ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ภายในเมืองมีจวนที่บอกขายอยู่หลายหลัง เขาเลือกจวนที่ไม่ห่างจากจวนแม่ทัพมากนัก ตัวเรือนก็ไม่ต้องซ่อมแซมอันใด เครื่องเรือนก็มีพร้อมใช้อย่างมากมายด้วยเจ้าของจวนคนเก่าที่เป็นคหบดี ได้ย้ายทั้งครอบครัวไปอยู่ที่เมืองอื่นเรียบร้อยแล้วหรูอวี้พาคนของนางทั้งสามคนไปอยู่ที่จวนหลังใหม่ด้วย ตัวนางมีเสี่ยวซีที่คอยดูแล ป้าจิ้นจึงไม่ต้องติดตามไปด้วย“ท่านป้าไม่ต้องทำหน้าเช่นนั้น เพียงไม่นานข้าก็จะกลับมาเช่นเดิม” หรูอวี้เอ่ยบอกป้าจิ้น เมื่อนางสีหน้าหมองลง“บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ” แต่ป้าจิ้นก็ยังมองรถม้าของหรูอวี้ที่หน้าจวนจนหายลับตาไปตู้เหลียนเมื่อมาถึงจวนหลังใหม่ นางก็รีบพาหรูอวี้ไปที่เรือน แล้วพูดคุยสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นทันที“อวี้เออร์ เจ้าทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้ได้อย่างไร”“โถ่ ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านอย่าได้โกรธเคืองข้าเลย ไม่ดีหรือเจ้าคะ ท่านจะได้มีหลานแล้ว” หรูอวี้จับมือมารดาของนางมาวางที่ท้